“ตั้งแต่วันนั้นที่ข้าตัดสินใจเข้าร่วมกองทัพ ข้าก็ล้มเลิกความคิดนั้นไปแล้ว แม้ว่าจะไม่มีเจ้า ก็ไม่ใช่นางอยู่ดี” ตงฟางหลีพูดต่อ “ข้าจำได้ว่าเคยบอกกับเจ้าหลายครั้งแล้ว ทำไมเจ้าถึงไม่เชื่อข้าเลยล่ะ?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์เคยถามเขาหลายครั้งจริง ๆ และนางก็รู้คำตอบของเขามานานแล้ว แต่เพียงแค่อยากให้เขาพูดออกมาจาก
“...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดไม่ออกนิสัยของอ๋องอี๋หยาง ช่างน่าสนใจแบบแปลก ๆ“อยู่ในตำหนักไท่อี๋ เสด็จพ่อให้เจ้าทำอะไร?” ตงฟางหลีเอ่ยถาม“หม่อมฉันบอกไปแล้ว ให้ฝนหมึก ชงชา รินน้ำ”และยังมีการใส่น้ำตาลลงไปในชา ดื่มชานมไข่มุกแก้วใหญ่ไปหนึ่งแก้ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้นางมิกล้าพูด“ทำเพียงสิ่งเหล่านี้ใช้เวลานานมากข
หลังจากที่ไม่ได้กลับตำหนักหมิงอวี้เป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน ดอกเหมยในเรือนก็เหี่ยวเฉาไปไม่น้อยเลยดอกไม้บนกิ่งก้านยังพลิ้วไหวราวกับสายฝนที่ตกลงมา กวัดแกว่งอย่างงดงาม ร่วงหล่นสู่โคลน ก่อนจะตามมาด้วยกลิ่นหอมเย็นโชยมานางสุ่มบิดดอกเหมย แอบอุทานในใจ ดอกไม้นี้ยังไม่ทันได้เชยชมเลย กลับเหี่ยวเฉาไปในเวลาเพีย
“นั่นก็จริง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ลูบหัวของเหมาเหมา “ให้เหมาเหมาอยู่สังเกตอาการที่นี่แล้วกัน ปฏิกิริยาตอบกลับของเด็กคนนี้แปลกเกินไปแล้ว”“หม่อมฉันจะวางแผนการรักษาแบบอื่นให้มันอีกครั้ง ท่านช่วยหม่อมฉันตามหาคนที่เข้าใจเรื่องสัตว์ดีมาให้ได้หรือไม่เพคะ?”ตงฟางหลีเห็นว่าความสนใจของนางอยู่ที่แมวอ้วนตลอด ในใจจึง
ครั้นตงฟางหลีได้ยินคำถามของฉินเหยี่ยนเย่ว์ จึงเริ่มตื่นตัวขึ้นมาทันที “เจ้าพบอะไรรึ? อาหารหรือยาของเสด็จพ่อมีอะไรผิดปกติหรือ?”หากเรื่องอาหารและยามีปัญหา เกรงว่าในวังจะเกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้น“อย่ากังวลไปเลยเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวต่อ “ไม่น่าจะมีผู้ใดหาญกล้าเพียงนั้น หม่อมฉันเพียงแค่อยากถามท่านเ
นางหลับตาลง รู้สึกถึงความเยือกเย็นและความอ่อนโยนของเขา รวมถึงลมหายใจอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาด้วยความสูงระหว่างคนทั้งคู่ต่างกันเยอะไปหน่อย และท่าทางก็ดูน่าอายเล็กน้อยด้วย ตงฟางหลีปล่อยนางชั่วคราว ก่อนจะช้อนตัวอุ้มนางขึ้นแล้วมาที่ข้างเตียง“นี่กลางวันอยู่เลย และองครักษ์จื่ออวี๋ก็ใกล้จะกลับมาแล้วด้วย ท่
“อยู่ให้ห่างจากหม่อมฉันหน่อย” เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นเขาเข้ามาใกล้อย่างไร้ยางอายอีกครั้ง เท้าก็เตะเข้าที่หน้าอกของเขาตงฟางหลีฉวยโอกาสคว้าเท้าของนางไว้“ปล่อยนะ” นางดิ้น “ท่านเป็นคนวิตถารหรือ?”“พระชายาเป็นฝ่ายโยนตัวเองเข้ามาในอ้อมแขนเอง ไหนเลยจะปล่อยไปได้เล่า?” เขานั่งลงข้างนาง หาจุดฝังเข็มบนฝ่าเท
“เช้าตรู่วันนี้ หู่พั่วรีบมาที่จวนอ๋องเพื่อตามหาพระชายา ในเวลานั้น พระชายาอยู่ที่จวนสกุลฉิน นางจึงไปที่จวนสกุลฉินเช่นกัน ทว่านางหาท่านไม่พบเลย หลังจากบอกถึงเนื้อหาในจดหมายให้พวกเราทราบแล้วจึงรีบร้อนจากไปในทันที” ชื่อเจี้ยนเอ่ยต่อ “ตอนที่ข้ากำลังจะกลับจวนอ๋อง พบเครื่องประดับของหู่พั่วร่วงหล่นอยู่บนพื
ก่อนหน้านี้ก็พูดเพื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์ แล้วก็ยังมาขัดขวางการลงโทษตู้เหิงของนาง!“แม้แต่เจ้าก็ทำให้ข้าโกรธ!”“ท่านแม่” ซูจื่อเห็นว่าตู้เหิงจากไปแล้ว สีหน้าพลันทะมึนลง “เรื่องในวันนี้ ลูกไม่รู้ว่าท่านได้รับยาเสน่ห์มาจากผู้ใด แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเหตุใดถึงต้องจับตามองพระชายาอ๋องเจ็ดด้วยเช่นกัน แต่ท่านฟังที
ฮูหยินซูถูกตู้เหิงเพิกเฉย เพลิงโทสะที่สะสมมาในวันนี้พวยพุ่งขึ้นมาไม่หยุดซวงเอ๋อร์ได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างใหญ่หลวง มิอาจจบไปเช่นนี้ได้!“เจ้าสุนัขรับใช้ ข้ากำลังพูดกับเจ้าอยู่นะ เจ้าหูหนวกหรือ?”ตู้เหิงรำคาญเป็นอย่างยิ่งฮูหยินซูผู้นี้เกรงว่าจะเสียสติไปแล้วกระมังเมื่อก่อนเขารู้สึกว่าฮูหยินซูเป็นค
หลังจากลู่จิ้นป้อนยาที่มีชื่อว่ามังกรพ่นมุกนี้ให้นาง ก็ได้ทำลายสมดุลนี้ลงครั้นพิษของปลาทรายแดงครีบทองกลายพันธ์ถูกกดลง พิษของยาอีกหนึ่งชนิดก็จะเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันยาพิษบางชนิดมีพิษมากกว่าพิษจากปลาทรายแดงครีบทอง จึงเท่ากับต้องพิษเป็นครั้งที่สองหลังจากสมดุลถูกทำลาย ซูเตี่ยนฉิงย่อมไม่มีชีวิตที่ดีแล้
“เจ้าตาบอดหรือ? มองไม่ออกว่านี่คือตัวหนอนหรือย่างไร? ก็คือตัวหนอนที่กลายเป็นแมลงวันได้อย่างไรเล่า รักษาให้ดี ๆ เถิด” ลู่จิ้นเอ่ยเสียงเย็นซูจิ้นยืนยันคำตอบอยู่ในใจ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองทันทีคนคนหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ หลังจากดื่มยาเข้าไปแล้ว เหตุใดถึงอาเจียนเอาของน่ารังเกียจพรรค์นี้ออกมาได้?
หากมีสุรารสเลิศก็ดียิ่งขึ้นไปอีกฉินเหยี่ยนเย่ว์เองก็คิดจะจากไปโดยไม่สนใจสิ่งใดทว่า...นางเหลือบตามองซูเตี่ยนฉิงที่นอนอยู่บนเตียงปราดหนึ่งจากไปทั้งอย่างนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนักจำต้องตอบแทนอะไรบางอย่างกลับไปบ้างถึงจะได้ไม่มาเสียเที่ยว“ศิษย์พี่รอสักครู่นะเจ้าคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “
“ผู้ใดให้เจ้าไม่ตั้งใจเรียน ให้เจ้าทำยาคุณภาพต่ำออกมามั่วซั่ว หลายปีนี้เจ้ามัวทำอะไร? สิ่งที่เรียนนั้น เรียนไปที่ตัวสุนัขหมดแล้วหรืออย่างไร?” ลูจิ้นตะคอก“กล้าให้ศิษย์น้องหญิงได้รับความทรมานเช่นนั้น ข้าจะตีเด็กสารเลวอย่างเจ้าให้ตาย”ลู่ซิวถึงได้เข้าใจเป็นท่านบรรพบุรุษรังเกียจยาน้ำคุณภาพต่ำที่เขาทำข
ลู่จิ้นกลับไม่สนใจโดยสิ้นเชิงหัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นก่อนหน้านี้เขาคิดจะปิดประตูข่มขู่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ให้รักษาฉิงเอ๋อร์ แม้ว่าจะเป็นการไม่เคารพต่อพวกเขาสองคนแต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้เห็น ขอเพียงยืนกรานไม่ยอมรับ ก็ไม่มีผู้ใดทำอะไรได้ครั้นลู่จิ้นมาถึง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปแล้วต่อให้เขามีความกล้ายิ่งใ
ซูจื่ออายุยังน้อย ทนต่อการถูกฟาดได้ครั้นปล่อยให้ลู่จิ้นทุบตีระบายอารมณ์ได้ครู่ใหญ่ ก็เจ็บจนต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน หากยืนนิ่งไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกมาแม้แต่คำเดียวลู่จิ้นที่ทุบตีจนเหนื่อยแล้วถึงได้ฝืนหยุดตี“ลูกชายของข้า” ฮูหยินซูเห็นท่าทีจมูกช้ำเขียวใบหน้าปูดบวมของซูจื่อ หยาดน้ำตาก็ไหลลงมาเป็นสาย ร้องไห้
นี่สิถึงจะเป็นอาวุธวิเศษในการแสร้งป่วยที่ถูกต้อง“ขอบคุณศิษย์พี่เจ้าค่ะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รีบกลืนยาเม็ดลงไปทันที“ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องของศิษย์น้องหญิงก็คือเรื่องของข้า” รอจนกระทั่งนางกินยา ลู่จิ้นก็จับชีพจรให้นางอีกครั้งเทียบกับชีพจรยุ่งเหยิงเมื่อครู่แล้ว ชีพจรในยามนี้มั่นคงกว่ามาก ศิษย์น้องหญิงก็รู้