ทันใดนั้น สายตาที่เย็นชาของจิ่งอี้กวาดมองไปทางจางเฟย “มีอะไรวางไม่ลง”น้ำเสียงก็เย็นชาเช่นกัน “วาสนาที่เกิดขึ้นเพราะความผิดพลาด ข้าแค่ยังไม่ได้ปรับสภาพจิตใจของตัวเองก็เท่านั้น แม้ข้าชอบนางไม่ได้ แต่คนที่ควรปกป้อง ก็ยังคงจะปกป้องตลอดไป” ในฐานะของผู้ใต้บัญชาเพื่อนพ้องน้องพี่เขายกเท้าเดินไปทางจวนอ๋องเฉิน ริมฝีปากบางเผยอขึ้น น้ำเสียงเยือกเย็นดั่งหิมะ“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ห้ามพูดถึงเรื่องที่เจ้าสำนักคนเก่าเป็นพ่อข้า และเรื่องกำหนดลูกสะใภ้ภายในอีก ถ้าหากคุณหนูรู้แม้แต่คำเดียว ข้าเอาชีวิตสุนัขเจ้า!”พลันคอจางเฟยหด หนาวจนตัวสั่น สองมือถูแขน รีบเพิ่มความอบอุ่นพูดก็พูดสิ จะดุอะไรนักหนา?เจ้าเด็กน้อยคนนี้ พอโตแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะหันมาดุเขาที่เป็นผู้อาวุโสเขาพึมพำเสียงเบาอย่างน้อยใจ “อะไรกัน ว่าก็ว่าไม่ได้แล้วจริงๆ? ข้าเลี้ยงเจ้าโตมากับมือนะ นึกถึงตอนนั้น แม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเพิ่งคลอดเจ้า ก็ทิ้งเจ้าแล้ว หากไม่ใช่เพราะข้าเก็บเจ้ากลับมา…”สายตาที่เยือกเย็นเหมือนธนูของจิ่งอี้ยิงมาฉับพลันร่างจางเฟยสั่นสะท้าน รีบหุบปาก ถอยหลังสามก้าวทันทีนี่คือขีดจำกัดและพื้นที่ต้องห้ามของจิ่งอี้
อวิ๋นอิงชักมือกลับฉับพลัน ถอยหลังสามก้าวราวกับเห็นผี ดวงตาทั้งสองข้างแทบถลนออกมานางชอบเขา?บ้าบออะไร?เหมือนว่านางไม่ได้ทำอะไร และไม่ได้พูดอะไรเลยนะ เหตุใดพอคำพูดนี้ออกจากปากของเขา ความหมายก็เปลี่ยนไปแล้ว?มือหลิงเชียนอี้จิกแขนเสื้อ “อวิ๋นอิง…”แก้มของเขาแดงเล็กน้อย แสดงสีหน้าที่ ‘ข้าเข้าใจ’ ออกมา“เจ้าเป็นเด็กผู้หญิง เขินอายเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าเจ้าวางใจได้ พวกเราอยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผย พวกเราบริสุทธิ์ใจ ไม่มีใครหัวเราะเจ้าหรอก”“?”บ้าไปแล้ว!ท่านโหวน้อยบ้าไปแล้วแน่ๆ!อวิ๋นอิงรู้สึกว่าหลิงเชียนอี้ถูกพิษ ยิ่งกว่านั้นพิษแทรกซึมเข้าอวัยวะภายในแล้ว อาการหนักมาก นางส่ายศีรษะ หมุนกายก็หนีไปแล้ว“อวิ๋นอิง!”หลิงเชียนอี้รีบสับขาไล่ตาม “อวิ๋นอิงเจ้าไม่ต้องอายจริงๆ ข้าไม่ใช่คนนอก!”อวิ๋นอิงที่อยู่ข้างหน้าเท้าสะดุด เกือบล้มหน้าทิ่มกะทันหันกัดฟัน ลุกขึ้นยืน“ท่านโหวน้อย ท่านโปรดอย่าเอาข้ามาล้อเล่นไร้สาระเช่นนี้ ข้าไม่ใช่ของเล่นของท่าน ข้าไม่สนใจเลยสักนิด!”กล่าวจบ ก้าวเท้าเดินจากไปหลิงเชียนอี้รีบไล่ตาม “ข้าไม่ได้ล้อเล่น! ข้าจริงจังนะ!”“อวิ๋นอิง เจ้าชอบข้าไม่ใช่เรื่อ
“จิ่งอี้ เจ้าเด็กเวร รอข้าด้วย…”ฝีเท้าของจิ่งอี้ไม่ได้เร็ว แต่เป็นเพราะเขาสูงเกือบหนึ่งเมตรเก้า ขายาว เท้าที่ก้าวออกไปจึงยาว แรงข่มขวัญที่ปลดปล่อยออกมาก็รุนแรงมากเช่นกันเขาเดินอยู่ข้างหน้า ทุกสิ่งที่เข้าตาล้วนเป็นภาพหิมะ หิมะที่ขาวบริสุทธิ์สะท้อนเข้าตา กลายเป็นการปลดปล่อยเห็นนางมีความสุข ก็เพียงพอแล้วขอแค่นางมีชีวิตที่ดี ไม่มีโรคไม่มีภัย คนทั้งครอบครัว นั่งล้อมตะเกียง เขาก็ไม่จำเป็นต้องนึกถึงกฎที่พ่อที่ล่วงลับไปแล้วตั้งไว้อีกต่อไปกฎเป็นของตาย มนุษย์เป็นของเป็นเขาก้าวเท้ายาวเดินจากไป เมื่อเดินผ่านตรงหัวมุมของโถงทางเดิน ก็เจอกับคนที่กำลังเดินมา“คุณ…คุณชายจิ่ง?!”เยว่เอ๋อร์เบิกตากว้าง ประหลาดใจมากเมื่อเห็นผู้มา หลังจากนั้นหนึ่งวินาที ก็กลายเป็นความปลื้มปีติที่เปี่ยมล้นดูลักษณะท่าทางนี้ของคุณชายจิ่ง น่าจะเพิ่งออกมาจากเรือนหานเฟิง นางไปชงชาให้พระชายาที่ห้องครัว หากไม่ใช่เพราะเจอระหว่างทางกลับมา ก็คงไม่รู้เรื่องที่คุณชายจิ่งเคยมาเมื่อประมาณเวลา นางรีบกล่าว“คุณชายจิ่ง ท่านน่าจะเพิ่งมาไม่นานกระมัง? เหตุใดจึงไม่นั่งอีกสักครู่? พระชายาตั้งครรภ์แล้ว ต่อไปน่าจะออกจากจวนน้อยลง
เยว่เอ๋อร์พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ๆ มีคนเยอะมากอยากมาจวนอ๋องของพวกเรา ข้าเพิ่งมาจากห้องครัว เห็นพ่อบ้านรับแขกเยอะมาก บอกว่าอะไรนะ…ใต้เท้าจางมาแล้ว ยังมีอะไรๆ นะ…”เอาเป็นว่าแขกเยอะมากนี่เพิ่งจะวันแรก ก็มีคนใช้ข้ออ้าง ‘เป็นห่วง’ มาเยี่ยมพระชายาเยอะเช่นนี้แล้ว แต่ในความเป็นจริงพวกเขามีเจตนาอะไร ใครจะไปรู้?มีทั้งคนประจบสอพลอ ต้องการใช้โอกาสนี้สร้างความสัมพันธ์มีทั้งคนมาหาความจริง ดูสถานการณ์โดยรวมกับตาตนเอง จึงจะคิดหาวิธีรับมือง่ายและมีจุดประสงค์อื่นด้วยเช่นกัน…“ท่านอ๋อง ถ้าหากมีคนมาทุกวัน ไม่เท่ากับรบกวนการพักผ่อนของพระชายาหรือ? แต่ถ้าไล่พวกเขา พวกเขาจะแอบว่าท่านหยิ่งยโส หรือนินทา กระทบชื่อเสียงพระชายาหรือไม่เจ้าคะ?” เยว่เอ๋อร์กล่าวถามอย่างเป็นห่วงถ้าหากมีคนบอกว่าเพิ่งตั้งครรภ์ ก็วางมาดแล้ว ลูกยังไม่ทันได้คลอดออกมา ไม่รู้ว่าเป็นชายหรือหญิง ก็เย่อหยิ่งเช่นนี้แล้วปีนขึ้นที่สูงเกินไป ตกทีเดียวสาหัส ฉู่เชียนหลีถอนหายใจ ขมวดคิ้วเล็กน้อย เหมือนชานี่จะเย็นไปหน่อย?ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเฟิงเย่เสวียนเป่าจนเย็นเกินไป หรือเยว่เอ๋อร์ต้มน้ำไม่เดือด ดื่มแค่จิบเดียวก็วางลง ไม่อยากดื่มแล้ว
กลางคืน ภายในห้องอบอุ่นฉู่เชียนหลีนั่งอยู่บนเตียง สองมือยันขอบเตียง หลุบตามองเฟิงเย่เสวียนที่กำลังแช่เท้าให้นางด้วยมือของเขา เหม่อลอยไปชั่วขณะนางยังจำได้เมื่อก่อนเขาเคยพูดว่า‘เชียนหลี ข้าชอบสภาพการเป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่ต้องการให้ลูกมารบกวนพวกเรา…’แต่การแสดงออกของเขาในหลายวันนี้ เขารักเด็กคนนี้มากเฟิงเย่เสวียนโน้มตัวล้างเท้าให้นาง และนวดไปด้วยในคราวเดียว เมื่ออุณหภูมิของน้ำเย็นถึงระดับหนึ่ง ก็เช็ดหยดน้ำบนเท้าให้แห้ง แล้วดึงผ้าห่มมาห่มให้เขาไปเทน้ำ แล้วล้างมือล้างเท้า กลับมาหลังจากนั้นหนึ่งเค่อฉู่เชียนหลีเขยิบเข้าไปข้างใน เว้นที่ไว้ให้เขาเมื่อแสงเทียนดับลง นางยังไม่ง่วงนอน การเขยิบร่างกายเบาๆ ดึงดูดความสนใจของเฟิงเย่เสวียน“นอนไม่หลับ?” เขาถามนางชะงักเล็กน้อย “หลายวันนี้ไม่ได้ออกจากจวนเลย นอนจนร่างกายอ่อนไปหมดแล้ว”“ตอนนี้เจ้าเป็นสองคน นอนก็ต้องนอนสำหรับคนสองส่วนจึงจะถูก” เขานอนตะแคง ใช้แขนยาวกอดนาง วางมืออีกข้างลงบนหลังของนาง ตบเบาๆ“ตบๆ ก็นอนหลับ”อ่อนโยนเหมือนกล่อมเด็กฉู่เชียนหลีหลุดหัวเราะราวกับนางเป็นเด็กโต ยังต้องกล่อมเช่นนี้ แต่นางมีเรื่องในใจ เอาแต่คิดตล
“เจ้าว่าอะไรนะ! ลูก!”ฉู่เชียนหลีลุกขึ้นนั่งฉับพลัน“เชียนหลี ใจเย็นๆ ก่อน!” เฟิงเย่เสวียนจับไหล่ทั้งสองข้างของนาง ให้นางนอนลง “ลูกไม่เป็นอะไร อูหนูกำลังปรุงยาต้องห้ามของเหมียวเจียว อีกไม่นานก็ปรุงยาชนิดสำเร็จ เจ้ากับลูกจะปลอดภัย!”เขากลัวอารมณ์ที่แปรปรวนของนางส่งผลกระทบต่อร่างกาย จึงรีบพูดให้นางสบายใจมากขึ้น“หานอิ๋งมาตรวจชีพจรทุกคืน เพื่อตรวจร่างกายให้เจ้า นอกจากนั้นก็ไม่ได้ทำอะไร”ฉู่เชียนหลีลูบท้องที่แบนราบเมื่อก่อนนางสามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระ อยากทำอะไรก็ทำอะไร อยากกินอะไรก็กินอะไร ทั้งกระโดดทั้งวิ่ง ล้มลุกคลุกคลาน ไม่มีอะไรต้องกังวลแต่เมื่อมีชีวิตน้อยๆ ในท้อง นางก็เหมือนถูกดึงกระดูกออก ร่างกายอ่อนระทวยไปหมดไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำร้ายลูกของนาง!“เฟิงเย่เสวียน เจ้าบอกข้ามาตามตรง แผนเดิมของเจ้าคือปิดบังข้า แอบเอาลูกออกภายใต้สถานการณ์ที่ข้าไม่รู้ใช่หรือไม่?”นางเงยหน้าขึ้น คำพูดแต่ละคำจริงจังเป็นพิเศษ ยิ่งกว่านั้นมั่นใจมากถ้าหากมียาแก้พิษ ก่อนหน้านี้เขาก็จะไม่พูดคำว่า ‘ข้าไม่ชอบเด็ก’ และจะไม่ปิดบังนางอย่างระมัดระวังแล้ว‘ยาแก้พิษ’ ที่อูหนูบอก ต้องมาค้นพบทีหลังแน่นอนดั
งานเลี้ยงของจวนอ๋องเฉินกำลังจะเริ่ม เฟิงเย่เสวียนเตรียมเองกับมือ ดูแลครบทุกด้าน ตั้งแต่ด้านความปลอดภัยไปจนถึงรสชาติของอาหาร เขาทำทุกอย่างด้วยตัวเองก่อนงานเลี้ยงเริ่มหนึ่งคืน เขาออกคำสั่งกับองครักษ์ลับ :ส่งเซียวจือฮว่าออกไปส่งไปบ้านน้าชายห่างๆ ที่อยู่เขตเจียงหนานห่างออกไปหลายร้อยลี้ ได้มอบเงินก้อนโต และจัดการชีวิตที่เหลือให้อยู่อย่างไร้กังวล ถือเป็นบุญคุณสุดท้ายที่มีต่อตระกูลเซียวเดือนสิบสองวันที่ยี่สิบแปด งานเลี้ยงเริ่มขึ้นตอนเช้าฉู่เชียนหลีตื่นเช้ามาก เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิง คนหนึ่งสวมเสื้อผ้าให้นาง คนหนึ่งเติมเชื้อเพลิงในเตา เพื่อรักษาความอบอุ่นภายในห้อง“พระชายา ที่จริงท่านไม่ต้องตื่นเช้าเช่นนี้ หนาวมากเลยนะเจ้าคะ” ขณะที่เยว่เอ๋อร์พูดถึงกับมีควันออกจากปากฉู่เชียนหลีอารมณ์ดีมาก ท้องที่เกือบจะสองเดือนนูนเล็กน้อย สวมใส่เสื้อผ้าที่หนาเตอะ ทำให้มองไม่ออกเลยสักนิดนางกล่าว “ในที่สุดก็ถึงคราวของจวนอ๋องเฉินรับของขวัญแล้ว เกรงว่าจะได้รับเงินไม่น้อย และยังมีของดีอีกไม่น้อย ถ้าหากข้าไม่ได้นับด้วยตัวเอง คงนอนไม่หลับแน่”คำพูดนี้ทำเอาเยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงหัวเราะแล้วเป็นถึงพระชาย
โมโหมาก แต่ก็โต้เถียงไม่ได้ คำพูดอ่อนโยนและเป็นมิตรที่เตรียมมาเต็มท้อง ยังไม่ทันได้พูดออกมาสักคำ ก็ถูกบังคับให้หุบปากแล้วเพิ่งตั้งครรภ์ ก็อยากถีบนางที่เป็นแม่คนนี้ทิ้งแล้ว?เป็นนังหนูที่ไร้มโนธรรมจริงๆเด็กในท้องเป็นชายหรือหญิงยังไม่รู้ ก็เย่อหยิ่งเช่นนี้แล้ว วันข้างหน้าหากคลอดออกมา ตัวจะไม่ลอยไปอยู่บนฟ้าหรือ?ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง บุญคุณเลี้ยงดูของนางอันเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้!“ไป” นางอันหันหน้า กล่าวกับหมอมอที่อยู่ข้างๆ “เจ้าปล่อยข่าวออกไปข้างนอกทุกวัน บอกว่าพระชายาอ๋องเฉินกับนางอันแม่ของนาง ความรักแม่ลูกลึกซึ้ง ความสัมพันธ์ดีมาก แม่เมตตาลูกกตัญญู พยายามชมในแง่ดีที่สุด”หมอมอตะลึงงันครู่หนึ่ง“อี๋เหนียง นี่…ในความเป็นจริงพระชายาอ๋องเฉินไม่ได้ดีกับท่านเลย และยังดื้อรั้นมาก มักจะโต้เถียงท่าน…”“เจ้าจะไปเข้าใจอะไร” นางอันหรี่ตา มีประกายของกลอุบายในแววตาวิธีนี้เรียกว่า สวมหมวกสูงชมฉู่เชียนหลีก่อน ให้ทุกคนคิดว่านางเป็นลูกกตัญญู รู้จักทดแทนบุญคุณ เป็นเด็กดี เคารพมารดา ในวันข้างหน้า หากฉู่เชียนหลีไม่เชื่อฟังนาง ก็เท่ากับหมิ่นชื่อเสียงที่ดีงามนี้ถึงเวลา ราษฎรทั้งเมืองหลวงจะ
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท