อากาศหนาวเย็น ลมหายใจที่พ่นออกมานั้นควบแน่นจนกลายเป็นหมอกสีขาว ซึ่งทำให้เสียงของเขาเลือนรางเล็กน้อย “นึกแล้วเชียวว่าซ่อนจากท่านอ๋องรองมิได้”รอยยิ้มบนมุมริมฝีปากของตงฟางเจวี๋ยยังคงขยายกว้างไม่หยุด “เจ้าเจ็ดแตกต่างจากเมื่อก่อนจริง ๆ แล้วมันเริ่มตั้งแต่เมื่อใดกัน?”ลู่ซิวครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “น่าจะเริ
“ไม่น่าเชื่อถือ” ลู่จิ้นลูบเคราพลางพูดขึ้น “หากข้าหยดเลือดหมูลงในเลือดของข้า เป็นไปได้หรือไม่ที่หมูจะเป็นลูกของข้า?”หลังจากที่เขาพูดจบ จึงรู้สึกว่าคำเปรียบเปรยเช่นนี้ไม่เหมาะสมอีกแล้ว จึงโบกมือ “อย่างไรก็ตาม ข้าสามารถเป็นพยานได้ว่าการหยดเลือดเพื่อทดสอบความเป็นสายเลือดเป็นเรื่องไร้สาระ ถ้าข้ารู้ว่าเ
ดวงตาของลู่ซิวเป็นประกาย “ไยพระชายาไม่ไปถามท่านอ๋องด้วยตนเองเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”“เขาจะตอบไหมล่ะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หัวเราะเบา ๆด้วยนิสัยของตงฟางหลี แน่นอนว่าจะไม่พูดอะไรเลยเขา...เป็นคนที่ภายในมืดมนเจ้าเล่ห์ ทว่าภายนอกกลับแสร้งเป็นคนใจดีซื่อตรง“ไม่มีทาง” ลู่ซิวตอบ “ที่จริงแล้วพระนางมิจำเป็นต้องกังวลเลย
“กลอุบายของซูเตี่ยนฉิงไม่ใช่เพียงแค่นั้น ถ้านางต้องการแต่งงานเข้าจวนอ๋องเจ็ด พระชายาควรจะทำเช่นไร?” ใบหน้าของลู่ซิวสงบนิ่งสีหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์เปลี่ยนไปตงฟางหลีกำลังเปิดโปงซูเตี่ยนฉิงต่อหน้าองค์ฮ่องเต้ ซึ่งเป็นการทำลายชื่อเสียงของนาง ครั้นต้องการซ่อนเร้นก็ไม่สามารถซ่อนมันไว้ได้หากซูเตี่ยนฉิงต้
“หม่อมฉันไม่ได้วางยาพิษ เมื่อวานมันเป็นอุบัติเหตุเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “ถ้าท่านไม่กินก็ไม่ต้องกิน ไม่ถึงกับต้องใส่ร้ายหม่อมฉันกระมัง? หรือท่านต้องการให้หม่อมฉันขอบคุณอย่างไร?”“มาหาข้า” ตงฟางหลีกล่าว“หืม?”“ไม่อยากขอบคุณข้าหรือ?”“โอ้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินเข้าไปข้างเขา“นั่งสิ” ตงฟางหลีชี้ไปตรงหน
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เพิ่งจะมีสติสัมปชัญญะกลับคืนมา นางลูบเส้นผมบนศีรษะของเขาจนติดใจชั่วจังหวะหนึ่งนั้น นางมีความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมาเล็กน้อย จึงรีบปล่อยเส้นผมของเขาออก “เหตุใดวันนี้ท่านถึงไม่ปักปิ่นเล่า?”“พวกเรามารับโทษ จักต้องสวมเสื้อผ้าสีเรียบและห้ามปักปิ่น กระทั่งจุดนี้เจ้ายังไม่สังเกตอี
ตงฟางหลีลำคอตีบตันยิ่งนัก ในยามที่กล่าวออกมา เสียงทุ้มต่ำ “เช่นนั้น หากคนที่มีนัยน์ตาสีดำสองคน สามารถให้กำเนิดเด็กที่มีตาสีฟ้าได้หรือไม่?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ครุ่นคิด ก่อนเอ่ยตอบ “จากทฤษฎีแล้ว เป็นไปได้เพคะ”ได้ยินคำตอบนี้เข้า ตงฟางหลีพลันเบิกตากว้างทันที เขาลุกขึ้นยืน กระโจนจนเกือบจะมาถึงตรงหน้าของนาง
ในน้ำเสียงของตงฟางหลีเจือด้วยความวิงวอนและความคาดหวัง “เจ้า สามารถคืนความบริสุทธิ์ให้กับน้องเก้าได้หรือไม่?”“หม่อมฉันน่ะหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง “ตงฟางหลี ท่านมั่นใจหรือว่ามารดาของน้องเก้าเป็นผู้บริสุทธิ์?”ความน่าจะเป็นทางพันธุกรรมและการกลายพันธ์ของยีนส์ที่นางเพิ่งจะเอ่ยถึงไปเมื
“ข้าอยากให้นางตาย”“อ๊าก ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไปตายซะ”ดวงตาทั้งสองข้างของนางเป็นสีแดงโลหิต ใบหน้าดุร้าย มองบุคลิกที่มีเสน่ห์ในอดีตไม่ออกเลยสักนิดหมิ่นจูจ้องมองฉินเสวี่ยเย่ว์ที่โฉมหน้าเปลี่ยนไป พลางส่ายหัวเล็กน้อยฉินเสวี่ยเย่ว์ผู้นี้ ราวกับถูกแกะสลักจากแม่พิมพ์เดียวกันกับหมิ่นอวี้ไร้วิสัยทัศน์เช่นเดียว
เขตชานเมืองเมืองเหวินจิงในจวนหลังใหญ่อันเงียบสงบ มีลานเรือนที่ลึกมาก ๆ อยู่เมื่อข้ามทะเลสาบเทียมซึ่งมีใบบัวเหี่ยวเฉากระจายไปทั่ว รวมถึงป่าไผ่ สามารถเห็นศาลาสีแดงเล็กที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางต้นหลิวได้รำไรในศาลาเล็ก ๆฉินเสวี่ยเย่ว์ที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง และแทบจะสติฟั่นเฟือนอยู่รอมร่อคว้าตุ๊กตาที่ทำจากผ้าขา
จีอู๋เยียนท่าทีเคร่งขรึมเขายืนอยู่ตรงนั้น เหลือบตาหงส์ขึ้นเล็กน้อย ราวกับรอให้นางพูดต่อไปฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดจบแล้ว และกำลังรอคำตอบของเขา “ท่านเข้าใจใช่หรือไม่?”“หมดแล้ว?” จีอู๋เยียนถามหลังจากรอสักพัก“หมดแล้ว”“แค่นั้นหรือ?” จีอู๋เยียนมองนางราวกับมองคนโง่เขลา “ท่านคงมิได้กำลังเล่นตลกอยู่กระมัง?”เ
จีอู๋เยียนเหลือบมองลู่จิ้นที่ร้องเอะอะไม่หยุดทว่าไม่ได้สนใจเลยสักนิดเขามองฉินเหยี่ยนเย่ว์ด้วยสีหน้าเย็นชา ไอสังหารเยียบเย็น “ฉินเหยี่ยนเย่ว์ ความอดทนของข้ามีจำกัด แนะนำท่านอย่าได้ผลัดวันอีก”ลู่จิ้นถูกเมิน ทั่วทั้งใบหน้าล้วนเป็นสีทะมึน“จอมปีศาจ เจ้าหาเรื่องอยู่ใช่หรือไม่?”“เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า คนที่ใช้วิธีการโหดร้ายเช่นนี้ทำร้ายเจ้าคือฉินเสวี่ยเย่ว์?” ตงฟางหลีถามคนที่เกลียดยัยหนูเข้ากระดูกไม่ได้มีมากมาย และฉินเสวี่ยเย่ว์ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้นจุดหนึ่งที่สำคัญที่สุด คือฉินเสวี่ยเย่ว์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหมิ่นจูที่ผิดแผกคนนั้นและในการสืบสวนของเขา หมิ่นจูเองก็มีควา
“เป็นผู้ใด?” ตงฟางหลีถามฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจลึก ๆ มือกำแขนเสื้อแน่นบนจดหมายที่นกกางเขนเงาส่งมา เป็นเรื่องที่นางไหว้วานให้พระชายาอ๋องเฉียนสืบสวนจริง ๆบนจดหมายไม่ได้มีเพียงข้อมูลที่เกี่ยวกับงูเพลิงแดงเท่านั้น พอเหมาะพอเจาะกับที่ยังมีข่าวของงูสวรรค์สีดำสนิทอีกด้วย!งูสวรรค์สีดำสนิทและงูเพลิงแดงสี
“พิษร้ายแรง?” ตงฟางหลีขมวดคิ้ว “เมื่อครู่ท่านมิใช่บอกว่าไม่รู้เรื่องพิษหรืออย่างไร?”“ข้าคร้านจะบอกเจ้าเท่านั้นเอง” ลู่จิ้นกลอกตาใส่ตงฟางหลี“ศิษย์น้องหญิง เจ้าอย่ากังวลเลย สิ่งนั้นถูกข้าจับไว้ได้แล้ว อยู่ตรงนี้” เขาโบกขวดกระเบื้องในมือไปมา“เหตุใดงูสวรรค์ถึงได้ปรากฏตัวที่นี่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สับสน
มือของฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกลงบนหัวของเฮยตั้นพลางถอนหายใจลึก“หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ พวกท่านไม่ต้องกังวล”“จะไม่เป็นไรได้อย่างไร? เมื่อครู่ข้าตกใจแทบตาย” ตงฟางหลียังคงหวาดผวาอยู่ในใจ“หม่อมฉันไม่เป็นไรจริง ๆ ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยกมือขึ้น สัมผัสแก้มซีดขาวของตงฟางหลีท่าทีของชายผู้นี้ผิดปกติแม้ว่าใบหน้าของเขา
ความโกรธของตงฟางหลียิ่งมากขึ้นเขาระงับอารมณ์หุนหันพลันแล่นที่จะทุบหัวของลู่จิ้นสักหมัด ถามด้วยเสียงทุ้มลึก “เหยียนเย่ว์ อาการเป็นอย่างไรบ้าง?"“ยังไหว”“ยังไหว หมายความว่าอย่างไร?” ตงฟางหลียังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์น่าหวาดผวาเมื่อครู่นั้น ครั้นได้ยินคำตอบส่งเดชของลู่จิ้น จึงอดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียง“ค