หรือว่าที่เฟ่ยชุ่ยโหดร้ายขึ้นนั้นเกิดเพียงชั่วคราว และไม่กี่วันก็สูญเสียความโหดร้ายนั้นไปแล้ว?“ตอนนี้นางอยู่ที่ใด?” นางกังวลใจมากเฟ่ยชุ่ยเป็นคนนิสัยดี ยิ่งเป็นคนประเภทที่ถูกทุบตีก็ไม่เอาคืน ถูกดุด่าก็ไม่ตอบกลับ เป็นประเภทที่ถูกตบแก้มซ้ายแล้วยังสามารถยื่นแก้มขวาให้ตบอีก เสียเปรียบได้ง่ายที่สุดสีหน
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เกร็งลำคอ “ขุมนรกยามค่ำคืน?”เสียงของตงฟางหลีทุ้มลึก “เมื่อก่อนเคยมีสถานที่ที่เรียกว่าเรือนยามค่ำคืน ที่นั่นมีสตรีจำนวนมากถูกคุมขังไว้ คนที่ชอบไปเรือนยามค่ำคืนส่วนใหญ่จะมีความชอบแปลก ๆ พวกเขาปฏิบัติต่อสตรีดั่งสัตว์ร้ายและลงมือทารุณทุกครั้ง สตรีที่ไปที่นั่นบางคนก็อยู่ได้ไม่เกินสามวัน ซ
“เกรงว่าแม่นางเฝ่ยชุ่ยจะทนไม่ไหวแล้ว” เถาฟางพูด“ทนไม่ไหวรึ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สะดุ้งตกใจ “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ขณะที่นางกำลังพูดก็สาวเท้ารุดเข้าไปข้างใน“หลังจากที่พวกเราสองคนหาตัวแม่นางเฝ่ยชุ่ยเจอ เดิมทีก็คิดจะเข้าไปช่วยเหลือ ทว่า แม่นางเฝ่ยชุ่ยบอกว่าไม่ต้องการให้พวกเราช่วย” เถาฟางกล่าวต่อ “พวกเราท
ฉินเหยี่ยนเย่ว์รังเกียจคนที่อาศัยว่าตนอายุมากเทียวไปดูถูกผู้อื่น และตนเองอ่อนแอจึงมีเหตุผลของตนเองเป็นที่สุดนางจ้องหญิงชราคนนั้นด้วยแววตาเย็นชา “อ้อ? พวกเจ้าต้องการร้องเรียน? ร้องเรียนผู้ใด? จวนอ๋องเจ็ดหรือว่าเฝ่ยชุ่ย? พวกเจ้าทุบตีคนจนกลายเป็นเช่นนี้แล้ว ยังจะกล้าบิดพลิ้วอีก ผู้ใดให้ความกล้าแก่พวกเ
“เจ้าทุบตีพวกนางจนกลายเป็นคนพิการไปแล้ว พวกเราก็ควรทุบตีเจ้าจนตายไปด้วยเช่นกัน”พวกเขาจ้องเฝ่ยชุ่ยที่อยู่นิ่งไม่ตอบโต้ ความฮึกเหิมก็เพิ่มมากขึ้น ก่อนจะเตะเข้าที่ตัวเฝ่ยชุ่ยทีละครั้งเฝ่ยชุ่ยถูกคนเตะไปเตะมาราวกับเป็นเศษผ้าฝ้ายชิ้นหนึ่งก็ไม่ปาน นางหมอบอยู่ในพื้นโคลน ขดตัวเข้าหากันจนตัวกลมเป็นก้อน ดูต่
มือที่ขยุ้มผมของเฝ่ยชุ่ยข้างนั้นไม่รู้ว่าถูกตัดขาดไปตั้งแต่ตอนใดใบหน้าของเขาซีดขาว ดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าบ่งบอกว่าไม่อยากจะเชื่อ “มือ มือข้า!”“นังหญิงชั้นต่ำ เจ้าทำอะไรลงไป? ดูสิว่าข้าจะไม่ตีเจ้าให้ตาย”เขาหันหน้าไปทางเฝ่ยชุ่ย ทว่าทันทีที่มองไป กลับต้องสะดุ้งจนตัวโยนร่างกายเฝ่ยชุ่ยที่เพิ่งจะถูกพวก
แล้วเสียงกรีดร้องราวกับหมูถูกเชือดก็ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง คนขายเนื้อแซ่จางมีสีหน้าซีดขาว เจ็บจนนอนลงไปกลิ้งกับพื้นเฝ่ยชุ่ยเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และลงมืออย่างโหดเหี้ยม ทั้งสามคนถูกบดขยี้ภายในชั่วพริบตา“ข้าทุบตีชุ่ยเหมยและชุ่ยจวี๋จนมีสภาพเช่นนั้น เป็นความผิดของข้า” เฝ่ยชุ่ยหลุบตา น้ำเสียงเย็นยะเยือก
หลังจากหญิงชราแซ่หวังและหวังต้ายอมรับความพ่ายแพ้และร้องขอความเมตตา เฝ่ยชุ่ยก็ไม่หวั่นไหวใด ๆกลิ่นอายที่เอ่อล้นออกมาจากดวงตาแดงก่ำคู่นั้นยังคงน่าหวาดผวาเช่นเคย อยู่ต่อหน้านาง พวกเขาอยู่ห่างจากความตายเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นหลังจากคนขายเนื้อแซ่จางถูกตัดข้อมือจนขาด ก็เจ็บเสียจนแทบหมดสติไป เขาฆ่าสัตว