ตงฟางหลีลำคอตีบตันยิ่งนัก ในยามที่กล่าวออกมา เสียงทุ้มต่ำ “เช่นนั้น หากคนที่มีนัยน์ตาสีดำสองคน สามารถให้กำเนิดเด็กที่มีตาสีฟ้าได้หรือไม่?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ครุ่นคิด ก่อนเอ่ยตอบ “จากทฤษฎีแล้ว เป็นไปได้เพคะ”ได้ยินคำตอบนี้เข้า ตงฟางหลีพลันเบิกตากว้างทันที เขาลุกขึ้นยืน กระโจนจนเกือบจะมาถึงตรงหน้าของนาง
ในน้ำเสียงของตงฟางหลีเจือด้วยความวิงวอนและความคาดหวัง “เจ้า สามารถคืนความบริสุทธิ์ให้กับน้องเก้าได้หรือไม่?”“หม่อมฉันน่ะหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง “ตงฟางหลี ท่านมั่นใจหรือว่ามารดาของน้องเก้าเป็นผู้บริสุทธิ์?”ความน่าจะเป็นทางพันธุกรรมและการกลายพันธ์ของยีนส์ที่นางเพิ่งจะเอ่ยถึงไปเมื
มีแสงแดดอันสดใสเจิดจ้าสาดส่องเข้ามา ขจัดหมอกควันให้พ้นไป ละลายหิมะให้เป็นฤดูใบไม้ผลิ“หม่อมฉันดูท่าทีของเสด็จพ่อแล้ว ไม่คล้ายกับต้องการปกปิดเรื่องนี้เอาไว้เท่าใดนัก ไม่แน่ว่าพระองค์อาจจะกำลังรอให้พวกเราไปช่วยท่านดึงหนามที่แทงใจออกก็ได้นะเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวต่อ “ตงฟางหลี พวกเราไปดูเด็กคนนั้นได้
“จำไม่ได้แล้วเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ส่ายหน้า “ได้ยินว่าตอนเด็กข้าซุกซนมาก จึงตกลงไปในหลุมน้ำแข็ง จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด”ตงฟางหลีขมวดคิ้วเข้าหากัน ในแววตากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกอย่างอื่น “หลุมน้ำแข็งที่ใด? เรื่องเกิดเมื่อใด?”“ตอนหม่อมฉันยังเด็กเคยมีไข้สูงครั้งหนึ่ง เรื่องก่อนที่จะมีไข้นั้นก็จำไม่ได้แ
“คิดอันใดอยู่?” ตงฟางหลีเอ่ยถามฉินเหยี่ยนเย่ว์เอนกายพิงพนักพิงไม่แยแสต่อคำถามของเขาตงฟางหลีเห็นสีหน้าของนางผิดไปจากปกติ ดวงตาก็เป็นประกายวาบ และใช้น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยขึ้น “นางหาได้ใช่นางไม่”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินไม่ชัดเมื่อก้มหน้าลง เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหนื่อยล้าของตงฟางหลี ก็คร้านจะถาม จึงหล
ฉินหยี่ยนเย่ว์อารมณ์ดีขึ้นมาทันทีขันที่ผู้นี้ไม่รู้จักตงฟางหลี?เสียทีที่เมื่อครู่นี้เขาพูดออกมาอย่างน่าเชื่อถือว่าคนที่นี่ไม่รู้จักนางสถานการณ์จึงเกิดการพลิกผันครั้งใหญ่“ไป ไป ไป ที่นี่มิใช่ที่ที่พวกเจ้าจะสามารถมาได้” ขันทีโบกมือ “อากาศเย็นเช่นนี้ มารบกวนเวลาดื่มสุราของพวกข้าเข้า เจ้าชดใช้ได้หรื
“เจ้าเห็นสิ่งใดรึ?” ตงฟางหลีเอ่ยถาม“เลือด” นิ้วของฉินเหยี่ยนเย่ว์สั่นเบา ๆ “มิใช่กลิ่นเลือดจากกายของท่าน แต่เป็นกลิ่นเลือดที่ลอยมาจากข้างหน้า กลิ่นเลือดแรงมากเพคะ”แม้จะไร้คนนำทาง นางก็สามารถตามกลิ่นเลือดไปหาได้“เด็กคนนั้น ถูกโยนมาไว้ที่แห่งนี้ตั้งแต่เกิดเลยหรือ? เขามีชีวิตรอดมาได้อย่างไรหรือเพคะ?
“ผู้ใดถีบประตู มารดาเจ้าตายแล้วหรืออย่างไร? ถีบทำไม?” แม่เฒ่าหวังก่นด่า ไม้โบยในมือฟาดลงบนร่างกายซูบผอมของเด็กน้อยคนนั้นแม่นมที่ปกป้องเขาอย่างสุดชีวิต เพียงพริบตาเดียวก็โดนแม่เฒ่ารูปร่างใหญ่โตลากออกไปเด็กน้อยตกใจจนขดตัวกลม นัยน์ตาสองข้างเต็มไปด้วยความหวาดกลัว จนร้องไห้ไม่ออกเสียด้วยซ้ำเขาสวมอาภรณ
“นางสิสมควรตาย ไม่ใช่ข้า พวกท่านจับคนผิดแล้ว”ฉินเสวี่ยเย่ว์ไม่สามารถส่งเสียงใด ๆ ออกมาได้อีกแล้ว ได้แต่ตะโกนอยู่ในใจเท่านั้นเลือดสาดกระจายเต็มพื้น ย้อมทั้งห้องกลายเป็นสีแดงฉานนางล้มจมกองโลหิต ยืดคอไปข้างหน้าอย่างสิ้นหวัง ก่อนเสียชีวิตยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่กระทั่งตายนางก็ยังไม่เข้าใจ เ
ปวดหัว!ปวดหัวหนักมาก!ปวดหัวจนจะตายอยู่แล้ว!ความเจ็บปวดที่น่าหวาดกลัวและไม่อาจควบคุมได้มาเยือนกะทันหันเช่นเดียวกับทหารเรือนพันม้าเรือนหมื่น พุ่งพรวดเข้ามาอย่างรวดเร็วและดุเดือดมากจนไม่ทันได้โต้ตอบเลย“อ๊าก ทำไมกัน? หัวข้าปวดหัวเหลือเกิน”“เหตุใดถึงเป็นข้า?”“อ๊าก ปวด ปวดมากเลย”“ท่านน้า ช่วยข้าด้
“เสวี่ยเอ๋อร์ไม่จำเป็นต้องกังวลอีก เพราะเกรงว่าเจ้าอาจจะไม่มีวันได้พบกับฉินเหยี่ยนเย่ว์อีกแล้วล่ะ” หมิ่นจูกล่าว “ข้าไม่สบาย เจ้ากินอาหารให้อิ่มท้องเถอะ”ฉินเสวี่ยเย่ว์ไม่วางใจนางทุบประตูอย่างแรง “ท่านน้า ท่านน้า ท่านทำอีกครั้งเถอะ ถ้าฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่ตายอีกเจ็ดแปดครั้งข้าก็ไม่พอใจหรอกนะ”หมิ่นจูหล
หลังจากที่หมิ่นจูดื่มชาครบสามแก้วรวด ก็หยิบเหรียญทองแดงสามเหรียญออกมาจากด้านในแขนเสื้อนางเห็นสัญลักษณ์การทำนายจากเหรียญ ดวงตาหรี่ลงเดินเตร่ร่ำไห้เป็นสายโลหิต ทรายเหลืองเต็มนภา และพลังชีวิตทั้งหมดก็กลายเป็นฝุ่นในชั้นดินลึก——เป็นคำทำนายที่ไม่ดีอย่างยิ่งยวดหมิ่นจูจ้องมองสัญลักษณ์นี้อยู่นานแม้ว่าเป
“ข้าอยากให้นางตาย”“อ๊าก ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไปตายซะ”ดวงตาทั้งสองข้างของนางเป็นสีแดงโลหิต ใบหน้าดุร้าย มองบุคลิกที่มีเสน่ห์ในอดีตไม่ออกเลยสักนิดหมิ่นจูจ้องมองฉินเสวี่ยเย่ว์ที่โฉมหน้าเปลี่ยนไป พลางส่ายหัวเล็กน้อยฉินเสวี่ยเย่ว์ผู้นี้ ราวกับถูกแกะสลักจากแม่พิมพ์เดียวกันกับหมิ่นอวี้ไร้วิสัยทัศน์เช่นเดียว
เขตชานเมืองเมืองเหวินจิงในจวนหลังใหญ่อันเงียบสงบ มีลานเรือนที่ลึกมาก ๆ อยู่เมื่อข้ามทะเลสาบเทียมซึ่งมีใบบัวเหี่ยวเฉากระจายไปทั่ว รวมถึงป่าไผ่ สามารถเห็นศาลาสีแดงเล็กที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางต้นหลิวได้รำไรในศาลาเล็ก ๆฉินเสวี่ยเย่ว์ที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง และแทบจะสติฟั่นเฟือนอยู่รอมร่อคว้าตุ๊กตาที่ทำจากผ้าขา
จีอู๋เยียนท่าทีเคร่งขรึมเขายืนอยู่ตรงนั้น เหลือบตาหงส์ขึ้นเล็กน้อย ราวกับรอให้นางพูดต่อไปฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดจบแล้ว และกำลังรอคำตอบของเขา “ท่านเข้าใจใช่หรือไม่?”“หมดแล้ว?” จีอู๋เยียนถามหลังจากรอสักพัก“หมดแล้ว”“แค่นั้นหรือ?” จีอู๋เยียนมองนางราวกับมองคนโง่เขลา “ท่านคงมิได้กำลังเล่นตลกอยู่กระมัง?”เ
จีอู๋เยียนเหลือบมองลู่จิ้นที่ร้องเอะอะไม่หยุดทว่าไม่ได้สนใจเลยสักนิดเขามองฉินเหยี่ยนเย่ว์ด้วยสีหน้าเย็นชา ไอสังหารเยียบเย็น “ฉินเหยี่ยนเย่ว์ ความอดทนของข้ามีจำกัด แนะนำท่านอย่าได้ผลัดวันอีก”ลู่จิ้นถูกเมิน ทั่วทั้งใบหน้าล้วนเป็นสีทะมึน“จอมปีศาจ เจ้าหาเรื่องอยู่ใช่หรือไม่?”“เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า คนที่ใช้วิธีการโหดร้ายเช่นนี้ทำร้ายเจ้าคือฉินเสวี่ยเย่ว์?” ตงฟางหลีถามคนที่เกลียดยัยหนูเข้ากระดูกไม่ได้มีมากมาย และฉินเสวี่ยเย่ว์ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้นจุดหนึ่งที่สำคัญที่สุด คือฉินเสวี่ยเย่ว์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหมิ่นจูที่ผิดแผกคนนั้นและในการสืบสวนของเขา หมิ่นจูเองก็มีควา