นางเป็นสุนัขบ้านนอกที่ไม่เคยเห็นหิมะจริงนั่นแหละปัดมือที่อยู่บนเอว “เจ้าปล่อยข้านะ ข้าจะออกไปเล่น! ถ้าหากสายแล้ว หิมะก็ถูกพวกเขาเหยียบจนสกปรกแล้ว!”แขนยาวของเฟิงเย่เสวียนโอบเอวนางไว้ รัดแน่นเหมือนห่วงเหล็ก ออกแรงอย่างไรก็งัดไม่ออกสายตาเหลือบลง พูดออกมาแค่สองคำ“ไม่อนุญาต”“ลูกของข้าไม่กลัวหนาว! แม่รู้จักลูกชายดีที่สุด วันนี้หากเจ้าไม่ให้ข้าเล่นหิมะ รอลูกชายโตแล้ว ข้าจะให้เขาเตะฝาโลงเจ้า!” ฉู่เชียนหลีประท้วงโอ้โฮนั่นมันสุดๆ จริง“เช่นนั้นก็รอเจ้าเด็กนี่โตแล้วค่อยว่ากัน วันนี้ข้าว่างพอดี สามารถเฝ้าเจ้าทั้งวัน” เขานั่งลง ยกคนขึ้นมาวางบนตัก เอนหลังพิงเก้าอี้อย่างสบายใจมองดูท่าทางของนางที่โมโหจนฟาดงวงฟาดงา ไม่ต้องพูดถึงว่าหนำใจเพียงใดเจ้าคนไร้มโนธรรม!เมื่อคืนทิ้งให้เขานอนคนเดียว บอกไปก็ไปเลย ไร้ความรู้สึกเช่นนั้น ไม่คำนึงถึงความรู้สึกเขาเลยสักนิดเช่นนั้นก็ได้ วันนี้อย่าคิดเล่นหิมะ เขาไม่มีความสุข นางก็อย่าคิดจะมีความสุขฉู่เชียนหลีกลัดกลุ้ม“ถ้าหากข้าอารมณ์ไม่ดี จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อพัฒนาการของลูก”“งบประจำปีกำลังจะถึง ภาษีที่ดินศักดินาปีนี้ของข้าสามารถเก็บประมา
หลิงเชียนอี้สองมือไพล่หลังเดินเข้ามากล่าว“ท่านน้า ท่านน้าสะใภ้ หรือไม่ลูกก็ชื่อเฟิงเจิ้งชุยเสวีย[1]แล้วกัน เป็นฤดูหนาวที่หิมะตกหนักพอดี ใช้ชื่อนี้ แค่ฟังก็รู้สึกว่ามีเรื่องราว”เขาเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ท่าทางดูมีความรู้มากสีหน้าฉู่เชียนหลีไร้อารมณ์ : ข้าเชื่อเจ้าก็บ้าทำไมไม่ชื่อซีเหมินชุยเสวีย[2]? โปหลัวชุยเสวีย[3]เลยล่ะ?เฟิงเย่เสวียนก็ค่อนข้างรังเกียจชื่อนี้เช่นกัน มือข้างหนึ่งโอบเอวฉู่เชียนหลีอย่างเกียจคร้าน ยกเปลือกตาขึ้น“หลิงชุยเสวียก็ไม่เลว”“มีผู้หญิงที่ชอบหรือยัง? เจ้าก็ถึงวัยแต่งงานแล้ว คลอดเองเลยไป”อย่านำความวิบัติใส่ลูกของเขาหลิงเชียนอี้หน้าแดงเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงผู้หญิงที่ชอบ เขาก็นึกถึง…ก้มหน้าลงอย่างเขินอาย พึมพำเสียงเบา “ชอบไม่ชอบอะไร อายุข้ายังน้อย ยังเป็นเด็ก ถ้าหากข้าแต่งงาน ท่านน้าสามารถใส่ซองให้ข้าหนึ่งแสนตำลึง มันก็ใช่ว่าจะไม่ได้…”เฟิงเย่เสวียน “ไสหัวไป”ฉู่เชียนหลี “ไสหัวไป”อยากหลอกล่ออวิ๋นอิงก็ช่างเถอะ ยังจะตั้งข้อเสนอไว้เสียสูง ขอค่าใส่ซองหนึ่งแสนตำลึง? นางว่าเขากำลังฝันกลางวัน“แหะๆ! เช่นนั้นก็ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ไหนให้ข้าลองดูน้องของข้าหน่
บอกตามตรง อายุของนางชาติที่แล้วกับชาตินี้รวมกัน สามารถเป็นแม่ของเขาแล้ว แต่นางไม่ได้พูดออกมา“ท่านอ๋อง พระชายา ถงเฟยมาขอรับ!”พ่อบ้านวิ่งเข้ามาพร้อมกับรายงานอย่างรวดเร็ว เพิ่งพูดจบ เสียงของถงเฟยก็ดังมาแต่ไกลจากข้างนอก“ลูกแม่! ลูกแม่!”ยกชายกระโปรงขึ้น วิ่งมาไวมาก มวยผมส่ายไปส่ายมา ทั้งร้อนใจทั้งดีใจ ไม่มีมาดของพระสนมแม้แต่น้อยนางกำนัลที่ติดตามมาด้วยชินแล้ว ถ้าหากพระสนมเข้าร่วมการแย่งชิงของวังหลังอย่างจริงจัง ก็ไม่มีทางนั่งตำแหน่งนางสนมยี่สิบกว่าปีถงเฟยปลื้มปีติจนน้ำตาไหล “ลูกแม่ เจ้าจะมีลูกชายแล้วจริงๆ หรือ!”“เสด็จแม่ระวังหน่อยเจ้าค่ะ!” ฉู่เชียนหลีลุกขึ้นเดินไปข้างหน้า “หิมะยังตก เกาะเป็นน้ำแข็ง ระวังลื่นล้มเจ้าค่ะ”“คนที่ควรระวังคือเจ้าต่างหากเสียวฉู่!” ถงเฟยพลิกมือจับมือฉู่เชียนหลีไว้ ตื่นเต้นจนดวงตาแดงก่ำ เบ้าตาเปียกชุ่มตอนที่รู้ข่าวพระชายาอ๋องเฉินมีครรภ์ นางมีดีใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อก่อนอ๋องเฉินชนะสงคราม สร้างผลงานใหญ่ แต่งตั้งยศ นางก็ไม่เคยดีใจเช่นนี้มาก่อน“ข้ากำลังจะมีหลานชายแล้ว มีลูกดี ดี!” นางจับมือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลี ปากก็พึมพำไม่หยุด “มีลูกดี
“พู่!”ฉู่เชียนหลีหลุดหัวเราะ โชคดีที่ไม่ได้อมน้ำในปาก ไม่เช่นนั้นคงพ่นใส่หน้าถงเฟยเฟิงเย่เสวียน “...”เสด็จแม่ ท่านสุภาพหรือ?“แล้วก็กินของเปรี้ยวเยอะๆ เปรี้ยวผู้ชาย เผ็ดผู้หญิง” ถงเฟยกล่าวต่อ “เดินเยอะๆ ออกกำลังกายบ้าง เด็กผู้ชายชอบขยับ เด็กผู้หญิงชอบอยู่เงียบๆ”“ใช่แล้ว แล้วก็เจ้าต้องสวมถุงเท้าผ้าฝ้ายก่อน ค่อยสวมรองเท้าผ้าฝ้าย ไม่สวมรองเท้าผ้าฝ้ายก็ไม่สามารถให้กำเนิดลูกชายตัวอ้วน”“ใช่แล้ว ข่าวที่เจ้าท้องได้แพร่กระจายออกไปแล้ว อาจมีคนไม่รู้เท่าไรจ้องลูกในท้องของเจ้าอยู่ อย่าออกจากบ้านคนเดียว ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องระวังไว้ก่อน”“ใช่แล้ว แล้วก็…”มีลูกแล้ว ถงเฟยทั้งดีใจ ทั้งกังวลเกิดในราชวงศ์ เจ้าโกหกข้าหลอกลวง มีเด็กมากเท่าไรที่ตายตอนเป็นทารกและในท้องแม่ก่อนจะได้เกิด มีเยอะจนกลายเป็นเรื่องปกตินางกำชับสิ่งที่นางคิดได้ ยี่สิบกว่าประโยคในรวดเดียว ความรักนั้นเหนือคำบรรยายฉู่เชียนหลีอุ่นใจ ฟังอย่างอดทน จดจำไว้ทั้งหมดทีละอย่าง“เสด็จแม่ ท่านวางใจได้ มีลูกอยู่ รับรองว่าไม่เกิดปัญหาอะไรแน่นอน” เฟิงเย่เสวียนรับประกันด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมถงเฟยเงยหน้าขึ้น เขม่นเขาแวบหนึ่ง“ก็เพ
ทันใดนั้น สายตาที่เย็นชาของจิ่งอี้กวาดมองไปทางจางเฟย “มีอะไรวางไม่ลง”น้ำเสียงก็เย็นชาเช่นกัน “วาสนาที่เกิดขึ้นเพราะความผิดพลาด ข้าแค่ยังไม่ได้ปรับสภาพจิตใจของตัวเองก็เท่านั้น แม้ข้าชอบนางไม่ได้ แต่คนที่ควรปกป้อง ก็ยังคงจะปกป้องตลอดไป” ในฐานะของผู้ใต้บัญชาเพื่อนพ้องน้องพี่เขายกเท้าเดินไปทางจวนอ๋องเฉิน ริมฝีปากบางเผยอขึ้น น้ำเสียงเยือกเย็นดั่งหิมะ“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ห้ามพูดถึงเรื่องที่เจ้าสำนักคนเก่าเป็นพ่อข้า และเรื่องกำหนดลูกสะใภ้ภายในอีก ถ้าหากคุณหนูรู้แม้แต่คำเดียว ข้าเอาชีวิตสุนัขเจ้า!”พลันคอจางเฟยหด หนาวจนตัวสั่น สองมือถูแขน รีบเพิ่มความอบอุ่นพูดก็พูดสิ จะดุอะไรนักหนา?เจ้าเด็กน้อยคนนี้ พอโตแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะหันมาดุเขาที่เป็นผู้อาวุโสเขาพึมพำเสียงเบาอย่างน้อยใจ “อะไรกัน ว่าก็ว่าไม่ได้แล้วจริงๆ? ข้าเลี้ยงเจ้าโตมากับมือนะ นึกถึงตอนนั้น แม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเพิ่งคลอดเจ้า ก็ทิ้งเจ้าแล้ว หากไม่ใช่เพราะข้าเก็บเจ้ากลับมา…”สายตาที่เยือกเย็นเหมือนธนูของจิ่งอี้ยิงมาฉับพลันร่างจางเฟยสั่นสะท้าน รีบหุบปาก ถอยหลังสามก้าวทันทีนี่คือขีดจำกัดและพื้นที่ต้องห้ามของจิ่งอี้
อวิ๋นอิงชักมือกลับฉับพลัน ถอยหลังสามก้าวราวกับเห็นผี ดวงตาทั้งสองข้างแทบถลนออกมานางชอบเขา?บ้าบออะไร?เหมือนว่านางไม่ได้ทำอะไร และไม่ได้พูดอะไรเลยนะ เหตุใดพอคำพูดนี้ออกจากปากของเขา ความหมายก็เปลี่ยนไปแล้ว?มือหลิงเชียนอี้จิกแขนเสื้อ “อวิ๋นอิง…”แก้มของเขาแดงเล็กน้อย แสดงสีหน้าที่ ‘ข้าเข้าใจ’ ออกมา“เจ้าเป็นเด็กผู้หญิง เขินอายเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าเจ้าวางใจได้ พวกเราอยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผย พวกเราบริสุทธิ์ใจ ไม่มีใครหัวเราะเจ้าหรอก”“?”บ้าไปแล้ว!ท่านโหวน้อยบ้าไปแล้วแน่ๆ!อวิ๋นอิงรู้สึกว่าหลิงเชียนอี้ถูกพิษ ยิ่งกว่านั้นพิษแทรกซึมเข้าอวัยวะภายในแล้ว อาการหนักมาก นางส่ายศีรษะ หมุนกายก็หนีไปแล้ว“อวิ๋นอิง!”หลิงเชียนอี้รีบสับขาไล่ตาม “อวิ๋นอิงเจ้าไม่ต้องอายจริงๆ ข้าไม่ใช่คนนอก!”อวิ๋นอิงที่อยู่ข้างหน้าเท้าสะดุด เกือบล้มหน้าทิ่มกะทันหันกัดฟัน ลุกขึ้นยืน“ท่านโหวน้อย ท่านโปรดอย่าเอาข้ามาล้อเล่นไร้สาระเช่นนี้ ข้าไม่ใช่ของเล่นของท่าน ข้าไม่สนใจเลยสักนิด!”กล่าวจบ ก้าวเท้าเดินจากไปหลิงเชียนอี้รีบไล่ตาม “ข้าไม่ได้ล้อเล่น! ข้าจริงจังนะ!”“อวิ๋นอิง เจ้าชอบข้าไม่ใช่เรื่อ
“จิ่งอี้ เจ้าเด็กเวร รอข้าด้วย…”ฝีเท้าของจิ่งอี้ไม่ได้เร็ว แต่เป็นเพราะเขาสูงเกือบหนึ่งเมตรเก้า ขายาว เท้าที่ก้าวออกไปจึงยาว แรงข่มขวัญที่ปลดปล่อยออกมาก็รุนแรงมากเช่นกันเขาเดินอยู่ข้างหน้า ทุกสิ่งที่เข้าตาล้วนเป็นภาพหิมะ หิมะที่ขาวบริสุทธิ์สะท้อนเข้าตา กลายเป็นการปลดปล่อยเห็นนางมีความสุข ก็เพียงพอแล้วขอแค่นางมีชีวิตที่ดี ไม่มีโรคไม่มีภัย คนทั้งครอบครัว นั่งล้อมตะเกียง เขาก็ไม่จำเป็นต้องนึกถึงกฎที่พ่อที่ล่วงลับไปแล้วตั้งไว้อีกต่อไปกฎเป็นของตาย มนุษย์เป็นของเป็นเขาก้าวเท้ายาวเดินจากไป เมื่อเดินผ่านตรงหัวมุมของโถงทางเดิน ก็เจอกับคนที่กำลังเดินมา“คุณ…คุณชายจิ่ง?!”เยว่เอ๋อร์เบิกตากว้าง ประหลาดใจมากเมื่อเห็นผู้มา หลังจากนั้นหนึ่งวินาที ก็กลายเป็นความปลื้มปีติที่เปี่ยมล้นดูลักษณะท่าทางนี้ของคุณชายจิ่ง น่าจะเพิ่งออกมาจากเรือนหานเฟิง นางไปชงชาให้พระชายาที่ห้องครัว หากไม่ใช่เพราะเจอระหว่างทางกลับมา ก็คงไม่รู้เรื่องที่คุณชายจิ่งเคยมาเมื่อประมาณเวลา นางรีบกล่าว“คุณชายจิ่ง ท่านน่าจะเพิ่งมาไม่นานกระมัง? เหตุใดจึงไม่นั่งอีกสักครู่? พระชายาตั้งครรภ์แล้ว ต่อไปน่าจะออกจากจวนน้อยลง
เยว่เอ๋อร์พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ๆ มีคนเยอะมากอยากมาจวนอ๋องของพวกเรา ข้าเพิ่งมาจากห้องครัว เห็นพ่อบ้านรับแขกเยอะมาก บอกว่าอะไรนะ…ใต้เท้าจางมาแล้ว ยังมีอะไรๆ นะ…”เอาเป็นว่าแขกเยอะมากนี่เพิ่งจะวันแรก ก็มีคนใช้ข้ออ้าง ‘เป็นห่วง’ มาเยี่ยมพระชายาเยอะเช่นนี้แล้ว แต่ในความเป็นจริงพวกเขามีเจตนาอะไร ใครจะไปรู้?มีทั้งคนประจบสอพลอ ต้องการใช้โอกาสนี้สร้างความสัมพันธ์มีทั้งคนมาหาความจริง ดูสถานการณ์โดยรวมกับตาตนเอง จึงจะคิดหาวิธีรับมือง่ายและมีจุดประสงค์อื่นด้วยเช่นกัน…“ท่านอ๋อง ถ้าหากมีคนมาทุกวัน ไม่เท่ากับรบกวนการพักผ่อนของพระชายาหรือ? แต่ถ้าไล่พวกเขา พวกเขาจะแอบว่าท่านหยิ่งยโส หรือนินทา กระทบชื่อเสียงพระชายาหรือไม่เจ้าคะ?” เยว่เอ๋อร์กล่าวถามอย่างเป็นห่วงถ้าหากมีคนบอกว่าเพิ่งตั้งครรภ์ ก็วางมาดแล้ว ลูกยังไม่ทันได้คลอดออกมา ไม่รู้ว่าเป็นชายหรือหญิง ก็เย่อหยิ่งเช่นนี้แล้วปีนขึ้นที่สูงเกินไป ตกทีเดียวสาหัส ฉู่เชียนหลีถอนหายใจ ขมวดคิ้วเล็กน้อย เหมือนชานี่จะเย็นไปหน่อย?ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเฟิงเย่เสวียนเป่าจนเย็นเกินไป หรือเยว่เอ๋อร์ต้มน้ำไม่เดือด ดื่มแค่จิบเดียวก็วางลง ไม่อยากดื่มแล้ว
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท