นางหลับตาลง รู้สึกถึงความเยือกเย็นและความอ่อนโยนของเขา รวมถึงลมหายใจอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาด้วยความสูงระหว่างคนทั้งคู่ต่างกันเยอะไปหน่อย และท่าทางก็ดูน่าอายเล็กน้อยด้วย ตงฟางหลีปล่อยนางชั่วคราว ก่อนจะช้อนตัวอุ้มนางขึ้นแล้วมาที่ข้างเตียง“นี่กลางวันอยู่เลย และองครักษ์จื่ออวี๋ก็ใกล้จะกลับมาแล้วด้วย ท่
“อยู่ให้ห่างจากหม่อมฉันหน่อย” เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นเขาเข้ามาใกล้อย่างไร้ยางอายอีกครั้ง เท้าก็เตะเข้าที่หน้าอกของเขาตงฟางหลีฉวยโอกาสคว้าเท้าของนางไว้“ปล่อยนะ” นางดิ้น “ท่านเป็นคนวิตถารหรือ?”“พระชายาเป็นฝ่ายโยนตัวเองเข้ามาในอ้อมแขนเอง ไหนเลยจะปล่อยไปได้เล่า?” เขานั่งลงข้างนาง หาจุดฝังเข็มบนฝ่าเท
“เช้าตรู่วันนี้ หู่พั่วรีบมาที่จวนอ๋องเพื่อตามหาพระชายา ในเวลานั้น พระชายาอยู่ที่จวนสกุลฉิน นางจึงไปที่จวนสกุลฉินเช่นกัน ทว่านางหาท่านไม่พบเลย หลังจากบอกถึงเนื้อหาในจดหมายให้พวกเราทราบแล้วจึงรีบร้อนจากไปในทันที” ชื่อเจี้ยนเอ่ยต่อ “ตอนที่ข้ากำลังจะกลับจวนอ๋อง พบเครื่องประดับของหู่พั่วร่วงหล่นอยู่บนพื
“นั่นก็มิใช่” ตงฟางหลีเอามือไพร่หลังแล้วเดินไปที่หน้าต่าง ก่อนจะดันหน้าต่างให้เปิดออกเล็กน้อย ลมหนาวพัดม่านหน้าต่างไหวเบา ๆ และหอบพาปลายผมของเขาพลิ้วขึ้น“ข้าได้ตรวจสอบประวัติของเฟ่ยชุ่ยแล้ว นางไม่มีปัญหาอะไร และนางก็จงรักภักดีต่อเจ้า”“เช่นนั้นที่ท่านพูดหมายความว่าอย่างไร?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินเข้าม
หรือว่าที่เฟ่ยชุ่ยโหดร้ายขึ้นนั้นเกิดเพียงชั่วคราว และไม่กี่วันก็สูญเสียความโหดร้ายนั้นไปแล้ว?“ตอนนี้นางอยู่ที่ใด?” นางกังวลใจมากเฟ่ยชุ่ยเป็นคนนิสัยดี ยิ่งเป็นคนประเภทที่ถูกทุบตีก็ไม่เอาคืน ถูกดุด่าก็ไม่ตอบกลับ เป็นประเภทที่ถูกตบแก้มซ้ายแล้วยังสามารถยื่นแก้มขวาให้ตบอีก เสียเปรียบได้ง่ายที่สุดสีหน
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เกร็งลำคอ “ขุมนรกยามค่ำคืน?”เสียงของตงฟางหลีทุ้มลึก “เมื่อก่อนเคยมีสถานที่ที่เรียกว่าเรือนยามค่ำคืน ที่นั่นมีสตรีจำนวนมากถูกคุมขังไว้ คนที่ชอบไปเรือนยามค่ำคืนส่วนใหญ่จะมีความชอบแปลก ๆ พวกเขาปฏิบัติต่อสตรีดั่งสัตว์ร้ายและลงมือทารุณทุกครั้ง สตรีที่ไปที่นั่นบางคนก็อยู่ได้ไม่เกินสามวัน ซ
“เกรงว่าแม่นางเฝ่ยชุ่ยจะทนไม่ไหวแล้ว” เถาฟางพูด“ทนไม่ไหวรึ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สะดุ้งตกใจ “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ขณะที่นางกำลังพูดก็สาวเท้ารุดเข้าไปข้างใน“หลังจากที่พวกเราสองคนหาตัวแม่นางเฝ่ยชุ่ยเจอ เดิมทีก็คิดจะเข้าไปช่วยเหลือ ทว่า แม่นางเฝ่ยชุ่ยบอกว่าไม่ต้องการให้พวกเราช่วย” เถาฟางกล่าวต่อ “พวกเราท
ฉินเหยี่ยนเย่ว์รังเกียจคนที่อาศัยว่าตนอายุมากเทียวไปดูถูกผู้อื่น และตนเองอ่อนแอจึงมีเหตุผลของตนเองเป็นที่สุดนางจ้องหญิงชราคนนั้นด้วยแววตาเย็นชา “อ้อ? พวกเจ้าต้องการร้องเรียน? ร้องเรียนผู้ใด? จวนอ๋องเจ็ดหรือว่าเฝ่ยชุ่ย? พวกเจ้าทุบตีคนจนกลายเป็นเช่นนี้แล้ว ยังจะกล้าบิดพลิ้วอีก ผู้ใดให้ความกล้าแก่พวกเ