หมอหลวงกล่าว “พระชายาอ๋องเฉินเพิ่งมีครรภ์หนึ่งเดือนกว่า ทารกในครรภ์ยังไม่มั่นคง ร่างกายนางผอมบาง บวกกับก่อนหน้านี้น่าจะได้รับความตกใจ จึงเป็นหมดสติพ่ะย่ะค่ะ”“บำรุงครรภ์! ใช้ยาบำรุงครรภ์ที่ดีที่สุดเดี๋ยวนี้!” ฮ่องเต้โบกมือทันที ดวงตาที่มองท้องของฉู่เชียนหลีเปล่งประกายแสงจ้าห้าพันวัตต์ อยากมองทะลุเข้าไปในท้องเสียเดี๋ยวนี้“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หมอหลวงไปตรวจชีพจรที่จวนอ๋องเฉินทุกๆ สามวัน ประทานยาบำรุงหนึ่งร้อยชุด ต้องดูแลเด็กในครรภ์พระชายาอ๋องเฉินให้ดี จนกว่าจะคลอดออกมาอย่างปลอดภัย”ดูจากคำพูดและการกระทำของเขา มองเห็นความรักและความปรารถนาที่เขามีต่อทายาทราชวงศ์ได้ไม่ยากเกือบห้าสิบปีมานี้ มีเพียงหลานสาวสองคน ไม่มีหลานชายสักคน ตาแก่คนอื่นที่อายุไล่เลี่ยกัน มีลูกหลานเต็มบ้านนานแล้วเจ้าลูกชายไร้ประโยชน์ทั้งเจ็ดคนนี้! ลูกชายเจ็ดคนไม่มีหลานชายแม้แต่คนเดียว!ไร้ประโยชน์!เด็กที่อยู่ในครรภ์พระชายาอ๋องเฉิน ต้องเป็นผู้ชายแน่นอน!“พ่ะย่ะค่ะ!” หมอหลวงรับบัญชา รีบกลับสำนักหมอหลวงเพื่อปรุงยาบำรุงทันทีอ๋องเจวี๋ยเห็นแล้ว รีบก้าวออกไป “เสด็จพ่อ แล้วเรื่องของพี่ใหญ่…”“เสด็จพ่อ เชียนหลีเพ
เนื่องจากพระชายาอ๋องเฉินตั้งครรภ์ การตายขององค์ชายใหญ่จึงถูกเลื่อนออกไปชั่วคราว ปล่อยให้ศาลต้าหลี่จัดการ ความสนใจของฮ่องเต้โอนเอนไปทางทายาทราชวงศ์หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วยามฉู่เชียนหลีที่ ‘เป็นลม’ พอประมาณแล้ว ‘ค่อยๆ’ ฟื้น“อืม…”นางลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง มือเล็กจับศีรษะ พึมพำอย่างไร้เรี่ยวแรง “ข้า…ข้าเป็นอะไร…”“รีบนอนลง” ฮ่องเต้ที่ยืนอยู่ข้างเตียงมาโดยตลอดรีบก้าวออกมา กล่าวตำหนิ “เจ้านี่นะ ตั้งครรภ์แล้วยังไม่รู้ตัวอีก และยังเข้าวังมาแต่ไกล เป็นแม่คนอย่างไรกัน!” หากแพ้ท้อง กระทบกระเทือนท้อง เด็กเป็นอะไรไป เขาจะลงโทษนางแน่นอนสวรรค์รู้ เขาอยากมีหลานชายคนหนึ่งมากจริงๆปีนี้เขาอายุห้าสิบปีแล้ว!คนอื่นอายุห้าสิบปี หลานชายรู้จักเรียก ‘ท่านปู่’ แล้ว!“ตั้ง…ตั้งครรภ์?” ฉู่เชียนหลีถลนตา ‘อึ้ง’ โดยตรง ก้มหน้าลงอย่างตะลึงงัน พลางลูบท้องที่แบนราบ “หม่อม…หม่อมตั้งครรภ์แล้วหรือเพคะ?”ฮ่องเต้นั่งลง ห่มผ้าห่มให้นาง “ดีใจมากเลยใช่หรือไม่?”“ดีใจมากเลยใช่หรือไม่? คาดคิดไม่ถึงใช่หรือไม่?” มองดูท่าทางที่ดีใจจน ‘อึ้ง’ ของฉู่เชียนหลี ฮ่องเต้มีความสุขจนหุบมุมปากไม่ลง“หมอหลวงตรวจชีพจรแล้
“พ่ะย่ะค่ะ!”พลันเฟิงเย่เสวียนยืดหลังตรง เสียงหนักแน่นมีกำลัง ราวกับกำลังจะลงสนามรบไม่ต้องให้ฮ่องเต้เป็นห่วง เขาก็จะทุ่มเททุกอย่างเพื่อปกป้องลูก ปกป้องฉู่เชียนหลี ปกป้องครอบครัวของพวกเขาเมื่อก่อนเขาให้ความสำคัญกับอำนาจ อุทิศตนเพื่อขยายอำนาจของตนเอง ฝึกทหาร หาพรรคหาพวก กุมอำนาจ หารือเรื่องต่างๆปัจจุบัน ทำงานเสร็จก็คิดแค่อยากกลับบ้านเร็วๆ ไม่ว่าจะไปถึงที่ไหนก็จะคิดถึงยัยหนูที่มักจะชอบต่อปากต่อคำกับเขา ยัยหนูกำลังจะให้กำเนิดเด็กน้อยแล้ว หัวใจของเขายิ่งถูกครอบครองมากขึ้น“อืม” ฮ่องเต้พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ทันใดนั้นนึกถึงอะไรบางอย่าง กล่าวเสริมอีกหนึ่งประโยค“ใช่แล้ว ต้องคลอดลูกชายให้เรา…ไม่ใช่สิ หลานชาย”ฉู่เชียนหลี “?”คลอดลูกชายหรือลูกสาวเลือกได้ด้วยหรือ?แม้รู้ความกระหายที่อยากจะได้หลานชายของฮ่องเต้ แต่เรื่องนี้ไม่สามารถทำตามความปรารถนาของใครคนใดคนหนึ่ง จะเป็นชายหรือหญิงล้วนขึ้นอยู่กับสวรรค์เฟิงเย่เสวียน “จะพยายามอย่างเต็มที่”“ไม่ใช่พยายามอย่างเต็มที่ แต่จำเป็น!” ฮ่องเต้ทำหน้านิ่ง กล่าวอย่างมีคุณธรรม “คลอดลูกชาย เราช่วยเจ้าพิสูจน์เรื่องขององค์ชายใหญ่ หากคลอดลูกสาว ทำให
ฉู่เชียนหลีราวกับถูกกระบองตีเข้าที่ศีรษะ “?”เฟิงเย่เสวียน “?”ฮ่องเต้ยิ้มแย้ม เขาพึงพอใจกับชื่อนี้มาก “เจี้ยนกว๋อ เฟิงเจิ้งเจี้ยนกว๋อ นี่เป็นชื่อที่เราเปิดมาจากตำราโบราณ ผสมผสานศาสตร์ฮวงจุ้ย และให้ราชครูทำนาย จึงสรุปออกมาเป็นชื่อนี้”เจี้ยนกว๋อ หมายถึงหวังว่าหลังจากเด็กคนนี้เติบโต สามารถกลายเป็นคนที่มีรับผิดชอบ และกล้าแบกรับภาระอันใหญ่หลวง ปกป้องและพัฒนาบ้านเมือง เพื่อชาติเพื่อราษฎร จิตใจโอบอ้อมอารี ให้อภัยทั่วหล้า ความหมายหมื่นพันชื่อนี้ยอดเยี่ยมมาก!เขาพึงพอใจมาก!ด้วยเหตุนี้ ตบโต๊ะลุกขึ้นยืน “เอาชื่อนี้แหละ!”ฉู่เชียนหลีอึ้งไม่!มีเด็กที่ไหนใช้ชื่อนี้กัน!แม้ความหมายดีมาก แต่…แต่มักจะรู้สึกว่ามีตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง?เจี้ยนกว๋อสองคำนี้พูดออกมา ไม่เหมือนองค์ชาย แต่เหมือนชายฉกรรจ์ตัวใหญ่ที่หยาบกระด้างมากว่า…“เจ้าเจ็ด เจ้าสามารถคุกเข่าลงขอบคุณพระกรุณาแล้ว เมียเจ้าเจ็ดตั้งครรภ์ ยกเว้นก็แล้วกัน” ฮ่องเต้โบกมืออย่างใจกว้าง สายตาเมตตามากฉู่เชียนหลีไม่กล้าโต้เถียง ยื่นมือไปข้างหลัง แอบสะกิดเฟิงเย่เสวียนทีหนึ่งเฟิงเย่เสวียน “...”เสด็จพ่อเป็นคนงมงาย เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ การ
จวนอ๋องเฉินเมื่อกลับถึงจวน ก็เป็นเวลาช่วงบ่ายแล้ว พ่อบ้านและบ่าวไพร่คนอื่นเห็นทั้งคู่กลับมาอย่างปลอดภัย ต่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างไรก็ตามศาลต้าหลี่ไม่ใช่สถานที่ดีอะไรเฟิงเย่เสวียนอุ้มฉู่เชียนหลี เดินเข้าเรือนหานเฟิงโดยตรง“ใครก็ได้”ถีบประตูออก วางคนลงบนเก้าอี้นอนที่ปูด้วยฟูกนุ่มๆ อย่างอ่อนโยน ดึงผ้าห่มกำมะหยี่ที่หนาเตอะ ห่มให้ฉู่เชียนหลี“ท่านอ๋อง!” เยว่เอ๋อร์วิ่งเข้ามา พ่อบ้านก็วิ่งงกๆ ตามมาเช่นกัน“จุดเตาไฟให้แรงกว่านี้หน่อย หนึ่งวันสิบสองชั่วยามห้ามหยุด” เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “แล้วปูพรมในห้องด้วย สิ่งของมีคมและแตกง่ายเอาออกไปให้หมด น้ำที่พระชายาดื่มต้องอุ่นเท่านั้น อาหารรสจืด ห้ามนอนดึก”เขาเอ่ยปาก พูดข้อควรระวังออกมาสิบกว่าข้อโดยไม่กะพริบตาแม้แต่ครั้งเดียวพ่อบ้านงงงวยโดยตรงแม้ว่าฤดูหนาวจะหนาวมาก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องปกป้องอย่างทะนุถนอมถึงขั้นนี้กระมัง? พระชายาโตเช่นนี้แล้ว เหตุใดทำเหมือนเลี้ยงเด็กทารก?อีกอย่าง รสชาติที่พระชายาชอบก็คือเผ็ดไม่ใช่หรือ?ฉู่เชียนหลีประท้วงทันที “ถ้าหากกินเผ็ดไม่ได้ ไม่ต่างอะไรกับฆ่าข้า”“ฆ่าไม่ฆ่าอะไร” เขาก้มลงตบปากนางเบา
บ่าวไพร่ทุกคนจดจำอย่างจริงจัง ยิ่งทำงานของตนเองอย่างระมัดระวังเด็กรับใช้คนหนึ่งวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าพ่อบ้าน ยิ้มอย่างร่าเริง “อาจารย์ เหตุใดวันนี้จึงกะทันหันเช่นนี้? เมื่อก่อนก็ไม่เคยเห็นท่านอ๋องพูดว่าต้องทำเช่นนั้นเช่นนี้ มีเรื่องดีอะไรใช่หรือไม่?”ทั้งชีวิตพ่อบ้านไม่เคยแต่งงาน อายุเกินครึ่งร้อย อยู่ลำพังคนเดียว เขาจึงรับเด็กคนนี้เป็นลูกศิษย์เด็กคนนี้มองสีหน้าคนเก่ง ทำงานกระฉับกระเฉง ไม่จำเป็นต้องห่วง ได้ใจเขาอย่างมากเขาสองมือไพล่หลัง เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “จวนอ๋องกำลังจะมีนายน้อยเพิ่มมาอีกหนึ่งคน เจ้าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่หรือไม่?”“อะไรนะ? ความหมายของท่านคือพระชายาตั้งครรภ์แล้ว!”“แล้วไม่ใช่หรือ? แต่งงานกันตั้งนานแล้ว ต่อให้ตั้งครรภ์นาจาก็ตั้งครรภ์นานแล้ว ถ้าหากพระชายายังไม่ตั้งครรภ์ ข้าตั้งใจว่าปีหน้าจะไปหาสูตรยามีบุตร…”จุดที่ไม่ไกลนักฝีเท้าของเซียวจือฮว่าที่เดินผ่านมาชะงักกะทันหัน ฟังบทสนทนาของทั้งคู่เข้าไปในหูทั้งหมดฉู่เชียนหลี…ท้องแล้ว!?ข่าวที่มาอย่างกะทันหันทำให้สีหน้านางเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยิ่งมีความบิดเบี้ยวสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในใจ
เขามีจุดอ่อนอยู่ในมือนาง นางกลัวอะไร? เลวร้ายที่สุดก็แค่ตายทั้งสองฝ่าย ต่อให้ตาย ขอแค่ได้อยู่กับเขา นางก็ยินดีคนที่เสียเปรียบคือเขาหากพูดเรื่องนี้ออกไป แม่บุญธรรมของเขาจะต้องชดใช้แทนเขา ต้องตายแน่นอน เขาก็จะตายเช่นกัน ชื่อเสียงเสื่อมเสียหมื่นปี ตกเป็นที่ครหาของผู้คน ต่อให้ตายแล้ว ก็ไม่สามารถอยู่อย่างสงบเข่นฆ่าพี่ชาย นี่มันไม่ใช่คำพูดที่ดีอะไรกลิ่นอายบนตัวเฟิงเจิ้งหลีเย็นชาลง หนาวเย็นเหมือนอากาศของวันนี้ ลมหายใจที่พ่นออกมาก็เยือกเย็น เกือบแข็งตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็งบางๆ บนใบหน้าหนึ่งชั้น สายตาที่จ้องฉู่เจียวเจียวแทบสามารถฆ่าคนเขาถูกข่มขู่แล้ว!ฉู่เจียวเจียวข่มความหนาวเย็นในใจ ฝืนรักษารอยยิ้มบนใบหน้าไว้นางรักเขาขอแค่ความรักของนางได้รับการตอบรับ ขอแค่เขาดีกับนาง ทำให้นางมีความสุข พวกเขาเป็นคู่สามีภรรยาที่รักใคร่ นางจะไม่พูดเรื่องนี้ออกไปตลอดชีวิตสายตาประสานกันจ้องอยู่นานมาก ผ่านไปพักใหญ่ เฟิงเจิ้งหลีจึงจะเอ่ยปากอย่างเย็นชา“พรุ่งนี้กลับเมื่อไร?”คืนนี้เฟิงเย่เสวียนนอนไม่หลับ สามารถเรียกได้ว่าเป็นคืนที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์เขากอดฉู่เชียนหลีนอน ครู่หนึ่งก็เปลี่ยนท่า
นางเป็นสุนัขบ้านนอกที่ไม่เคยเห็นหิมะจริงนั่นแหละปัดมือที่อยู่บนเอว “เจ้าปล่อยข้านะ ข้าจะออกไปเล่น! ถ้าหากสายแล้ว หิมะก็ถูกพวกเขาเหยียบจนสกปรกแล้ว!”แขนยาวของเฟิงเย่เสวียนโอบเอวนางไว้ รัดแน่นเหมือนห่วงเหล็ก ออกแรงอย่างไรก็งัดไม่ออกสายตาเหลือบลง พูดออกมาแค่สองคำ“ไม่อนุญาต”“ลูกของข้าไม่กลัวหนาว! แม่รู้จักลูกชายดีที่สุด วันนี้หากเจ้าไม่ให้ข้าเล่นหิมะ รอลูกชายโตแล้ว ข้าจะให้เขาเตะฝาโลงเจ้า!” ฉู่เชียนหลีประท้วงโอ้โฮนั่นมันสุดๆ จริง“เช่นนั้นก็รอเจ้าเด็กนี่โตแล้วค่อยว่ากัน วันนี้ข้าว่างพอดี สามารถเฝ้าเจ้าทั้งวัน” เขานั่งลง ยกคนขึ้นมาวางบนตัก เอนหลังพิงเก้าอี้อย่างสบายใจมองดูท่าทางของนางที่โมโหจนฟาดงวงฟาดงา ไม่ต้องพูดถึงว่าหนำใจเพียงใดเจ้าคนไร้มโนธรรม!เมื่อคืนทิ้งให้เขานอนคนเดียว บอกไปก็ไปเลย ไร้ความรู้สึกเช่นนั้น ไม่คำนึงถึงความรู้สึกเขาเลยสักนิดเช่นนั้นก็ได้ วันนี้อย่าคิดเล่นหิมะ เขาไม่มีความสุข นางก็อย่าคิดจะมีความสุขฉู่เชียนหลีกลัดกลุ้ม“ถ้าหากข้าอารมณ์ไม่ดี จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อพัฒนาการของลูก”“งบประจำปีกำลังจะถึง ภาษีที่ดินศักดินาปีนี้ของข้าสามารถเก็บประมา