ฉินเหยี่ยนเย่ว์เองก็รู้ข้อเท็จจริงของเรื่องนี้เป็นอย่างดีนางค่อย ๆ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ องค์หญิงเย่ว์ลู่มิเคยมาหานางเลยสักครั้ง เรื่องนี้เกรงว่าจักกลายเป็นคดีที่มิอาจคลี่คลายได้เสียแล้ว “ช่างเถอะ ในเมื่อผู้ถูกกระทำเองยังพยายามที่จะปกป้องบุรุษผู้นั้นเอาไว้ ข้าจักไปกระวนกระวายแทนผู้อื่นได้อย่างไร?”
“ตู้เหิง เจ้ามาได้ถูกเวลาจริง ๆ ” เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้กลิ่นของตู้เหิงมาถึงแล้วนั้น นางก็มิอยากจะยุ่งเกี่ยวกับตงฟางหลีอีกต่อไป “พาข้าออกไปจากที่นี่”ตู้เหิงพลันตัวสั่นเทา ก่อนจะก้าวเท้าขึ้นไปข้างหน้า “เข้าเฝ้าท่านอ๋องและพระชายาพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมหาได้ตั้งใจมาขัดขวางพระองค์ไม่ ทว่า มีเรื่องด่วนที่จะ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์อารมณ์ไม่ดียิ่งนักนางนั่งอยู่บนเตียง ก่อนจะมองไปยังห้องที่ว่างเปล่านางที่นั่งอยู่คนเดียวภายในห้อง พร้อมทั้งเสียงหัวใจและลมหายใจที่ดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอมันเงียบเสียจนน่าใจหายการถูกขังอยู่ในที่มืดมิด ไม่มีแม้แต่อาหารและน้ำ ไม่มีแม้แต่อากาศบริสุทธิ์ หากนางจักต้องตายอยู่ที่นี่ก็คงมิมี
นางพลิกอ่านตำราเล่มแล้วเล่มเล่า ครั้นรู้สึกตัวว่าเหนื่อย ก็อ่านตำราจบไปหลายสิบเล่มแล้วเนื้อหาในตำรามีถูกต้อง มีผิด และมีบางส่วนที่นางไม่รู้เนื้อหาส่วนใหญ่ทับซ้อนกับความรู้ที่นางรู้มา สำหรับสิ่งเหล่านี้ นางเพียงพลิกดูมันอย่างไม่ใคร่สนใจนัก ความสนใจทั้งหมดกลับไปหยุดอยู่ตรงสมุนไพรและยาพิษที่นางไม่รู้
ดวงตาของลู่ซิวเป็นประกาย “ท่านอ๋องหมายความว่า..."ก่อนที่เขาจะพูดจบ ประตูก็ถูกผลักเปิดออกอย่างแรงพร้อมกับลมกระโชกแรงวูบหนึ่ง ตู้เหิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าซีดเซียว เขาวางอาหารลงบนโต๊ะ “ท่านอ๋อง ทรงต้องการให้องค์หญิงมู่เหยี่ยอยู่ในเรือนของเราจริง ๆ หรือ?”“มีข่าวลือในครัวเกี่ยวกับองค์หญิงมู่เหยี่ย ว่าน
“เมื่อองค์หญิงมู่เหยี่ยมีพระชนมายุสิบสองพรรษา ก็เคยเกิดการนองเลือดในวังขึ้น ขณะนั้นพระพันปีและฮ่องเต้ตกพระทัยหนัก พิโรธมาก เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ องค์ฮ่องเต้เตรียมจะลงโทษองค์หญิงมู่เหยี่ยฐานฆ่าคน”“องค์หญิงจากเป่ยลู่ ก็คือพระสนมเจินไม่ยินยอม ดังนั้นจึงเขียนจดหมายถึงฮ่องเต้เป่ยลู่ ก
“พระชายา เร็วเข้า รีบออกไปจากที่นี่”ไป๋โค้วตะโกนสุดชีวิต ทว่าเสียงแหบแห้ง ส่งเสียงอะไรออกไปแม้สักนิดก็ล้วนเจ็บปวดอย่างยิ่งฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นแล้วก็ตกใจหลังจากที่ไป๋โค้วได้รับบทเรียนจากนาง ก็ไม่สามารถพูดได้อยู่สามวัน หลังจากผ่านไปสามวันจึงสามารถฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติได้ ก็ไม่มีทางที่จะรู้สึกอึดอัดใ
เฟ่ยชุ่ยและชื่อเจี้ยนไม่กลับมา นี่ก็หมายความว่าพวกนางทั้งคู่ อาจถูกองค์หญิงมู่เหยี่ยทรมานทั้งเป็นจนตายไปแล้วเมื่อคิดว่าเฟ่ยชุ่ยที่ขี้อาย ใจดี กลับมีความกล้าหาญมากอาจจะตายอย่างอนาถคิดว่าหางน้อยที่แก้มอูม ตาโต ใสสะอาดไร้ใครเทียมก็ตายอย่างอนาถเช่นกันก้นบึ้งหัวใจของนางนั้น เหมือนมีบางอย่างถูกฉีกขาดเป
นอกจากกำแพงที่มิอาจเข้าใกล้ได้แล้ว อีกสามทิศที่เหลือล้วนถูกยึดครองทั้งหมดภายใต้วงล้อมที่โอบล้อมหลายชั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์และองครักษ์จื่ออวี๋เหลือเรี่ยวแรงเพียงเล็กน้อยฝั่งตรงข้ามมีคนจำนวนมาก ส่วนพวกเขามีกันเพียงสองคน การต่อสู้แบบเวียนเทียนสามารถทำให้พวกเขาเหนื่อยล้าจนหมดแรงได้เช่นกัน“รีบสู้รีบจบเถิ
องครักษ์จื่ออวี๋หยุดชะงักไปชั่วขณะศัตรูมีจำนวนมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด สถานการณ์อยู่ในขั้นวิกฤต เขาเพียงคนเดียวรับมือกับคนจำนวนมากเพียงนี้ อาจทำให้มิอาจดูแลไปพร้อม ๆ กันได้“สวมสิ่งนี้ไว้” เขาถอดเกราะเม่นอ่อนของตนเองออก“นี่คือ...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกตะลึงเกราะเม่นอ่อนที่ดาบแทงไม่เข้า เป็นสิ่งของในตำน
องครักษ์จื่ออวี๋มีวรยุทธ์ที่สูงส่ง มีความเป็นไปได้ที่จะหลบหนีออกไปได้“มิอาจให้พวกเขาหลบหนีออกไปได้” ป้าหวนกำหมัดแน่นอย่างดุดัน “ตามไป จะต้องสงหารพวกเขาในกองรักษาระเบียบนี้ให้ได้”“หากพวกเขาออกจากกองรักษาระเบียบไปได้แล้ว พวกเราทั้งหมดก็ต้องตาย”สีหน้าของเหล่านางกำนัลพลันกลายเป็นเหี้ยมโหดขึ้นมามีนาง
“ไม่ได้” ใบหน้าเล็ก ๆ ของตงฟางอิงซีดขาว “พวกนางล้วนมีวรยุทธ์กันทั้งนั้น ท่านไม่เป็นวรยุทธ์ สู้พวกนางไม่ได้หรอก”นางกำนัลเหล่านี้ไม่รู้ว่ามีที่มาอย่างไร แต่ละคนล้วนมีฝีมือสูงส่งทั้งนั้นด้วยวรยุทธ์ของเขาในตอนนี้ อย่างมากที่สุดก็คืออาศัยวิชาตัวเบาที่ซุยเยียนสอนหลบหนีไป คิดจะเอาชนะพวกเขาได้นั้นเป็นไปไม
ป้าหวนจับจ้องกระดาษแผ่นนั้นสักพัก ใบหน้าเคร่งขรึมนั้นเปี่ยมล้นด้วยรังสีอาฆาตเสียงของนางแทบจะเค้นลอดไรฟันออกมา “ฝ่าบาทให้ท่านมารับตัวพระสนมเหยาหรือ?”“ถูกต้อง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “คดีของพระพันปีเป่าเปิดเผยความจริงทั้งหมดแล้ว พระสนมเหยาเป็นผู้ถูกข้อครหา เสด็จพ่อจึงมีพระราชโองการให้ข้ากับองค์ชายสิบมาร
“องครักษ์จื่ออวี๋” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขานเรียกคำหนึ่ง“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จื่ออวี๋สองนายปรากฎตัวขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกัน“พวกเจ้าใครก็ได้ช่วยข้าถีบกำแพงนี่ให้เปิดออกหน่อย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดกำชับ“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์จื่วอวี๋ไม่ลังเลแม้แต่น้อยหนึ่งในนั้นก้าวขึ้นมาข้างหน้า กำหมัดแน่น รวบรวมพลังเงียบ ๆต่อ
ครั้นมองจากมุมของพวกเขา ข้างในยังคงว่างเปล่าไร้ผู้คน“ไม่มีกับดัก และไม่มีคนด้วย” ตงฟางอิงห่อไหล่ลง “แต่ข้าได้ยินเสียงจริง ๆ นะ” ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาซีดเผือดลงอีกครั้ง “พี่สะใภ้เจ็ด คงมิได้มีผีจริง ๆ กระมัง?”“ผีมิทำเรื่องไร้สาระพรรค์นี้หรอก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก้าวเข้าไปข้างในกลิ่นเลือดภายในห้องรุนแรง
สีหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ดูไม่ดีเช่นกันกองรักษาระเบียบเป็นหน่วยตรวจสอบของวังหลวง หัวหน้าหน่วยตรวจสอบใช้บทลงโทษอะไรมาลงโทษลูกน้อง มิอาจใช้บทลงโทษกับผู้กระทำความผิดโดยไร้เหตุผลได้กองรักษาระเบียบแห่งนี้ผิดปกติจจริง ๆเห็นได้ชัดว่าแม่นมสองคนที่หน้าประตูก็ปิดบังเรื่องบางอย่างจากพวกเขา ท่าทีอึกอัก สีหน
นางยื่นกระดาษขาวไปตรงหน้าพวกนาง “หรือว่า พวกเจ้าคิดจะขัดพระราชโองการ?”เหล่าแม่นมมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาที่หน้าผากเล็กน้อยพวกนางขัดขวางไว้ไม่ได้ ทำได้เพียงเปิดประตูให้ “พระชายาอ๋องเจ็ด องค์ชายสิบ เชิญเข้าไปได้เพคะ”ครั้นฉินเหยี่ยนพับกระดาษเก็บไว้ในแขนเสื้อเรียบร้อยแล้ว ก็พาเจ้าสิบเดินเข้าไปข้างในแม่