หลังจากที่ไม่ได้กลับตำหนักหมิงอวี้เป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน ดอกเหมยในเรือนก็เหี่ยวเฉาไปไม่น้อยเลยดอกไม้บนกิ่งก้านยังพลิ้วไหวราวกับสายฝนที่ตกลงมา กวัดแกว่งอย่างงดงาม ร่วงหล่นสู่โคลน ก่อนจะตามมาด้วยกลิ่นหอมเย็นโชยมานางสุ่มบิดดอกเหมย แอบอุทานในใจ ดอกไม้นี้ยังไม่ทันได้เชยชมเลย กลับเหี่ยวเฉาไปในเวลาเพีย
“นั่นก็จริง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ลูบหัวของเหมาเหมา “ให้เหมาเหมาอยู่สังเกตอาการที่นี่แล้วกัน ปฏิกิริยาตอบกลับของเด็กคนนี้แปลกเกินไปแล้ว”“หม่อมฉันจะวางแผนการรักษาแบบอื่นให้มันอีกครั้ง ท่านช่วยหม่อมฉันตามหาคนที่เข้าใจเรื่องสัตว์ดีมาให้ได้หรือไม่เพคะ?”ตงฟางหลีเห็นว่าความสนใจของนางอยู่ที่แมวอ้วนตลอด ในใจจึง
ครั้นตงฟางหลีได้ยินคำถามของฉินเหยี่ยนเย่ว์ จึงเริ่มตื่นตัวขึ้นมาทันที “เจ้าพบอะไรรึ? อาหารหรือยาของเสด็จพ่อมีอะไรผิดปกติหรือ?”หากเรื่องอาหารและยามีปัญหา เกรงว่าในวังจะเกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้น“อย่ากังวลไปเลยเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวต่อ “ไม่น่าจะมีผู้ใดหาญกล้าเพียงนั้น หม่อมฉันเพียงแค่อยากถามท่านเ
นางหลับตาลง รู้สึกถึงความเยือกเย็นและความอ่อนโยนของเขา รวมถึงลมหายใจอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาด้วยความสูงระหว่างคนทั้งคู่ต่างกันเยอะไปหน่อย และท่าทางก็ดูน่าอายเล็กน้อยด้วย ตงฟางหลีปล่อยนางชั่วคราว ก่อนจะช้อนตัวอุ้มนางขึ้นแล้วมาที่ข้างเตียง“นี่กลางวันอยู่เลย และองครักษ์จื่ออวี๋ก็ใกล้จะกลับมาแล้วด้วย ท่
“อยู่ให้ห่างจากหม่อมฉันหน่อย” เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นเขาเข้ามาใกล้อย่างไร้ยางอายอีกครั้ง เท้าก็เตะเข้าที่หน้าอกของเขาตงฟางหลีฉวยโอกาสคว้าเท้าของนางไว้“ปล่อยนะ” นางดิ้น “ท่านเป็นคนวิตถารหรือ?”“พระชายาเป็นฝ่ายโยนตัวเองเข้ามาในอ้อมแขนเอง ไหนเลยจะปล่อยไปได้เล่า?” เขานั่งลงข้างนาง หาจุดฝังเข็มบนฝ่าเท
“เช้าตรู่วันนี้ หู่พั่วรีบมาที่จวนอ๋องเพื่อตามหาพระชายา ในเวลานั้น พระชายาอยู่ที่จวนสกุลฉิน นางจึงไปที่จวนสกุลฉินเช่นกัน ทว่านางหาท่านไม่พบเลย หลังจากบอกถึงเนื้อหาในจดหมายให้พวกเราทราบแล้วจึงรีบร้อนจากไปในทันที” ชื่อเจี้ยนเอ่ยต่อ “ตอนที่ข้ากำลังจะกลับจวนอ๋อง พบเครื่องประดับของหู่พั่วร่วงหล่นอยู่บนพื
“นั่นก็มิใช่” ตงฟางหลีเอามือไพร่หลังแล้วเดินไปที่หน้าต่าง ก่อนจะดันหน้าต่างให้เปิดออกเล็กน้อย ลมหนาวพัดม่านหน้าต่างไหวเบา ๆ และหอบพาปลายผมของเขาพลิ้วขึ้น“ข้าได้ตรวจสอบประวัติของเฟ่ยชุ่ยแล้ว นางไม่มีปัญหาอะไร และนางก็จงรักภักดีต่อเจ้า”“เช่นนั้นที่ท่านพูดหมายความว่าอย่างไร?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินเข้าม
หรือว่าที่เฟ่ยชุ่ยโหดร้ายขึ้นนั้นเกิดเพียงชั่วคราว และไม่กี่วันก็สูญเสียความโหดร้ายนั้นไปแล้ว?“ตอนนี้นางอยู่ที่ใด?” นางกังวลใจมากเฟ่ยชุ่ยเป็นคนนิสัยดี ยิ่งเป็นคนประเภทที่ถูกทุบตีก็ไม่เอาคืน ถูกดุด่าก็ไม่ตอบกลับ เป็นประเภทที่ถูกตบแก้มซ้ายแล้วยังสามารถยื่นแก้มขวาให้ตบอีก เสียเปรียบได้ง่ายที่สุดสีหน
หากมิใช่เพราะนางยังสามารถสัมผัสได้ถึงชีพจรที่เต้นอย่างอ่อนแรง ก็แทบจะคิดว่าพระสนมอวิ๋นตายไปแล้วต้องเกิดปัญหาขึ้นที่ไหนสักที่!ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำมือแน่น สมองหมุนวนอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกำจัดกู่นั้น นางได้ตรวจร่างกายของพระสนมอวิ๋นแล้ว นอกเสียจากถูกพิษกู่กัดกร่อนจนทำให้รู้สึกเจ็บปวดร่างกาย แล้ว ก็มีเพี
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงกับสะดุ้งตกใจจะเป็นไปได้อย่างไร?พระสนมอวิ๋นจะไม่หายใจได้อย่างไร!หลังจากขับแมลงพิษกู่ออกมา แม้ชีพจรของพระสนมอวิ๋นจะอ่อนแรง หากแต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิตอันตรายถึงแก่ชีวิตที่แท้จริงคือขั้นตอนต่อไปต่างหากนางสาวเท้าเข้าไปหยุดที่ข้างกายพระสนมอวิ๋นอย่างรวดเร็ว นิ้วก็สัมผัสชีพจรของพระสน
“จับได้แล้วหรือเพคะ?” ป้าฉาไม่อยากจะเชื่อ“อืม” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สูดลมหยใจเข้าลึกจับได้แล้ว!ในลัทธิเต๋า มีคำพูดที่ว่าโคจรรอบเสี่ยวโจวเทียนและโคจรรอบต้าโจวเทียนสิ่งที่เรียกว่าโคจรรอบต้าโจวเทียนก็คือการโคจรพลังชี่ไหลไปรอบ ๆ ร่างกายหนึ่งรอบใหญ่โคจรรอบเสี่ยวโจวเทียน คือพลังชี่ออกจากจุดตันเถียนล่าง ผ่า
อุณหภูมิของยากำลังพอดีพระสนมอวิ๋นถอดอาภรณ์ออกอย่างช้า ๆ การถอดอาภรณ์ต่อหน้าลูกสะใภ้ ทำเอานางรู้สึกเขินอายเอามาก ๆ จึงใช้มือบังเอาไว้ ก่อนจะเดินเข้าไปด้วยความขัดเขิน“เสด็จแม่ นี่เป็นชามสุดท้ายแล้วเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยกยาที่ทั้งดำทั้งขมชามหนึ่งเข้ามา พลางพูดกล่อม “สามวันนี้ แมลงกู่พิษมีร่องรอยกา
บางที ใช้ปรสิตมาอธิบายจะดูสมเหตุสมผลกว่าเมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า แมลงพิษกู่ก็จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้การเต้นของหัวใจได้รับผลกระทบ และส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนโลหิต และอวัยวะภายในส่วนท้องจะได้รับผลกระทบเป็นที่แรก และจะค่อย ๆ กระจายไปทั่วร่างกาย ภายใต้ผลกระทบของการอักเสบและเลือดไหลเวียนไม่สะดวก
พระสนมอวิ๋นได้ฟังคำพูดของนาง พลันชะงักไปชั่วขณะ “แมลงพิษกู่นั้น เจ้าสามารถบรรเทาได้หรือ?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์พยักหน้าแมลงพิษกู่ชนิดนี้มีชื่อว่ากู่ลวงใจตอนที่นางพลิกอ่านหนังสือในตอนนั้นเคยเห็นมาก่อนในตอนนั้นนางไม่เชื่อการมีอยู่ของแมลงพิษกู่ และรู้สึกว่าขั้นตอนที่แมลงพิษกู่สร้างอาการบาดเจ็บให้คนนั้นไม่
“มีเบาะแส ทว่าไม่ค่อยแม่นยำเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “ชีพจรของเสด็จแม่พิกลนัก ต่อให้เป็นชีพจรช้าก็มิได้ช้าปานนี้ ชีพจรเกี่ยวพันธ์กับการเต้นของหัวใจ หรืออาจพูดได้ว่า หัวใจของเสด็จแม่ได้รับบาดเจ็บ”“นี่ เป็นไปไม่ได้กระมัง” ป้าฉาพูดขึ้น “พระสนมไม่เคยบอกว่ามีอาการเจ็บที่หัวใจมาก่อน”“ข้าก็คิดว่าเป็นไปไม่
“พอแล้ว ไม่ต้องอธิบายหรอกเพคะ” ป้าฉาเดินเข้ามา นำนมแกะที่เพิ่งรีดเมื่อครู่ออกมาตั้งไฟให้เดือดไฟจากเตาเผาแรงมาก ไม่นานนมแกะก็เดือดแล้วนางใช้ช้อนตักผิวชั้นบนนมออก แล้วตักนมแกะต้มสุกลงในถ้วย “พวกพระองค์หนุ่มสาวกะหนุงกะหนิงกันเป็นเรื่องปกติมาก ห่างกันเกินไปก็ไม่ดี พระองค์ไปพักผ่อนเถิด บ่าวจะเอาไปส่งให
ตงฟางหลีเป็นพระโอรส หากไม่ได้กระทำผิดใหญ่หลวง แม้ว่าเขาจะถูกจับได้ มากที่สุดก็แค่ถูกตำหนิทว่าหลี่เวยหลิงมิใช่เช่นนั้น“เจ้าทำขนาดนี้ ไม่กลัวถูกบั่นคอหรือ? จะปีนข้ามกำแพงก็ช่างเถอะ ยังคิดจะปกปิดความจริงอีก ช่างกล้าหาญชาญชัยนัก” นางพูดว่า “พรุ่งนี้เจ้าอย่าพาตงฟางหลีมาอีก คำขู่ของเขา เจ้าก็อย่าไปฟังเช