ท้องพระโรงเงียบสงัดฮองเฮาเองก็มิกล้าเอ่ยวาจาอะไรอีกต่อไป เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อตัวเองท่าทีของฮองเฮาล้วนเข้ามาในครรลองพระเนตรขององค์ฮ่องเต้พระดัชนีแตะที่วางแขนโดยไม่รู้ตัวและปิดพระเนตรลงเล็กน้อยสกุลซูยังไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ฮองเฮาซูก็เคลื่อนไหวมิได้เช่นกันครั้นสกุลซูเคลื่อนไหว ความสมดุลที่รักษ
“เสด็จพ่อโปรดรับสั่ง”“เพิ่มอีกยี่สิบไม้” ฮ่องเต้ทรงตรัส “ถ้าต้องการรับโทษแทนนาง ก็ไปรับเจ็ดสิบไม้”“ลูกขอน้อมรับสั่ง” ตงฟางหลีน้อมรับพระราชกระแสรับสั่งฉินเหยี่ยนเย่ว์กังวลใจเล็กน้อยเจ็ดสิบไม้เชียวนะเขาเพิ่งกลับมาจากประตูนรก อาการบาดเจ็บยังไม่หายดีนัก หากเขาถูกโบยอีกเจ็ดสิบไม้ เกรงว่าจะพิการได้“
“เสด็จพ่อ ในฐานะที่ลูกเป็นพี่ชายคนโต สมควรปกป้องน้องชายและน้องสาวให้ดี น้องรองร่างกายอ่อนแอ ซ้ำยังเดินไม่ได้อีก หากถูกโบยไปอีกหลายไม้ เกรงว่าจะอันตรายถึงชีวิตได้พ่ะย่ะค่ะ”“เสด็จพ่อทรงอนุญาตให้ลูกรับโทษแทนพวกเขาด้วยพ่ะย่ะค่ะ” องค์ชายใหญ่ก้มศีรษะลงและพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจในที่ที่ไม่มีผู้ใดมองเห็น แว
อากาศหนาวเย็น ลมหายใจที่พ่นออกมานั้นควบแน่นจนกลายเป็นหมอกสีขาว ซึ่งทำให้เสียงของเขาเลือนรางเล็กน้อย “นึกแล้วเชียวว่าซ่อนจากท่านอ๋องรองมิได้”รอยยิ้มบนมุมริมฝีปากของตงฟางเจวี๋ยยังคงขยายกว้างไม่หยุด “เจ้าเจ็ดแตกต่างจากเมื่อก่อนจริง ๆ แล้วมันเริ่มตั้งแต่เมื่อใดกัน?”ลู่ซิวครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “น่าจะเริ
“ไม่น่าเชื่อถือ” ลู่จิ้นลูบเคราพลางพูดขึ้น “หากข้าหยดเลือดหมูลงในเลือดของข้า เป็นไปได้หรือไม่ที่หมูจะเป็นลูกของข้า?”หลังจากที่เขาพูดจบ จึงรู้สึกว่าคำเปรียบเปรยเช่นนี้ไม่เหมาะสมอีกแล้ว จึงโบกมือ “อย่างไรก็ตาม ข้าสามารถเป็นพยานได้ว่าการหยดเลือดเพื่อทดสอบความเป็นสายเลือดเป็นเรื่องไร้สาระ ถ้าข้ารู้ว่าเ
ดวงตาของลู่ซิวเป็นประกาย “ไยพระชายาไม่ไปถามท่านอ๋องด้วยตนเองเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”“เขาจะตอบไหมล่ะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หัวเราะเบา ๆด้วยนิสัยของตงฟางหลี แน่นอนว่าจะไม่พูดอะไรเลยเขา...เป็นคนที่ภายในมืดมนเจ้าเล่ห์ ทว่าภายนอกกลับแสร้งเป็นคนใจดีซื่อตรง“ไม่มีทาง” ลู่ซิวตอบ “ที่จริงแล้วพระนางมิจำเป็นต้องกังวลเลย
“กลอุบายของซูเตี่ยนฉิงไม่ใช่เพียงแค่นั้น ถ้านางต้องการแต่งงานเข้าจวนอ๋องเจ็ด พระชายาควรจะทำเช่นไร?” ใบหน้าของลู่ซิวสงบนิ่งสีหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์เปลี่ยนไปตงฟางหลีกำลังเปิดโปงซูเตี่ยนฉิงต่อหน้าองค์ฮ่องเต้ ซึ่งเป็นการทำลายชื่อเสียงของนาง ครั้นต้องการซ่อนเร้นก็ไม่สามารถซ่อนมันไว้ได้หากซูเตี่ยนฉิงต้
“หม่อมฉันไม่ได้วางยาพิษ เมื่อวานมันเป็นอุบัติเหตุเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “ถ้าท่านไม่กินก็ไม่ต้องกิน ไม่ถึงกับต้องใส่ร้ายหม่อมฉันกระมัง? หรือท่านต้องการให้หม่อมฉันขอบคุณอย่างไร?”“มาหาข้า” ตงฟางหลีกล่าว“หืม?”“ไม่อยากขอบคุณข้าหรือ?”“โอ้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินเข้าไปข้างเขา“นั่งสิ” ตงฟางหลีชี้ไปตรงหน
“เหยี่ยนเย่ว์!”ในตอนที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์คิดว่าตนกำลังจะตาย สุ้มเสียงที่เป็นกังวลก็ดังขึ้น“เหยี่ยนเย่ว์ เจ้าเป็นไรหรือไม่?”“ยัยหนู เจ้าห้ามเป็นอะไรเด็ดขาดนะ”เสียงหนึ่ง ตอนแรกฟังดูเหมือนมาจากมิติอันไกลโพ้น ยากที่จะได้ยินชัดเจนแต่แล้วเสียงนั้นดังขึ้นเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆผ่านชั้นสีเลือด ขจัดความกลัว ข
หลังจากที่ป้าหวนออกคำสั่ง ทุกคนต่างรวมตัวกันรอบฉินเหยี่ยนเย่ว์และเฟิ่งหลีกระบี่ยาวหอบลมปะทะมา ทั้งหมดโจมตีลงมาที่พวกเขาฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่เคยพบเจอเรื่องเช่นนี้มาก่อนครั้งก่อนที่ถูกคนของอีกาดำโจมตี อีกาดำตัวนั้นไม่ได้เห็นนางอยู่ในสายตาเลย และการเคลื่อนไหวของฝ่ามือช่างเชื่องช้ายิ่งนัก นางหลบหนีได้ภา
ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกว่าเถาวัลย์โลหิตถูกคนตัดออกไป ร่างกายเบาขึ้นดูเหมือนมีคนตบใบหน้านางอย่างแรงคนผู้นั้นยังคงพูดอะไรบางอย่างร้อนใจด้วยเสียงที่ห่างไกลฟื้นคืนกลับมาทีละน้อย และสมองที่ค้างเติ่งว่างเปล่าก็เริ่มต้นใหม่เช่นกัน“สาวน้อย ตื่นได้แล้ว”ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองไปยังแหล่งที่มาของเสียงด้านหน้า ใบ
องครักษ์จื่ออวี๋ในยามนี้ตกอยู่ภายใต้การโจมตีจากทั้งสองด้านแล้วหลังจากที่เขาได้รับบาดเจ็บ สีหน้าย่ำแย่อย่างรวดเร็วบนกระบี่มีพิษ!ภายใต้ผลกระทบของพิษ สติขององครักษ์จื่ออวี๋พร่ามัวเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะรีบผนึกจุดฝังเข็มที่สำคัญหลายจุดจุดฝังเข็มถูกผนึกกะทันหัน และเมื่อเลือดลมพุ่งทะยานขึ้น เขาจึงกระอัก
นอกจากกำแพงที่มิอาจเข้าใกล้ได้แล้ว อีกสามทิศที่เหลือล้วนถูกยึดครองทั้งหมดภายใต้วงล้อมที่โอบล้อมหลายชั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์และองครักษ์จื่ออวี๋เหลือเรี่ยวแรงเพียงเล็กน้อยฝั่งตรงข้ามมีคนจำนวนมาก ส่วนพวกเขามีกันเพียงสองคน การต่อสู้แบบเวียนเทียนสามารถทำให้พวกเขาเหนื่อยล้าจนหมดแรงได้เช่นกัน“รีบสู้รีบจบเถิ
องครักษ์จื่ออวี๋หยุดชะงักไปชั่วขณะศัตรูมีจำนวนมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด สถานการณ์อยู่ในขั้นวิกฤต เขาเพียงคนเดียวรับมือกับคนจำนวนมากเพียงนี้ อาจทำให้มิอาจดูแลไปพร้อม ๆ กันได้“สวมสิ่งนี้ไว้” เขาถอดเกราะเม่นอ่อนของตนเองออก“นี่คือ...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกตะลึงเกราะเม่นอ่อนที่ดาบแทงไม่เข้า เป็นสิ่งของในตำน
องครักษ์จื่ออวี๋มีวรยุทธ์ที่สูงส่ง มีความเป็นไปได้ที่จะหลบหนีออกไปได้“มิอาจให้พวกเขาหลบหนีออกไปได้” ป้าหวนกำหมัดแน่นอย่างดุดัน “ตามไป จะต้องสงหารพวกเขาในกองรักษาระเบียบนี้ให้ได้”“หากพวกเขาออกจากกองรักษาระเบียบไปได้แล้ว พวกเราทั้งหมดก็ต้องตาย”สีหน้าของเหล่านางกำนัลพลันกลายเป็นเหี้ยมโหดขึ้นมามีนาง
“ไม่ได้” ใบหน้าเล็ก ๆ ของตงฟางอิงซีดขาว “พวกนางล้วนมีวรยุทธ์กันทั้งนั้น ท่านไม่เป็นวรยุทธ์ สู้พวกนางไม่ได้หรอก”นางกำนัลเหล่านี้ไม่รู้ว่ามีที่มาอย่างไร แต่ละคนล้วนมีฝีมือสูงส่งทั้งนั้นด้วยวรยุทธ์ของเขาในตอนนี้ อย่างมากที่สุดก็คืออาศัยวิชาตัวเบาที่ซุยเยียนสอนหลบหนีไป คิดจะเอาชนะพวกเขาได้นั้นเป็นไปไม
ป้าหวนจับจ้องกระดาษแผ่นนั้นสักพัก ใบหน้าเคร่งขรึมนั้นเปี่ยมล้นด้วยรังสีอาฆาตเสียงของนางแทบจะเค้นลอดไรฟันออกมา “ฝ่าบาทให้ท่านมารับตัวพระสนมเหยาหรือ?”“ถูกต้อง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “คดีของพระพันปีเป่าเปิดเผยความจริงทั้งหมดแล้ว พระสนมเหยาเป็นผู้ถูกข้อครหา เสด็จพ่อจึงมีพระราชโองการให้ข้ากับองค์ชายสิบมาร