“ที่แท้ท่านปู่เคยทำให้พระองค์ดื่มแล้ว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตระหนักได้ทันทีชายชราชอบทำของหวาน และชานมไข่มุกเป็นสิ่งที่ทำง่ายที่สุด ไม่แปลกใจที่ฮ่องเต้จะรู้เรื่องเช่นนี้ซึ่งไม่ใช่ของในโลกนี้“ปู่ของเจ้ารึ?” ฮ่องเต้กินไข่มุกไปสองสามเม็ด “นักพรตเต๋าเทียนหลิงเป็นปู่ของเจ้ารึ? ปู่ของเจ้ามิใช่ว่าลาลับโลกนี้ไปน
ฉินเหยี่ยนเย่ว์สับสนเล็กน้อยเมื่อครู่พวกเขายังคงพูดคุยกันเรื่องชานมอย่างมีความสุข ทว่าเหตุใดถึงเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน กลับกลายเป็นซูเตี่ยนฉิงอยากแต่งงานเข้าจวนอ๋องเจ็ดเล่า?นางไม่เข้าใจความหมายของฮ่องเต้ ทำได้เพียงต้องก้มหัวลง “เสด็จพ่อคิดเห็นอย่างไรเพคะ?”“ด้วยสถานะของสกุลซู ซูเตี่ยนฉิงเป็นบุตรีภรร
อย่างไรก็ตาม หากสิ่งใดเกินขีดจำกัด ย่อมก่อให้เกิดอันตรายอยู่แล้ว แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าคนผู้นั้นให้เหมาเหมากินไม้เทียนเหลี่ยวไปมากแค่ไหน และไม่รู้ด้วยว่าได้เพิ่มเติมอะไรเข้าไปข้างในหรือไม่“เจ้าสิบ ไปทูลพระพันปีเสียหน่อยว่าข้าจะพาเหมาเหมาไปเลี้ยงที่จวนอ๋องเจ็ดสักสองสามวัน” นางขมวดคิ้ว “อาการของเหมาเหมา
ฉินเหยี่ยนเย่ว์กระชับมือที่คล้องคอของตงฟางหลีแน่นขึ้น“ก็ไม่มีอะไรที่พูดไม่ได้หรอกเพคะ ตงฟางหลี เรื่องที่หม่อมฉันกังวลมากที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว เสด็จพ่อบอกหม่อมฉันว่าซูจิ้นถวายฎีกาติดต่อกันหลายวันแล้ว บอกว่าซูเตี่ยนฉิงขู่จะปลิดชีพตนเพื่อให้ได้แต่งงานกับท่าน ซูจิ้นใจอ่อนและร้องขอกับเสด็จพ่อ บอกว่าซูเต
ในท้ายที่สุด ตงฟางหลียังคงมีความคิดที่จะให้ซูเตี่ยนฉิงแต่งงานเข้ามาฉินเหยี่ยนเย่ว์ฝืนยิ้ม รอยยิ้มนั้นสดใส ทว่าแววตากลับเย็นชา “เห็นด้วยเพคะ แน่นอนว่าต้องเห็นด้วย การแต่งงานเป็นงานมงคลที่ยิ่งใหญ่ หม่อมฉันจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร?”ตงฟางหลีจับมือนางทันทีเขารู้ เมื่อนางโกรธหรือผิดหวังถึงจะยิ้มเช่นนี้
“ตั้งแต่วันนั้นที่ข้าตัดสินใจเข้าร่วมกองทัพ ข้าก็ล้มเลิกความคิดนั้นไปแล้ว แม้ว่าจะไม่มีเจ้า ก็ไม่ใช่นางอยู่ดี” ตงฟางหลีพูดต่อ “ข้าจำได้ว่าเคยบอกกับเจ้าหลายครั้งแล้ว ทำไมเจ้าถึงไม่เชื่อข้าเลยล่ะ?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์เคยถามเขาหลายครั้งจริง ๆ และนางก็รู้คำตอบของเขามานานแล้ว แต่เพียงแค่อยากให้เขาพูดออกมาจาก
“...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดไม่ออกนิสัยของอ๋องอี๋หยาง ช่างน่าสนใจแบบแปลก ๆ“อยู่ในตำหนักไท่อี๋ เสด็จพ่อให้เจ้าทำอะไร?” ตงฟางหลีเอ่ยถาม“หม่อมฉันบอกไปแล้ว ให้ฝนหมึก ชงชา รินน้ำ”และยังมีการใส่น้ำตาลลงไปในชา ดื่มชานมไข่มุกแก้วใหญ่ไปหนึ่งแก้ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้นางมิกล้าพูด“ทำเพียงสิ่งเหล่านี้ใช้เวลานานมากข
หลังจากที่ไม่ได้กลับตำหนักหมิงอวี้เป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน ดอกเหมยในเรือนก็เหี่ยวเฉาไปไม่น้อยเลยดอกไม้บนกิ่งก้านยังพลิ้วไหวราวกับสายฝนที่ตกลงมา กวัดแกว่งอย่างงดงาม ร่วงหล่นสู่โคลน ก่อนจะตามมาด้วยกลิ่นหอมเย็นโชยมานางสุ่มบิดดอกเหมย แอบอุทานในใจ ดอกไม้นี้ยังไม่ทันได้เชยชมเลย กลับเหี่ยวเฉาไปในเวลาเพีย
หากมิใช่เพราะนางยังสามารถสัมผัสได้ถึงชีพจรที่เต้นอย่างอ่อนแรง ก็แทบจะคิดว่าพระสนมอวิ๋นตายไปแล้วต้องเกิดปัญหาขึ้นที่ไหนสักที่!ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำมือแน่น สมองหมุนวนอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกำจัดกู่นั้น นางได้ตรวจร่างกายของพระสนมอวิ๋นแล้ว นอกเสียจากถูกพิษกู่กัดกร่อนจนทำให้รู้สึกเจ็บปวดร่างกาย แล้ว ก็มีเพี
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงกับสะดุ้งตกใจจะเป็นไปได้อย่างไร?พระสนมอวิ๋นจะไม่หายใจได้อย่างไร!หลังจากขับแมลงพิษกู่ออกมา แม้ชีพจรของพระสนมอวิ๋นจะอ่อนแรง หากแต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิตอันตรายถึงแก่ชีวิตที่แท้จริงคือขั้นตอนต่อไปต่างหากนางสาวเท้าเข้าไปหยุดที่ข้างกายพระสนมอวิ๋นอย่างรวดเร็ว นิ้วก็สัมผัสชีพจรของพระสน
“จับได้แล้วหรือเพคะ?” ป้าฉาไม่อยากจะเชื่อ“อืม” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สูดลมหยใจเข้าลึกจับได้แล้ว!ในลัทธิเต๋า มีคำพูดที่ว่าโคจรรอบเสี่ยวโจวเทียนและโคจรรอบต้าโจวเทียนสิ่งที่เรียกว่าโคจรรอบต้าโจวเทียนก็คือการโคจรพลังชี่ไหลไปรอบ ๆ ร่างกายหนึ่งรอบใหญ่โคจรรอบเสี่ยวโจวเทียน คือพลังชี่ออกจากจุดตันเถียนล่าง ผ่า
อุณหภูมิของยากำลังพอดีพระสนมอวิ๋นถอดอาภรณ์ออกอย่างช้า ๆ การถอดอาภรณ์ต่อหน้าลูกสะใภ้ ทำเอานางรู้สึกเขินอายเอามาก ๆ จึงใช้มือบังเอาไว้ ก่อนจะเดินเข้าไปด้วยความขัดเขิน“เสด็จแม่ นี่เป็นชามสุดท้ายแล้วเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยกยาที่ทั้งดำทั้งขมชามหนึ่งเข้ามา พลางพูดกล่อม “สามวันนี้ แมลงกู่พิษมีร่องรอยกา
บางที ใช้ปรสิตมาอธิบายจะดูสมเหตุสมผลกว่าเมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า แมลงพิษกู่ก็จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้การเต้นของหัวใจได้รับผลกระทบ และส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนโลหิต และอวัยวะภายในส่วนท้องจะได้รับผลกระทบเป็นที่แรก และจะค่อย ๆ กระจายไปทั่วร่างกาย ภายใต้ผลกระทบของการอักเสบและเลือดไหลเวียนไม่สะดวก
พระสนมอวิ๋นได้ฟังคำพูดของนาง พลันชะงักไปชั่วขณะ “แมลงพิษกู่นั้น เจ้าสามารถบรรเทาได้หรือ?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์พยักหน้าแมลงพิษกู่ชนิดนี้มีชื่อว่ากู่ลวงใจตอนที่นางพลิกอ่านหนังสือในตอนนั้นเคยเห็นมาก่อนในตอนนั้นนางไม่เชื่อการมีอยู่ของแมลงพิษกู่ และรู้สึกว่าขั้นตอนที่แมลงพิษกู่สร้างอาการบาดเจ็บให้คนนั้นไม่
“มีเบาะแส ทว่าไม่ค่อยแม่นยำเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “ชีพจรของเสด็จแม่พิกลนัก ต่อให้เป็นชีพจรช้าก็มิได้ช้าปานนี้ ชีพจรเกี่ยวพันธ์กับการเต้นของหัวใจ หรืออาจพูดได้ว่า หัวใจของเสด็จแม่ได้รับบาดเจ็บ”“นี่ เป็นไปไม่ได้กระมัง” ป้าฉาพูดขึ้น “พระสนมไม่เคยบอกว่ามีอาการเจ็บที่หัวใจมาก่อน”“ข้าก็คิดว่าเป็นไปไม่
“พอแล้ว ไม่ต้องอธิบายหรอกเพคะ” ป้าฉาเดินเข้ามา นำนมแกะที่เพิ่งรีดเมื่อครู่ออกมาตั้งไฟให้เดือดไฟจากเตาเผาแรงมาก ไม่นานนมแกะก็เดือดแล้วนางใช้ช้อนตักผิวชั้นบนนมออก แล้วตักนมแกะต้มสุกลงในถ้วย “พวกพระองค์หนุ่มสาวกะหนุงกะหนิงกันเป็นเรื่องปกติมาก ห่างกันเกินไปก็ไม่ดี พระองค์ไปพักผ่อนเถิด บ่าวจะเอาไปส่งให
ตงฟางหลีเป็นพระโอรส หากไม่ได้กระทำผิดใหญ่หลวง แม้ว่าเขาจะถูกจับได้ มากที่สุดก็แค่ถูกตำหนิทว่าหลี่เวยหลิงมิใช่เช่นนั้น“เจ้าทำขนาดนี้ ไม่กลัวถูกบั่นคอหรือ? จะปีนข้ามกำแพงก็ช่างเถอะ ยังคิดจะปกปิดความจริงอีก ช่างกล้าหาญชาญชัยนัก” นางพูดว่า “พรุ่งนี้เจ้าอย่าพาตงฟางหลีมาอีก คำขู่ของเขา เจ้าก็อย่าไปฟังเช