เนื่องจากพระชายาอ๋องเฉินตั้งครรภ์ การตายขององค์ชายใหญ่จึงถูกเลื่อนออกไปชั่วคราว ปล่อยให้ศาลต้าหลี่จัดการ ความสนใจของฮ่องเต้โอนเอนไปทางทายาทราชวงศ์หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วยามฉู่เชียนหลีที่ ‘เป็นลม’ พอประมาณแล้ว ‘ค่อยๆ’ ฟื้น“อืม…”นางลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง มือเล็กจับศีรษะ พึมพำอย่างไร้เรี่ยวแรง “ข้า…ข้าเป็นอะไร…”“รีบนอนลง” ฮ่องเต้ที่ยืนอยู่ข้างเตียงมาโดยตลอดรีบก้าวออกมา กล่าวตำหนิ “เจ้านี่นะ ตั้งครรภ์แล้วยังไม่รู้ตัวอีก และยังเข้าวังมาแต่ไกล เป็นแม่คนอย่างไรกัน!” หากแพ้ท้อง กระทบกระเทือนท้อง เด็กเป็นอะไรไป เขาจะลงโทษนางแน่นอนสวรรค์รู้ เขาอยากมีหลานชายคนหนึ่งมากจริงๆปีนี้เขาอายุห้าสิบปีแล้ว!คนอื่นอายุห้าสิบปี หลานชายรู้จักเรียก ‘ท่านปู่’ แล้ว!“ตั้ง…ตั้งครรภ์?” ฉู่เชียนหลีถลนตา ‘อึ้ง’ โดยตรง ก้มหน้าลงอย่างตะลึงงัน พลางลูบท้องที่แบนราบ “หม่อม…หม่อมตั้งครรภ์แล้วหรือเพคะ?”ฮ่องเต้นั่งลง ห่มผ้าห่มให้นาง “ดีใจมากเลยใช่หรือไม่?”“ดีใจมากเลยใช่หรือไม่? คาดคิดไม่ถึงใช่หรือไม่?” มองดูท่าทางที่ดีใจจน ‘อึ้ง’ ของฉู่เชียนหลี ฮ่องเต้มีความสุขจนหุบมุมปากไม่ลง“หมอหลวงตรวจชีพจรแล้
“พ่ะย่ะค่ะ!”พลันเฟิงเย่เสวียนยืดหลังตรง เสียงหนักแน่นมีกำลัง ราวกับกำลังจะลงสนามรบไม่ต้องให้ฮ่องเต้เป็นห่วง เขาก็จะทุ่มเททุกอย่างเพื่อปกป้องลูก ปกป้องฉู่เชียนหลี ปกป้องครอบครัวของพวกเขาเมื่อก่อนเขาให้ความสำคัญกับอำนาจ อุทิศตนเพื่อขยายอำนาจของตนเอง ฝึกทหาร หาพรรคหาพวก กุมอำนาจ หารือเรื่องต่างๆปัจจุบัน ทำงานเสร็จก็คิดแค่อยากกลับบ้านเร็วๆ ไม่ว่าจะไปถึงที่ไหนก็จะคิดถึงยัยหนูที่มักจะชอบต่อปากต่อคำกับเขา ยัยหนูกำลังจะให้กำเนิดเด็กน้อยแล้ว หัวใจของเขายิ่งถูกครอบครองมากขึ้น“อืม” ฮ่องเต้พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ทันใดนั้นนึกถึงอะไรบางอย่าง กล่าวเสริมอีกหนึ่งประโยค“ใช่แล้ว ต้องคลอดลูกชายให้เรา…ไม่ใช่สิ หลานชาย”ฉู่เชียนหลี “?”คลอดลูกชายหรือลูกสาวเลือกได้ด้วยหรือ?แม้รู้ความกระหายที่อยากจะได้หลานชายของฮ่องเต้ แต่เรื่องนี้ไม่สามารถทำตามความปรารถนาของใครคนใดคนหนึ่ง จะเป็นชายหรือหญิงล้วนขึ้นอยู่กับสวรรค์เฟิงเย่เสวียน “จะพยายามอย่างเต็มที่”“ไม่ใช่พยายามอย่างเต็มที่ แต่จำเป็น!” ฮ่องเต้ทำหน้านิ่ง กล่าวอย่างมีคุณธรรม “คลอดลูกชาย เราช่วยเจ้าพิสูจน์เรื่องขององค์ชายใหญ่ หากคลอดลูกสาว ทำให
ฉู่เชียนหลีราวกับถูกกระบองตีเข้าที่ศีรษะ “?”เฟิงเย่เสวียน “?”ฮ่องเต้ยิ้มแย้ม เขาพึงพอใจกับชื่อนี้มาก “เจี้ยนกว๋อ เฟิงเจิ้งเจี้ยนกว๋อ นี่เป็นชื่อที่เราเปิดมาจากตำราโบราณ ผสมผสานศาสตร์ฮวงจุ้ย และให้ราชครูทำนาย จึงสรุปออกมาเป็นชื่อนี้”เจี้ยนกว๋อ หมายถึงหวังว่าหลังจากเด็กคนนี้เติบโต สามารถกลายเป็นคนที่มีรับผิดชอบ และกล้าแบกรับภาระอันใหญ่หลวง ปกป้องและพัฒนาบ้านเมือง เพื่อชาติเพื่อราษฎร จิตใจโอบอ้อมอารี ให้อภัยทั่วหล้า ความหมายหมื่นพันชื่อนี้ยอดเยี่ยมมาก!เขาพึงพอใจมาก!ด้วยเหตุนี้ ตบโต๊ะลุกขึ้นยืน “เอาชื่อนี้แหละ!”ฉู่เชียนหลีอึ้งไม่!มีเด็กที่ไหนใช้ชื่อนี้กัน!แม้ความหมายดีมาก แต่…แต่มักจะรู้สึกว่ามีตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง?เจี้ยนกว๋อสองคำนี้พูดออกมา ไม่เหมือนองค์ชาย แต่เหมือนชายฉกรรจ์ตัวใหญ่ที่หยาบกระด้างมากว่า…“เจ้าเจ็ด เจ้าสามารถคุกเข่าลงขอบคุณพระกรุณาแล้ว เมียเจ้าเจ็ดตั้งครรภ์ ยกเว้นก็แล้วกัน” ฮ่องเต้โบกมืออย่างใจกว้าง สายตาเมตตามากฉู่เชียนหลีไม่กล้าโต้เถียง ยื่นมือไปข้างหลัง แอบสะกิดเฟิงเย่เสวียนทีหนึ่งเฟิงเย่เสวียน “...”เสด็จพ่อเป็นคนงมงาย เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ การ
จวนอ๋องเฉินเมื่อกลับถึงจวน ก็เป็นเวลาช่วงบ่ายแล้ว พ่อบ้านและบ่าวไพร่คนอื่นเห็นทั้งคู่กลับมาอย่างปลอดภัย ต่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างไรก็ตามศาลต้าหลี่ไม่ใช่สถานที่ดีอะไรเฟิงเย่เสวียนอุ้มฉู่เชียนหลี เดินเข้าเรือนหานเฟิงโดยตรง“ใครก็ได้”ถีบประตูออก วางคนลงบนเก้าอี้นอนที่ปูด้วยฟูกนุ่มๆ อย่างอ่อนโยน ดึงผ้าห่มกำมะหยี่ที่หนาเตอะ ห่มให้ฉู่เชียนหลี“ท่านอ๋อง!” เยว่เอ๋อร์วิ่งเข้ามา พ่อบ้านก็วิ่งงกๆ ตามมาเช่นกัน“จุดเตาไฟให้แรงกว่านี้หน่อย หนึ่งวันสิบสองชั่วยามห้ามหยุด” เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “แล้วปูพรมในห้องด้วย สิ่งของมีคมและแตกง่ายเอาออกไปให้หมด น้ำที่พระชายาดื่มต้องอุ่นเท่านั้น อาหารรสจืด ห้ามนอนดึก”เขาเอ่ยปาก พูดข้อควรระวังออกมาสิบกว่าข้อโดยไม่กะพริบตาแม้แต่ครั้งเดียวพ่อบ้านงงงวยโดยตรงแม้ว่าฤดูหนาวจะหนาวมาก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องปกป้องอย่างทะนุถนอมถึงขั้นนี้กระมัง? พระชายาโตเช่นนี้แล้ว เหตุใดทำเหมือนเลี้ยงเด็กทารก?อีกอย่าง รสชาติที่พระชายาชอบก็คือเผ็ดไม่ใช่หรือ?ฉู่เชียนหลีประท้วงทันที “ถ้าหากกินเผ็ดไม่ได้ ไม่ต่างอะไรกับฆ่าข้า”“ฆ่าไม่ฆ่าอะไร” เขาก้มลงตบปากนางเบา
บ่าวไพร่ทุกคนจดจำอย่างจริงจัง ยิ่งทำงานของตนเองอย่างระมัดระวังเด็กรับใช้คนหนึ่งวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าพ่อบ้าน ยิ้มอย่างร่าเริง “อาจารย์ เหตุใดวันนี้จึงกะทันหันเช่นนี้? เมื่อก่อนก็ไม่เคยเห็นท่านอ๋องพูดว่าต้องทำเช่นนั้นเช่นนี้ มีเรื่องดีอะไรใช่หรือไม่?”ทั้งชีวิตพ่อบ้านไม่เคยแต่งงาน อายุเกินครึ่งร้อย อยู่ลำพังคนเดียว เขาจึงรับเด็กคนนี้เป็นลูกศิษย์เด็กคนนี้มองสีหน้าคนเก่ง ทำงานกระฉับกระเฉง ไม่จำเป็นต้องห่วง ได้ใจเขาอย่างมากเขาสองมือไพล่หลัง เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “จวนอ๋องกำลังจะมีนายน้อยเพิ่มมาอีกหนึ่งคน เจ้าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่หรือไม่?”“อะไรนะ? ความหมายของท่านคือพระชายาตั้งครรภ์แล้ว!”“แล้วไม่ใช่หรือ? แต่งงานกันตั้งนานแล้ว ต่อให้ตั้งครรภ์นาจาก็ตั้งครรภ์นานแล้ว ถ้าหากพระชายายังไม่ตั้งครรภ์ ข้าตั้งใจว่าปีหน้าจะไปหาสูตรยามีบุตร…”จุดที่ไม่ไกลนักฝีเท้าของเซียวจือฮว่าที่เดินผ่านมาชะงักกะทันหัน ฟังบทสนทนาของทั้งคู่เข้าไปในหูทั้งหมดฉู่เชียนหลี…ท้องแล้ว!?ข่าวที่มาอย่างกะทันหันทำให้สีหน้านางเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยิ่งมีความบิดเบี้ยวสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในใจ
เขามีจุดอ่อนอยู่ในมือนาง นางกลัวอะไร? เลวร้ายที่สุดก็แค่ตายทั้งสองฝ่าย ต่อให้ตาย ขอแค่ได้อยู่กับเขา นางก็ยินดีคนที่เสียเปรียบคือเขาหากพูดเรื่องนี้ออกไป แม่บุญธรรมของเขาจะต้องชดใช้แทนเขา ต้องตายแน่นอน เขาก็จะตายเช่นกัน ชื่อเสียงเสื่อมเสียหมื่นปี ตกเป็นที่ครหาของผู้คน ต่อให้ตายแล้ว ก็ไม่สามารถอยู่อย่างสงบเข่นฆ่าพี่ชาย นี่มันไม่ใช่คำพูดที่ดีอะไรกลิ่นอายบนตัวเฟิงเจิ้งหลีเย็นชาลง หนาวเย็นเหมือนอากาศของวันนี้ ลมหายใจที่พ่นออกมาก็เยือกเย็น เกือบแข็งตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็งบางๆ บนใบหน้าหนึ่งชั้น สายตาที่จ้องฉู่เจียวเจียวแทบสามารถฆ่าคนเขาถูกข่มขู่แล้ว!ฉู่เจียวเจียวข่มความหนาวเย็นในใจ ฝืนรักษารอยยิ้มบนใบหน้าไว้นางรักเขาขอแค่ความรักของนางได้รับการตอบรับ ขอแค่เขาดีกับนาง ทำให้นางมีความสุข พวกเขาเป็นคู่สามีภรรยาที่รักใคร่ นางจะไม่พูดเรื่องนี้ออกไปตลอดชีวิตสายตาประสานกันจ้องอยู่นานมาก ผ่านไปพักใหญ่ เฟิงเจิ้งหลีจึงจะเอ่ยปากอย่างเย็นชา“พรุ่งนี้กลับเมื่อไร?”คืนนี้เฟิงเย่เสวียนนอนไม่หลับ สามารถเรียกได้ว่าเป็นคืนที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์เขากอดฉู่เชียนหลีนอน ครู่หนึ่งก็เปลี่ยนท่า
นางเป็นสุนัขบ้านนอกที่ไม่เคยเห็นหิมะจริงนั่นแหละปัดมือที่อยู่บนเอว “เจ้าปล่อยข้านะ ข้าจะออกไปเล่น! ถ้าหากสายแล้ว หิมะก็ถูกพวกเขาเหยียบจนสกปรกแล้ว!”แขนยาวของเฟิงเย่เสวียนโอบเอวนางไว้ รัดแน่นเหมือนห่วงเหล็ก ออกแรงอย่างไรก็งัดไม่ออกสายตาเหลือบลง พูดออกมาแค่สองคำ“ไม่อนุญาต”“ลูกของข้าไม่กลัวหนาว! แม่รู้จักลูกชายดีที่สุด วันนี้หากเจ้าไม่ให้ข้าเล่นหิมะ รอลูกชายโตแล้ว ข้าจะให้เขาเตะฝาโลงเจ้า!” ฉู่เชียนหลีประท้วงโอ้โฮนั่นมันสุดๆ จริง“เช่นนั้นก็รอเจ้าเด็กนี่โตแล้วค่อยว่ากัน วันนี้ข้าว่างพอดี สามารถเฝ้าเจ้าทั้งวัน” เขานั่งลง ยกคนขึ้นมาวางบนตัก เอนหลังพิงเก้าอี้อย่างสบายใจมองดูท่าทางของนางที่โมโหจนฟาดงวงฟาดงา ไม่ต้องพูดถึงว่าหนำใจเพียงใดเจ้าคนไร้มโนธรรม!เมื่อคืนทิ้งให้เขานอนคนเดียว บอกไปก็ไปเลย ไร้ความรู้สึกเช่นนั้น ไม่คำนึงถึงความรู้สึกเขาเลยสักนิดเช่นนั้นก็ได้ วันนี้อย่าคิดเล่นหิมะ เขาไม่มีความสุข นางก็อย่าคิดจะมีความสุขฉู่เชียนหลีกลัดกลุ้ม“ถ้าหากข้าอารมณ์ไม่ดี จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อพัฒนาการของลูก”“งบประจำปีกำลังจะถึง ภาษีที่ดินศักดินาปีนี้ของข้าสามารถเก็บประมา
หลิงเชียนอี้สองมือไพล่หลังเดินเข้ามากล่าว“ท่านน้า ท่านน้าสะใภ้ หรือไม่ลูกก็ชื่อเฟิงเจิ้งชุยเสวีย[1]แล้วกัน เป็นฤดูหนาวที่หิมะตกหนักพอดี ใช้ชื่อนี้ แค่ฟังก็รู้สึกว่ามีเรื่องราว”เขาเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ท่าทางดูมีความรู้มากสีหน้าฉู่เชียนหลีไร้อารมณ์ : ข้าเชื่อเจ้าก็บ้าทำไมไม่ชื่อซีเหมินชุยเสวีย[2]? โปหลัวชุยเสวีย[3]เลยล่ะ?เฟิงเย่เสวียนก็ค่อนข้างรังเกียจชื่อนี้เช่นกัน มือข้างหนึ่งโอบเอวฉู่เชียนหลีอย่างเกียจคร้าน ยกเปลือกตาขึ้น“หลิงชุยเสวียก็ไม่เลว”“มีผู้หญิงที่ชอบหรือยัง? เจ้าก็ถึงวัยแต่งงานแล้ว คลอดเองเลยไป”อย่านำความวิบัติใส่ลูกของเขาหลิงเชียนอี้หน้าแดงเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงผู้หญิงที่ชอบ เขาก็นึกถึง…ก้มหน้าลงอย่างเขินอาย พึมพำเสียงเบา “ชอบไม่ชอบอะไร อายุข้ายังน้อย ยังเป็นเด็ก ถ้าหากข้าแต่งงาน ท่านน้าสามารถใส่ซองให้ข้าหนึ่งแสนตำลึง มันก็ใช่ว่าจะไม่ได้…”เฟิงเย่เสวียน “ไสหัวไป”ฉู่เชียนหลี “ไสหัวไป”อยากหลอกล่ออวิ๋นอิงก็ช่างเถอะ ยังจะตั้งข้อเสนอไว้เสียสูง ขอค่าใส่ซองหนึ่งแสนตำลึง? นางว่าเขากำลังฝันกลางวัน“แหะๆ! เช่นนั้นก็ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ไหนให้ข้าลองดูน้องของข้าหน่
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท