ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยืนอยู่นอกประตู มองไปในทิศทางของเรือนสมุนไพร และหายใจเข้าลึก ๆเดิมทีคิดว่าการมาขององค์หญิงมู่เหยี่ยเป็นเพียงแค่น้องสาวมาเล่นที่บ้านของพี่ชายเท่านั้น มันไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ มากสุดก็คงจะซุกซนก่อกวน นางจึงไม่ได้ใส่ใจเพียงเพราะไม่ได้ใส่ใจ จึงทำผิดพลาดครั้งใหญ่ความคิดที่ว่าเฟ่ยชุ่ยและหา
“ม้าตัวนี้ข้าขอยืมแล้วกัน”ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของเหล่าหวัง ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ขี่ม้าจากไป จนมาถึงเรือนสมุนไพรที่องค์หญิงมู่เหยี่ยพำนักอยู่ชั่วคราว“เจ้าเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่” สองคนที่มีรูปร่างลักษณะเช่นขันทียืนอยู่ที่ประตู และขวางทางนางไว้“กงกงทั้งสองท่าน โปรดช่วยข้าแจ้งทีว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์มาแล้ว”
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเร็วมาก จนไม่มีใครได้เห็นว่าที่จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เมื่อขันทีทั้งสองมีปฏิกิริยาตอบกลับ พวกเขาถึงได้พบว่ามือที่ถือเชือกสีขาวถูกตัดออกไปแล้วของหนักที่ตกลงบนพื้น มันก็คือมือของพวกเขานั่นเองหลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ เลือดก็พุ่งกระฉูดออกมา ขันทีทั้งสองส่งเสียงกรีดร้องสะเทือนส
“ถุย” นางกำนัลคนนั้นกัดฟัน ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากที่ใด ดึงปิ่นปักผมออกจากศีรษะ หมายจะแทงคอของฉินเหยี่ยนเย่ว์อย่างแรงฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกใจมากปิ่นปักผมนี้แหลมคมมาก เมื่อถูกแทงจะต้องตายอย่างไร้ข้อกังขาเมื่อครู่นางเพียงแค่อยากจะทำให้นางกำนัลตกใจเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะเกือบถูกฆ่าตายในใจของฉินเหยี่ย
ใบหน้าของนางกำนัลอาวุโสมืดลง เมื่อเห็นฉินเหยี่ยนเย่ว์ตวัดฝ่ามือลงมา หัวเราะเสียงเย็น และคว้าแขนของนางอย่างแรง มันทรงพลังมาก ราวกับว่าจะบดขยี้นาง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว “พระชายาอ๋องเจ็ดอย่ารังแกคนอื่นสิเพคะ บ่าวมิทราบได้จริง ๆ ว่าสาวใช้ของท่านอยู่ที่ใด...”คำพูดของนางยังไม่จบ จู่ ๆ ฉินเหยี่ย
นางกำนัลอาวุโสไร้วิธีต่อต้าน มองดูใบหน้าของตัวเองที่บวมจนกลายเป็นหัวหมูอย่างทำอะไรไม่ถูก “ท่าน ท่านกล้าทำเช่นนี้กับข้า” นางเผยโฉมหน้าที่แท้จริงอีกครั้ง และจ้องฉินเหยี่ยนเย่ว์เขม็ง “องค์หญิงจะต้องฉีกท่านเป็นชิ้น ๆ แน่นอน”ฉินเหยี่ยนเย่ว์เตะขาไปเตะนั้น กระแทกตันเถียนล่างของนางเข้าอย่างจังนางกำนัลอา
องค์หญิงมู่เหยี่ยเดินออกมา มองดูลานที่สกปรก และนางกำนัลกับขันทีที่นอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น ก็ระเบิดความโกรธออกมา “ปี้เถา เกิดเรื่องอันใดขึ้น?"“องค์หญิง เป็นนางเพคะ” นางกำนัลอาวุโสชี้ไปที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์พร้อมเสียงเศร้าระคนโกรธ “เป็นนางที่นำม้าบ้าตัวนั้นมา ทุบตีคนของพวกเรา ทำให้ลานเรือนสกปรก และยังวา
“ข้าอยากจะตบเจ้า แม้ว่าข้าจะตบเจ้าจนตาย ก็ไม่มีใครกล้าสนใจ” องค์หญิงมู่เหยี่ยกล่าวพร้อมยกมือขึ้น “ข้าจะตบเจ้าให้ตาย พี่เจ็ดก็จะสามารถแต่งงานให้พี่ซูมาเป็นพระชายาได้แล้ว”ฉินเหยี่ยนเย่ว์เคยเห็นนางทำร้ายม้าด้วยฝ่ามือเดียว ถ้าโดนตบจริง ๆ นางคงไม่มีโอกาสตอบโต้ด้วยซ้ำตงฟางหลีพูดถูก เมื่อเผชิญกับความแข็ง
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได