งานเลี้ยงของจวนอ๋องเฉินกำลังจะเริ่ม เฟิงเย่เสวียนเตรียมเองกับมือ ดูแลครบทุกด้าน ตั้งแต่ด้านความปลอดภัยไปจนถึงรสชาติของอาหาร เขาทำทุกอย่างด้วยตัวเองก่อนงานเลี้ยงเริ่มหนึ่งคืน เขาออกคำสั่งกับองครักษ์ลับ :ส่งเซียวจือฮว่าออกไปส่งไปบ้านน้าชายห่างๆ ที่อยู่เขตเจียงหนานห่างออกไปหลายร้อยลี้ ได้มอบเงินก้อนโต และจัดการชีวิตที่เหลือให้อยู่อย่างไร้กังวล ถือเป็นบุญคุณสุดท้ายที่มีต่อตระกูลเซียวเดือนสิบสองวันที่ยี่สิบแปด งานเลี้ยงเริ่มขึ้นตอนเช้าฉู่เชียนหลีตื่นเช้ามาก เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิง คนหนึ่งสวมเสื้อผ้าให้นาง คนหนึ่งเติมเชื้อเพลิงในเตา เพื่อรักษาความอบอุ่นภายในห้อง“พระชายา ที่จริงท่านไม่ต้องตื่นเช้าเช่นนี้ หนาวมากเลยนะเจ้าคะ” ขณะที่เยว่เอ๋อร์พูดถึงกับมีควันออกจากปากฉู่เชียนหลีอารมณ์ดีมาก ท้องที่เกือบจะสองเดือนนูนเล็กน้อย สวมใส่เสื้อผ้าที่หนาเตอะ ทำให้มองไม่ออกเลยสักนิดนางกล่าว “ในที่สุดก็ถึงคราวของจวนอ๋องเฉินรับของขวัญแล้ว เกรงว่าจะได้รับเงินไม่น้อย และยังมีของดีอีกไม่น้อย ถ้าหากข้าไม่ได้นับด้วยตัวเอง คงนอนไม่หลับแน่”คำพูดนี้ทำเอาเยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงหัวเราะแล้วเป็นถึงพระชาย
โมโหมาก แต่ก็โต้เถียงไม่ได้ คำพูดอ่อนโยนและเป็นมิตรที่เตรียมมาเต็มท้อง ยังไม่ทันได้พูดออกมาสักคำ ก็ถูกบังคับให้หุบปากแล้วเพิ่งตั้งครรภ์ ก็อยากถีบนางที่เป็นแม่คนนี้ทิ้งแล้ว?เป็นนังหนูที่ไร้มโนธรรมจริงๆเด็กในท้องเป็นชายหรือหญิงยังไม่รู้ ก็เย่อหยิ่งเช่นนี้แล้ว วันข้างหน้าหากคลอดออกมา ตัวจะไม่ลอยไปอยู่บนฟ้าหรือ?ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง บุญคุณเลี้ยงดูของนางอันเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้!“ไป” นางอันหันหน้า กล่าวกับหมอมอที่อยู่ข้างๆ “เจ้าปล่อยข่าวออกไปข้างนอกทุกวัน บอกว่าพระชายาอ๋องเฉินกับนางอันแม่ของนาง ความรักแม่ลูกลึกซึ้ง ความสัมพันธ์ดีมาก แม่เมตตาลูกกตัญญู พยายามชมในแง่ดีที่สุด”หมอมอตะลึงงันครู่หนึ่ง“อี๋เหนียง นี่…ในความเป็นจริงพระชายาอ๋องเฉินไม่ได้ดีกับท่านเลย และยังดื้อรั้นมาก มักจะโต้เถียงท่าน…”“เจ้าจะไปเข้าใจอะไร” นางอันหรี่ตา มีประกายของกลอุบายในแววตาวิธีนี้เรียกว่า สวมหมวกสูงชมฉู่เชียนหลีก่อน ให้ทุกคนคิดว่านางเป็นลูกกตัญญู รู้จักทดแทนบุญคุณ เป็นเด็กดี เคารพมารดา ในวันข้างหน้า หากฉู่เชียนหลีไม่เชื่อฟังนาง ก็เท่ากับหมิ่นชื่อเสียงที่ดีงามนี้ถึงเวลา ราษฎรทั้งเมืองหลวงจะ
คนทั้งกลุ่มเข้ามาอวยพร หลังจากเสนอหน้าพอแล้ว ก็เปลี่ยนคนกลุ่มใหม่มา ทุกคนพูดในทำนองเดียวกัน ฉู่เชียนหลีฟังอย่างเกียจคร้าน ตอบรับคำสองคำเป็นระยะหลิงเชียนอี้ก็มาเช่นกัน“สวัสดีน้าสะใภ้! แล้วเจอกันน้าสะใภ้!”เมื่อทักทายเสร็จ ก็สับขาวิ่ง พริบตาเดียวก็ไม่เห็นคนแล้วพลันฉู่เชียนหลีหันไปมอง อวิ๋นอิงที่เมื่อครู่ยังอยู่ ถูกลักพาตัวไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้นางส่ายศีรษะ “ผู้หญิงเมื่อโตแล้วรั้งไม่อยู่จริงๆ”เยว่เอ๋อร์ปิดปากยิ้มอย่าสวยงาม มุมปากหุบไม่ลงแล้ว “พระชายา ข้ารู้สึกว่าท่านอ๋องน้อยกับอวิ๋นอิงเหมาะสมกันมาก ท่านโหวน้อยดื้อเช่นนั้น ส่วนอวิ๋นอิงก็วรยุทธ์ดีมาก เหมือนกับจอมยุทธหญิงท่องยุทธภพคนหนึ่ง ต้องสามารถสยบท่านอ๋องน้อยได้อย่างแน่นอน!”จินตนาการเห็นภาพที่ท่านโหวน้อยเคารพเชื่อฟัง และคล้อยตามอวิ๋นอิงทุกอย่างในอนาคตแล้วแค่นึกถึงภาพนั้น ก็ยิ้มจนหน้ากระตุก“พระชายา”จุดที่ไม่ไกลนัก หานเฟิงเดินเข้ามา เขาสวมชุดจิ้นจวงสีดำ มือถือกระบี่ ท่าทางที่สูงใหญ่และสุขุมมีส่วนคล้ายอ๋องเฉินสามส่วนเขาคำนับแล้วกล่าว “ข้าน้อยรับคำสั่งจากนายท่าน ลาดตระเวนความปลอดภัยจุดต่างๆ ของจวนอ๋อง ข้าอยู่ทุกเมื่อ
แน่นอนว่าฉู่เชียนหลีเข้าใจองค์ชายใหญ่ตายไปแล้ว ตำแหน่งรัชทายาทว่างอยู่ องค์ชายทั้งหกภายในเป็นพี่น้องที่กลมเกลียวกัน แต่ล้วนมีความคิดเป็นของตัวเอง จ้องราชบัลลังก์ตาเป็นมันเด็กคนนี้ นางจะต้องปกป้องเอาไว้เป็นอย่างดี“พี่อวี๋ พี่กับพี่สี่แต่งงานกันมานานขนาดนี้แล้ว ไม่อยากจะมีลูกสักคนหรือ?” นางถามอย่างประหลาดใจเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ พระชายาอ๋องติ้งอดไม่ได้ที่จะกลอกตา“เจ้าอ้วนที่ไม่เอาไหนคนนั้นพูดว่าเงินเดือนแต่ละเดือนยังไม่พอยาไส้ จะเอาเงินจากไหนมาเลี้ยงลูก? รอให้พวกเราอายุสี่สิบก่อนค่อยมี”“หมอหลวงกล่าวว่า ผู้หญิงมีลูกก่อนสามสิบปีห้าก็พอ พวกเราจึงไม่รีบร้อน”สองสามีภรรยานับถือศาสนาพุทธ“แต่ว่าความรู้เกี่ยวกับด้านตั้งครรภ์ของผู้หญิง ข้าก็เข้าใจไม่น้อย” พระชายาอ๋องติ้งนั่งหลังตรงขึ้น ประสานนิ้วมือ กำชับกับตนเอง“เสียวฉู่ ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ช่วงสามเดือนแรกเป็นช่วงที่อ่อนแอที่สุด จะต้องเลิกนิสัยที่ไม่ดี เลิกนอนดึกกินของเผ็ดร้อน เลิกร่วมรัก รอจนกว่าจะถึงเดือนที่สี่ถึงเดือนที่หก...”นางค่อย ๆ พูดทีละข้อ ๆ แต่เต็มไปด้วยความห่วงใยไม่เคยมีลูก แต่กลับเข้าใจกว่าคนที่เคยมีลูกมากเลยทีเดียว
ในขณะที่พูด หางตานางก็เหลือบไปเห็นอ๋องอันที่อยู่บริเวณไม่ไกลนัก รีบก้มหน้าลงไป หลังจากรีบร้อนพูดไม่กี่ประโยค ก็รีบออกไปอย่างรวดเร็วอ๋องอันเห็นแล้ว ไม่ได้สนใจที่จะทักทายฉู่เชียนหลี ทิ้งผู้ติดตามของตนเอง รีบเดินตามฉู่หงหลวนไปหลังจากอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่พูดไม่กี่ประโยค ก็ออกไปเช่นกันฉู่เชียนหลีสังเกตเห็นฉากนี้จึงหรี่ตา“หลายวันมานี้เจ้าไม่ได้ออกนอกเรือน มีบางเรื่องอาจจะยังไม่รู้” พระชายาอ๋องติ้งยื่นมือทั้งสองข้างออกไปผิงไฟ กล่าว “เจ้าหกเขาไปสู่ขอถึงจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ แต่ถูกปฏิเสธ”“อย่างนั้นหรือ?” ฉู่เชียนหลีมีความสนใจขึ้นมาทันทีอ๋องอันชอบฉู่หงหลวน? แม้ว่าฉู่หงหลวนจะเคยเป็นผู้หญิงขององค์ชายใหญ่มาก่อน ก็ยินดีแต่งงานด้วย?ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่ ฉู่หงหลวนปฏิเสธเป็นเพราะไม่ชอบอ๋องอัน หรือว่าเป็นวิธีการปฏิเสธทางอ้อม?พูดตามหลักแล้ว คนเคยแต่งงานอย่างฉู่หงหลวน ชื่อเสียงเสียหาย ยากมากที่จะได้แต่งงานเป็นครั้งที่สอง อ๋องอันอยากสู่ขอนาง ตามหลักแล้วนางจะดีใจถึงจะถูก ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ ดูท่าจะเป็นการจงใจเสแสร้ง เพื่อกระตุ้นความอยากของอ๋องอันวิธีการหลักแหลมไม่เบานางลูบท้อง “ป
คำพูดแปดคำนี้ยังไม่ทันได้โพล่งออกไป ก็พูดว่าเด็กในท้องของนางจะต้องเป็นลูกสาว? หรือว่าฉู่เจียวเจียวนางให้กำเนิดลูกชายได้?เมื่อพูดประโยคนี้ ฉู่เชียนหลีก็ไม่พอใจแล้วฉู่เชียนหลีแสร้งทำเป็นประหลาดใจ “พี่สาม ท่านกับท่านอ๋องหลีแต่งงานกันมานานขนาดนี้แล้ว มือก็ยังไม่เคยได้จับ จะตั้งท้องเร็วขนาดนี้เลยหรือ? พวกท่านสืบพันธุ์โดยที่ไม่ต้องมีสัมพันธ์กัน?”“...”รอยยิ้มบนใบหน้าของฉู่เจียวเจียวชะงักไป อับอายอย่างเห็นได้ชัด แต่รอยยิ้มก็กลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว “เกรงว่าน้องสาวจะเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไป ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องหลีดีมาก”ในขณะที่พูด นางก็เอียงศีรษะ ซบลงไปบนแขนของชายหนุ่มเบา ๆ เงยใบหน้าเล็กที่สวยงามขึ้น จ้องมองชายหนุ่ม ใบหน้าราวกับดอกไม้“ใช่หรือไม่ ท่านอ๋อง?”นางยิ้มหวานมากในรอยยิ้มที่หวานหยาดเยิ้มนี้ ราวกับแฝงไปด้วยความหมายอันลึกซึ้งบางอย่างสีหน้าของเฟิงเจิ้งหลีกลับดูไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ดูแย่ เม้มริมฝีปากบาง ใบหน้าไม่ได้มีอารมณ์ใด ๆ มากกว่านั้น สงบนิ่งราวกับน้ำที่ไร้คลื่นอยากจะชักมือออก ในหัวก็มีคำพูดของฉู่เจียวเจียวดังก้องขึ้นในหัว‘ท่านอ๋อง ท่านสังหารองค์ชายใหญ่ เ
ฉู่เจียวเจียว ‘ข้า’ อยู่ครึ่งวัน ถูกฉู่เชียนหลีดักคอเอาไว้ได้ทุกครั้ง ‘ข้า’ พูดเหตุผลออกมาไม่ได้ โมโหจนสีหน้ายิ่งแดงกว่าเดิม มือทั้งสองข้างกำแน่นน่าชิงชัง!สาปแช่งลูกของนางก็พอทนแล้ว ยังสาปแช่งให้นางตายทั้งสองแม่ลูก เหตุใดหัวใจของฉู่เชียนหลีถึงได้น่าสะอิดสะเอียนเช่นนี้?“ท่านอ๋อง ท่านดูนางสิ!”นางดึงมือของเฟิงเจิ้งหลี กระทืบเท้าด้วยความโมโห แฝงด้วยความออดอ้อน อยากจะให้อ๋องหลีทวงความยุติธรรมให้นางเฟิงเจิ้งหลีไม่ได้อยากจะพูดมาก“อ๋องเฉินมาแล้ว ข้าขอไปทักทายเสียหน่อย”พูดจบ เขาชักมือออกอย่างไม่ไยดี สาวเท้าเดินออกไปไม่ได้เข้าข้างฉู่เชียนหลี แล้วก็ไม่ได้ปกป้องฉู่เจียวเจียวเช่นกัน ทำตัวเป็นกลาง ปลีกตัวเดินออกไปหาที่สงบในความเป็นจริง ฉู่เจียวเจียวเถียงไม่ชนะฉู่เชียนหลี การเมินเฉยของเขาเท่ากับว่าเป็นการเข้าข้างฉู่เชียนหลีฉู่เจียวเจียวโมโหไม่น้อย กัดฟันเงินจนเกือบแตกละเอียดเขาไปทั้งแบบนี้หรือ?ทิ้งนางไว้ไม่สนใจงั้นหรือ?ไม่มีความอดทนขนาดนี้เลยหรือ?หรือว่าเขาไม่กลัวว่านางจะโพล่งเรื่องที่เขาฆ่าองค์ชายใหญ่ออกไปงั้นหรือ?“พระชายา ดื่มน้ำชา” เยว่เอ๋อร์ยกน้ำชามาให้ แล้วก็ยกมาให้
ถ้าหากอ๋องติ้งเป็นอะไรไป นางก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้บรรดาแขกเหรื่อสังเกตเห็นว่าสถานการณ์ผิดปกติ ต่างพากันเดินไปทางห้องครัว“เพลิงไหม้รุนแรง รีบไปดูเร็วเข้า!”“ได้ข่าวว่าท่านอ๋องติ้งถูกขังอยู่ในเปลวเพลิงรุนแรง เกรงว่าจะถึงแก่ชีวิต!”“เร็วเข้า!”ทันทีที่ฉู่เชียนหลีร้อนใจ ท้องน้อยก็กระตุกทีหนึ่ง “ซี้ด——““พระชายา ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม!”“หลีก!” เฟิงเย่เสวียนฝ่าฝูงชนที่วุ่นวาย วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว จับมือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลี ประคองนางไปนั่งอย่างระมัดระวัง“เจ้าอยู่ตรงนี้ห้ามไปไหนเด็ดขาด มีข้าอยู่ ไม่มีทางเกิดเรื่องขึ้นแน่!”กล่าวอย่างรวดเร็ว “หานเฟิง เจ้าไปอพยพแขกเหรื่อ พาคนไปดับไฟ บอกพวกเข้าอย่าอยู่รวมกันเป็นก้อน ป้องกันการเกิดการบาดเจ็บซ้ำซ้อน!”“ขอรับ!” หานเฟิงรับคำสั่ง รีบไปจัดการ“หานอิ๋ง!”หานอิ๋งเองก็รีบเดินทางมาอย่างรวดเร็ว“เจ้าอยู่ที่นี่ เฝ้าพระชายาเอาไว้อย่าให้ห่างแม้แต่ก้าวเดียว ห้ามเกิดข้อผิดพลาดใด ๆ!” เฟิงเย่เสวียนกำชับเสียงเข้มเสร็จ ก็รีบไปจัดการกับเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เกิดขึ้นทันทีเกิดเพลิงไหม้เรื่องเล็ก ถ้าหากเกิดมีใครถึงแก่ความตาย เช่นนั้นก็คงจัดก