ตงฟางหลีตกอยู่ในสภาวะสติสัมปชัญญะเลือนราง ในระหว่างที่กำลังมึนงงพลันรู้สึกถึงของเหลวอุ่น ๆ หยดลงบนใบหน้าก่อนที่เขาจะรู้สึกถึงสัมผัสอันอบอุ่นบางอย่างใกล้เข้ามาสัมผัสนั้น คล้ายเคียงกับจุมพิตเพียงผิวเผินของครั้งก่อนหน้ามาก แฝงด้วยรสชาติอันอ่อนหวาน เติมเต็มภายในลำคอ ราวกับทุ่งดอกไม้บานในฤดูใบไม้ผลิ ดั
ก่อนจะตามมาด้วย ร่างกายอันอบอุ่น วาจาอ่อนหวาน และริมฝีปากที่อ่อนโยน...เด็กน้อยอ่อนโยนคนนั้นพยายามออกแรงลากเขาที่กำลังตกอยู่ในความเป็นความตายเท่า ๆ กันจนถึงริมฝั่งทะเลสาบจนสุดแรง แล้วใช้น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยขึ้นที่ข้าง ๆ หูของเขาว่า “มิต้องกลัวไป ไม่เป็นอะไรแล้ว ทนอีกสักหน่อย จะต้องมีคนมาช่วยอย่างแน่น
“ระวัง” ตงฟางหลีเข้าไปประคองฉินเหยี่ยนเย่ว์โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเขาเคลื่อนไหวลำบาก จึงทำได้แค่เพียงโอบกอดนางเข้ามาหลังจากที่โอบนางเข้ามาแล้ว ราวกับว่าเขาเพิ่งจะรู้สึกตัว ผลักนางไปอีกด้านด้วยความรังเกลียด ก่อนจะหันหน้าไปอีกด้าน “หมอหลวงหลิน”หมอหลวงหลินรีบร้อนเข้ามาจับชีพจรให้“ท่านอ๋อง ลมหายใจของพร
แมงป่องงามขยายตัวใหญ่ขึ้นกว่าตอนแรกเริ่มเป็นเท่าตัว และกำลังแหวกว่ายในน้ำมันหอมอย่างมีความสุขเขามองตามหมอหลวงหลินอยู่พักใหญ่ ๆ ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างมึนงง “ท่านกำลังมองอะไรอยู่หรือ?”หมอหลวงหลินที่กำลังอยู่ในภวังค์ ถูกตู้เหิงตะโกนถามก็สะดุ้งตกใจ “ใต้เท้าตู้ อย่าจู่ ๆ ก็เอ่ยออกมาเช่นนี้สิ ข้าตกใจหมด”
จวนท่านอ๋องเจ็ดตำหนักหมิงอวี้ เรือนนวลยามที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตื่นขึ้นมา ก็พลันเห็นตงฟางหลีนอนหลับตาเอนหลังพิงอยู่บนเก้าอี้เอนตัวงามแสงสว่างที่ส่องประกายออกมา ใบหน้าของเขารูปงามราวดั่งหยก เพียงแค่นอนเอนตัวธรรม ท่วงท่ากลับมิต่างกับภูเขาหยก งดงามเสียจนทำให้ผู้คนนึกอิจฉาออกมาเสียได้เมื่อเปรียบเทียบกั
“เจ้าจำมิได้หรือ?” ตงฟางหลีพลางหัวเราะเยาะออกมา “ผู้ที่ตั้งชื่อให้เจ้าก็คือท่านราชครูผู้นั้นอย่างไรล่ะ บรรพบุรุษเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ของราชวงศ์ตงลู่มายาวนาน”ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันขมวดคิ้วเป็นปมไปในทันทีชื่อของนางเป็นคุณปู่ของนางที่เป็นคนตั้งให้ เนื่องจากชื่อนี้คำว่าเหยี่ยนเยว์กับอาว
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เองก็รู้ข้อเท็จจริงของเรื่องนี้เป็นอย่างดีนางค่อย ๆ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ องค์หญิงเย่ว์ลู่มิเคยมาหานางเลยสักครั้ง เรื่องนี้เกรงว่าจักกลายเป็นคดีที่มิอาจคลี่คลายได้เสียแล้ว “ช่างเถอะ ในเมื่อผู้ถูกกระทำเองยังพยายามที่จะปกป้องบุรุษผู้นั้นเอาไว้ ข้าจักไปกระวนกระวายแทนผู้อื่นได้อย่างไร?”
“ตู้เหิง เจ้ามาได้ถูกเวลาจริง ๆ ” เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้กลิ่นของตู้เหิงมาถึงแล้วนั้น นางก็มิอยากจะยุ่งเกี่ยวกับตงฟางหลีอีกต่อไป “พาข้าออกไปจากที่นี่”ตู้เหิงพลันตัวสั่นเทา ก่อนจะก้าวเท้าขึ้นไปข้างหน้า “เข้าเฝ้าท่านอ๋องและพระชายาพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมหาได้ตั้งใจมาขัดขวางพระองค์ไม่ ทว่า มีเรื่องด่วนที่จะ
ความโกรธของตงฟางหลียิ่งมากขึ้นเขาระงับอารมณ์หุนหันพลันแล่นที่จะทุบหัวของลู่จิ้นสักหมัด ถามด้วยเสียงทุ้มลึก “เหยียนเย่ว์ อาการเป็นอย่างไรบ้าง?"“ยังไหว”“ยังไหว หมายความว่าอย่างไร?” ตงฟางหลียังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์น่าหวาดผวาเมื่อครู่นั้น ครั้นได้ยินคำตอบส่งเดชของลู่จิ้น จึงอดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียง“ค
หลังจากที่เฮยตั้นปล่อยของสิ่งนั้นออก ของสิ่งนั้นก็หนีออกไปด้วยการยืดและหดตัว“เหมียว” เฮยตั้นเห็นว่ามันจะหลบหนี จึงกระโจนไปตะครุบใส่ และกัดส่วนหัวของมันอย่างรุนแรงฉีกทึ้งอย่างแรง และของสิ่งนั้นก็แยกออกเป็นสองท่อนหลังถูกแยกออกเป็นสองท่อนแล้ว ยังคงเคลื่อนไหวอยู่เฮยตั้นชะงักไปชั่วขณะ อุ้งเท้าทั้งสอง
น้ำเสียงนั้นราวกับกำลังบอกว่า...ไว้หน้าแล้วไม่รู้จักรับ!หลังจากนั้น กรงเล็บก็ตวัดมาทางเขาหลังจากอุ้งเท้าของมันเคลื่อนออก เจ้าสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับเส้นผมตัวนั้นก็คิดจะหลบหนี“เมี้ยว!” เฮยตั้นไม่สนใจสั่งสอนตงฟางหลีทาสผู้โง่เขลาคนนี้อีกมันกระโจนเข้าไปอย่างดุดัน และตบของสิ่งนั้นอย่างรุนแรง ก่อนจะใช้
เงาดำสายหนึ่งกระโดดเข้ามาจากทางประตูร่างกายอวบอ้วนที่แข็งแรงประหนึ่งบินเข้ามา มาถึงตรงหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์ในพริบตา“เมี้ยว”เฮยตั้นกระโดดขึ้นบนศีรษะของนางอย่างรวดเร็วและรุนแรง ร่างกายปิดดวงตาของฉินเหยี่ยนเย่ว์ ขาหลังเกือบจะปิดแก้มของนางกรงเล็บหน้าขยุ้มผมนางเมื่อการมองเห็นของฉินเหยี่ยนเย่ว์ถูกบดบัง
อาการปวดศีรษะจนยากจะทนรับไหวถาโถมเข้ามาไม่หยุดราวกับมีเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนทิ่มแทงที่ศีรษะ เป็นความรู้สึกอันน่าหวาดกลัวที่ไม่เคยประสบมาก่อนเวลาผ่านไปเพียงชั่วพริบตา เหงื่อเม็ดโตก็ไหลพรากอาภรณ์เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเช่นกันนางทนรับความเจ็บปวดเช่นนั้นไม่ไหว น้ำตาจึงไหลลงมาอย่างยากจะต้านทานร้องไห้สะอึ
“พี่เจ็ด หม่อมฉันคิดว่ามิอาจปล่อยให้เป็นเช่นนี้ได้เพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เพียงแค่คิดว่าคนดีอย่างเช่นพี่รองจะต้องแต่งกับซูเตี่ยนฉิงที่เป็นดอกบัวขาวเช่นนั้น ในใจก็รู้สึกอึดอัดจนว้าวุ่น“ซูเตี่ยนฉิงมิใช่ว่าคบชู้กับพี่หกหรอกหรือ? นางเคยคบกับพี่หก เกรงว่าคงจะขึ้นเตียงกันไปแล้ว มาแต่งกับพี่รองอีกนับเป็นเรื่
“มิใช่เช่นนั้น ยกตัวอย่างแล้วกัน หากอยู่ในท้องพระโรงใหญ่ในตำหนักไท่อี๋ แล้วเสด็จพ่อทรงประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร สวมอาภรณ์ลายมังกรสี่เล็บของฮ่องเต้ พระองค์ในตอนนั้นคือผู้มีอำนาจสูงสุดของราชวงศ์ตงลู่ ลู่จิ้นจักต้องคารวะตามกฎระเบียบ และรักษามารยาทระหว่างฮ่องเต้และขุนนางตามกฎระเบียบด้วย” ตงฟางหลีพูดอธิบ
“...” หน้าผากของฉินเหยี่ยนเย่ว์ทะมึนเป็นแถบเพื่อถ้อยคำที่ดูเพ้อฝันเช่นนี้ เขายังอุตส่าห์หึงหวงได้“ศิษย์พี่บอกว่าจะแนะนำให้กับหม่อมฉัน หม่อมฉันก็ต้อบรีบไปแต่งกับคนนั้นเลยหรือ? ท่านใช้สมองคิดสักหน่อยว่าเรื่องเช่นนี้เป็นไปได้ด้วยหรือ? อีกอย่าง ท่านขึ้นชื่อว่าถูกเลือกเป็นหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งเมือ
“เจ้ามีความเห็นหรือไม่” ตงฟางหลีมุ่นคิ้ว“อืม หลังจากท่านน้าท่านน้าสะใภ้ตายไป ท่านตาก็เป็นคนเก็บรักษากล่องเล็กใบนั้น และท่านตาก็มีอาการสติฟั่นเฟือนเช่นกัน หลังจากที่กล่องใบเล็กถูกพระสนมอวิ๋นถือเอาไป อาการสติฟั่นเฟือนของท่านตาก็ดีขึ้นมาก คำตอบมิใช่ว่าชัดเจนมากหรอกหรือเพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว“เจ้า