“พี่ซู ข้าอยากอาบน้ำ ข้ารู้สึกอึดอัดมาก” องค์หญิงมู่เหยี่ยตัวสั่นเทาจากความหนาวเย็น ดวงตาแดงก่ำ “มันสกปรกเหลือเกิน น่าสะอิดสะเอียนเหลือเกิน”“องค์หญิงไม่ต้องร้อนใจ” ซูเตี่ยนฉิงสวมเสื้อผ้าให้นาง เช็ดแก้มให้นางด้วยผ้าเปียก “มาจัดการเรื่องตรงหน้ากันก่อน แล้วข้าจะพาท่านไปอาบน้ำที่ทะเลสาบชุ่ย”องค์หญิงมู
“ยามค่ำเมื่อสี่วันก่อน พี่ซูของท่านมาที่จวนอ๋อง สาวใช้และแม่นมของนางเดินมาชนหม่อมฉัน จึงถูกหม่อมฉันสั่งสอนอย่างเข้มงวดไปยกหนึ่ง ในตอนนั้น สาวใช้ผู้นั้นถูกหม่อมฉันตบเสียจนโง่งม ส่วนแม่นมที่ผรุสวาทใส่หม่อมฉัน เกรงว่าลิ้นของนางคงจะเน่าไปเสียแล้วกระมัง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกซูเตี่
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ร้อนรนเล็กน้อยพิษของดอกบัวดำมีประสิทธิภาพดีมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวัตุดิบที่พิเศษ จึงยากที่จะทำขึ้นมาในปริมาณมาก ปริมาณพิษที่นางทำขึ้นไม่เยอะ เมื่อครู่เพิ่งจะใช้ไปกับสาวใช้ในวังไปเล็กน้อย และเทลงในปัสสาวะม้าในแจกันอีกนิดหน่อย เหลืออยู่อีกไม่เท่าไรยาพิษที่ผสมลงในแจกันนั้น หลังจากถ
หลังจากซูเตี่ยนฉิงได้ยินเสียงนี้เข้า ก็มือไม้สั่นเทา ราวกับไม่กล้าเชื่อว่าตงฟางหลีจะปรากฏกายขึ้น ก่อนจะเก็บกระบี่ในมือกลับเข้าไปด้วยท่าทีแข็งกระด้าง“เสด็จพี่หลี กลับมาแล้วหรือเพคะ?” ความเหี้ยมโหดบนใบหน้าของนางสลายหายไป นัยน์ตากลมโตเต็มไปด้วยไอน้ำและความใสซื่อบริสุทธิ์น้ำเสียงของนางนั้นเปลี่ยนไปอย่
ฉินเหยี่ยนเย่ว์โชคดี หลบกระบี่พ้นอีกครั้งนางจำเป็นต้องสังหารฉินเหยี่ยนเย่ว์ให้เร็วที่สุดเรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว หากฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังมีชีวิตอยู่ ต่อไปไม่รู้ว่าจะนำปัญหาเข้ามามากน้อยเพียงใดวิธีการและความชาญฉลาดของหญิงผู้นี้ เป็นปัญหาสำหรับนางมากเกินไป จำเป็นจะต้องกำจัดนางโดยเร็วที่สุดฉินเหยี่ยนเย
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองดูสีหน้าซูเตี่ยนฉิงประเดี๋ยวคล้ำประเดี่ยวขาวซีด พลันอารมณ์แจ่มใสขึ้นไม่น้อยดอกบัวดำใช้ได้ผล ก็หมายความว่าซูเตี่ยนฉิงกลายเป็นคนไร้ประโยชน์แล้วการเดิมพันครั้งใหญ่ในครานี้ นางชนะครึ่งหนึ่งหลังจากภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดอย่างซูเตี่ยนฉิงหยุดแล้ว ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงถอดอาภรณ์ตัวนอกออก ใช้
หญิงผู้นี้ ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวอีกแล้วนางเงยหน้ามององค์หญิงมู่เหยี่ย แล้วยิ้มคล้ายกับไม่ยิ้มออกมา “ก่อนที่ท่านจะลงมือกับข้า พวกเรามาวิเคราะห์บทสนทนาเมื่อครู่นี้ให้ชัดเจนเสียก่อนจะดีกว่า มู่เหยี่ย ท่านคิดว่า เย็นวันที่พี่ฉิงของท่านถูกข้าราดด้วยน้ำเย็นจนมีไข้สูง ก็บังเอิญเข้าวังพอดี แล้วจากนั้นก็บังเ
องค์หญิงมู่เหยี่ยได้ยินฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวดังนั้น พลันเบิกตากว้างและเป็นตอนนี้เอง ที่นางรู้สึกถึงความหวาดกลัวอย่างแท้จริงฉินเหยี่ยนเย่ว์มิใช่นางกำนัลที่ไร้ภูมิหลัง และยิ่งหาได้ใช่นางสนมที่มาจากขุนนางขั้นต่ำหรือครอบครัวเล็ก ๆ แต่อย่างใดไม่นางคือบุตรีของหู้กั๋วกง คือพระชายาอ๋องเจ็ดที่เสด็จพ่อพระรา
นอกจากกำแพงที่มิอาจเข้าใกล้ได้แล้ว อีกสามทิศที่เหลือล้วนถูกยึดครองทั้งหมดภายใต้วงล้อมที่โอบล้อมหลายชั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์และองครักษ์จื่ออวี๋เหลือเรี่ยวแรงเพียงเล็กน้อยฝั่งตรงข้ามมีคนจำนวนมาก ส่วนพวกเขามีกันเพียงสองคน การต่อสู้แบบเวียนเทียนสามารถทำให้พวกเขาเหนื่อยล้าจนหมดแรงได้เช่นกัน“รีบสู้รีบจบเถิ
องครักษ์จื่ออวี๋หยุดชะงักไปชั่วขณะศัตรูมีจำนวนมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด สถานการณ์อยู่ในขั้นวิกฤต เขาเพียงคนเดียวรับมือกับคนจำนวนมากเพียงนี้ อาจทำให้มิอาจดูแลไปพร้อม ๆ กันได้“สวมสิ่งนี้ไว้” เขาถอดเกราะเม่นอ่อนของตนเองออก“นี่คือ...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกตะลึงเกราะเม่นอ่อนที่ดาบแทงไม่เข้า เป็นสิ่งของในตำน
องครักษ์จื่ออวี๋มีวรยุทธ์ที่สูงส่ง มีความเป็นไปได้ที่จะหลบหนีออกไปได้“มิอาจให้พวกเขาหลบหนีออกไปได้” ป้าหวนกำหมัดแน่นอย่างดุดัน “ตามไป จะต้องสงหารพวกเขาในกองรักษาระเบียบนี้ให้ได้”“หากพวกเขาออกจากกองรักษาระเบียบไปได้แล้ว พวกเราทั้งหมดก็ต้องตาย”สีหน้าของเหล่านางกำนัลพลันกลายเป็นเหี้ยมโหดขึ้นมามีนาง
“ไม่ได้” ใบหน้าเล็ก ๆ ของตงฟางอิงซีดขาว “พวกนางล้วนมีวรยุทธ์กันทั้งนั้น ท่านไม่เป็นวรยุทธ์ สู้พวกนางไม่ได้หรอก”นางกำนัลเหล่านี้ไม่รู้ว่ามีที่มาอย่างไร แต่ละคนล้วนมีฝีมือสูงส่งทั้งนั้นด้วยวรยุทธ์ของเขาในตอนนี้ อย่างมากที่สุดก็คืออาศัยวิชาตัวเบาที่ซุยเยียนสอนหลบหนีไป คิดจะเอาชนะพวกเขาได้นั้นเป็นไปไม
ป้าหวนจับจ้องกระดาษแผ่นนั้นสักพัก ใบหน้าเคร่งขรึมนั้นเปี่ยมล้นด้วยรังสีอาฆาตเสียงของนางแทบจะเค้นลอดไรฟันออกมา “ฝ่าบาทให้ท่านมารับตัวพระสนมเหยาหรือ?”“ถูกต้อง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “คดีของพระพันปีเป่าเปิดเผยความจริงทั้งหมดแล้ว พระสนมเหยาเป็นผู้ถูกข้อครหา เสด็จพ่อจึงมีพระราชโองการให้ข้ากับองค์ชายสิบมาร
“องครักษ์จื่ออวี๋” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขานเรียกคำหนึ่ง“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จื่ออวี๋สองนายปรากฎตัวขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกัน“พวกเจ้าใครก็ได้ช่วยข้าถีบกำแพงนี่ให้เปิดออกหน่อย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดกำชับ“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์จื่วอวี๋ไม่ลังเลแม้แต่น้อยหนึ่งในนั้นก้าวขึ้นมาข้างหน้า กำหมัดแน่น รวบรวมพลังเงียบ ๆต่อ
ครั้นมองจากมุมของพวกเขา ข้างในยังคงว่างเปล่าไร้ผู้คน“ไม่มีกับดัก และไม่มีคนด้วย” ตงฟางอิงห่อไหล่ลง “แต่ข้าได้ยินเสียงจริง ๆ นะ” ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาซีดเผือดลงอีกครั้ง “พี่สะใภ้เจ็ด คงมิได้มีผีจริง ๆ กระมัง?”“ผีมิทำเรื่องไร้สาระพรรค์นี้หรอก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก้าวเข้าไปข้างในกลิ่นเลือดภายในห้องรุนแรง
สีหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ดูไม่ดีเช่นกันกองรักษาระเบียบเป็นหน่วยตรวจสอบของวังหลวง หัวหน้าหน่วยตรวจสอบใช้บทลงโทษอะไรมาลงโทษลูกน้อง มิอาจใช้บทลงโทษกับผู้กระทำความผิดโดยไร้เหตุผลได้กองรักษาระเบียบแห่งนี้ผิดปกติจจริง ๆเห็นได้ชัดว่าแม่นมสองคนที่หน้าประตูก็ปิดบังเรื่องบางอย่างจากพวกเขา ท่าทีอึกอัก สีหน
นางยื่นกระดาษขาวไปตรงหน้าพวกนาง “หรือว่า พวกเจ้าคิดจะขัดพระราชโองการ?”เหล่าแม่นมมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาที่หน้าผากเล็กน้อยพวกนางขัดขวางไว้ไม่ได้ ทำได้เพียงเปิดประตูให้ “พระชายาอ๋องเจ็ด องค์ชายสิบ เชิญเข้าไปได้เพคะ”ครั้นฉินเหยี่ยนพับกระดาษเก็บไว้ในแขนเสื้อเรียบร้อยแล้ว ก็พาเจ้าสิบเดินเข้าไปข้างในแม่