ครั้นตงฟางหลีเห็นนางเขย่าถุงหอมออกมา สีหน้าก็เปลี่ยนไป และอยากจะแย่งมันมาฉินเหยี่ยนเย่ว์เบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงเขา หยิบมันขึ้นมาดมกลิ่น ไม่มีกลิ่นแปลกปลอมใด ๆ บนถุง มันเป็นเพียงกลิ่นผงผัดแก้มสีชาดที่ติดตัวสตรีและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเสื้อผ้าเท่านั้นตงฟางหลีรู้สึกหนาวจัด เขาขมวดคิ้
“ท่านหมอหลวงหลิน เป็นผ้าปักรูปผีเสื้อสองตัวเท่านั้น คุ้มกับที่ท่านต้องมาตื่นตระหนกถึงเพียงนี้หรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “หรือ ท่านคิดว่าถุงหอมนี้ผิดปกติ?”หมอหลวงหลินโบกมือ “ถุงหอมถุงนี้มีปัญหาหรือไม่กระหม่อมมิอาจทราบได้ แต่ว่า กระหม่อมเคยได้ยินเทพพิษกล่าวถึงเป็นบางครั้ง ว่าผีเสื้อไร้กลิ่นที่ดูเหมื
ฉินเหยี่ยนเย่ว์หมุนกายกำลังจะโยนถุงหอมใส่เตาไฟตงฟางหลีตกใจสุดตัว “ตู้เหิง”“ตู้เหิง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์คว้าชายเสื้อของตู้เหิงไว้ “เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่า ถุงหอมถุงนี้คือยันต์สาปแช่งของตงฟางหลี? เจ้าอยากจะเห็นเขาตายเช่นนั้นหรือ?”ตู้เหิงลำคอแข็งเกร็งเขาเหลือบมองตงฟางหลีด้วยสีหน้าสับสน แล้วก้มหน้าลงต่ำ“ท
”กระหม่อมมีอยู่พ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงหลินไม่ทราบว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์ต้องการจะทำสิ่งใด จึงเอ่ยดักไว้ก่อน “พระชายา อาการของท่านอ๋องมิสู้ดีมาก ๆ มิอาจทนพิษได้ซ้ำ ๆ โดยเฉพาะแมลงป่องงามที่มีพิษร้ายแรงพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าจักมีขอบเขตของข้า” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เขียนเทียบยาให้หมอหลวงหลินหนึ่งแผ่น และเขียนสิ่งที่จำเป็นต้องใ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์พยายามที่จะเอ่ยพูดเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ เห็นท่าทางอ้างว้างและเจ็บปวดของเขาแล้ว ก็ผ่อนลมหายใจแผ่วเบา อดที่จะเอ่ยปลอบไม่ได้ “ท่านไม่ต้องคิดมาก ดูจากรูปแบบการทำเรื่องต่าง ๆ ของคนในดวงใจท่านแล้ว ไม่เป็นการทำร้ายท่านอย่างเปิดเผยแน่ นางเป็นคนประเภทยืมมีดฆ่าคน แล้วทำให้ตนเองสะอาดบริสุทธิ์”“
“นี่ไม่เหมือนกับการขูดกระดูกรักษาอาการบาดเจ็บ การรักษาแบบนี้เจ็บปวดกว่าการขูดกระดูกเป็นพันเท่าร้อยเท่า” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว“ไยเจ้าจึงพูดจาไร้สาระมากมายถึงเพียงนี้?” ตงฟางหลีกล่าวเสียงเย็นเขาเป็นถึงท่านอ๋องที่สง่าผ่าเผย จะให้ยัดผ้าเช็ดหน้าเข้าปากเพียงเพราะกลัวเจ็บได้อย่างไร?หากพวกลู่ซิวรู้เข้า จะ
ความเจ็บปวดกำลังขยายตัว และกระจายออกไปอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความเจ็บปวดอันรุนแรงนี้ ถึงแม้ว่าตงฟางหลีจะมีสติเรือนรางก็มิอาจต้านทานการโจมตีที่ทรงพลังได้เป็นความเจ็บปวดทิ่มแทงหัวใจอย่างที่เขามิเคยได้รับมาก่อน ไม่ว่าความมุ่งมั่นของเขาจะแข็งแกร่งถึงเพียงใดก็มิอาจแบกรับความเจ็บปวดนี้ได้เหงื่อเย็นไหลซึมอ
ตงฟางหลีตกอยู่ในสภาวะสติสัมปชัญญะเลือนราง ในระหว่างที่กำลังมึนงงพลันรู้สึกถึงของเหลวอุ่น ๆ หยดลงบนใบหน้าก่อนที่เขาจะรู้สึกถึงสัมผัสอันอบอุ่นบางอย่างใกล้เข้ามาสัมผัสนั้น คล้ายเคียงกับจุมพิตเพียงผิวเผินของครั้งก่อนหน้ามาก แฝงด้วยรสชาติอันอ่อนหวาน เติมเต็มภายในลำคอ ราวกับทุ่งดอกไม้บานในฤดูใบไม้ผลิ ดั
นอกจากกำแพงที่มิอาจเข้าใกล้ได้แล้ว อีกสามทิศที่เหลือล้วนถูกยึดครองทั้งหมดภายใต้วงล้อมที่โอบล้อมหลายชั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์และองครักษ์จื่ออวี๋เหลือเรี่ยวแรงเพียงเล็กน้อยฝั่งตรงข้ามมีคนจำนวนมาก ส่วนพวกเขามีกันเพียงสองคน การต่อสู้แบบเวียนเทียนสามารถทำให้พวกเขาเหนื่อยล้าจนหมดแรงได้เช่นกัน“รีบสู้รีบจบเถิ
องครักษ์จื่ออวี๋หยุดชะงักไปชั่วขณะศัตรูมีจำนวนมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด สถานการณ์อยู่ในขั้นวิกฤต เขาเพียงคนเดียวรับมือกับคนจำนวนมากเพียงนี้ อาจทำให้มิอาจดูแลไปพร้อม ๆ กันได้“สวมสิ่งนี้ไว้” เขาถอดเกราะเม่นอ่อนของตนเองออก“นี่คือ...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกตะลึงเกราะเม่นอ่อนที่ดาบแทงไม่เข้า เป็นสิ่งของในตำน
องครักษ์จื่ออวี๋มีวรยุทธ์ที่สูงส่ง มีความเป็นไปได้ที่จะหลบหนีออกไปได้“มิอาจให้พวกเขาหลบหนีออกไปได้” ป้าหวนกำหมัดแน่นอย่างดุดัน “ตามไป จะต้องสงหารพวกเขาในกองรักษาระเบียบนี้ให้ได้”“หากพวกเขาออกจากกองรักษาระเบียบไปได้แล้ว พวกเราทั้งหมดก็ต้องตาย”สีหน้าของเหล่านางกำนัลพลันกลายเป็นเหี้ยมโหดขึ้นมามีนาง
“ไม่ได้” ใบหน้าเล็ก ๆ ของตงฟางอิงซีดขาว “พวกนางล้วนมีวรยุทธ์กันทั้งนั้น ท่านไม่เป็นวรยุทธ์ สู้พวกนางไม่ได้หรอก”นางกำนัลเหล่านี้ไม่รู้ว่ามีที่มาอย่างไร แต่ละคนล้วนมีฝีมือสูงส่งทั้งนั้นด้วยวรยุทธ์ของเขาในตอนนี้ อย่างมากที่สุดก็คืออาศัยวิชาตัวเบาที่ซุยเยียนสอนหลบหนีไป คิดจะเอาชนะพวกเขาได้นั้นเป็นไปไม
ป้าหวนจับจ้องกระดาษแผ่นนั้นสักพัก ใบหน้าเคร่งขรึมนั้นเปี่ยมล้นด้วยรังสีอาฆาตเสียงของนางแทบจะเค้นลอดไรฟันออกมา “ฝ่าบาทให้ท่านมารับตัวพระสนมเหยาหรือ?”“ถูกต้อง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “คดีของพระพันปีเป่าเปิดเผยความจริงทั้งหมดแล้ว พระสนมเหยาเป็นผู้ถูกข้อครหา เสด็จพ่อจึงมีพระราชโองการให้ข้ากับองค์ชายสิบมาร
“องครักษ์จื่ออวี๋” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขานเรียกคำหนึ่ง“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จื่ออวี๋สองนายปรากฎตัวขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกัน“พวกเจ้าใครก็ได้ช่วยข้าถีบกำแพงนี่ให้เปิดออกหน่อย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดกำชับ“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์จื่วอวี๋ไม่ลังเลแม้แต่น้อยหนึ่งในนั้นก้าวขึ้นมาข้างหน้า กำหมัดแน่น รวบรวมพลังเงียบ ๆต่อ
ครั้นมองจากมุมของพวกเขา ข้างในยังคงว่างเปล่าไร้ผู้คน“ไม่มีกับดัก และไม่มีคนด้วย” ตงฟางอิงห่อไหล่ลง “แต่ข้าได้ยินเสียงจริง ๆ นะ” ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาซีดเผือดลงอีกครั้ง “พี่สะใภ้เจ็ด คงมิได้มีผีจริง ๆ กระมัง?”“ผีมิทำเรื่องไร้สาระพรรค์นี้หรอก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก้าวเข้าไปข้างในกลิ่นเลือดภายในห้องรุนแรง
สีหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ดูไม่ดีเช่นกันกองรักษาระเบียบเป็นหน่วยตรวจสอบของวังหลวง หัวหน้าหน่วยตรวจสอบใช้บทลงโทษอะไรมาลงโทษลูกน้อง มิอาจใช้บทลงโทษกับผู้กระทำความผิดโดยไร้เหตุผลได้กองรักษาระเบียบแห่งนี้ผิดปกติจจริง ๆเห็นได้ชัดว่าแม่นมสองคนที่หน้าประตูก็ปิดบังเรื่องบางอย่างจากพวกเขา ท่าทีอึกอัก สีหน
นางยื่นกระดาษขาวไปตรงหน้าพวกนาง “หรือว่า พวกเจ้าคิดจะขัดพระราชโองการ?”เหล่าแม่นมมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาที่หน้าผากเล็กน้อยพวกนางขัดขวางไว้ไม่ได้ ทำได้เพียงเปิดประตูให้ “พระชายาอ๋องเจ็ด องค์ชายสิบ เชิญเข้าไปได้เพคะ”ครั้นฉินเหยี่ยนพับกระดาษเก็บไว้ในแขนเสื้อเรียบร้อยแล้ว ก็พาเจ้าสิบเดินเข้าไปข้างในแม่