“พระพันปีเพคะ” สายตาของนางจริงจัง “หม่อมฉันแสดงท่าทีของหม่อมฉันอีกครั้ง เรื่องรับอนุชายา หม่อมฉันยกมือสองข้างเห็นด้วยเพคะ ตราบใดที่ท่านอ๋องเห็นด้วย หม่อมฉันก็ไม่มีเหตุผลที่จะคัดค้านเพคะ ล้วนฟังความคิดเห็นของท่านอ๋องในทุกเรื่อง สิ่งที่หม่อมฉันไม่เข้าใจคือแม้ว่าต้องตรวจร่างกาย ก็ยังต้องตรวจตอนเป็นเจ้า
“พระชายาอ๋องเจ็ด บ่าวทำให้ท่านกลัวหรือเพคะ?” แม่นมผู้ตรวจร่างกายยังคงเดินเข้าหาฉินเหยี่ยนเย่ว์“เจ้าหยุดอยู่ตรงนั้น หากเจ้ากล้าก้าวมาข้างหน้าอีก อย่าตำหนิข้าที่ไม่เกรงใจ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ส่งเสียงเฮอะร่องรอยของความประหลาดใจฉายแวบขึ้นมาในดวงตาของแม่นมผู้ตรวจร่างกาย และนางก็หยุดตามที่คาดไว้ฉินเหยี่ยนเ
“ไม่มีประโยชน์หรือ? จัดการกับเจ้า ข้าก็ไม่ได้คิดว่าพวกมันจะมีประโยชน์” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยิ้มเย้ยหยัน ทันใดนั้นก็ยกเท้าขึ้น และเตะเข้าไปใส่นางอย่างแรงแม่นมเผลอปล่อยมือออก แล้วเปลี่ยนมาจับขาของนางแทนใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้ ฉินเหยี่ยนเย่ว์แทงปิ่นปักผมข้าไปตรงหน้าอกบริเวณหัวใจของนางอย่างแรง“ไม่น่ารัก
“กระถางดอกไม้แปลก ๆ ที่แท้ก็ฝีมือเจ้านี่เอง?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดขึ้น“ไม่ใช่ข้า” ไป๋หลินยวนพูดต่อ “บุปผาจันทร์ครามมีพิษและหายากมาก หากได้สูดดมกลิ่นของมันเป็นเวลานาน ผู้คนจะอ่อนแอลง ง่วงนอน และหมดความสนใจในทุกเรื่อง ผู้คนจะเกียจคร้านเกินจะไตร่ตรองมากขึ้น มันเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์อย่างยิ่ง”“โอ้?” ฉ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตื่นตระหนก “เจ้าทำอะไรน่ะ?”“ไม่มีอะไร ข้าโปรยละอองเกสรของบุปผาจันทร์ครามใส่ฮองเฮาไว้ล่วงหน้าแล้ว งูปรสิตไวต่อกลิ่นนั้นมาก และไม่นานก็จะสามารถติดตามกลิ่นไปจนได้” ไป๋หลินยวนสวมหน้ากากบนใบหน้า“ไปกันเถอะ ควรจะกลับไปรายงานการปฏิบัติหน้าที่แล้ว” เขาขมวดคิ้ว “จริงสิ ข้าเจอสิ่งนี้บนตัวแม่นม
ดวงตาของซูเตี่ยนฉิงแดงก่ำ ฉีกใบหน้าที่เสแสร้งแกล้งทำทิ้งด้วยท่าทางร้ายกาจ “ละอายใจรึ? ไยข้าต้องละอายใจด้วย?”“เจ้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าตงฟางหลีจำคนผิดใช่ไหม?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดอย่างเย็นชา “ตงฟางหลีมองเจ้าต่างจากคนอื่น และตามจีบเจ้าอย่างกระตือรือร้น เป็นเพราะเขายึดมั่นว่าเจ้าก็คือเด็กสาวตัวน้อยที่ช่ว
“พระพันปีเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขึ้นเสียงสูง เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “พระองค์ไม่สบายหรือเพคะ?”“ใครก็ได้ รีบไปเชิญหมอหลวงมาสิ”หน้าผากของไป๋หลินยวนกระตุกเล็กน้อยหมอหลวงเพียงคนเดียวที่ปฏิบัติหน้าที่โดยตรงมีเพียงเขา และเขาก็อยู่ที่นี่ด้วย ฉินเหยี่ยนเย่ว์คนนี้ต้องการทำอะไร?ไป๋หลินยวนอยู่ที่นี่ในฐานะแม่
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจนางสงสัยมาก ด้วยสติปัญญาของฮองเฮา นางนั่งตำแหน่งฮองเฮาได้อย่างไรกันแน่?วันมงคลในห้องโถงใหญ่ ฮองเฮาผู้เป็นมารดาของใต้หล้านี้ก็อยากจะใช้ฝีมือการใส่ร้ายป้ายสีแย่ ๆ ผลักความรับผิดชอบใส่ตัวนาง แต่ถูกนางมองออก ณ ตรงนั้น และเสียเปรียบครั้งใหญ่ต่อมาในตำหนักเป่าลู่ ท่าทีของฮองเฮาก็จ
ปรากฎการณ์ทุกอย่างแสดงออกมาให้เห็นถึง คำตอบหนึ่งที่โดดเด่นออกมา“ท่านหมายความว่า...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ปริปากพูดด้วยความยากลำบากอยู่บ้าง “ฮ่องเต้คิดจะให้ท่านขึ้นเป็นองค์รัชทายาทหรือ?”ตงฟางหลีถอนหายใจ “ใช่ หรืออาจจะไม่ใช่”“ท่านพูดเช่นนี้มิไร้สาระไปหรือ?”“ข้าคาดเดาความคิดของเสด็จพ่อไม่ได้” ตงฟางหลีพู
ตงฟางหลีมองฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่กำลังโกรธขึ้งด้วยนิสัยของนาง จะต้องทำเรื่องอย่างการทวงหนี้จากทางเสด็จพ่อออกมาได้อย่างแน่นอนเขาดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน วางคางลงบนไหล่ของนาง “เด็กโง่ ผู้ใดบอกเจ้ากันว่าอ๋องทุกคนต้องมีที่ดินกันเล่า?”“แล้วมิใช่หรือ?” ในความทรงจำของฉินเหยี่ยนเย่ว์ พอถึงช่วงวัยหนึ่งอ๋องทุกคนก
“กองรักษาระเบียบถูกเผาจนมอดไหม้ไปหมดแล้ว” ตงฟางหลีพูด “ทั้งภายในและภายนอก ถูกเผาเสียจนไม่มีเหลือ กองรักษาระเบียบสร้างขึ้นมาตั้งแต่ก่อตั้งแคว้น จึงมีความสำคัญมาก ต้องรีบสร้างขึ้นใหม่โดยเร็ว”“เช่นนั้นแล้วเกี่ยวอันใดกับท่านด้วยล่ะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดตงฟางหลีถอนหายใจ “ที่จริง ตอนที่เจ้ากำลังนอนหลับ เ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไร้คำพูดกับจอมขี้หึงผู้นี้ยิ่งนักนางพลิกกาย หันไปเผชิญหน้ากับเขาหลังจากทายาจินซวงเย่าชั้นยอดไปแล้ว ไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อยจริง ๆนางเกี่ยวคอของเขาไว้ “หม่อมฉันหาได้คิดถึงชายอื่นไม่ คิดถึงแต่เพียงท่านเท่านั้น”“ยัยหนู ยังโกหกข้าอีก” ตงฟางหลีเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ไม่ใช่”“โกหกข้าแล
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มิได้คำตอบกลับ อารมณ์ไม่ดีนัก จึงดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะ ไม่สนใจตงฟางหลี“เลิกคลุมได้แล้ว” ตงฟางหลีถืออาภรณ์ตัวใหม่มา ก่อนจะช่วยสวมให้นางอย่างเบามือฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังคงพูดพึมพำนางดึงตัวตงฟางหลีเข้ามา “พี่เจ็ด ท่านไม่คิดว่าท่านทำเกินไปบ้างหรือ?”ตงฟางหลีฉวยโอกาสนี้โอบนางไว้ในอ้อมแขน “
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่อยู่ในความฝันไม่ได้ยินเสียง ทว่ากลับได้กลิ่นที่คุ้นเคยนั้นนั่นเป็นกลิ่นที่ทำให้คนสงบจิตใจได้ฉินเหยี่ยนเย่ว์ผ่อนคลายลงโดยไม่รู้ตัวนางพลิกตัว และใช้มือตีคนข้าง ๆ อย่างแรง“ยัยหนู!”ใบหน้าของตงฟางหลีทะมึนทึน “ท่านอนของเจ้านี่!”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินสิ่งที่ตงฟางหลีกำลังพูดไม่ค่อยชัด
เมื่อคิดว่านางอาจจะจากไป เมื่อคิดว่าจะสูญเสียนางไป เมื่อคิดถึงภาพเหตุการณ์ในแต่ละเหตุการณ์ที่ไม่มีนางอยู่ด้วยแล้ว เขาไม่สามารถยอมรับได้เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหากนางทิ้งเขาไป เขาจะสามารถทำอะไรได้บ้าง“ยัยหนู” เขาก้มหน้าลง แล้วกดหน้าผากลงบนหน้าผากของนาง “ข้ากลัวมาก จนถึงตอนนี้มือข้ายังสั่นอยู่เลย จนกระทั
ตู้เหิงคิดถึงสุ่ยเยียนที่เย็นชาและไม่ชอบพบปะผู้คน หัวใจก็คันยุบยิบยิ่งสุ่ยเยียนไม่สนใจเขามากเท่าใด เขาก็ยิ่งอยากเข้าใกล้มากขึ้นแม้ว่าจะถูกนางจ้องเขม็ง แต่เขาก็สามารถมีความสุขไปได้อีกครึ่งวันในฐานะบุรุษสง่าผ่าเผย จะต้องยึดมั่นจนถึงที่สุด ไม่ละทิ้งกลางคัน ที่สำคัญกว่านั้นคือต้องรักษาตนให้บริสุทธิ์ด
“ไปทำตามที่พระชายาบอก” ตงฟางหลีรับช่วงต่อ “ข้าจะไปขอประทานอภัยจากเสด็จพ่อ เจ้าออกไปเตรียมตัวก่อนเถอะ”หลี่เวยหลิงลังเลมากการจุดไฟเผาในพระราชวัง เป็นเรื่องที่พระชายาอ๋องเจ็ดเท่านั้นที่กล้าทำทว่า นอกจากการเผาแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีวิธีอื่นแก้ปัญหาที่ดีเลยเขารับคำสั่งแล้วออกไปตงฟางหลีมองไปที่ห้องโถงให