ฉินเหยี่ยนเย่ว์สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไปบรรยากาศภายในห้องค่อนข้างตึงเครียดมีเพียงเสียงเปลวเทียนที่วูบไหวและเสียงหวีดหวิวของสายลมยามค่ำคืนที่พัดผ่านหน้าต่างเท่านั้นที่สามารถได้ยินในยามนี้ เพิ่มความแปลกประหลาดเล็กน้อยให้กับบรรยากาศที่เงียบสงัดนี้ไป๋โค้วมองเปลวเทียนที่กำลังวูบไหวอยู่ ดวงตาของนางสั่
หลังจากถูกฉีดยา ในที่สุดนางก็สงบลงและหยุดต่อต้าน ปล่อยเฟ่ยชุ่ยและชื่อเจี้ยนทำความสะอาดบาดแผลให้นางมีบาดแผลขนาดต่าง ๆ เจ็ดแปดแผลจากการถูกสุนัขกัดและที่ต้องเย็บมีเพียงสองแผลโชคดีที่ทั้งหมดเป็นการบาดเจ็บภายนอกผิวหนัง ทั้งหมดอยู่บนผิวภายนอกแค่ตื้น ๆ จึงไม่คณามือเฟ่ยชุ่ยนักหลังจากทำให้ชาด้วยเข็มยาชา
“นี่มิใช่ฝีมือของพระชายาหรือ?” ตู้เหิงรู้สึกโล่งใจ แต่แล้วกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง “ผู้ใดจะใจกล้าทำเรือนเป็นเช่นนี้ล่ะ หรือว่า…”หน้าผากของเขากระตุก และชื่อหนึ่งก็พร้อมที่จะถูกปล่อยออกมานอกจากแม่นางไป๋โค้วชื่อเสียงเลื่องลือแล้ว เขานึกถึงคนอื่นไม่ได้เลยจริง ๆไป๋โค้วฟ้าดินไม่กลัว นึกถึงยามน
“ใช่น่ะสิ ฉากของสามีภรรยา เขียนไปสองรอบก็ท่องจำมันได้แล้ว ถึงเวลาจะได้ไม่ต้องรีบร้อนจนทำอะไรไม่ถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “ตราบใดที่ทำให้ผู้คนรู้สึกซาบซึ้งใจได้ ก็จะแพร่กระจายคำพูดไปว่าเราเป็นสามีภรรยาที่รักใคร่กลมเกลียวกัน”“อย่าเป็นเช่นนี้เลย พระชายา” ตู้เหิงก้าวไปข้างหน้าสองก้าว แล้วคุกเข่าลงข้างห
“ท่านอ๋องเดิมมิได้ตั้งใจจะปรากฏตัว” ตู้เหิงกล่าว “เขาได้ยินว่าแม่นางซูมา จึงต้องการส่งข้าไปต้อนรับนาง แล้วส่งนางกลับไปจวนสกุลซู”“ต่อมา ท่านอ๋องได้ยินว่าท่านกับแม่นางซูได้พบกันแล้ว เขาก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะไป”ฉินเหยี่ยนเย่ว์หยุดลงกะทันหันรัศมีรอบตัวนางเย็นลง และรอยยิ้มของนางก็ดูน่ากลัวเช่นกัน “
ฉินเหยี่ยนเย่ว์คว้าข้อมือของตงฟางหลีมาตรวจดู ชีพจรของเขายุ่งเหยิงมากนางตรวจสอบตรงหน้าผากของเขาอีกครั้ง มันยังคงร้อนจี๋อยู่“ลดไข้เสียก่อน” นางหยิบนิมีซูไลด์ออกมา ขอน้ำอุ่นหนึ่งชาม และป้อนยาให้ตงฟางหลีเหมือนอย่างเคยหมอหลวงหลินและตู้เหิงหน้าแดงก่ำทันที พลันหันหลังกลับไป“ตู้เหิง เตรียมหม้อไฟ หัวเป็ด
“มีข่าวอันใดหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เลิกคิ้ว “รีบบอกมาเร็วเข้า”นางยังพูดไม่ทันจบคำ ท้องของนางก็ส่งเสียงคำรามขึ้นมาเสียก่อน“มิอย่างนั้น ทานข้าวก่อนดีหรือไม่?” แก้มของตู้เหิงเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย“ได้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มีอาการภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หากไม่กินอาหารเป็นเวลานานจะมีอาการใจสั่น ในกรณีที่ร้าย
ตลอดเวลามานี้ นางตกอยู่ในความเข้าใจผิดครั้งใหญ่นางเข้าใจอย่างมีอคติไปก่อน ว่าผู้วางยาพิษใช้ร่างกายของตงฟางหลีเพื่อบรรลุจุดวิกฤติกระตุ้นพิษทว่าในความเป็นจริงแล้ว เงื่อนไขร่างกายของตงฟางหลีเป็นเพียงเงื่อนไขเพียงพอ มิใช่เงื่อนไขจำเป็นท้ายที่สุด นอกจากคนที่ใกล้ชิดที่สุด ก็ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากที่ป่วย
ความโกรธของตงฟางหลียิ่งมากขึ้นเขาระงับอารมณ์หุนหันพลันแล่นที่จะทุบหัวของลู่จิ้นสักหมัด ถามด้วยเสียงทุ้มลึก “เหยียนเย่ว์ อาการเป็นอย่างไรบ้าง?"“ยังไหว”“ยังไหว หมายความว่าอย่างไร?” ตงฟางหลียังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์น่าหวาดผวาเมื่อครู่นั้น ครั้นได้ยินคำตอบส่งเดชของลู่จิ้น จึงอดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียง“ค
หลังจากที่เฮยตั้นปล่อยของสิ่งนั้นออก ของสิ่งนั้นก็หนีออกไปด้วยการยืดและหดตัว“เหมียว” เฮยตั้นเห็นว่ามันจะหลบหนี จึงกระโจนไปตะครุบใส่ และกัดส่วนหัวของมันอย่างรุนแรงฉีกทึ้งอย่างแรง และของสิ่งนั้นก็แยกออกเป็นสองท่อนหลังถูกแยกออกเป็นสองท่อนแล้ว ยังคงเคลื่อนไหวอยู่เฮยตั้นชะงักไปชั่วขณะ อุ้งเท้าทั้งสอง
น้ำเสียงนั้นราวกับกำลังบอกว่า...ไว้หน้าแล้วไม่รู้จักรับ!หลังจากนั้น กรงเล็บก็ตวัดมาทางเขาหลังจากอุ้งเท้าของมันเคลื่อนออก เจ้าสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับเส้นผมตัวนั้นก็คิดจะหลบหนี“เมี้ยว!” เฮยตั้นไม่สนใจสั่งสอนตงฟางหลีทาสผู้โง่เขลาคนนี้อีกมันกระโจนเข้าไปอย่างดุดัน และตบของสิ่งนั้นอย่างรุนแรง ก่อนจะใช้
เงาดำสายหนึ่งกระโดดเข้ามาจากทางประตูร่างกายอวบอ้วนที่แข็งแรงประหนึ่งบินเข้ามา มาถึงตรงหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์ในพริบตา“เมี้ยว”เฮยตั้นกระโดดขึ้นบนศีรษะของนางอย่างรวดเร็วและรุนแรง ร่างกายปิดดวงตาของฉินเหยี่ยนเย่ว์ ขาหลังเกือบจะปิดแก้มของนางกรงเล็บหน้าขยุ้มผมนางเมื่อการมองเห็นของฉินเหยี่ยนเย่ว์ถูกบดบัง
อาการปวดศีรษะจนยากจะทนรับไหวถาโถมเข้ามาไม่หยุดราวกับมีเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนทิ่มแทงที่ศีรษะ เป็นความรู้สึกอันน่าหวาดกลัวที่ไม่เคยประสบมาก่อนเวลาผ่านไปเพียงชั่วพริบตา เหงื่อเม็ดโตก็ไหลพรากอาภรณ์เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเช่นกันนางทนรับความเจ็บปวดเช่นนั้นไม่ไหว น้ำตาจึงไหลลงมาอย่างยากจะต้านทานร้องไห้สะอึ
“พี่เจ็ด หม่อมฉันคิดว่ามิอาจปล่อยให้เป็นเช่นนี้ได้เพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เพียงแค่คิดว่าคนดีอย่างเช่นพี่รองจะต้องแต่งกับซูเตี่ยนฉิงที่เป็นดอกบัวขาวเช่นนั้น ในใจก็รู้สึกอึดอัดจนว้าวุ่น“ซูเตี่ยนฉิงมิใช่ว่าคบชู้กับพี่หกหรอกหรือ? นางเคยคบกับพี่หก เกรงว่าคงจะขึ้นเตียงกันไปแล้ว มาแต่งกับพี่รองอีกนับเป็นเรื่
“มิใช่เช่นนั้น ยกตัวอย่างแล้วกัน หากอยู่ในท้องพระโรงใหญ่ในตำหนักไท่อี๋ แล้วเสด็จพ่อทรงประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร สวมอาภรณ์ลายมังกรสี่เล็บของฮ่องเต้ พระองค์ในตอนนั้นคือผู้มีอำนาจสูงสุดของราชวงศ์ตงลู่ ลู่จิ้นจักต้องคารวะตามกฎระเบียบ และรักษามารยาทระหว่างฮ่องเต้และขุนนางตามกฎระเบียบด้วย” ตงฟางหลีพูดอธิบ
“...” หน้าผากของฉินเหยี่ยนเย่ว์ทะมึนเป็นแถบเพื่อถ้อยคำที่ดูเพ้อฝันเช่นนี้ เขายังอุตส่าห์หึงหวงได้“ศิษย์พี่บอกว่าจะแนะนำให้กับหม่อมฉัน หม่อมฉันก็ต้อบรีบไปแต่งกับคนนั้นเลยหรือ? ท่านใช้สมองคิดสักหน่อยว่าเรื่องเช่นนี้เป็นไปได้ด้วยหรือ? อีกอย่าง ท่านขึ้นชื่อว่าถูกเลือกเป็นหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งเมือ
“เจ้ามีความเห็นหรือไม่” ตงฟางหลีมุ่นคิ้ว“อืม หลังจากท่านน้าท่านน้าสะใภ้ตายไป ท่านตาก็เป็นคนเก็บรักษากล่องเล็กใบนั้น และท่านตาก็มีอาการสติฟั่นเฟือนเช่นกัน หลังจากที่กล่องใบเล็กถูกพระสนมอวิ๋นถือเอาไป อาการสติฟั่นเฟือนของท่านตาก็ดีขึ้นมาก คำตอบมิใช่ว่าชัดเจนมากหรอกหรือเพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว“เจ้า