“ทว่า พระชายา แม่นางเฝ่ยชุ่ย...”“ไม่เป็นอะไรแล้ว” นางกล่าว “พาสามคนนั้นไปรักษาด้วย”เถาหยวนและเถาฟางรับคำสั่งครั้นเฝ่ยชุ่ยเป็นอิสระ ก็ทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้น ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด“พระชายา บ่าว บ่าวทำเรื่องเลวร้ายลงไปมาก” นางก้มหน้าลง “บ่าวควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ตอนที่ความรู้สึกนั้นพุ่งเข้ามาใ
“ตงฟางหลี ท่านพอได้แล้วเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกว่า เส้นทางที่ยาวนานที่สุดเท่าที่นางเคยเดินก็คือเส้นทางกลอุบายของคนผู้นี้ ต้องถูกแกล้งได้สำเร็จทุกครั้งไป“พระชายา มือของเจ้าจะต้องจับคอของข้าไว้แบบนี้” ตงฟางหลียังคงใช้น้ำเสียงและสีหน้าใสซื่อ “เร็วหน่อย มิเช่นนั้นข้าจะตกลงไปได้นะ”ระหว่างที่เขาพูด ก
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดมา จึงเปิดผ้าม่านออกดูตู้เหิงที่กำลังรออยู่ด้านนอก ครั้นเห็นว่าพวกเขากลับมาแล้ว ก็รีบมาต้อนรับทันที“ท่านอ๋อง พระชายา” ตู้เหิงขมวดคิ้ว “พระชายาเฉียนมาขอพบพ่ะย่ะค่ะ นางรออยู่ที่ห้องโถงจิ่นซื่อมาได้ครู่ใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์นิ่งชะงักพระชายเฉียน? นางมาทำอะ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่เข้าใจเรื่องนั้นผ่านไปนานหลายวันแล้ว ครอบครัวของฮูหยินเหลยอันโหวถูกค้นบ้านและยึดทรัพย์ไปแล้ว พระชายาเฉียนมาขอโทษตอนนี้หมายความว่าอย่างไร?“พี่สะใภ้ใหญ่กำลังทำอะไร? รีบลุกขึ้นเถอะ” นางกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ สุภาพทว่าเหินห่าง “เรื่องผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไปเถอะ พี่สะใภ้ไม่ต้องเก็บมาใส่
กลิ่นหอมบุปผาสายนี้ทำให้คนรู้สึกสงบ และปลอบโยนอารมณ์“พี่สะใภ้เคยได้ยินหรือไม่ ว่าต้นไม้และบุปผาล้วนมีความรู้สึก?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวเรียบ ๆ “กลีบบุปผานั้นบอบบาง คนต้องดูแลด้วยความระมัดระวังถึงจะทำให้มันผลิบานอย่างงดงามได้ หากเป็นสถานที่ที่มีกลิ่นอายดุดันหรือว่ามีไอเย็นมาก บุปผาก็ยากจะผลิดอกที่งดง
“ไม่มีคนอยู่ข้างกายท่านเลยหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง เช่นนั้นก็แปลกแล้ว“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้ามีเรื่องอยากจะขอร้องท่าน ให้ข้าตรวจ...ตรงนั้นของท่านได้หรือไม่?”พระชายาเฉียนรู้สึกเขินอายอยู่บ้าง ทว่าเมื่อเกี่ยวกับทายาท นางพยักหน้าตอบรับอย่างเอียงอายฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงพานางมายังภายในห้องห้อง
พระชายาเฉียนเย็นยะเยือกไปทั่วทั้งร่างหลังจากที่นางและท่านอ๋องเฉียนทำกิจเสร็จ ท่านอ๋องเฉียนมีความชอบที่พิเศษ นางคิดมาตลอดว่าเป็นความรักระหว่างสามีภรรยา ผู้ใดจะรู้ ว่านี่เป็นแผนร้าย?ไม่แปลกที่นางมักจะรู้สึกไม่สบายอยู่บ่อยครั้ง ภายในยังมีความรู้สึกมีอะไรแปลก อยู่ หากแต่เป็นเพราะรู้สึกอับอายมาก นางจึง
พระชายาเฉียนทอดมองไกลออกไปอย่างเหม่อลอย ในใจหนาวเหน็บยิ่งนักก่อนหน้านี้เรื่องที่คิดว่าไม่มีปัญหา ถึงตอนนี้มาคิดดูแล้ว กลับเต็มไปด้วยข้อพิรุธอย่างเช่น ยามที่ตั้งครรภ์ ทางเส้นนั้นที่เดินอยู่ทุกวัน วันนั้นดันถูกคนเผลอเอาน้ำแข็งก้อนหนึ่งไปวางเอาไว้น้ำแข็งก้อนนั้นมิได้ปรากฏขึ้นโดยบังเอิญ ทว่ามีคนจงใจว
นางกำชับทุกคนให้เปลี่ยนอาภรณ์ให้เรียบร้อยแสงเทียนทั้งหมดกระจุกตัวกันอยู่ในจุด ๆ เดียวเมื่อแสงยังสว่างไม่มากพอ ฮ่องเต้จึงมีรับสั่งให้องครักษ์จื่ออวี๋นำไข่มุกราตรีในคลังเก็บสมบัติมาแสงสว่างของไข่มุกราตรีสะท้อนอยู่ภายในห้องจนดูคล้ายกับตอนกลางวันฉินเหยี่ยนเย่ว์มิสนใจพูดขอบคุณ หลังจากแบ่งงานกันอย่างช
ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกลำบากใจยิ่งนักในสายตานาง เทียบกับชีวิตแล้ว ความเป็นส่วนตัวเท่านี้ไม่นับว่าเป็นอันใดด้วยซ้ำ“ป้าฉา บางครั้งเจ้ามิอาจเข้าใจได้ ทว่าข้ายังจะต้องบอกกับเจ้าว่า ในระหว่างขั้นตอนการผ่าตัด ต่อให้สวมอาภรณ์ก็จำเป็นต้องตัดทิ้ง โดยเฉพาะสถานการณ์ในยามนี้นั้นยากลำบากยิ่งนัก”การผ่าตัดเปิดช่อ
นางจับข้อมือของพระสนมอวิ๋น หากแต่ยังไร้ชีพจร หัวใจก็แทบหยุดเต้น “เสด็จแม่ ขอประทานอภัยเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกผิดอย่างยิ่งยวดนางรู้มาตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วว่าพระสนมอวิ๋นสุขภาพไม่ดี ควรจะเตรียมการให้รอบด้านถึงจะถูกนางมั่นใจในตัวเองมากเกินไป มิได้คำนึงว่ากระเพาะอาหารจะยังมีแมลงพิษกู่ด้วยเช่นกัน จึง
ฮ่องเต้ทรงกุมมือของพระสนมอวิ๋นแน่น“เรื่องเช่นนั้น สามารถทำได้หรือ?” เขามองพระสนมอวิ๋นที่อ่อนแรง ก่อนตรัสถามด้วยเสียงเบาทำเอาฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจยาวเหยียดตามหลักแล้วทำไม่ได้พระสนมอวิ๋นมีความดันโลหิตต่ำ ชีพจรแทบจะไม่มี ไม่เหมาะจะฉีดยาชา และไม่เหมาะจะทำการผ่าตัดเช่นกันโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เงื่อนไข
หากมิใช่เพราะนางยังสามารถสัมผัสได้ถึงชีพจรที่เต้นอย่างอ่อนแรง ก็แทบจะคิดว่าพระสนมอวิ๋นตายไปแล้วต้องเกิดปัญหาขึ้นที่ไหนสักที่!ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำมือแน่น สมองหมุนวนอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกำจัดกู่นั้น นางได้ตรวจร่างกายของพระสนมอวิ๋นแล้ว นอกเสียจากถูกพิษกู่กัดกร่อนจนทำให้รู้สึกเจ็บปวดร่างกาย แล้ว ก็มีเพี
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงกับสะดุ้งตกใจจะเป็นไปได้อย่างไร?พระสนมอวิ๋นจะไม่หายใจได้อย่างไร!หลังจากขับแมลงพิษกู่ออกมา แม้ชีพจรของพระสนมอวิ๋นจะอ่อนแรง หากแต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิตอันตรายถึงแก่ชีวิตที่แท้จริงคือขั้นตอนต่อไปต่างหากนางสาวเท้าเข้าไปหยุดที่ข้างกายพระสนมอวิ๋นอย่างรวดเร็ว นิ้วก็สัมผัสชีพจรของพระสน
“จับได้แล้วหรือเพคะ?” ป้าฉาไม่อยากจะเชื่อ“อืม” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สูดลมหยใจเข้าลึกจับได้แล้ว!ในลัทธิเต๋า มีคำพูดที่ว่าโคจรรอบเสี่ยวโจวเทียนและโคจรรอบต้าโจวเทียนสิ่งที่เรียกว่าโคจรรอบต้าโจวเทียนก็คือการโคจรพลังชี่ไหลไปรอบ ๆ ร่างกายหนึ่งรอบใหญ่โคจรรอบเสี่ยวโจวเทียน คือพลังชี่ออกจากจุดตันเถียนล่าง ผ่า
อุณหภูมิของยากำลังพอดีพระสนมอวิ๋นถอดอาภรณ์ออกอย่างช้า ๆ การถอดอาภรณ์ต่อหน้าลูกสะใภ้ ทำเอานางรู้สึกเขินอายเอามาก ๆ จึงใช้มือบังเอาไว้ ก่อนจะเดินเข้าไปด้วยความขัดเขิน“เสด็จแม่ นี่เป็นชามสุดท้ายแล้วเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยกยาที่ทั้งดำทั้งขมชามหนึ่งเข้ามา พลางพูดกล่อม “สามวันนี้ แมลงกู่พิษมีร่องรอยกา
บางที ใช้ปรสิตมาอธิบายจะดูสมเหตุสมผลกว่าเมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า แมลงพิษกู่ก็จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้การเต้นของหัวใจได้รับผลกระทบ และส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนโลหิต และอวัยวะภายในส่วนท้องจะได้รับผลกระทบเป็นที่แรก และจะค่อย ๆ กระจายไปทั่วร่างกาย ภายใต้ผลกระทบของการอักเสบและเลือดไหลเวียนไม่สะดวก