“เมื่อองค์หญิงมู่เหยี่ยมีพระชนมายุสิบสองพรรษา ก็เคยเกิดการนองเลือดในวังขึ้น ขณะนั้นพระพันปีและฮ่องเต้ตกพระทัยหนัก พิโรธมาก เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ องค์ฮ่องเต้เตรียมจะลงโทษองค์หญิงมู่เหยี่ยฐานฆ่าคน”“องค์หญิงจากเป่ยลู่ ก็คือพระสนมเจินไม่ยินยอม ดังนั้นจึงเขียนจดหมายถึงฮ่องเต้เป่ยลู่ ก
“พระชายา เร็วเข้า รีบออกไปจากที่นี่”ไป๋โค้วตะโกนสุดชีวิต ทว่าเสียงแหบแห้ง ส่งเสียงอะไรออกไปแม้สักนิดก็ล้วนเจ็บปวดอย่างยิ่งฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นแล้วก็ตกใจหลังจากที่ไป๋โค้วได้รับบทเรียนจากนาง ก็ไม่สามารถพูดได้อยู่สามวัน หลังจากผ่านไปสามวันจึงสามารถฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติได้ ก็ไม่มีทางที่จะรู้สึกอึดอัดใ
เฟ่ยชุ่ยและชื่อเจี้ยนไม่กลับมา นี่ก็หมายความว่าพวกนางทั้งคู่ อาจถูกองค์หญิงมู่เหยี่ยทรมานทั้งเป็นจนตายไปแล้วเมื่อคิดว่าเฟ่ยชุ่ยที่ขี้อาย ใจดี กลับมีความกล้าหาญมากอาจจะตายอย่างอนาถคิดว่าหางน้อยที่แก้มอูม ตาโต ใสสะอาดไร้ใครเทียมก็ตายอย่างอนาถเช่นกันก้นบึ้งหัวใจของนางนั้น เหมือนมีบางอย่างถูกฉีกขาดเป
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยืนอยู่นอกประตู มองไปในทิศทางของเรือนสมุนไพร และหายใจเข้าลึก ๆเดิมทีคิดว่าการมาขององค์หญิงมู่เหยี่ยเป็นเพียงแค่น้องสาวมาเล่นที่บ้านของพี่ชายเท่านั้น มันไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ มากสุดก็คงจะซุกซนก่อกวน นางจึงไม่ได้ใส่ใจเพียงเพราะไม่ได้ใส่ใจ จึงทำผิดพลาดครั้งใหญ่ความคิดที่ว่าเฟ่ยชุ่ยและหา
“ม้าตัวนี้ข้าขอยืมแล้วกัน”ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของเหล่าหวัง ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ขี่ม้าจากไป จนมาถึงเรือนสมุนไพรที่องค์หญิงมู่เหยี่ยพำนักอยู่ชั่วคราว“เจ้าเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่” สองคนที่มีรูปร่างลักษณะเช่นขันทียืนอยู่ที่ประตู และขวางทางนางไว้“กงกงทั้งสองท่าน โปรดช่วยข้าแจ้งทีว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์มาแล้ว”
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเร็วมาก จนไม่มีใครได้เห็นว่าที่จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เมื่อขันทีทั้งสองมีปฏิกิริยาตอบกลับ พวกเขาถึงได้พบว่ามือที่ถือเชือกสีขาวถูกตัดออกไปแล้วของหนักที่ตกลงบนพื้น มันก็คือมือของพวกเขานั่นเองหลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ เลือดก็พุ่งกระฉูดออกมา ขันทีทั้งสองส่งเสียงกรีดร้องสะเทือนส
“ถุย” นางกำนัลคนนั้นกัดฟัน ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากที่ใด ดึงปิ่นปักผมออกจากศีรษะ หมายจะแทงคอของฉินเหยี่ยนเย่ว์อย่างแรงฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกใจมากปิ่นปักผมนี้แหลมคมมาก เมื่อถูกแทงจะต้องตายอย่างไร้ข้อกังขาเมื่อครู่นางเพียงแค่อยากจะทำให้นางกำนัลตกใจเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะเกือบถูกฆ่าตายในใจของฉินเหยี่ย
ใบหน้าของนางกำนัลอาวุโสมืดลง เมื่อเห็นฉินเหยี่ยนเย่ว์ตวัดฝ่ามือลงมา หัวเราะเสียงเย็น และคว้าแขนของนางอย่างแรง มันทรงพลังมาก ราวกับว่าจะบดขยี้นาง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว “พระชายาอ๋องเจ็ดอย่ารังแกคนอื่นสิเพคะ บ่าวมิทราบได้จริง ๆ ว่าสาวใช้ของท่านอยู่ที่ใด...”คำพูดของนางยังไม่จบ จู่ ๆ ฉินเหยี่ย