ทุกคนถึงได้สังเกตว่าพระชายาหายไปแล้วหานอิ๋งวิ่งเข้ามา ประหลาดใจ และมีความตื่นตระหนกเล็กน้อย “เมื่อครู่พระชายายังนั่งอยู่ตรงนี้...เหตุใดจู่ ๆถึงหายตัวไป?”เฟิงเย่เสวียนสีหน้าอึมครึมขึ้นมาทันที สีหน้าหมองคล้ำราวกับถ่านไม้ สายตาที่เย็นเยือกมองตรงไปยังหานอิ๋ง“ข้าให้เจ้าปกป้องนางเอาไว้ให้ดีไม่ใช่หรือ!”หานอิ๋งตกใจ“นายท่าน ข้า...เมื่อครู่นี้ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ล้มหัวแตก ข้าน้อยไปช่วยทำแผลให้นาง ตอนที่ข้าเดินออกไป เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าพระชายายังอยู่ ข้ายังกำชับให้พระชายาอย่าเดินไปไหน เป็นนางที่จงใจเดินไปเอง ชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่เรื่อย...โอ๊ย!”เพียะ!จู่ ๆ เสียงฝ่ามือที่แหวกอากาศก็ดังก้องขึ้น ความเย็นเยือกที่แผ่ซ่านออกมา ทำให้ทุกคนทั้งหมดที่อยู่ตรงนั้นตัวสั่นเทา สีหน้าแข็งทื่อ ไม่กล้าหายใจเสียงดังฉู่เชียนหลีหายตัวไปแล้วเพลิงไหม้ครั้งนี้ ไม่ใช่อุบัติเหตุ...ฤดูหนาวอันเย็นเยียบ เสียงน้ำไหลจ๊อก ๆ ลมที่ปะทะผิวน้ำเหมือนกับมีดที่ไร้รูปร่าง หนาวเย็นยะเยือกเข้ากระดูก เหมือนกับว่าจะกรีดใบหน้าจนมีเลือดออกตอนที่ฉู่เชียนหลีฟื้นขึ้นมา เป็นริมคูน้ำรอบนอกเมืองนางนอนอยู่บนพื้น มือทั้งสองข้า
ฉู่เชียนหลีคิดว่าความคิดและจิตใจของนางมีปัญหา ถึงขั้นบิดเบี้ยวเล็กน้อย ทำเรื่องผิดแต่ไม่เคยค้นหาปัญหาจากตัวเอง มีแต่โทษคนอื่นเพียงอย่างเดียวเท่านั้นเรื่องจริงทั้งหมดที่นางพูด เป็นการกระตุ้นเซียวจือฮว่าเซียวจือฮว่าไม่อยากยอมรับว่านี่คือเรื่องจริง แต่จำต้องเผชิญหน้า การกระตุ้นถูกเรื่องบางอย่าง จู่ ๆก็สงบลง“เจ้าเชิญพูดตามสบาย”สีหน้าสงบ น้ำเสียงก็สงบ“ไม่ว่าข้าจะทำผิดอะไร ทั้งหมดก็เพื่อท่านอ๋อง ข้ารู้จักท่านอ๋องก่อน เจ้าเป็นคนมาทีหลัง มีสิทธิ์อะไรมาแย่งตำแหน่งของข้า? ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่มีใครกล้าแย่งสิ่งของที่เป็นของข้าเซียวจือฮว่า”คนที่แย่ง ผลที่ตามมามีเพียงอย่างเดียวก็คือตายเช่นนั้นก็ตายซะ!ตาย!นางมองฉู่เชียนหลี ยิ้มอย่างแปลกประหลาด “คูเมืองนี้ทั้งกว้างทั้งลึก น้ำไหลเชี่ยวกราก ตอนนี้เป็นฤดูหนาว น้ำในแม่น้ำหนาวเข้ากระดูก ถ้าหาก ‘ไม่ระวัง’ แล้วตกลงไปละก็ จะต้องตายแน่นอนใช่ไหม?”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วดูท่าอีกฝ่ายคิดจะเอานางให้ตายถึงจะยอมรามือสินะ“แต่ว่าเจ้าวางใจ ข้าไม่ทางให้เจ้าตายเร็วขนาดนี้หรอก” เซียวจือฮว่าแสยะยิ้ม “ข้ารู้ว่าฝีมือการรักษาของเจ้าล้ำเลิศ ตอนที่ลักพาตัวเจ้า
นางไม่รู้สึกว่าตนเองผิดเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันยังคิดว่าสมเหตุสมผลฉู่เชียนหลีจ้องมองท่าทางของนาง จู่ ๆ ก็หลุดขำออกมา“เจ้าหัวเราะอะไร?” เซียวจือฮว่าหันมองนางอย่างไม่พอใจ ก่อนตาย ไม่ได้เห็นท่าทางที่หวาดกลัวของฉู่เชียนหลี จุดนี้ทำให้นางผิดหวังเป็นอย่างมากฉู่เชียนหลีหัวเราะ “แน่นอนว่าหัวเราะเพราะเจ้าน่าสมเพชนะสิ”“เจ้าไม่เคยยอมรับตัวตนของตนเองเลย ไม่เคยเข้าใจสถานะของตนเอง วิ่งตามสิ่งของที่เดิมทีก็ไม่ได้เป็นของตนเอง หลงตัวเอง สูญเสียความเป็นตัวเอง ถึงขนาดลืมแม้กระทั่งตัวเองเป็นใคร หรือคิดว่าไม่น่าสมเพชงั้นหรือ?”“เจ้า!”สีหน้าของเซียวจือฮว่าดูแย่ทันที มือทั้งสองข้างกำแน่นด้วยความโมโหคำพูดเหล่านี้ เหมือนกับการกรีดหัวใจของนาง แล้วสาดเกลือใส่นังแพศยาที่สมควรตายผู้นี้มีสิทธิ์อะไรมาหัวเราะเยาะนาง?ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะนาง ท่านอ๋องจะเปลี่ยนใจได้อย่างไร?“เป็นเพราะเจ้าแย่งของของข้า ผู้ชายของข้าไป!”“เจ้ามันเป็นนังแพศยา!”นางกระชากคอเสื้อของฉู่เชียนหลีด้วยความโมโห ดวงตาที่แดงก่ำทั้งสองข้างเบิกกว้างด้วยความโมโห คำรามออกมาราวกับเสียสติ “ฉู่เชียนหลี ทำไมเจ้าไม่ตายไปซะ!”“ถ้าหากเจ้า
ผิดหวัง...เซียวจือฮว่าได้ยินประโยคนี้ จู่ ๆ ก็ร้องไห้ออกมาเมื่อก่อนเขาโปรดปรานนาง เข้าข้างนาง ปกป้องยาง ไม่เคยพูดจากับนางรุนแรงเช่นนี้มาก่อน แล้วก็ไม่เคยมองนางด้วยสายตาที่เย็นชาและห่างเหินเช่นนี้มาก่อนเขาเปลี่ยนไปแล้ว...ในขณะที่ร้องไห้ไป จู่ ๆ ก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง“เฮอะ เฮอะ ๆ ๆ ฮ่า ๆๆ!”รักก็ดี เกลียดก็ช่าง ขอเพียงแค่ทำให้เขาจดจำนางเอาไว้ได้เท่านั้น แค่นี้ก็คุ้มค่าแล้ว“ท่านอ๋อง แต่งงานกับข้าเถอะ แต่งงานกับข้าดีหรือไม่?” จ้องมองดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตาพร้อมยิ้ม “พวกเราอยู่ด้วยกันตลอดไป เหมือนกับเมื่อก่อน ท่านทำงาน ข้าดีดพิณ ท่านจิบชา ข้าเต้นรำ ไม่แยกจากกันตลอดไป ไม่ว่าจะฤดูกาลไหน ดีหรือไม่?”นางปรารถนามาก ต้อยต่ำมากจริง ๆ “ขอร้องท่าน...”“ถ้าหากท่านไม่รับปากละก็ ข้าจะผลักฉู่เชียนหลีลงไป!”ฉู่เชียนหลีที่ตัดเชือกเงียบ ๆ “...”ทำไมต้องพูดถึงนางด้วย?เหมือนว่านางไม่ได้ทำผิดอะไรใช่ไหม?ทันทีที่มีดผ่าตัดในมือยกขึ้นเล็กน้อย ทันทีที่ข้อมือคลายออก เชือกก็ขาด แต่นางกลับไม่ได้ขยับ จู่ ๆ ก็อยากรู้ตัวเลือกของเฟิงเย่เสวียนเซียวจือฮว่าจับฉู่เชียนหลี “ข้านับถึงสาม ท่านเลือกมา
นางพยายามจับเขาเอาไว้ หายใจหอบถี่ เงยหน้าอย่างยากลำบาก“ท่านอ๋อง ข้าคือฮว่าเอ๋อร์...คือฮว่าเอ๋อร์...เสด็จแม่ของท่านเป็นลูกพี่ลูกน้องกับท่านแม่ข้า พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน อย่าทอดทิ้งข้า...อย่า...”นางส่งเสียสะอื้นแม้ว่าจะตาย นางก็ดื้อรั้นเช่นเดิม ราวกับว่าธาตุไฟเข้าแทรกเข้าสู่ทางมาร ย้อนกลับไปไม่ได้แล้วเฟิงเย่เสวียนหลุบตาลง เหลือบมองคนที่อยู่ข้างเท้า ดวงตาไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย“ตอนที่เจ้าลักพาตัวฉู่เชียนหลี เคยคิดถึงผลที่ตามมาบ้างหรือไม่?” น้ำเสียงเย็นชาเขาเคยให้โอกาสนางในเมื่อไม่เห็นค่า เช่นนั้นก็มีเพียงการถอนรากถอนโคน“โยนลงไปในคูเมือง!”“ไม่!”หานเฟิงรับคำสั่ง จับเซียวจือฮว่าขึ้น เซียวจือฮว่าอดกลั้นต่อความเจ็บปวดรุนแรงพยายามดิ้นรน “ไม่! ไม่เอา!”อากาศหนาวขนาดนี้ นางได้รับบาดเจ็บ โยนลงไปในแม่น้ำคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยนางไม่อยากตาย!จ้องมองใบหน้าที่เฉยชาของชายหนุ่ม เวลานี้ นางตื่นตระหนกแล้ว นางตื่นตระหนกอย่างสุดขีดเขาเอาจริง...เขาต้องการฆ่านางจริง ๆ...“ทะ ท่านอ๋อง อย่า...” นางพยายามดิ้นรนสุดกำลัง “ท่านอ๋อง อย่าฆ่าข้า ข้า ต่อไปข้าจะไม่กระด้างกระเดื่อ
จวนอ๋องเฉินเฟิงเย่เสวียนอุ้มฉู่เชียนหลีกลับมา แขกเหรื่อมากมายหันมามองพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แปลกใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่ทันได้ซักไซ้มากความ ก็ถูกพ่อบ้านเรียกไปอีกด้านหนึ่งเรือนด้านหน้ากับเรือนด้านหลักแยกจากกันด้านหนึ่งมีความเคลื่อนไหว ด้านหนึ่งเงียบสงบมุ่งตรงไปยังเรือนหานเฟิงทันที “เรียกหมอประจำจวน!”เขาวางนางไว้บนเตียง ดึงผ้าห่มมาห่มเรียบร้อย ตอนที่มองเห็นแผลมีดบาด ดวงตาก็เคร่งขรึมลงทันทีบาดแผลมีดบาดค่อนข้างลึก คราบเลือดเปื้อนข้อมือ คราบเลือดแห้งกรัง สะท้อนบนผิวขาวดุจหิมะ มองดูไปน่าตกใจ“ข้าไม่เป็นอะไร”ฉู่เชียนหลีสังเกตเห็นสายตาของเขา จึงเอาแขนลง ใช้แขนเสื้อบดบังเอาไว้เหลือบตามองเขา กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง“เรื่องของเซียวจือฮว่า...”เซียวจือฮว่าสถานะพิเศษ เป็นคนของตระกูลเซียว เขาทำแบบนี้...นางไม่รู้ว่าควรจะตัดสินอย่างไร สำหรับตระกูลเซียวแล้ว นางเป็นแค่เพียงคนนอกคนหนึ่ง แต่เรื่องนี้กลับเกิดขึ้นเพราะนาง นางจึงรู้สึกว่าตนเองควรจะพูดอะไรสักอย่างเฟิงเย่เสวียนหลุบตาลง จับข้อมือของนางเบา ๆ อย่างทะนุถนอม ปากเพียงพูดเพียงแค่สี่คำออกมาอย่างเย็นชา“
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม หมอประจำจวนก็มาถึงหมอหลี่ตรวจชีพจรให้แก่ฉู่เชียนหลี นอกจากชีพจรจะอ่อนแอไปบ้างเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร เด็กยังมั่นคงดีมาก แต่ยังมีคำพูดของหานอิ๋งดังก้องอยู่ในแก้วหู‘ถ้าหากเด็กที่คลอดออกมาในอนาคตเป็นอะไร ท่านสามารถรับผิดชอบทั้งหมดได้หรือไม่?’ทันใดนั้น เขารู้สึกกลัวขึ้นมาถ้าหากเด็กมีปัญหา เขาผู้เป็นหมอประจำจวนตรวจไม่พบ ก็ยากที่จะปัดความรับผิดชอบออกจากตัว เกรงว่าหัวเดียวก็ไม่พอให้ตัด ยังต้องพลอยเดือดร้อนคนทั้งตระกูลอีกแต่เขาก็ไม่กล้าพูดประโยคที่ว่า ‘ให้เอาเด็กออก’!ถูกหนีบอยู่ระหว่างกลาง เดินหน้าก็ไม่ได้ถอยหลังก็ไม่ได้ ทำให้เขาลำบากใจยิ่งนัก!“เป็นอย่างไร?” เฟิงเย่เสวียนยืนอยู่ด้านหน้าเตียง สายตาจ้องเขม็งหมอหลี่อ้าปาก กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่กล้าพูดคำที่ละเมิดศีลธรรม จึงทำได้เพียงกล่าวอย่างอ้อมค้อมเท่านั้น“พระชายาเพียงแค่ได้รับความตกใจเล็กน้อยเท่านั้น กระหม่อมจะจ่ายยาสงบครรภ์ให้สองชุด หลังจากกินแล้ว พักผ่อนสักสองสามวันก็ดีขึ้น”เขาลุกขึ้นยืน เดินไปยังโต๊ะที่อยู่ด้านข้างเพื่อเขียนใบสั่งยานำใบสั่งยายื่นให้แก่เยว่เอ๋อร์ หันไปมองท่านอ๋
ฉู่เชียนหลีพักผ่อนครู่หนึ่ง หลังจากอารมณ์เป็นปกติ ก็ลงจากเตียงมานั่ง รู้สึกสดชื่นไม่นานนัก เฟิงเย่เสวียนก็เดินกลับมาเมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้อง หันไปมองหญิงสาวที่กำลังผิงไฟ ก็หยุดชะงักฝีเท้าเล็กน้อยทันที ริมฝีปากบางเม้มแน่น จ้องมองด้วยสายตาที่ซับซ้อนท่าทางอึกอักแต่ตอนที่หญิงสาวมองมา อารมณ์ด้านลบทั้งหมดก็หายไปทันที แสร้งยิ้มด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยนและอบอุ่น“เหตุใดจึงลงจากเตียง?”“ไม่อยากนอน วัน ๆ เอาแต่นอน นอนจนเบื่อแล้ว” นอนจนจะเป็นง่อยอยู่แล้ว แค่ถูกลักพาตัวเท่านั้น นางไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ “เพื่อลูกแล้ว เจ้าต้องนอนมากขึ้นเป็นสองเท่า”“ตอนกินข้าวเจ้าก็พูดแบบนี้”เพื่อลูก ต้องกินเพิ่มเป็นสองเท่า นี่เพิ่งจะสองเดือน ก็กินจนเอวของนางเป็นชั้นแล้ว ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป อีกไม่นานก็คงจะต้องอ้วนเป็นหมูตอนแน่ ๆฉู่เชียนหลีจับเนื้อบนใบหน้า กล่าวถาม“เมื่อครู่เจ้าออกไปซุบซิบอะไรกับหมอหลี่งั้นเหรอ? มีอะไรที่ข้าไม่ควรฟังอย่างนั้นหรือ?”เฟิงเย่เสวียนชะงักไปเล็กน้อยในไม่ช้า หลุบตา กล่าว “เขาบอกว่าร่างกายของเจ้าจะถูกทรมานอีกไม่ได้ นับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป จนก่อนหน้า
มีดพาดอยู่บนคอนาง คมมีดที่เย็นเฉียบส่องประกายด้วยแสงเย็นยะเยือก ราวกับว่านางแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็จะตัดเส้นเลือดอันบอบบางของนางทันทีเฟิงเจิ้งหลีกำลังจะเข้าใกล้พลันมือของนางก็ออกแรงกด “ถ้าหากเจ้ายังต้องการจับตัวเฟิงเย่เสวียน เก็บข้าไว้ดีกว่า ถ้าหากข้าเป็นอะไรไป เกรงว่าเจ้าไม่สามารถควบคุมเฟิงเย่เสวียนแล้ว”เขาชะงักเล็กน้อยข่มขู่?มันก็จริง เฟิงเย่เสวียนหนีออกจากเมืองแล้ว แม้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เฟิงเย่เสวียนมีที่ดินศักดินา มีกำลังทหาร สามารถตั้งตนเป็นอ๋อง ถ้าหากสู้กันจริงๆ ใช่ว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฟิงเย่เสวียนเสมอไปแต่ว่า นางรังเกียจเขาเช่นนี้เลยหรือ?ถึงขั้นยอมใช้คอของตัวเองมาขู่เขา? เขาก็ขมวดคิ้วแน่น กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้ากล้าตายหรือ? ไม่ต้องการจื่อเยี่ยแล้ว?”“ใครบ้างที่อยากตาย? แต่ถ้าหากต้องอยู่อย่างอัปยศ ไม่สู้ตายเสียดีกว่า ให้ทุกอย่างมันจบสิ้นเสีย”“เจ้า!”ในแววตาของเขามีความโกรธเอ่อล้นออกมา อยากเข้าไป แต่เท้ากลับยืนแข็งอยู่ตรงที่เดิมมองดูนางที่เชิดคางเล็กน้อย และมือที่กำแน่นอย่างดึงดัน ความโกรธติดอยู่ในอก ไม่สามารถระบายออกมา ทำให้เขาอัดอั้นจนรู้สึกทรมานบ้า
“ตาม!” ผู้บัญชาการจางกระทืบเท้าตะโกนเสียงดัง “รีบตาม! ขี่ม้าที่เร็วที่สุด ต้องจับอ๋องเฉินกลับมาให้ได้!”“รับทราบ!”เปิดประตูเมือง ทหารรักษาพระองค์ไล่ตามอย่างรวดเร็วเฟิงเจิ้งหลีหยิบธนูมาหนึ่งคัน ดึงลูกธนู เล็งยามค่ำคืนอันมืดสลัวที่อยู่นอกเมือง แต่ทันใดนั้นก็ถูกฉู่เชียนหลีกระแทกอย่างแรงธนูพลาดเป้าเขาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน โยนธนูลงบนพื้น กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“หนี หนีไปเลย ทั้งแคว้นตงหลิงเป็นของข้าแล้ว ข้าดูสิว่าเจ้าจะสามารถหนีไปถึงไหน!”ใต้ฟ้าอันกว้างใหญ่ ล้วนเป็นของกษัตริย์เขาจะจับเฟิงเย่เสวียนได้ในสักวัน“เฟิงเจิ้งหลี เจ้ามันเป็นคนบ้าที่เสียสติจริงๆ โลกนี้มีผลกรรมเสมอ สักวันเจ้าจะถูกสิ่งที่เจ้าทำตามสนอง”คนที่เสียสละ สักวันจะได้ผลตอบแทนคนที่กระทำความชั่ว สักวันจะต้องชดใช้ไม่ใช่กรรมไม่ตามสนอง แค่ยังไม่ถึงเวลาเฟิงเจิ้งหลีคว้าแขนของฉู่เชียนหลี พลันดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน บีบคางของนาง “เหมือนเจ้าแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นข้าตกต่ำแล้วนะ”“แต่น่าเสียดาย คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนพันปี ข้าต้องอยู่รอดต่อไป จะรอดูว่าเฟิงเย่เสวียนตายต่อหน้าข้าอย่างไร”ฉู่เชียนหลีถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู