ดวงตาของลู่ซิวเป็นประกาย “ท่านอ๋องหมายความว่า..."ก่อนที่เขาจะพูดจบ ประตูก็ถูกผลักเปิดออกอย่างแรงพร้อมกับลมกระโชกแรงวูบหนึ่ง ตู้เหิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าซีดเซียว เขาวางอาหารลงบนโต๊ะ “ท่านอ๋อง ทรงต้องการให้องค์หญิงมู่เหยี่ยอยู่ในเรือนของเราจริง ๆ หรือ?”“มีข่าวลือในครัวเกี่ยวกับองค์หญิงมู่เหยี่ย ว่าน
“เมื่อองค์หญิงมู่เหยี่ยมีพระชนมายุสิบสองพรรษา ก็เคยเกิดการนองเลือดในวังขึ้น ขณะนั้นพระพันปีและฮ่องเต้ตกพระทัยหนัก พิโรธมาก เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ องค์ฮ่องเต้เตรียมจะลงโทษองค์หญิงมู่เหยี่ยฐานฆ่าคน”“องค์หญิงจากเป่ยลู่ ก็คือพระสนมเจินไม่ยินยอม ดังนั้นจึงเขียนจดหมายถึงฮ่องเต้เป่ยลู่ ก
“พระชายา เร็วเข้า รีบออกไปจากที่นี่”ไป๋โค้วตะโกนสุดชีวิต ทว่าเสียงแหบแห้ง ส่งเสียงอะไรออกไปแม้สักนิดก็ล้วนเจ็บปวดอย่างยิ่งฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นแล้วก็ตกใจหลังจากที่ไป๋โค้วได้รับบทเรียนจากนาง ก็ไม่สามารถพูดได้อยู่สามวัน หลังจากผ่านไปสามวันจึงสามารถฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติได้ ก็ไม่มีทางที่จะรู้สึกอึดอัดใ
เฟ่ยชุ่ยและชื่อเจี้ยนไม่กลับมา นี่ก็หมายความว่าพวกนางทั้งคู่ อาจถูกองค์หญิงมู่เหยี่ยทรมานทั้งเป็นจนตายไปแล้วเมื่อคิดว่าเฟ่ยชุ่ยที่ขี้อาย ใจดี กลับมีความกล้าหาญมากอาจจะตายอย่างอนาถคิดว่าหางน้อยที่แก้มอูม ตาโต ใสสะอาดไร้ใครเทียมก็ตายอย่างอนาถเช่นกันก้นบึ้งหัวใจของนางนั้น เหมือนมีบางอย่างถูกฉีกขาดเป
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยืนอยู่นอกประตู มองไปในทิศทางของเรือนสมุนไพร และหายใจเข้าลึก ๆเดิมทีคิดว่าการมาขององค์หญิงมู่เหยี่ยเป็นเพียงแค่น้องสาวมาเล่นที่บ้านของพี่ชายเท่านั้น มันไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ มากสุดก็คงจะซุกซนก่อกวน นางจึงไม่ได้ใส่ใจเพียงเพราะไม่ได้ใส่ใจ จึงทำผิดพลาดครั้งใหญ่ความคิดที่ว่าเฟ่ยชุ่ยและหา
“ม้าตัวนี้ข้าขอยืมแล้วกัน”ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของเหล่าหวัง ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ขี่ม้าจากไป จนมาถึงเรือนสมุนไพรที่องค์หญิงมู่เหยี่ยพำนักอยู่ชั่วคราว“เจ้าเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่” สองคนที่มีรูปร่างลักษณะเช่นขันทียืนอยู่ที่ประตู และขวางทางนางไว้“กงกงทั้งสองท่าน โปรดช่วยข้าแจ้งทีว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์มาแล้ว”
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเร็วมาก จนไม่มีใครได้เห็นว่าที่จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เมื่อขันทีทั้งสองมีปฏิกิริยาตอบกลับ พวกเขาถึงได้พบว่ามือที่ถือเชือกสีขาวถูกตัดออกไปแล้วของหนักที่ตกลงบนพื้น มันก็คือมือของพวกเขานั่นเองหลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ เลือดก็พุ่งกระฉูดออกมา ขันทีทั้งสองส่งเสียงกรีดร้องสะเทือนส
“ถุย” นางกำนัลคนนั้นกัดฟัน ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากที่ใด ดึงปิ่นปักผมออกจากศีรษะ หมายจะแทงคอของฉินเหยี่ยนเย่ว์อย่างแรงฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกใจมากปิ่นปักผมนี้แหลมคมมาก เมื่อถูกแทงจะต้องตายอย่างไร้ข้อกังขาเมื่อครู่นางเพียงแค่อยากจะทำให้นางกำนัลตกใจเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะเกือบถูกฆ่าตายในใจของฉินเหยี่ย
นอกจากกำแพงที่มิอาจเข้าใกล้ได้แล้ว อีกสามทิศที่เหลือล้วนถูกยึดครองทั้งหมดภายใต้วงล้อมที่โอบล้อมหลายชั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์และองครักษ์จื่ออวี๋เหลือเรี่ยวแรงเพียงเล็กน้อยฝั่งตรงข้ามมีคนจำนวนมาก ส่วนพวกเขามีกันเพียงสองคน การต่อสู้แบบเวียนเทียนสามารถทำให้พวกเขาเหนื่อยล้าจนหมดแรงได้เช่นกัน“รีบสู้รีบจบเถิ
องครักษ์จื่ออวี๋หยุดชะงักไปชั่วขณะศัตรูมีจำนวนมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด สถานการณ์อยู่ในขั้นวิกฤต เขาเพียงคนเดียวรับมือกับคนจำนวนมากเพียงนี้ อาจทำให้มิอาจดูแลไปพร้อม ๆ กันได้“สวมสิ่งนี้ไว้” เขาถอดเกราะเม่นอ่อนของตนเองออก“นี่คือ...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกตะลึงเกราะเม่นอ่อนที่ดาบแทงไม่เข้า เป็นสิ่งของในตำน
องครักษ์จื่ออวี๋มีวรยุทธ์ที่สูงส่ง มีความเป็นไปได้ที่จะหลบหนีออกไปได้“มิอาจให้พวกเขาหลบหนีออกไปได้” ป้าหวนกำหมัดแน่นอย่างดุดัน “ตามไป จะต้องสงหารพวกเขาในกองรักษาระเบียบนี้ให้ได้”“หากพวกเขาออกจากกองรักษาระเบียบไปได้แล้ว พวกเราทั้งหมดก็ต้องตาย”สีหน้าของเหล่านางกำนัลพลันกลายเป็นเหี้ยมโหดขึ้นมามีนาง
“ไม่ได้” ใบหน้าเล็ก ๆ ของตงฟางอิงซีดขาว “พวกนางล้วนมีวรยุทธ์กันทั้งนั้น ท่านไม่เป็นวรยุทธ์ สู้พวกนางไม่ได้หรอก”นางกำนัลเหล่านี้ไม่รู้ว่ามีที่มาอย่างไร แต่ละคนล้วนมีฝีมือสูงส่งทั้งนั้นด้วยวรยุทธ์ของเขาในตอนนี้ อย่างมากที่สุดก็คืออาศัยวิชาตัวเบาที่ซุยเยียนสอนหลบหนีไป คิดจะเอาชนะพวกเขาได้นั้นเป็นไปไม
ป้าหวนจับจ้องกระดาษแผ่นนั้นสักพัก ใบหน้าเคร่งขรึมนั้นเปี่ยมล้นด้วยรังสีอาฆาตเสียงของนางแทบจะเค้นลอดไรฟันออกมา “ฝ่าบาทให้ท่านมารับตัวพระสนมเหยาหรือ?”“ถูกต้อง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “คดีของพระพันปีเป่าเปิดเผยความจริงทั้งหมดแล้ว พระสนมเหยาเป็นผู้ถูกข้อครหา เสด็จพ่อจึงมีพระราชโองการให้ข้ากับองค์ชายสิบมาร
“องครักษ์จื่ออวี๋” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขานเรียกคำหนึ่ง“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จื่ออวี๋สองนายปรากฎตัวขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกัน“พวกเจ้าใครก็ได้ช่วยข้าถีบกำแพงนี่ให้เปิดออกหน่อย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดกำชับ“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์จื่วอวี๋ไม่ลังเลแม้แต่น้อยหนึ่งในนั้นก้าวขึ้นมาข้างหน้า กำหมัดแน่น รวบรวมพลังเงียบ ๆต่อ
ครั้นมองจากมุมของพวกเขา ข้างในยังคงว่างเปล่าไร้ผู้คน“ไม่มีกับดัก และไม่มีคนด้วย” ตงฟางอิงห่อไหล่ลง “แต่ข้าได้ยินเสียงจริง ๆ นะ” ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาซีดเผือดลงอีกครั้ง “พี่สะใภ้เจ็ด คงมิได้มีผีจริง ๆ กระมัง?”“ผีมิทำเรื่องไร้สาระพรรค์นี้หรอก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก้าวเข้าไปข้างในกลิ่นเลือดภายในห้องรุนแรง
สีหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ดูไม่ดีเช่นกันกองรักษาระเบียบเป็นหน่วยตรวจสอบของวังหลวง หัวหน้าหน่วยตรวจสอบใช้บทลงโทษอะไรมาลงโทษลูกน้อง มิอาจใช้บทลงโทษกับผู้กระทำความผิดโดยไร้เหตุผลได้กองรักษาระเบียบแห่งนี้ผิดปกติจจริง ๆเห็นได้ชัดว่าแม่นมสองคนที่หน้าประตูก็ปิดบังเรื่องบางอย่างจากพวกเขา ท่าทีอึกอัก สีหน
นางยื่นกระดาษขาวไปตรงหน้าพวกนาง “หรือว่า พวกเจ้าคิดจะขัดพระราชโองการ?”เหล่าแม่นมมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาที่หน้าผากเล็กน้อยพวกนางขัดขวางไว้ไม่ได้ ทำได้เพียงเปิดประตูให้ “พระชายาอ๋องเจ็ด องค์ชายสิบ เชิญเข้าไปได้เพคะ”ครั้นฉินเหยี่ยนพับกระดาษเก็บไว้ในแขนเสื้อเรียบร้อยแล้ว ก็พาเจ้าสิบเดินเข้าไปข้างในแม่