ใบหน้าคุณหนูเฉิงและคุณหนูเว่ยประเดี๋ยวคล้ำเขียวอีกประเดี๋ยวก็ซีดเผือด“ท่านมีคุณสมบัติอะไรมาต่อว่าพวกเรา?” คุณหนูเฉิงเห็นว่าพวกนางถูกคนหัวเราะเยาะ ก็มิสนมารยาท ลำคอเชิดตรง “เทียบกันแล้ว ท่านยังมิสู้พวกเราเลย”“เป็นเช่นนั้น ตอนนี้ข้าผอมไปสักหน่อย รับสารอาหารไม่เพียงพอ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พยักหน้า ก่อนจะย
เสียงคำเยินยอดังเข้าหูไม่ขาด“นี่ ชุดที่แม่นางซูสวมเหมือนกับชุดของพระชายาอ๋องเจ็ดเชียว” ท่ามกลางเสียงชื่นชม พลันมีเสียงที่แตกต่างออกไปเสียงหนึ่งดังขึ้น“พูดเช่นนี้แล้ว คล้ายว่าจะเป็นเช่นนั้น นี่เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินว่าซูเตี่ยนฉิงมาถึง เดิมความอยากอาหารก็ลดลงไปบ้างแล้ว เมื่อได้ย
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ไม่คิดให้ซูเตี่ยนซวงมาขอบคุณนางเช่นกัน ยามนั้นนางเพียงต้องการไว้หน้าเสนาบดีซูเท่านั้น“ข้าอยากใส่อันใดก็ใส่อันนั้น เกี่ยวอันใดกับเจ้าด้วยเล่า?” นางพูดด้วยความแปลกใจ “เจ้ามีใจมาใส่ใจเรื่องนี้ มิสู้ใส่ใจใบหน้าเหี้ยมโหดและอัปลักษณ์ของเจ้าให้มากขึ้น ไม่น่ารักเพียงนี้ระวังจะไม่ได้ออกเรือ
“นี่มิแปลกยิ่งกว่าเดิมหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงของเครื่องประดับหรือจะเป็นลวดลายของอาภรณ์ก็ดี ล้วนแต่ซุกซ่อนชื่อของข้าและเขาเอาไว้ เจ้าดูลายดอกไม้อันนี้ ดูผิวเผินจะคล้ายเป็นดอกไม้ แท้จริงแล้วเป็นคำที่เปลี่ยนรูปทรงจากคำว่าเหยี่ยนเย่ว์”นางชี้ไปที่บุปผาปักบนเสื้อ“
สีหน้าของซูเตี่ยนฉิงพลันแปรเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์มากยิ่งขึ้นถูกด่าว่าเป็นหนูต่อหน้าทุกคน ทำเอารู้สึกอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี นางโมโหเสียจนใจสั่น กลับพูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว“ท่านว่าผู้ใด?” ซูเตี่ยนซวงถลาออกมา มือเท้าสะเอว ท่าทางต้องการจะหาเรื่องตงฟางซวี่เหลือบมองนางเพียงแวบเดียว ก่อนจะเอ่ยด้วยน้
“กินเนื้อวัวหรือไม่?” นางเอ่ยถามรอยยิ้มที่มุมปากตงฟางซวี่คลี่ออกกว้างขึ้น จากนั้นจึงยื่นชามเข้ามา “กิน”ฉินเหยี่ยนเย่ว์คีบเนื้อวัวให้นางตงฟางซวี่กินเข้าไปหนึ่งคำ แล้วพยักหน้า “มิแปลกใจที่พี่เจ็ดบอกว่าข้าจะต้องชอบท่านแน่นอน พี่สะใภ้เจ็ด ท่านแตกต่างจากผู้อื่นจริง ๆ”“พี่เจ็ดของเจ้าให้เจ้ามางั้นรึ?”
“อย่าขยับ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขวางตงฟางซวี่ไว้ “พวกเราไม่รู้ถึงเป้าหมายของนักฆ่า ง่ายที่จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น”“อีกอย่าง นักฆ่าก็ไม่จำเป็นจะต้องพุ่งมาทางพวกเรา...”“ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว” เสียงของฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังมิทันจบ พลันมีคนร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจท่ามกลางฝูง “ฮูหยินเหยาฮวาลื่นล้ม เร็
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เรี่ยวแรงของหญิงมีครรภ์ถดถอยลงไปเรื่อย ๆ ทว่าปากมดลูกเพิ่งจะเปิดสองนิ้วฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงรู้สึกร้อนรนสักเล็กน้อยหลังจากหญิงมีครรภ์ลื่นล้ม เดิมอาการก็มิสู้ดีอยู่แล้ว ทั้งยังมีภาวะคลอดยาก เป็นเสมือนกับการเติมแผ่นน้ำค้างแข็งลงบนหิมะยิ่งเวลายืดเยื้อออกไปนานก็จะยิ่งเกิดอันตรา
หญิงสาวตกใจจนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว รีบทำความเคารพ แล้วรีบจากไปผ่านไปได้ไม่นาน ก็มีคนมาเคาะประตู“ท่านอ๋องสาม ของว่างของท่านมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ด้านนอกประตู มีเสียงของเสี่ยวเอ้อร์ดังขึ้น“ข้าไม่ต้องการของว่าง ไสหัวออกไป” ท่านอ๋องสามตะคอกเสียงดังเสี่ยวเอ้อร์เพิกเฉยราวกับไม่ได้ยิน เปิดประตูเข้ามาเหมือ
กลางดึกค่อนคืน ภายในเรือนหลังเล็กกลับยังคงจุดไฟสว่างไสวไว้อยู่เช่นเคยครั้นหมิ่นจูเดินเข้ามา ก็ถูกบุรุษผู้มีนัยน์ตาดอกท้ออุ้มนางขึ้น“องค์ชายหก” หมิ่นจูกระมิดกระเมี้ยน สีหน้าแดงซ่าน “เลิกวุ่นวายได้แล้วเพคะ”องค์ชายหกสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนโน้มกายมาที่ข้าง ๆ หูของนาง “กลิ่นของจูเอ๋อร์หอมเหลือเกิน”ค
นางขมวดคิ้ว “เรื่องของพี่หญิงข้าก็เคยได้ยินมาอยู่บ้าง จวนสกุลฉินทางฝั่งนั้นประหลาดยิ่งนัก ข้าส่งคนไปสอบถามที่จวนสกุลฉิน คนของจวนสกุลฉินกลับปิดปากสนิท ไม่มีผู้ใดกล้าพูดสักคน ข้าก็ได้ยินข่าวมาบ้าง ว่าสถานการณ์มิสู้ดีเท่าใดนัก”“ท่านน้า ช่วยท่านแม่ของข้าด้วย” ฉินเสวี่ยเย่ว์พูดอย่างรีบร้อน “โปรดคิดหาวิธ
“ฮูหยิน พระชายาอ๋องสามน่าจะฝันร้ายอยู่นะเจ้าคะ” สาวใช้สวมอาภรณ์สีเขียวกดตัวที่สั่นเทาไม่หยุดของฉินเสวี่ยเย่ว์ “ดูเหมือนว่าจะได้รับความตกใจมาขนานหนัก ต้องรีบปลุกนางให้ตื่นขึ้นมาเจ้าค่ะ”ฮูหยินหัวฝูที่อยู่ข้าง ๆ ถอนหายใจ เห็นฉินเสวี่ยเย่ว์ที่ดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย ดวงตาสองข้างกรอกขึ้นฟ้า ท่าทีตื่นตก
นางตะโกนเรียกทว่าไม่มีผู้ใดมา จึงทำได้เพียงนอนขดตัวอยู่ในความมืดมิดเท่านั้นผ้าม่านพลิ้วไหว แล้วโครงร่างของเงาดำเงาหนึ่งก็ปรากฏขึ้น บนเงาดำคล้ายกับมีใบหน้าขนาดใหญ่น่าหวาดกลัว กำลังจับจ้องนางอยู่เมื่อสายตาจับจ้องไปที่ใด ใบหน้าขนาดใหญ่อันน่าหวาดกลัวนั้นก็ย้ายตามไปด้วยเมื่อร้อนตัว มองไปรอบ ๆ ล้วนคิดว
ครั้นได้ยินคำพูดเสียดสีของเย่ว์ลู่ ท่านอ๋องสามจึงมีสติกลับคืนมาเล็กน้อย ก่อนที่จะหยุดหมัดหากเขาทุบตีฉินเสวี่ยเย่ว์จนตาย เขาก็กลายเป็นฆาตกรฆ่าคนจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต ทำลายทุกอย่างทิ้งเพื่อสตรีผู้นี้ไม่คุ้มค่าเขาจึงเตะฉินเสวี่ยเย่ว์ที่มีมีสภาพน่าเอน็จอนาถไปข้าง ๆ ก่อนเหลือบมองเย่ว์ลู่ด้วยสายตาลึกล้ำ
“ท่านอ๋อง”ฉินเสวี่ยเย่ว์เคลื่อนกายเข้ามาข้างกายท่านอ๋องสาม พลางคว้าแขนเสื้อของเขา แล้วร่ำไห้สะอึกสะอื้นออกมาด้วยความขมขื่น “ขอร้องท่าน ขอร้องท่านช่วยท่านแม่ของหม่อมฉันด้วยเพคะ นางจะต้องถูกใส่ร้ายแน่นอน ขอร้องท่านล่ะ ช่วยนางด้วยเพคะ”กล่องเสียงที่ได้รับความเสียหายยังไม่ทันฟื้นตัว น้ำเสียงจึงแหบพร่าเ
หลังจากอ๋องสามได้ยินข้อมูลนี้ก็สูดลมหายใจเข้าเช่นกันฮูหยินเฟิ่งซีสกุลฉินเป็นอัจฉริยะทางการค้าขาย ในช่วงหลายปีมานี้สะสมทรัพย์สมบัติได้จำนวนมาก มีข่าวลือว่าทรัพย์สมบัติที่จวนสกุลฉินสะสมนั้นร่ำรวยพอ ๆ กับแว้นแคว้นเลย และร้านค้าทั่วทั้งสี่แคว้นก็ทำเงินได้ทุกวันหู้กั๋วกงฉินอี้เป็นคนซื่อตรงไม่ยกยอประจบส
“เย่ว์ลู่” อ๋องสามแทบจะเค้นคำพูดรอดจากไรฟัน “เจ้าอย่าก่อกวน กลับไปเสีย อย่ายั่วโมโหข้า”“ท่านหูหนวกหรือ?” เย่ว์ลู่ยังคงยิ้ม “หม่อมฉันบอกกับท่านไปแล้วว่าหม่อมฉันมาส่งของขวัญ ของขวัญชิ้นใหญ่นี้ยังไม่ได้ส่งออกไป แล้วหม่อมฉันจะจากไปได้อย่างไรกัน? อีกอย่าง แม้ความตายหม่อมฉันก็ไม่กลัวด้วยซ้ำ แล้วหม่อมฉันจ