งานเลี้ยงของจวนอ๋องเฉินกำลังจะเริ่ม เฟิงเย่เสวียนเตรียมเองกับมือ ดูแลครบทุกด้าน ตั้งแต่ด้านความปลอดภัยไปจนถึงรสชาติของอาหาร เขาทำทุกอย่างด้วยตัวเองก่อนงานเลี้ยงเริ่มหนึ่งคืน เขาออกคำสั่งกับองครักษ์ลับ :ส่งเซียวจือฮว่าออกไปส่งไปบ้านน้าชายห่างๆ ที่อยู่เขตเจียงหนานห่างออกไปหลายร้อยลี้ ได้มอบเงินก้อนโต และจัดการชีวิตที่เหลือให้อยู่อย่างไร้กังวล ถือเป็นบุญคุณสุดท้ายที่มีต่อตระกูลเซียวเดือนสิบสองวันที่ยี่สิบแปด งานเลี้ยงเริ่มขึ้นตอนเช้าฉู่เชียนหลีตื่นเช้ามาก เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิง คนหนึ่งสวมเสื้อผ้าให้นาง คนหนึ่งเติมเชื้อเพลิงในเตา เพื่อรักษาความอบอุ่นภายในห้อง“พระชายา ที่จริงท่านไม่ต้องตื่นเช้าเช่นนี้ หนาวมากเลยนะเจ้าคะ” ขณะที่เยว่เอ๋อร์พูดถึงกับมีควันออกจากปากฉู่เชียนหลีอารมณ์ดีมาก ท้องที่เกือบจะสองเดือนนูนเล็กน้อย สวมใส่เสื้อผ้าที่หนาเตอะ ทำให้มองไม่ออกเลยสักนิดนางกล่าว “ในที่สุดก็ถึงคราวของจวนอ๋องเฉินรับของขวัญแล้ว เกรงว่าจะได้รับเงินไม่น้อย และยังมีของดีอีกไม่น้อย ถ้าหากข้าไม่ได้นับด้วยตัวเอง คงนอนไม่หลับแน่”คำพูดนี้ทำเอาเยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงหัวเราะแล้วเป็นถึงพระชาย
โมโหมาก แต่ก็โต้เถียงไม่ได้ คำพูดอ่อนโยนและเป็นมิตรที่เตรียมมาเต็มท้อง ยังไม่ทันได้พูดออกมาสักคำ ก็ถูกบังคับให้หุบปากแล้วเพิ่งตั้งครรภ์ ก็อยากถีบนางที่เป็นแม่คนนี้ทิ้งแล้ว?เป็นนังหนูที่ไร้มโนธรรมจริงๆเด็กในท้องเป็นชายหรือหญิงยังไม่รู้ ก็เย่อหยิ่งเช่นนี้แล้ว วันข้างหน้าหากคลอดออกมา ตัวจะไม่ลอยไปอยู่บนฟ้าหรือ?ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง บุญคุณเลี้ยงดูของนางอันเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้!“ไป” นางอันหันหน้า กล่าวกับหมอมอที่อยู่ข้างๆ “เจ้าปล่อยข่าวออกไปข้างนอกทุกวัน บอกว่าพระชายาอ๋องเฉินกับนางอันแม่ของนาง ความรักแม่ลูกลึกซึ้ง ความสัมพันธ์ดีมาก แม่เมตตาลูกกตัญญู พยายามชมในแง่ดีที่สุด”หมอมอตะลึงงันครู่หนึ่ง“อี๋เหนียง นี่…ในความเป็นจริงพระชายาอ๋องเฉินไม่ได้ดีกับท่านเลย และยังดื้อรั้นมาก มักจะโต้เถียงท่าน…”“เจ้าจะไปเข้าใจอะไร” นางอันหรี่ตา มีประกายของกลอุบายในแววตาวิธีนี้เรียกว่า สวมหมวกสูงชมฉู่เชียนหลีก่อน ให้ทุกคนคิดว่านางเป็นลูกกตัญญู รู้จักทดแทนบุญคุณ เป็นเด็กดี เคารพมารดา ในวันข้างหน้า หากฉู่เชียนหลีไม่เชื่อฟังนาง ก็เท่ากับหมิ่นชื่อเสียงที่ดีงามนี้ถึงเวลา ราษฎรทั้งเมืองหลวงจะ
คนทั้งกลุ่มเข้ามาอวยพร หลังจากเสนอหน้าพอแล้ว ก็เปลี่ยนคนกลุ่มใหม่มา ทุกคนพูดในทำนองเดียวกัน ฉู่เชียนหลีฟังอย่างเกียจคร้าน ตอบรับคำสองคำเป็นระยะหลิงเชียนอี้ก็มาเช่นกัน“สวัสดีน้าสะใภ้! แล้วเจอกันน้าสะใภ้!”เมื่อทักทายเสร็จ ก็สับขาวิ่ง พริบตาเดียวก็ไม่เห็นคนแล้วพลันฉู่เชียนหลีหันไปมอง อวิ๋นอิงที่เมื่อครู่ยังอยู่ ถูกลักพาตัวไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้นางส่ายศีรษะ “ผู้หญิงเมื่อโตแล้วรั้งไม่อยู่จริงๆ”เยว่เอ๋อร์ปิดปากยิ้มอย่าสวยงาม มุมปากหุบไม่ลงแล้ว “พระชายา ข้ารู้สึกว่าท่านอ๋องน้อยกับอวิ๋นอิงเหมาะสมกันมาก ท่านโหวน้อยดื้อเช่นนั้น ส่วนอวิ๋นอิงก็วรยุทธ์ดีมาก เหมือนกับจอมยุทธหญิงท่องยุทธภพคนหนึ่ง ต้องสามารถสยบท่านอ๋องน้อยได้อย่างแน่นอน!”จินตนาการเห็นภาพที่ท่านโหวน้อยเคารพเชื่อฟัง และคล้อยตามอวิ๋นอิงทุกอย่างในอนาคตแล้วแค่นึกถึงภาพนั้น ก็ยิ้มจนหน้ากระตุก“พระชายา”จุดที่ไม่ไกลนัก หานเฟิงเดินเข้ามา เขาสวมชุดจิ้นจวงสีดำ มือถือกระบี่ ท่าทางที่สูงใหญ่และสุขุมมีส่วนคล้ายอ๋องเฉินสามส่วนเขาคำนับแล้วกล่าว “ข้าน้อยรับคำสั่งจากนายท่าน ลาดตระเวนความปลอดภัยจุดต่างๆ ของจวนอ๋อง ข้าอยู่ทุกเมื่อ
แน่นอนว่าฉู่เชียนหลีเข้าใจองค์ชายใหญ่ตายไปแล้ว ตำแหน่งรัชทายาทว่างอยู่ องค์ชายทั้งหกภายในเป็นพี่น้องที่กลมเกลียวกัน แต่ล้วนมีความคิดเป็นของตัวเอง จ้องราชบัลลังก์ตาเป็นมันเด็กคนนี้ นางจะต้องปกป้องเอาไว้เป็นอย่างดี“พี่อวี๋ พี่กับพี่สี่แต่งงานกันมานานขนาดนี้แล้ว ไม่อยากจะมีลูกสักคนหรือ?” นางถามอย่างประหลาดใจเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ พระชายาอ๋องติ้งอดไม่ได้ที่จะกลอกตา“เจ้าอ้วนที่ไม่เอาไหนคนนั้นพูดว่าเงินเดือนแต่ละเดือนยังไม่พอยาไส้ จะเอาเงินจากไหนมาเลี้ยงลูก? รอให้พวกเราอายุสี่สิบก่อนค่อยมี”“หมอหลวงกล่าวว่า ผู้หญิงมีลูกก่อนสามสิบปีห้าก็พอ พวกเราจึงไม่รีบร้อน”สองสามีภรรยานับถือศาสนาพุทธ“แต่ว่าความรู้เกี่ยวกับด้านตั้งครรภ์ของผู้หญิง ข้าก็เข้าใจไม่น้อย” พระชายาอ๋องติ้งนั่งหลังตรงขึ้น ประสานนิ้วมือ กำชับกับตนเอง“เสียวฉู่ ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ช่วงสามเดือนแรกเป็นช่วงที่อ่อนแอที่สุด จะต้องเลิกนิสัยที่ไม่ดี เลิกนอนดึกกินของเผ็ดร้อน เลิกร่วมรัก รอจนกว่าจะถึงเดือนที่สี่ถึงเดือนที่หก...”นางค่อย ๆ พูดทีละข้อ ๆ แต่เต็มไปด้วยความห่วงใยไม่เคยมีลูก แต่กลับเข้าใจกว่าคนที่เคยมีลูกมากเลยทีเดียว
ในขณะที่พูด หางตานางก็เหลือบไปเห็นอ๋องอันที่อยู่บริเวณไม่ไกลนัก รีบก้มหน้าลงไป หลังจากรีบร้อนพูดไม่กี่ประโยค ก็รีบออกไปอย่างรวดเร็วอ๋องอันเห็นแล้ว ไม่ได้สนใจที่จะทักทายฉู่เชียนหลี ทิ้งผู้ติดตามของตนเอง รีบเดินตามฉู่หงหลวนไปหลังจากอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่พูดไม่กี่ประโยค ก็ออกไปเช่นกันฉู่เชียนหลีสังเกตเห็นฉากนี้จึงหรี่ตา“หลายวันมานี้เจ้าไม่ได้ออกนอกเรือน มีบางเรื่องอาจจะยังไม่รู้” พระชายาอ๋องติ้งยื่นมือทั้งสองข้างออกไปผิงไฟ กล่าว “เจ้าหกเขาไปสู่ขอถึงจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ แต่ถูกปฏิเสธ”“อย่างนั้นหรือ?” ฉู่เชียนหลีมีความสนใจขึ้นมาทันทีอ๋องอันชอบฉู่หงหลวน? แม้ว่าฉู่หงหลวนจะเคยเป็นผู้หญิงขององค์ชายใหญ่มาก่อน ก็ยินดีแต่งงานด้วย?ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่ ฉู่หงหลวนปฏิเสธเป็นเพราะไม่ชอบอ๋องอัน หรือว่าเป็นวิธีการปฏิเสธทางอ้อม?พูดตามหลักแล้ว คนเคยแต่งงานอย่างฉู่หงหลวน ชื่อเสียงเสียหาย ยากมากที่จะได้แต่งงานเป็นครั้งที่สอง อ๋องอันอยากสู่ขอนาง ตามหลักแล้วนางจะดีใจถึงจะถูก ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ ดูท่าจะเป็นการจงใจเสแสร้ง เพื่อกระตุ้นความอยากของอ๋องอันวิธีการหลักแหลมไม่เบานางลูบท้อง “ป
คำพูดแปดคำนี้ยังไม่ทันได้โพล่งออกไป ก็พูดว่าเด็กในท้องของนางจะต้องเป็นลูกสาว? หรือว่าฉู่เจียวเจียวนางให้กำเนิดลูกชายได้?เมื่อพูดประโยคนี้ ฉู่เชียนหลีก็ไม่พอใจแล้วฉู่เชียนหลีแสร้งทำเป็นประหลาดใจ “พี่สาม ท่านกับท่านอ๋องหลีแต่งงานกันมานานขนาดนี้แล้ว มือก็ยังไม่เคยได้จับ จะตั้งท้องเร็วขนาดนี้เลยหรือ? พวกท่านสืบพันธุ์โดยที่ไม่ต้องมีสัมพันธ์กัน?”“...”รอยยิ้มบนใบหน้าของฉู่เจียวเจียวชะงักไป อับอายอย่างเห็นได้ชัด แต่รอยยิ้มก็กลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว “เกรงว่าน้องสาวจะเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไป ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องหลีดีมาก”ในขณะที่พูด นางก็เอียงศีรษะ ซบลงไปบนแขนของชายหนุ่มเบา ๆ เงยใบหน้าเล็กที่สวยงามขึ้น จ้องมองชายหนุ่ม ใบหน้าราวกับดอกไม้“ใช่หรือไม่ ท่านอ๋อง?”นางยิ้มหวานมากในรอยยิ้มที่หวานหยาดเยิ้มนี้ ราวกับแฝงไปด้วยความหมายอันลึกซึ้งบางอย่างสีหน้าของเฟิงเจิ้งหลีกลับดูไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ดูแย่ เม้มริมฝีปากบาง ใบหน้าไม่ได้มีอารมณ์ใด ๆ มากกว่านั้น สงบนิ่งราวกับน้ำที่ไร้คลื่นอยากจะชักมือออก ในหัวก็มีคำพูดของฉู่เจียวเจียวดังก้องขึ้นในหัว‘ท่านอ๋อง ท่านสังหารองค์ชายใหญ่ เ
ฉู่เจียวเจียว ‘ข้า’ อยู่ครึ่งวัน ถูกฉู่เชียนหลีดักคอเอาไว้ได้ทุกครั้ง ‘ข้า’ พูดเหตุผลออกมาไม่ได้ โมโหจนสีหน้ายิ่งแดงกว่าเดิม มือทั้งสองข้างกำแน่นน่าชิงชัง!สาปแช่งลูกของนางก็พอทนแล้ว ยังสาปแช่งให้นางตายทั้งสองแม่ลูก เหตุใดหัวใจของฉู่เชียนหลีถึงได้น่าสะอิดสะเอียนเช่นนี้?“ท่านอ๋อง ท่านดูนางสิ!”นางดึงมือของเฟิงเจิ้งหลี กระทืบเท้าด้วยความโมโห แฝงด้วยความออดอ้อน อยากจะให้อ๋องหลีทวงความยุติธรรมให้นางเฟิงเจิ้งหลีไม่ได้อยากจะพูดมาก“อ๋องเฉินมาแล้ว ข้าขอไปทักทายเสียหน่อย”พูดจบ เขาชักมือออกอย่างไม่ไยดี สาวเท้าเดินออกไปไม่ได้เข้าข้างฉู่เชียนหลี แล้วก็ไม่ได้ปกป้องฉู่เจียวเจียวเช่นกัน ทำตัวเป็นกลาง ปลีกตัวเดินออกไปหาที่สงบในความเป็นจริง ฉู่เจียวเจียวเถียงไม่ชนะฉู่เชียนหลี การเมินเฉยของเขาเท่ากับว่าเป็นการเข้าข้างฉู่เชียนหลีฉู่เจียวเจียวโมโหไม่น้อย กัดฟันเงินจนเกือบแตกละเอียดเขาไปทั้งแบบนี้หรือ?ทิ้งนางไว้ไม่สนใจงั้นหรือ?ไม่มีความอดทนขนาดนี้เลยหรือ?หรือว่าเขาไม่กลัวว่านางจะโพล่งเรื่องที่เขาฆ่าองค์ชายใหญ่ออกไปงั้นหรือ?“พระชายา ดื่มน้ำชา” เยว่เอ๋อร์ยกน้ำชามาให้ แล้วก็ยกมาให้
ถ้าหากอ๋องติ้งเป็นอะไรไป นางก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้บรรดาแขกเหรื่อสังเกตเห็นว่าสถานการณ์ผิดปกติ ต่างพากันเดินไปทางห้องครัว“เพลิงไหม้รุนแรง รีบไปดูเร็วเข้า!”“ได้ข่าวว่าท่านอ๋องติ้งถูกขังอยู่ในเปลวเพลิงรุนแรง เกรงว่าจะถึงแก่ชีวิต!”“เร็วเข้า!”ทันทีที่ฉู่เชียนหลีร้อนใจ ท้องน้อยก็กระตุกทีหนึ่ง “ซี้ด——““พระชายา ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม!”“หลีก!” เฟิงเย่เสวียนฝ่าฝูงชนที่วุ่นวาย วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว จับมือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลี ประคองนางไปนั่งอย่างระมัดระวัง“เจ้าอยู่ตรงนี้ห้ามไปไหนเด็ดขาด มีข้าอยู่ ไม่มีทางเกิดเรื่องขึ้นแน่!”กล่าวอย่างรวดเร็ว “หานเฟิง เจ้าไปอพยพแขกเหรื่อ พาคนไปดับไฟ บอกพวกเข้าอย่าอยู่รวมกันเป็นก้อน ป้องกันการเกิดการบาดเจ็บซ้ำซ้อน!”“ขอรับ!” หานเฟิงรับคำสั่ง รีบไปจัดการ“หานอิ๋ง!”หานอิ๋งเองก็รีบเดินทางมาอย่างรวดเร็ว“เจ้าอยู่ที่นี่ เฝ้าพระชายาเอาไว้อย่าให้ห่างแม้แต่ก้าวเดียว ห้ามเกิดข้อผิดพลาดใด ๆ!” เฟิงเย่เสวียนกำชับเสียงเข้มเสร็จ ก็รีบไปจัดการกับเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เกิดขึ้นทันทีเกิดเพลิงไหม้เรื่องเล็ก ถ้าหากเกิดมีใครถึงแก่ความตาย เช่นนั้นก็คงจัดก
มีดพาดอยู่บนคอนาง คมมีดที่เย็นเฉียบส่องประกายด้วยแสงเย็นยะเยือก ราวกับว่านางแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็จะตัดเส้นเลือดอันบอบบางของนางทันทีเฟิงเจิ้งหลีกำลังจะเข้าใกล้พลันมือของนางก็ออกแรงกด “ถ้าหากเจ้ายังต้องการจับตัวเฟิงเย่เสวียน เก็บข้าไว้ดีกว่า ถ้าหากข้าเป็นอะไรไป เกรงว่าเจ้าไม่สามารถควบคุมเฟิงเย่เสวียนแล้ว”เขาชะงักเล็กน้อยข่มขู่?มันก็จริง เฟิงเย่เสวียนหนีออกจากเมืองแล้ว แม้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เฟิงเย่เสวียนมีที่ดินศักดินา มีกำลังทหาร สามารถตั้งตนเป็นอ๋อง ถ้าหากสู้กันจริงๆ ใช่ว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฟิงเย่เสวียนเสมอไปแต่ว่า นางรังเกียจเขาเช่นนี้เลยหรือ?ถึงขั้นยอมใช้คอของตัวเองมาขู่เขา? เขาก็ขมวดคิ้วแน่น กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้ากล้าตายหรือ? ไม่ต้องการจื่อเยี่ยแล้ว?”“ใครบ้างที่อยากตาย? แต่ถ้าหากต้องอยู่อย่างอัปยศ ไม่สู้ตายเสียดีกว่า ให้ทุกอย่างมันจบสิ้นเสีย”“เจ้า!”ในแววตาของเขามีความโกรธเอ่อล้นออกมา อยากเข้าไป แต่เท้ากลับยืนแข็งอยู่ตรงที่เดิมมองดูนางที่เชิดคางเล็กน้อย และมือที่กำแน่นอย่างดึงดัน ความโกรธติดอยู่ในอก ไม่สามารถระบายออกมา ทำให้เขาอัดอั้นจนรู้สึกทรมานบ้า
“ตาม!” ผู้บัญชาการจางกระทืบเท้าตะโกนเสียงดัง “รีบตาม! ขี่ม้าที่เร็วที่สุด ต้องจับอ๋องเฉินกลับมาให้ได้!”“รับทราบ!”เปิดประตูเมือง ทหารรักษาพระองค์ไล่ตามอย่างรวดเร็วเฟิงเจิ้งหลีหยิบธนูมาหนึ่งคัน ดึงลูกธนู เล็งยามค่ำคืนอันมืดสลัวที่อยู่นอกเมือง แต่ทันใดนั้นก็ถูกฉู่เชียนหลีกระแทกอย่างแรงธนูพลาดเป้าเขาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน โยนธนูลงบนพื้น กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“หนี หนีไปเลย ทั้งแคว้นตงหลิงเป็นของข้าแล้ว ข้าดูสิว่าเจ้าจะสามารถหนีไปถึงไหน!”ใต้ฟ้าอันกว้างใหญ่ ล้วนเป็นของกษัตริย์เขาจะจับเฟิงเย่เสวียนได้ในสักวัน“เฟิงเจิ้งหลี เจ้ามันเป็นคนบ้าที่เสียสติจริงๆ โลกนี้มีผลกรรมเสมอ สักวันเจ้าจะถูกสิ่งที่เจ้าทำตามสนอง”คนที่เสียสละ สักวันจะได้ผลตอบแทนคนที่กระทำความชั่ว สักวันจะต้องชดใช้ไม่ใช่กรรมไม่ตามสนอง แค่ยังไม่ถึงเวลาเฟิงเจิ้งหลีคว้าแขนของฉู่เชียนหลี พลันดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน บีบคางของนาง “เหมือนเจ้าแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นข้าตกต่ำแล้วนะ”“แต่น่าเสียดาย คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนพันปี ข้าต้องอยู่รอดต่อไป จะรอดูว่าเฟิงเย่เสวียนตายต่อหน้าข้าอย่างไร”ฉู่เชียนหลีถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู