ตลอดเวลามานี้ นางตกอยู่ในความเข้าใจผิดครั้งใหญ่นางเข้าใจอย่างมีอคติไปก่อน ว่าผู้วางยาพิษใช้ร่างกายของตงฟางหลีเพื่อบรรลุจุดวิกฤติกระตุ้นพิษทว่าในความเป็นจริงแล้ว เงื่อนไขร่างกายของตงฟางหลีเป็นเพียงเงื่อนไขเพียงพอ มิใช่เงื่อนไขจำเป็นท้ายที่สุด นอกจากคนที่ใกล้ชิดที่สุด ก็ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากที่ป่วย
ตงฟางหลีตกตะลึง และในที่สุดก็ตระหนักได้ว่าเมื่อครู่มันน่าอับอายแค่ไหนดวงตาของเขาดำมืด หันหน้าไปด้านข้าง ส่งเสียงคำรามที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธ “ไสหัวออกไป”“เรื่องมาถึงตอนนี้ ข้าก็จะไม่ซ่อนท่านแล้ว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลิกตัวเขากลับมา และเผชิญหน้ากับเขาโดยตรง “ก่อนหน้านี้ ตอนที่ท่านกินยาไม่ได้ ล้วนเป
ครั้นตงฟางหลีเห็นนางเขย่าถุงหอมออกมา สีหน้าก็เปลี่ยนไป และอยากจะแย่งมันมาฉินเหยี่ยนเย่ว์เบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงเขา หยิบมันขึ้นมาดมกลิ่น ไม่มีกลิ่นแปลกปลอมใด ๆ บนถุง มันเป็นเพียงกลิ่นผงผัดแก้มสีชาดที่ติดตัวสตรีและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเสื้อผ้าเท่านั้นตงฟางหลีรู้สึกหนาวจัด เขาขมวดคิ้
“ท่านหมอหลวงหลิน เป็นผ้าปักรูปผีเสื้อสองตัวเท่านั้น คุ้มกับที่ท่านต้องมาตื่นตระหนกถึงเพียงนี้หรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “หรือ ท่านคิดว่าถุงหอมนี้ผิดปกติ?”หมอหลวงหลินโบกมือ “ถุงหอมถุงนี้มีปัญหาหรือไม่กระหม่อมมิอาจทราบได้ แต่ว่า กระหม่อมเคยได้ยินเทพพิษกล่าวถึงเป็นบางครั้ง ว่าผีเสื้อไร้กลิ่นที่ดูเหมื
ฉินเหยี่ยนเย่ว์หมุนกายกำลังจะโยนถุงหอมใส่เตาไฟตงฟางหลีตกใจสุดตัว “ตู้เหิง”“ตู้เหิง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์คว้าชายเสื้อของตู้เหิงไว้ “เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่า ถุงหอมถุงนี้คือยันต์สาปแช่งของตงฟางหลี? เจ้าอยากจะเห็นเขาตายเช่นนั้นหรือ?”ตู้เหิงลำคอแข็งเกร็งเขาเหลือบมองตงฟางหลีด้วยสีหน้าสับสน แล้วก้มหน้าลงต่ำ“ท
”กระหม่อมมีอยู่พ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงหลินไม่ทราบว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์ต้องการจะทำสิ่งใด จึงเอ่ยดักไว้ก่อน “พระชายา อาการของท่านอ๋องมิสู้ดีมาก ๆ มิอาจทนพิษได้ซ้ำ ๆ โดยเฉพาะแมลงป่องงามที่มีพิษร้ายแรงพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าจักมีขอบเขตของข้า” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เขียนเทียบยาให้หมอหลวงหลินหนึ่งแผ่น และเขียนสิ่งที่จำเป็นต้องใ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์พยายามที่จะเอ่ยพูดเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ เห็นท่าทางอ้างว้างและเจ็บปวดของเขาแล้ว ก็ผ่อนลมหายใจแผ่วเบา อดที่จะเอ่ยปลอบไม่ได้ “ท่านไม่ต้องคิดมาก ดูจากรูปแบบการทำเรื่องต่าง ๆ ของคนในดวงใจท่านแล้ว ไม่เป็นการทำร้ายท่านอย่างเปิดเผยแน่ นางเป็นคนประเภทยืมมีดฆ่าคน แล้วทำให้ตนเองสะอาดบริสุทธิ์”“
“นี่ไม่เหมือนกับการขูดกระดูกรักษาอาการบาดเจ็บ การรักษาแบบนี้เจ็บปวดกว่าการขูดกระดูกเป็นพันเท่าร้อยเท่า” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว“ไยเจ้าจึงพูดจาไร้สาระมากมายถึงเพียงนี้?” ตงฟางหลีกล่าวเสียงเย็นเขาเป็นถึงท่านอ๋องที่สง่าผ่าเผย จะให้ยัดผ้าเช็ดหน้าเข้าปากเพียงเพราะกลัวเจ็บได้อย่างไร?หากพวกลู่ซิวรู้เข้า จะ
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได