เขากล่าวพลางยกชามขึ้น ตักข้าวหนึ่งช้อนยื่นไปที่ปากนางคิ้วของฉู่เชียนหลีขมวดจนเป็นปม นางหงายหน้าถอยเพื่อเว้นระยะห่างกับเขา แต่เขากลับยื่นมือมาดึงนางเข้าไปกะทันหันข้าวหนึ่งช้อน ถูกใช้กำลังยัดเข้าปากนาง“อืม!”นางกำลังจะคลายทิ้ง“กิน!”เสียงของเขาแข็งกระด้าง “ความเป็นความตายของเฟิงเย่เสวียนอยู่ในมือข้า ถ้าหากเจ้ากล้าคลายทิ้ง ข้าจะฆ่าเขา!”การเคลื่อนไหวของนางชะงักฉับพลันดวงตาที่แดงฉานจ้องนางด้วยความโกรธ ในแววตาไม่มีอะไรเลยนอกจากความเกลียดชังและความโกรธในสายตาเขา เกลียดก็ดี โกรธก็ดี ขอแค่นางอยู่ข้างกายเขา มันก็เพียงพอแล้วมองดูท่าทางของนางที่ถึงแม้จะโกรธแค้น แต่ก็ยังฝืนกล้ำกลืน เขาหัวเราะแล้ว พลางลูบแก้มหน้าเบาๆ“เช่นนี้สิถึงจะเป็นเด็กดี”เขาตักข้าวอีกหนึ่งช้อน ยื่นไปที่ปากนางนางอยากดิ้นให้หลุด กลับถูกเขาบีบคาง แงะปากจนเปิดแล้วยัดเข้าไปอีกครั้งฉู่เชียนหลีดิ้นไม่หลุด ท้ายที่สุดก็เลิกดิ้นรน นางถาม“ตอนนี้เจ้าบุกเข้าจวนอ๋องเฉินอย่างอาจหาญเช่นนี้แล้วหรือ?”เมื่อก่อน เขาอาศัยความมืดปีนเข้ามาทางหน้าต่างปัจจุบันใช้ประตูใหญ่ เดินเข้ามาอย่างเปิดเผยต่อหน้าทุกคน“ข้ากับเฟิงเย่
พูดจบ เขาก็ก้มลงไปอุ้มนางขึ้นเตียง ลูบแล้วลูบใบหน้าเล็กๆ ที่ซีดเซียวของนางอย่างอ่อนโยน จากนั้นจัดแจงเสื้อเพ้าสีขาวเสี้ยวจันทร์อันหรูหราครู่หนึ่ง ก็จากไปอย่างอารมณ์ดีแล้วสีหน้าของฉู่เชียนหลีน่าเกลียดมากตอนที่เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงเข้ามาเก็บโต๊ะ รู้สึกถึงความผิดปกติ รู้ได้ในทันทีว่าเกี่ยวข้องกับอ๋องหลีมองสีหน้าที่มืดสลัวของพระชายา ทั้งสองปวดใจนัก“พระชายา ท่านไม่ต้องกังวล ในมือท่านอ๋องมีทหารองครักษ์เงาแปดหมื่นนาย อีกทั้งยังมีประสบการณ์ทำสงครามมากมาย เขาจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอนเจ้าค่ะ!” เยว่เอ๋อร์กล่าวอวิ๋นอิงพยักหน้า“ทุกคนรู้จักความสามารถของท่านอ๋องดี อ๋องหลีอยากทำร้ายเขา หาใช่เรื่องง่าย หานอิ๋งกับคนของสำนักอู๋จี๋ได้เดินทางไปรวมกลุ่มกับท่านอ๋องที่เป่ยเจียงอย่างเร่งด่วนแล้ว”“รอท่านอ๋องกลับเมือง ก็คือวันตายของอ๋องหลี!”ฉู่เชียนหลีเชื่อในความสามารถของเฟิงเย่เสวียน แต่ก็กลัวเฟิงเจิ้งหลีเล่นสกปรกไม่เจอเฟิงเย่เสวียนหนึ่งวัน นางก็ไม่สบายใจหนึ่งวันเยว่เอ๋อร์กล่าวเกลี้ยกล่อม“คุณชายจิ่งกำลังจับตาดูทางฝั่งของฝ่าบาท ขอแค่หาเบาะแสให้เจอ ก็สามารถจัดการอ๋องหลี แต่ก่อนหน้านี้ ท่
หัวข้อสนทนานี้จบลงฉู่เชียนหลีมองอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะ ไม่มีความอยากอาหารแม้แต่น้อย “ต่อไป ปิดประตูใหญ่ของจวนอ๋องให้หมด ไม่รับแขกใดๆ ทั้งสิ้น แล้วก็เพิ่มทหารยามอีกหนึ่งเท่า”นางไม่อยากเจอเฟิงเจิ้งหลีอีก“เจ้าค่ะ”เยว่เอ๋อร์ขานรับคำหนึ่ง ใช้มือจับเอวที่ยังเจ็บเป็นระยะ เดินออกไปถ่ายทอดคำสั่งของพระชายา“เหตุใดไม่เห็นเสด็จแม่?”คราวนี้ ฉู่เชียนหลีจึงจะสังเกตเห็นเรื่องนี้นางคิดในใจ เหมือนว่าวันนี้ไม่เจอถงเฟยเลยอวิ๋นอิงกล่าว “พระสนมถงเฟยเข้าวังตั้งแต่เช้าแล้ว ตอนนี้ยังไม่กลับมาเจ้าค่ะ”ถงเฟยรับพระบัญชาดูแลฉู่เชียนหลี ไม่มีทางกลับตำหนัก ดูเหมือนนางเข้าวังเพราะเรื่องของอ๋องหลี แต่นี่ก็ทั้งวันแล้วยังไม่มีข่าวคราวอีกดูเหมือนไม่ราบรื่นฉู่เชียนหลีลูบท้องพลางกล่าวเสียงเบา“ฝ่าบาทไม่ยอมพบถงเฟย ถ้าหากข้าขอเข้าเฝ้า อวิ๋นอิง เจ้าว่าเขาจะยอมพบข้าหรือไม่?”อวิ๋นอิงเงียบนางไม่กล้าพูดปัจจุบันฮ่องเต้กับอ๋องหลีใกล้ชิดกัน ถ้าหากเขาไม่อยากตอบคำถามของพระชายา ก็ย่อมไม่พบพระชายาเช่นกัน ท่านอ๋องไม่อยู่บ้าน จวนอ๋องเฉินอยู่ในสถานะที่ตกเป็นเป้าไม่ว่าจะทำอะไร ก็ไม่มีความมั่นใจและเอิกเกริกเหม
วันรุ่งขึ้น พระชายาอ๋องติ้งมาอย่างร้อนอกใจร้อนใจแต่เช้า“เสียวฉู่!”สีหน้านางดูเร่งรีบ เหมือนกับเกิดเรื่องใหญ่ “เสียวฉู่!”ฉู่เชียนหลีรีบออกไปต้อนรับ “นี่พี่อวี๋เป็นอะไร?”“เสียวฉู่ เข้าไปคุยข้างใน!”พระชายาอ๋องติ้งจูงมือของนาง เรื่องที่อ๋องหลีเข้าจวนเฟิงเหรินแล้วถูกปล่อยออกมานั้น เป็นที่ทราบกันดี นางรู้เรื่องสมคบคิดกับศัตรู ทรยศชาติจากปากของอ๋องติ้ง จึงเดาได้ว่าอ๋องหลีกำลังก่อเรื่อง อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่ไม่เป็นผลดีต่อจวนอ๋องเฉินนางกับฉู่เชียนหลีมีความสัมพันธ์ที่ดี ย่อมต้องใส่ใจเป็นพิเศษ“ช่วงนี้อ๋องหลีได้สร้างผลงานมากมาย วันนี้ก็สร้างซุ้มแจกข้าวต้ม ช่วยเหลือขอทานทั้งเมืองหลวง ได้รับคำชื่นชมมากมาย ราษฎรชมไม่หยุดปาก”“จุดประสงค์ของเขานั้นชัดเจนมาก แต่ข้าจะบอกอะไรเจ้า ข้ากลับพบเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจมากหนึ่งเรื่อง!”ฉู่เชียนหลีขยับหูเข้าไปพระชายาอ๋องติ้งกระซิบข้างหูนางด้วยน้ำเสียงที่ตกใจ“ดูผิวเผินอ๋องหลีเป็นคนอ่อนโยนและจิตใจดี แต่ตามที่สายของข้ามารายงาน เขากลับกักขังพระชายาของตัวเองนานถึงสี่เดือน!”“อะไรนะ?!”ฉู่เชียนหลีตะลึงงันมีเรื่องเช่นนี้ด้วย?“นี่มันเกิดอะไรขึ้น
เมื่อเห็นฉู่เชียนหลี อาการของนางดูแย่ขึ้นมาทันทีนางคิดว่าเพราะฉู่เชียนหลียั่วยวนอ๋องหลี นางจึงถูกขังอยู่ที่นี่นานเช่นนี้ ล้วนเป็นเพราะฉู่เชียนหลี!ฉู่เชียนหลีมองนาง อธิบายไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไรผมของนางยุ่งเหยิง สีหน้าซีดเซียวไร้ร่องรอยของเลือด เหมือนขาดสารอาหารเป็นเวลานาน แม้แต่ท้องที่ตั้งครรภ์เจ็ดเดือนกว่าก็ไม่ได้ใหญ่มากนัก สภาพตกอับและสะบักสะบอมมาก“เขาปฏิบัติกับเจ้าเช่นนี้ได้อย่างไร…”“เพราะเหตุใดท่านอ๋องจึงปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ เจ้าไม่ได้รู้ดีอยู่แก่ใจหรอกหรือ!” ฉู่เจียวเจียวเย็นชาจนถึงขีดสุดมันคือความโกรธมันคือความเกลียดแทบอยากจะฉีกร่างฉู่เชียนหลีเสียเดี๋ยวนี้“เจ้ายังกล้ามาปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีกหรือ ฉู่เชียนหลี ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้า! เพราะเจ้า!”นางคำรามด้วยความโกรธ ก็จะเข้าไปผลักฉู่เชียนหลีฉู่เชียนหลียืนเท้าให้มั่นคง คว้าสองมือของนาง นางถูกสยบแล้ว “เรื่องที่เฟิงเจิ้งหลีทำกับเจ้า เกี่ยวอะไรกับข้า? หรือมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังรักเขาอยู่?” “รัก…”ฉู่เจียวเจียวชะงักแล้วรัก…หรือ?ใช่แล้วนางรักเขา รักมาตั้งหลายปี หนึ่งจิตหนึ่งใจ ยินดีทำเพื่อเขาทุกอย่าง แต่
เมื่อชาวบ้านเห็นและได้ยินเสียงตะโกน จับใจความจากคำพูดที่ไม่ปะติดปะต่อ ต่างก็ตกใจฉับพลันอ๋องหลีกักขังพระชายาอ๋องหลี?!เกิดอะไรขึ้น?“พวกเจ้าดูสิ ผู้หญิงที่ผมกระเซิงนั่นเหมือนเป็นพระชายาอ๋องหลีจริงด้วย! เมื่อก่อนข้าเคยเห็นนาง นางกำลังตั้งครรภ์ สภาพกลับสะบักสะบอมและผอมเช่นนี้!”ชายวัยกลางคนคนหนึ่งอุทานทันใดนั้นเหมือนก้อนหินถูกโยนลงน้ำจนเกิดระลอกคลื่น ชาวบ้านพาวิพากษ์วิจารณ์“นางบำรุงครรภ์อยู่ที่บ้านไม่ใช่หรือ? อ๋องหลีจะขังนางได้อย่างไร?”“ดูผิวเผินเขาอ่อนโยนและจิตใจดีมาก คิดไม่ถึงว่าจะปฏิบัติต่อพระชายาของตัวเองเช่นนี้?”“สามารถลงมืออย่างโหดร้ายกับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์เช่นนี้ ยังมีเรื่องอะไรที่เขาทำไม่ได้อีก?”“โหดร้ายมาก…”สายตาของชาวบ้านที่ตื้นตันใจก่อนหน้านี้ มองอ๋องหลีเปลี่ยนทันทีประหลาดใจวิเคราะห์เหยียดหยามโกรธแค้นและอยุติธรรม…สายตาที่เป็นปรปักษ์มองไปทางอ๋องหลีจากสี่ด้านแปดทิศ “ท่านอ๋อง! ท่านอ๋อง…”ฉู่เจียวเจียววิ่งเข้ามาเหมือนคนบ้า นางคว้าชายเสื้อของอ๋องหลีอย่างลนลาน ปากก็พูดพล่ามไปด้วย“ท่านอ๋อง ข้ารู้ว่าท่านไม่ชอบข้า แต่ได้โปรดท่านช่วยเห็นแก่ลูก พวกเราอย
“อ๊ะ! ท่านอ๋อง ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ!”เฟิงเจิ้งหลีเพิ่งเอ่ยปาก ฉู่เจียวเจียวก็เหมือนสะเทือนใจอย่างรุนแรง นางกอดศีรษะ จิกผม กรีดร้องเสียงดัง“เจียวเจียว…”“ช่วยด้วย ช่วยด้วย! อย่าขังข้าเลย! ท่านอ๋อง ข้าขอร้อง! ลูกของพวกเราใกล้จะคลอดแล้ว ท่านปล่อยข้าออกไปเถอะ!”ฉู่เจียวเจียวจับท้อง คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างโซซัดโซเซในแววตาที่ขุ่นมัวเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเฟิงเจิ้งหลีกวาดมองชาวบ้านที่วิพากษ์วิจารณ์โดยรอบแวบหนึ่ง เสียงดังเกินไป จึงดึงดูดผู้คนไม่น้อยมา คนที่มามุงดูเยอะขึ้นเรื่อยๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าคนทั้งเมืองหลวงต้องรู้แน่…แววตาของเขาขรึมลง“เจียวเจียว ฟังข้า…”“เหอะ! ไม่ฟัง! ไม่ฟัง! อย่าเข้ามา อย่าจับข้า!”“เจียวเจียว!”เขาจับไหล่ทั้งสองข้างของนาง เขย่าแรงๆ ทีหนึ่ง แต่ก็ไม่มีประโยชน์ นางก็เหมือนกับอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่ได้ยินอะไรสักอย่าง ในสมองมีเพียงความคิดเดียวอ้อนวอนอ๋องหลีให้ปล่อยตัวเองออกไปชาวบ้านที่วิพากษ์วิจารณ์มากขึ้นเรื่อยๆฉู่เชียนหลียืนอยู่ตรงจุดที่ไม่ไกล สองมือกอดอก มองดูภาพนี้อย่างเย็นชาเฟิงเจิ้งหลี เจ้าวางแผนไปวางแผนมา สุดท้ายกรรมก็มาตกที่
น้ำเสียงที่อ่อนโยน กับท่าทางที่อดทนนั่น ชั่วขณะทำให้นางเกิดความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเกิดอันอบอุ่นแม้แต่อากาศและลมหายใจก็หวานไปด้วย“ท่านอ๋อง…”“ท่านอ๋อง ข้าคิดว่าท่านไม่ชอบข้า…”“จะเป็นไปได้อย่างไร?” เฟิงเจิ้งหลีประคองฉู่เจียวเจียวลุกขึ้นจากพื้น “เจ้าดูฉู่เชียนหลี ตั้งแต่ตั้งครรภ์ก็ถูกปองร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า เจตนาของคนร้ายคืออยากฆ่าลูกในท้องของนาง ถ้าหากข้าไม่ปกป้องเจ้าให้ดี ลูกจะอยู่รอดได้อย่างไร?”“เหตุใดเจ้าไม่ลองคิดเรื่องนี้ดู?”เรื่องของลูก สะกิดโดนตำแหน่งที่เปราะบางที่สุดในก้นบึ้งหัวใจของฉู่เจียวเจียวความหวาดระแวงและความเกลียดชังของนาง พังทลายลงในพริบตา“ท่านอ๋อง เมื่อก่อนข้าเลอะเลือน และยังเข้าใจท่านผิด…ข้า…ข้า…”“เด็กโง่ ข้าไม่ถือสาหรอก”สองสามีภรรยาหน้าผากชนหน้าผาก กระซิบคุยกันเบาๆ ไม่มีใครได้ยิน กลับกันเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของชาวบ้านโดยรอบดังขึ้นเรื่อยๆ และเดือดขึ้นเรื่อยๆฉู่เชียนหลียืนค่อนข้างไกล ไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกันแต่ กลับเกิดความคิดที่ไม่ดีอย่างหนึ่ง…เป็นอย่างที่คิดฉู่เจียวเจียวเรียกนาง“พระชายาอ๋องเฉิน!”เสียงเรียกนี้ ทำให้ทุกคนสังเกตเห็นว่าพระช
สองวันต่อจากนั้น ค่อนข้างสงบเพียงแต่สงครามกำลังจะปะทุขึ้นแล้ว เมื่อครึ่งเดือนก่อน อ๋องเฉินยึดเมืองเจียหนานได้ในคราวเดียว เพื่อโต้ตอบ ฮ่องเต้หลีเลือกที่จะร่วมมือกับแคว้นซีอวี้ ได้รับม้าศึก อาวุธ และยอดทหารที่หนึ่งคนสามารถสู้สิบคน เตรียมพร้อมลงสนามรบทุกเมื่อ สงครามดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ“กลับมาอย่างปลอดภัยนะ”ฉู่เชียนหลีผูกสายรัดเอวของเสื้อเกราะอ่อน สวมเสื้อเพ้าชั้นนอก และจัดแจงให้เฟิงเย่เสวียน ก่อนออกเดินทาง โอบเอวของเขาไม่ยอมปล่อยเป็นเวลานานเฟิงเย่เสวียนลูบศีรษะน้อยๆ ของนาง“อยู่บ้านดูแลเว่ยซีกับจื่อเยี่ยให้ดี อย่างมากข้าไปสองวันก็กลับ”“ระวังตัวด้วย”“อืม”จูบกลางหว่างคิ้วของนาง ถือกระบี่เดินจากไปฉู่เชียนหลีไปส่งถึงประตูใหญ่ กระทั่งมองไม่เห็นแผ่นหลังของเขา จึงจะกลับจวนร่างกายของอวิ๋นอิงฟื้นตัวได้ดี สีหน้าก็ดูดีขึ้นมาก มีกู่แพทย์คอยบำรุงรักษา สุขภาพของนางค่อยๆ ดีขึ้น และไม่กระอักเลือดแล้ว“พระชายา งานเลี้ยงอายุครบหนึ่งปีของเว่ยซีกับจื่อเยี่ย จะเชิญใครบ้างเจ้าค่ะ?” อวิ๋นอิงกำลังวางแผนพริบตาเดียว ยังเหลืออีกเจ็ดวัน เจ้าเด็กน้อยทั้งสองก็จะอายุหนึ่งปีแล้วเวลาผ่านไปเร็วมาก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนฉับพลัน กลิ่นอายรอบกายขรึมลง มีความตื่นตระหนกสายหนึ่งแลบผ่านแววตาอย่างรวดเร็วพริบตาเดียวไม่นานก็สงบลง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“นี่ท่านพูดอะไรของท่าน!”นางสะบัดมือของจวินชิงอวี่หลุด ลุกขึ้นยืน ทั่วร่างเต็มไปด้วยความโกรธที่ถูกปรักปรำ“ข้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่าน ท่านกลับคิดว่าข้าทำเรื่องที่ไร้มโนธรรมเช่นนี้? เสด็จพี่สาม ก่อนที่ท่านจะพูด เคยถามใจตัวเองดูหรือไม่!”นางคำรามออกมาอย่างแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม ดวงตาก็กลายเป็นสีแดงไปแล้วจวินชิงอวี่รักนางมาก ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยตำหนินางแม้แต่คำเดียวแต่…“ยวนเอ๋อร์ เดิมทีคนที่วางยา เป็นคนตัดฟืนของทำเนียบเจียงหนาน รับคำสั่งจากฮองเฮาตงหลิง วางยาพิษทำร้ายพี่น้องฝาแฝด ถูกพระชายาอ๋องเฉินจับได้”“แต่เมื่อวานเจ้าส่งคนไปทำเนียบ คนตัดฟืนคนนี้ก็มาอยู่ที่ศาลาพักม้าแล้ว”“กลางคืน เสด็จแม่ก็ถูกพิษแล้ว”นำทั้งหมดนี้มาเชื่อมโยงกัน จะไม่ให้เขาสงสัยได้อย่างไร?จวินลั่วยวนเบิกตากว้าง“ข้าเป็นห่วงความร่วมมือของแคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉิน ส่งคนไปลองถามดู ท่านกลับคิดว่าข้าติดสิ
ความจริงเป็นไปตามที่ฉู่เชียนหลีคาดการณ์หลังจากจวินชิงอวี่ตามจวินลั่วยวนทัน ปลอบใจนางอยู่นาน เขารับประกันและใช้คำพูดดีๆ สารพัด จึงจะสามารถทำให้น้องสาวหายโกรธกลับถึงศาลาพักมา ก็พลบค่ำแล้วฮองเฮาหนานยวนฟื้นแล้ว“เสด็จแม่ ท่านฟื้นแล้ว!”“เสด็จแม่ ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่? เจ็บคอหรือไม่?”จวินชิงอวี่ถามอย่างประหม่า จวินลั่วยวนรินน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้ว ทั้งสองเฝ้าอยู่ที่หน้าเตียง มองมารดาด้วยความห่วงใยฮองเฮาหนานยวนรู้สึกเจ็บแบบแสบร้อนในลำคอ แค่ขยับเล็กน้อยก็เจ็บแสบมาก แม้กลืนน้ำก็เจ็บจนหน้าซีดนางเม้มปาก ไม่พูดสักคำจวินชิงอวี่จับมือของนาง กล่าวอย่างปวดใจ“เสด็จแม่ ท่านไม่ต้องกังวล พวกเราใช้ยาที่ดีที่สุดแล้ว ต้องดีขึ้นแน่นอน ทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ มีนางอยู่ ท่านจะต้องหายดีแน่นอน”จวินลั่วยวนพยักหน้า“ใช่แล้ว เสด็จแม่ ท่านก็อย่าเสียใจไปเลย อีกสามถึงห้าปีก็หายแล้ว”“...”คำพูดนี้ ฟังดูก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่หากตั้งใจฟัง สำหรับฮองเฮาหนานยวนที่ชอบร้องเพลง ไม่ใช่จงใจพูดเสียดสีหรอกหรือ?ฮองเฮาหนานยวนถือแก้วน้ำ พิงอยู่ตรงหัวเตียง ค่อยๆ หลุบตา พูดไม่ออก และไม่อยา
จวินลั่วยวนตื่นตระหนกแล้วนางคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะตกหลุมพรางของฉู่เชียนหลี ตอนนี้ไม่สามารถทำให้นางตาย และยังทำให้เสด็จพี่สามสงสัย ไม่เพียงไม่ได้อะไรเลย แถมยังเสียอีกต่างหาก“เสด็จ เสด็จพี่สาม…”จบแล้ว!นางจะสูญเสียความรักของเสด็จพี่สามไม่ได้!จะปล่อยให้นางแพศยาฉู่เชียนหลีทำสำเร็จไม่ได้เด็ดขาด!สมองของจวินลั่วยวนแล่นอย่างรวดเร็ว ในเวลาสั้นๆ สองวินาที คิดแผนรับมือได้แล้ว เบ้าตาแดงก่ำโดยตรง มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาที่กลมโต นางกล่าว“เสด็จพี่สาม ดีจังที่ท่านไม่เป็นอะไร!”“ข้าได้ยินซวงซวงบอกว่าท่านกับพระชายาอ๋องเฉินออกมาด้วยกัน และยังมาสถานที่ลับเช่นนี้อีก ข้าคิดว่าพวกท่านทำ…เรื่องอะไรที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้เสียอีก”“ข้าเป็นห่วงท่านจึงตามมา เสด็จพี่สาม ท่านไม่โทษข้ากระมัง?”น้ำตาแห่งความกังวลและไร้เดียงสาไหลออกมาจากหางตาของนางจวินชิงอวี่ชะงักเล็กน้อย“เป็นห่วง?”“ใช่แล้ว ท่านเป็นพี่ชายของข้า พระชายาอ๋องเฉินก็เป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว พวกท่านสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน และยังอยู่ด้วยกันนานเช่นนี้ จะไม่ให้คิดมากได้อย่างไร?”ทุกคำพูดของจวินลั่วยวนฟังดูมีเหตุผลมาก“ข้าคิดว่าพวกท่านกำลัง…
หลังจากหัวเราะอย่างเย้ยหยัน นางไม่พูดอะไรอีก โคจรกำลังภายใน ประสานฝ่ามือกับจวินชิงอวี่จวินชิงอวี่รู้สึกเพียงมีกำลังภายในที่เย็นเฉียบสายหนึ่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ความเย็นและความร้อนประสานกัน ปรับสมดุลให้กันและกัน เขารีบหลับตา โคจรเคล็ดวิชาเหมันต์ภายในห้อง เข้าสู่ความเงียบ…นอกประตูองครักษ์ลับเฝ้าไว้นอกประตูใหญ่ รถม้าคันหนึ่งค่อยๆ แล่นเข้ามาหยุดอยู่ที่ตรงข้ามกับบ้าน มือเล็กๆ ที่ขาวนวลข้างหนึ่งเลิกม่านขึ้น แล้วกระโดดลงมา“ที่นี่หรือ?”จวินลั่วยวนยืนอย่างมั่นคง เงยหน้ามองไปเป็นสถานที่ที่เงียบสงบซวงซวงกล่าวเสียงเบา “เจ้าค่ะองค์หญิง องค์ชายสามกับพระชายาอ๋องเฉินเข้าไปข้างในสามเค่อแล้ว”จวินลั่วยวนหรี่ตา“แม้แต่โรคร้อนก็สามารถรักษา ฉู่เชียนหลีคนนี้พอจะมีความสามารถอยู่บ้าง”ทักษะการแพทย์ดี มีประโยชน์อะไร?สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดีไม่ใช่หรือ?เมื่อวานตอนอยู่หอน้ำชา ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาสองคน เมื่อไรที่เริ่มรักษา ห้ามถูกขัดจังหวะเด็ดขาด จะส่งผลให้กำลังภายในย้อนกลับ ทั้งสองจะกระอักเลือดจนตายขอแค่นางบุกเข้าไป ก็สามารถเอาชีวิตของฉู่เชียนหลีเพียงแต่…น่าเสียดายน่าเสียดายที่เสด็จ
“ดื่มเยอะๆ”“...เสด็จแม่ยังไม่ฟื้นหรือ?”“หมอบอกว่าอาจจะต้องพรุ่งนี้ เสด็จพี่สาม ฉู่เชียนหลีโกหก ไม่ว่าเวลาไหน ท่านก็ห้ามเชื่อคำพูดของนางเด็ดขาด และไม่ว่ายวนเอ๋อร์ทำอะไร ก็ล้วนทำเพราะหวังดีต่อท่านพี่ ยวนเอ๋อร์ให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง”จวินลั่วยวนเงยหน้า กล่าวอย่างจริงจังมากจวินชิงอวี่เชื่อคำพูดของนางอย่างไม่มีเงื่อนไขเขามีแค่น้องสาวคนเดียว เขาไม่ตามใจแล้วใครจะตามใจ? เขาไม่รักแล้วใครจะรัก?“เป็นเด็กดีนะ”วันรุ่งขึ้นตามที่นัดหมายกับฉู่เชียนหลี เดิมทีจวินชิงอวี่ไม่อยากไป ยี่สิบกว่าปีมานี้ มีหมอนับไม่ถ้วนเคยรักษาเขา ไม่มีใครสามารถรักษาโรคร้อนของเขาได้เลยกล่าวอีกนัยคือ เขาไม่เชื่อฉู่เชียนหลี แต่การเดิมพันนั่น…เขาไม่เคยสงสัยยวนเอ๋อร์การเดิมพันนี้ ก็ย่อมไม่จำเป็นต้องมีองครักษ์ลับกล่าว “องค์ชาย ท่านไปดีกว่า ในแคว้นตงหลิง ไม่มีใครไม่รู้ว่าทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ ถ้าหากนางสามารถรักษาได้จริงๆ ต่อไปท่านก็ไม่ต้องเจ็บปวดเพราะโรคกำเริบแล้ว”หลังจากจวินชิงอวี่ครุ่นคิด สุดท้ายก็ตัดสินใจไปชานเมืองบ้านหลังหนึ่งที่เงียบสงบเอี๊ยด…“ท่านมา
“เช่นนั้นพวกเราเหมือนเดิมพันกัน”“เดิมพันก็เดิมพัน!”นอกหอน้ำชาจวินลั่วยวนมาถึง หลังจากสอบถามข้อมูลคร่าวๆ จากเด็กในร้าน ก็ย่องขึ้นไปบนชั้นสอง เข้าใกล้ห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง เพิ่งแนบหูเข้าไป ก็ได้ยินเสียงสนทนาข้างในเสียงของฉู่เชียนหลี“โรคร้อนอันตรายมาก แค่ไม่ระวังเล็กน้อยก็จะกำเริบ ตอนที่ข้ารักษาเจ้า ต้องเปิดจุดชีพจร กรีดเปิดแผลบนมือและเท้าสี่จุด ใช้เลือดของข้าแลกกับเจ้าครึ่งหนึ่ง ในระหว่างนี้ห้ามถูกรบกวนเด็ดขาด”ลดเสียงกล่าวอย่างจริงจัง“ไม่เช่นนั้น กำลังภายในจะย้อนกลับ ห้ามเลือดไม่ได้ ถึงเวลา ข้าจะตาย เจ้าก็เจ้าตาย”จวินลั่วยวนประหลาดใจฉู่เชียนหลีสามารถรักษาโรคร้อน?ยิ่งกว่านั้น!ประเด็นสำคัญคือ!ห้ามถูกขัดจังหวะกลางคันเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นฉู่เชียนหลีกับองค์ชายสามล้วนจะตาย!ฉู่เชียนหลีตายแล้ว ตำแหน่งพระชายาอ๋องเฉินก็ว่าง อยากได้อ๋องเฉิน ก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือแล้วไม่ใช่หรือ?ทันใดนั้น แววตาเร่าร้อนทันทีตื่นเต้นคาดหวังแทบรอไม่ไหวนางกำลังจะเป็นพระชายาอ๋องเฉินแล้ว!การสนทนาภายในห้องกินเวลานานหนึ่งเค่อ ก่อนจะจบลง จวินลั่วยวนรีบวิ่งไปซ่อนตัวที่หัวมุม ประตูห้องเปิดออ
จวินลั่วยวนยกมือทั้งสองข้างขึ้น วางลงไปที่คอของฮองเฮาทันใดนั้น ร่างกายของฮองเฮาหนานยวนขยับเล็กน้อย นางรีบดึงมือกลับ ลุกขึ้นยืน และกลับมาดูเป็นเด็กดีอีกครั้ง“ซวงซวง ทางเสด็จพี่สามของข้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”ซวงซวงวิ่งเข้ามา“เมื่อครู่ทางองครักษ์มารายงาน หลังจากเสด็จพี่สามออกไป เจอสามีภรรยาอ๋องเฉิน ตอนนี้พวกเขาเข้าไปในหอน้ำชาแล้ว ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันลับๆ เจ้าค่ะ”“?”พวกเขายังมีเรื่องให้คุยกันอีกหรือ?เสด็จพี่สามไม่ได้ไปสืบเรื่องของคนร้าย?เหตุใดยังสามารถคุยกับสามีภรรยาอ๋องเฉินดีๆ อีก?คุยอะไรกัน?หรือเป็นความลับที่นางไม่รู้?จวินลั่วยวนไม่อนุญาตให้มีเรื่องที่อยู่เหนือกันควบคุมของนาง กล่าวทันที “ซวงซวง เจ้าเฝ้าเสด็จแม่ไว้ ข้าลองไปดูหน่อย!”“เจ้าค่ะ องค์หญิง!”หอน้ำชาห้องส่วนตัวจวินชิงอวี่นั่งอยู่ที่ข้างโต๊ะ สีหน้าดูไม่ดีนัก และยังบึ้งตึงเหมือนจะกินคน กัดฟันจนดังก๊อกๆ“ท่านกล้าบอกว่ายวนเอ๋อร์เป็นคนวางยา!”จ้องฉู่เชียนหลีด้วยความโกรธโมโหมากถ้าหากไม่ใช่เพราะอ๋องเฉินนั่งอยู่ที่ข้างๆ เกรงว่าเขาลงมือโดยตรงแล้วฉู่เชียนหลีกล่าว“ตอนที่พวกเราออกจากศาลาพักม้า องครักษ์ลับ
ฉู่เชียนหลี “องค์หญิงมั่นใจในตัวเองจริงๆ เหมือนจะลืมไปแล้วว่าผู้หญิงที่ถูกอ๋องเฉินโยนออกไปเป็นใคร?”“...”รออ๋องเฉินถีบฉู่เชียนหลีทิ้ง นางจะจับฉู่เชียนหลีมาขังไว้ ทรมานทุกวัน ทำให้นางทรมานยิ่งกว่าตายจวินลั่วยวนเถียงไม่ไหว พลันเบ้าตาแดงก็กระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของจวินชิงอวี่ หาที่ปลอบใจตัวเองจวินชิงอวี่ย่อมเข้าข้างน้องสาว“ฉู่เชียนหลี ดูจากพฤติกรรมที่ชอบบีบคั้นคนของเจ้า มันก็ไม่แปลกอะไรที่เจ้าจะสามารถวางยาพิษ”อาศัยเพียงแค่การคาดเดา ก็ตัดสินโทษของนางแล้ว?น่าขำ!พี่น้องคู่นี้ คนหนึ่งหน้าไหว้หลังหลอก อีกคนความรักบังตา ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ“มันน่าอัศจรรย์จริงๆ ที่แคว้นหนานยวนของพวกท่านสามารถพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน”จวินชิงอวี่หน้าบึ้งทันที “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ปัญหาส่วนตัว ตอนนี้จะลามปามไปถึงบ้านเมืองแล้ว?“ตามที่พูด”“เจ้า!”เขาโมโหจนจะเดินเข้าไปหานางพลันเฟิงเย่เสวียนยกฝ่ามือใหญ่ ดึงนางมาที่ข้างกาย “ข้าตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกอะไร”ทุกคนรีบหันไปมอง รอคอยคำพูดต่อจากนี้เฟิงเย่เสวียนกล่าวอย่างใจเย็น“แคว้นหนานยวนต่ำช้าเช่นนี้ ต่อให้ข้าแพ้ศึกครั้งนี้ ก็ไม่ร่วม