ตงฟางหลีไม่มีคำใดจะเอ่ยเขาเดินไปที่หน้าต่าง เปิดม่านโปร่งสีเขียวอ่อน นิ้วเคาะกระดิ่งที่หน้าต่างพระชายาอ๋องเฉียนผู้เรียบร้อยมาโดยตลอดกลับลงมือกับฉินเหยี่ยนเย่ว์ และพี่ใหญ่ก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้ข่าวลือประเภทนี้เมื่อแพร่กระจายออกไป ก็เปรียบดั่งก้อนหิมะที่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งกลืนกินผู้คนนางไม
“มิใช่บอกจะมอบเรื่องนี้ให้หม่อมฉันหรือเพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ลูดคิ้วของเขาที่ขมวดอยู่ให้เรียบ “ยังไม่ถึงเวลาเลยนะเพคะ”นางอวดฟันขาวเรียงตัวสวย “เตรียมทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว ขาดสิ่งสำคัญสุดท้าย”“ทั้งหมดคืออะไร? สิ่งสำคัญคืออะไร?” ตงฟางหลีพูดขึ้น “หลังจบราชกิจเช้าวันนี้ เสด็จพ่อรั้งข้าถามไถ่สถานการณ์โดย
ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำลังฟังคำพูดทั้งหมดของพวกเขาไม่แปลกใจเลยที่ตงฟางหลีจะโกรธมากขนาดนี้ ข่าวลือเหล่านี้มันเกินไปจริง ๆจวนเหลยอันโหวไม่ได้เห็นจวนอ๋องเจ็ดอยู่ในสายตาเลย กลุ่มคนที่เชื่อข่าวลือเองก็กล้าการจัดการโดยพลการ การเก็บตัวเกินไปนั้นก็มิใช่เรื่องดีไป๋โค้วได้ยินแล้วโกรธมาก “พระชายา ไยถึงไม่ปฏิเสธกล
“ปีศาจขโมยเด็กไปแล้ว” มีคนในกลุ่มฝูงชนตะโกนขึ้น “พวกเราปล่อยให้นางทำเช่นนี้ไม่ได้นะ”“ใช่แล้ว ใช่แล้ว อย่าให้นางพาคนไปอยู่ใต้จมูกของเราได้”“พี่ชายสองสามคนตรงนั้น มา บุกไปกับข้า”“ไป๋โค้ว ผู้ใดที่กล้าเข้ามาใกล้ ถอดแขนขาของผู้นั้นออก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สั่งอย่างเยียบเย็น “แล้วก็พาพวกเขาไปศาลาว่าการได้เล
หลังจากที่ท่านเจ้าเมืองรับคดี ทุกคนก็แตกตื่นโกลาหลหลายร้อยคนต่างพากันมุงดู เจ้าพูดข้าคุย เสียงดังจนเหลือทน“เงียบ” ท่านเจ้าเมืองเคาะไม้ปลุกสติลงกับโต๊ะเจ้าหน้าที่ศาลาว่าการกระแทกไม้โบยลงบนพื้น ก่อให้เกิดเสียงดังที่น่าตะลึงงันความศักดิ์สิทธิ์ของศาลาว่าการทำให้ผู้คนตกตะลึง และในที่สุดกลุ่มผู้คนก็เง
ไป๋โค้วพุ่งความโกรธทั้งหมดที่สะสมในช่วงสองสามวันมานี้ไปยังแรงตบฉาดนี้ได้ยินเพียงเสียงดังก้อง ใบหน้าของฮูหยินเหลยอันโหวถูกตบจนยู่ ฟันหลุดไปหนึ่งซี่ เลือดกบปากชั่วขณะหนึ่งควบคุมที่เกิดเหตุได้ยากลำบาก“บังอาจ” ท่านเจ้าเมืองคิดไม่ถึงว่าไป๋โค้วจะลงมือในศาล ใบหน้าของเขามืดมนยิ่งนัก รีบยกไม้ปลุกสติกระแทก
ทันทีที่คำพูดของฉินเหยี่ยนเย่ว์ดังขึ้นมา เหล่าผู้คนที่เชื่อข่าวลือนอกศาลาว่าการก็นึกถึงเหตุการณ์นั้นออกเช่นกัน“ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ รถม้าของฮูหยินเหลยอันโหวพังอยู่บนถนน เพราะชื่อเสียงไม่ดีของนางจึงไม่มีผู้ใดอยากช่วยเหลือ เพียงยืนดูเรื่องขบขันเท่านั้น ต่อมามีคนใจดีพยุงนางขึ้น ได้ยินว่าพานางไปรักษา”
“ฮูหยินเหลยอันโหว ท่านมีอะไรจะพูดหรือไม่?” ท่านเจ้าเมืองถาม“ใต้เท้า รถม้าของข้าพังอย่างมีเงื่อนงำแอบแฝง ตอนแรกยังดี ๆ อยู่เลย แต่เหตุใดจู่ ๆ ถึงพังได้เล่า?” ฮูหยินเหลยอันโหวชี้ไปยังฉินเหยี่ยนเย่ว์ “ต้องเป็นนางแน่นอน เป็นนางที่จงใจพังมัน”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ส่ายศีรษะใต้หล้านี้ ยังมีคนที่ทั้งโง่ทั้งเลวอ