ฉินเหยี่ยนเย่ว์รังเกียจคนที่อาศัยว่าตนอายุมากเทียวไปดูถูกผู้อื่น และตนเองอ่อนแอจึงมีเหตุผลของตนเองเป็นที่สุดนางจ้องหญิงชราคนนั้นด้วยแววตาเย็นชา “อ้อ? พวกเจ้าต้องการร้องเรียน? ร้องเรียนผู้ใด? จวนอ๋องเจ็ดหรือว่าเฝ่ยชุ่ย? พวกเจ้าทุบตีคนจนกลายเป็นเช่นนี้แล้ว ยังจะกล้าบิดพลิ้วอีก ผู้ใดให้ความกล้าแก่พวกเ
“เจ้าทุบตีพวกนางจนกลายเป็นคนพิการไปแล้ว พวกเราก็ควรทุบตีเจ้าจนตายไปด้วยเช่นกัน”พวกเขาจ้องเฝ่ยชุ่ยที่อยู่นิ่งไม่ตอบโต้ ความฮึกเหิมก็เพิ่มมากขึ้น ก่อนจะเตะเข้าที่ตัวเฝ่ยชุ่ยทีละครั้งเฝ่ยชุ่ยถูกคนเตะไปเตะมาราวกับเป็นเศษผ้าฝ้ายชิ้นหนึ่งก็ไม่ปาน นางหมอบอยู่ในพื้นโคลน ขดตัวเข้าหากันจนตัวกลมเป็นก้อน ดูต่
มือที่ขยุ้มผมของเฝ่ยชุ่ยข้างนั้นไม่รู้ว่าถูกตัดขาดไปตั้งแต่ตอนใดใบหน้าของเขาซีดขาว ดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าบ่งบอกว่าไม่อยากจะเชื่อ “มือ มือข้า!”“นังหญิงชั้นต่ำ เจ้าทำอะไรลงไป? ดูสิว่าข้าจะไม่ตีเจ้าให้ตาย”เขาหันหน้าไปทางเฝ่ยชุ่ย ทว่าทันทีที่มองไป กลับต้องสะดุ้งจนตัวโยนร่างกายเฝ่ยชุ่ยที่เพิ่งจะถูกพวก
แล้วเสียงกรีดร้องราวกับหมูถูกเชือดก็ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง คนขายเนื้อแซ่จางมีสีหน้าซีดขาว เจ็บจนนอนลงไปกลิ้งกับพื้นเฝ่ยชุ่ยเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และลงมืออย่างโหดเหี้ยม ทั้งสามคนถูกบดขยี้ภายในชั่วพริบตา“ข้าทุบตีชุ่ยเหมยและชุ่ยจวี๋จนมีสภาพเช่นนั้น เป็นความผิดของข้า” เฝ่ยชุ่ยหลุบตา น้ำเสียงเย็นยะเยือก
หลังจากหญิงชราแซ่หวังและหวังต้ายอมรับความพ่ายแพ้และร้องขอความเมตตา เฝ่ยชุ่ยก็ไม่หวั่นไหวใด ๆกลิ่นอายที่เอ่อล้นออกมาจากดวงตาแดงก่ำคู่นั้นยังคงน่าหวาดผวาเช่นเคย อยู่ต่อหน้านาง พวกเขาอยู่ห่างจากความตายเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นหลังจากคนขายเนื้อแซ่จางถูกตัดข้อมือจนขาด ก็เจ็บเสียจนแทบหมดสติไป เขาฆ่าสัตว
“ทว่า พระชายา แม่นางเฝ่ยชุ่ย...”“ไม่เป็นอะไรแล้ว” นางกล่าว “พาสามคนนั้นไปรักษาด้วย”เถาหยวนและเถาฟางรับคำสั่งครั้นเฝ่ยชุ่ยเป็นอิสระ ก็ทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้น ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด“พระชายา บ่าว บ่าวทำเรื่องเลวร้ายลงไปมาก” นางก้มหน้าลง “บ่าวควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ตอนที่ความรู้สึกนั้นพุ่งเข้ามาใ
“ตงฟางหลี ท่านพอได้แล้วเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกว่า เส้นทางที่ยาวนานที่สุดเท่าที่นางเคยเดินก็คือเส้นทางกลอุบายของคนผู้นี้ ต้องถูกแกล้งได้สำเร็จทุกครั้งไป“พระชายา มือของเจ้าจะต้องจับคอของข้าไว้แบบนี้” ตงฟางหลียังคงใช้น้ำเสียงและสีหน้าใสซื่อ “เร็วหน่อย มิเช่นนั้นข้าจะตกลงไปได้นะ”ระหว่างที่เขาพูด ก
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดมา จึงเปิดผ้าม่านออกดูตู้เหิงที่กำลังรออยู่ด้านนอก ครั้นเห็นว่าพวกเขากลับมาแล้ว ก็รีบมาต้อนรับทันที“ท่านอ๋อง พระชายา” ตู้เหิงขมวดคิ้ว “พระชายาเฉียนมาขอพบพ่ะย่ะค่ะ นางรออยู่ที่ห้องโถงจิ่นซื่อมาได้ครู่ใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์นิ่งชะงักพระชายเฉียน? นางมาทำอะ
ก่อนหน้านี้ก็พูดเพื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์ แล้วก็ยังมาขัดขวางการลงโทษตู้เหิงของนาง!“แม้แต่เจ้าก็ทำให้ข้าโกรธ!”“ท่านแม่” ซูจื่อเห็นว่าตู้เหิงจากไปแล้ว สีหน้าพลันทะมึนลง “เรื่องในวันนี้ ลูกไม่รู้ว่าท่านได้รับยาเสน่ห์มาจากผู้ใด แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเหตุใดถึงต้องจับตามองพระชายาอ๋องเจ็ดด้วยเช่นกัน แต่ท่านฟังที
ฮูหยินซูถูกตู้เหิงเพิกเฉย เพลิงโทสะที่สะสมมาในวันนี้พวยพุ่งขึ้นมาไม่หยุดซวงเอ๋อร์ได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างใหญ่หลวง มิอาจจบไปเช่นนี้ได้!“เจ้าสุนัขรับใช้ ข้ากำลังพูดกับเจ้าอยู่นะ เจ้าหูหนวกหรือ?”ตู้เหิงรำคาญเป็นอย่างยิ่งฮูหยินซูผู้นี้เกรงว่าจะเสียสติไปแล้วกระมังเมื่อก่อนเขารู้สึกว่าฮูหยินซูเป็นค
หลังจากลู่จิ้นป้อนยาที่มีชื่อว่ามังกรพ่นมุกนี้ให้นาง ก็ได้ทำลายสมดุลนี้ลงครั้นพิษของปลาทรายแดงครีบทองกลายพันธ์ถูกกดลง พิษของยาอีกหนึ่งชนิดก็จะเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันยาพิษบางชนิดมีพิษมากกว่าพิษจากปลาทรายแดงครีบทอง จึงเท่ากับต้องพิษเป็นครั้งที่สองหลังจากสมดุลถูกทำลาย ซูเตี่ยนฉิงย่อมไม่มีชีวิตที่ดีแล้
“เจ้าตาบอดหรือ? มองไม่ออกว่านี่คือตัวหนอนหรือย่างไร? ก็คือตัวหนอนที่กลายเป็นแมลงวันได้อย่างไรเล่า รักษาให้ดี ๆ เถิด” ลู่จิ้นเอ่ยเสียงเย็นซูจิ้นยืนยันคำตอบอยู่ในใจ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองทันทีคนคนหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ หลังจากดื่มยาเข้าไปแล้ว เหตุใดถึงอาเจียนเอาของน่ารังเกียจพรรค์นี้ออกมาได้?
หากมีสุรารสเลิศก็ดียิ่งขึ้นไปอีกฉินเหยี่ยนเย่ว์เองก็คิดจะจากไปโดยไม่สนใจสิ่งใดทว่า...นางเหลือบตามองซูเตี่ยนฉิงที่นอนอยู่บนเตียงปราดหนึ่งจากไปทั้งอย่างนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนักจำต้องตอบแทนอะไรบางอย่างกลับไปบ้างถึงจะได้ไม่มาเสียเที่ยว“ศิษย์พี่รอสักครู่นะเจ้าคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “
“ผู้ใดให้เจ้าไม่ตั้งใจเรียน ให้เจ้าทำยาคุณภาพต่ำออกมามั่วซั่ว หลายปีนี้เจ้ามัวทำอะไร? สิ่งที่เรียนนั้น เรียนไปที่ตัวสุนัขหมดแล้วหรืออย่างไร?” ลูจิ้นตะคอก“กล้าให้ศิษย์น้องหญิงได้รับความทรมานเช่นนั้น ข้าจะตีเด็กสารเลวอย่างเจ้าให้ตาย”ลู่ซิวถึงได้เข้าใจเป็นท่านบรรพบุรุษรังเกียจยาน้ำคุณภาพต่ำที่เขาทำข
ลู่จิ้นกลับไม่สนใจโดยสิ้นเชิงหัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นก่อนหน้านี้เขาคิดจะปิดประตูข่มขู่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ให้รักษาฉิงเอ๋อร์ แม้ว่าจะเป็นการไม่เคารพต่อพวกเขาสองคนแต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้เห็น ขอเพียงยืนกรานไม่ยอมรับ ก็ไม่มีผู้ใดทำอะไรได้ครั้นลู่จิ้นมาถึง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปแล้วต่อให้เขามีความกล้ายิ่งใ
ซูจื่ออายุยังน้อย ทนต่อการถูกฟาดได้ครั้นปล่อยให้ลู่จิ้นทุบตีระบายอารมณ์ได้ครู่ใหญ่ ก็เจ็บจนต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน หากยืนนิ่งไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกมาแม้แต่คำเดียวลู่จิ้นที่ทุบตีจนเหนื่อยแล้วถึงได้ฝืนหยุดตี“ลูกชายของข้า” ฮูหยินซูเห็นท่าทีจมูกช้ำเขียวใบหน้าปูดบวมของซูจื่อ หยาดน้ำตาก็ไหลลงมาเป็นสาย ร้องไห้
นี่สิถึงจะเป็นอาวุธวิเศษในการแสร้งป่วยที่ถูกต้อง“ขอบคุณศิษย์พี่เจ้าค่ะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รีบกลืนยาเม็ดลงไปทันที“ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องของศิษย์น้องหญิงก็คือเรื่องของข้า” รอจนกระทั่งนางกินยา ลู่จิ้นก็จับชีพจรให้นางอีกครั้งเทียบกับชีพจรยุ่งเหยิงเมื่อครู่แล้ว ชีพจรในยามนี้มั่นคงกว่ามาก ศิษย์น้องหญิงก็รู้