ฉู่เชียนหลีคิดว่าความคิดและจิตใจของนางมีปัญหา ถึงขั้นบิดเบี้ยวเล็กน้อย ทำเรื่องผิดแต่ไม่เคยค้นหาปัญหาจากตัวเอง มีแต่โทษคนอื่นเพียงอย่างเดียวเท่านั้นเรื่องจริงทั้งหมดที่นางพูด เป็นการกระตุ้นเซียวจือฮว่าเซียวจือฮว่าไม่อยากยอมรับว่านี่คือเรื่องจริง แต่จำต้องเผชิญหน้า การกระตุ้นถูกเรื่องบางอย่าง จู่ ๆก็สงบลง“เจ้าเชิญพูดตามสบาย”สีหน้าสงบ น้ำเสียงก็สงบ“ไม่ว่าข้าจะทำผิดอะไร ทั้งหมดก็เพื่อท่านอ๋อง ข้ารู้จักท่านอ๋องก่อน เจ้าเป็นคนมาทีหลัง มีสิทธิ์อะไรมาแย่งตำแหน่งของข้า? ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่มีใครกล้าแย่งสิ่งของที่เป็นของข้าเซียวจือฮว่า”คนที่แย่ง ผลที่ตามมามีเพียงอย่างเดียวก็คือตายเช่นนั้นก็ตายซะ!ตาย!นางมองฉู่เชียนหลี ยิ้มอย่างแปลกประหลาด “คูเมืองนี้ทั้งกว้างทั้งลึก น้ำไหลเชี่ยวกราก ตอนนี้เป็นฤดูหนาว น้ำในแม่น้ำหนาวเข้ากระดูก ถ้าหาก ‘ไม่ระวัง’ แล้วตกลงไปละก็ จะต้องตายแน่นอนใช่ไหม?”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วดูท่าอีกฝ่ายคิดจะเอานางให้ตายถึงจะยอมรามือสินะ“แต่ว่าเจ้าวางใจ ข้าไม่ทางให้เจ้าตายเร็วขนาดนี้หรอก” เซียวจือฮว่าแสยะยิ้ม “ข้ารู้ว่าฝีมือการรักษาของเจ้าล้ำเลิศ ตอนที่ลักพาตัวเจ้า
นางไม่รู้สึกว่าตนเองผิดเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันยังคิดว่าสมเหตุสมผลฉู่เชียนหลีจ้องมองท่าทางของนาง จู่ ๆ ก็หลุดขำออกมา“เจ้าหัวเราะอะไร?” เซียวจือฮว่าหันมองนางอย่างไม่พอใจ ก่อนตาย ไม่ได้เห็นท่าทางที่หวาดกลัวของฉู่เชียนหลี จุดนี้ทำให้นางผิดหวังเป็นอย่างมากฉู่เชียนหลีหัวเราะ “แน่นอนว่าหัวเราะเพราะเจ้าน่าสมเพชนะสิ”“เจ้าไม่เคยยอมรับตัวตนของตนเองเลย ไม่เคยเข้าใจสถานะของตนเอง วิ่งตามสิ่งของที่เดิมทีก็ไม่ได้เป็นของตนเอง หลงตัวเอง สูญเสียความเป็นตัวเอง ถึงขนาดลืมแม้กระทั่งตัวเองเป็นใคร หรือคิดว่าไม่น่าสมเพชงั้นหรือ?”“เจ้า!”สีหน้าของเซียวจือฮว่าดูแย่ทันที มือทั้งสองข้างกำแน่นด้วยความโมโหคำพูดเหล่านี้ เหมือนกับการกรีดหัวใจของนาง แล้วสาดเกลือใส่นังแพศยาที่สมควรตายผู้นี้มีสิทธิ์อะไรมาหัวเราะเยาะนาง?ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะนาง ท่านอ๋องจะเปลี่ยนใจได้อย่างไร?“เป็นเพราะเจ้าแย่งของของข้า ผู้ชายของข้าไป!”“เจ้ามันเป็นนังแพศยา!”นางกระชากคอเสื้อของฉู่เชียนหลีด้วยความโมโห ดวงตาที่แดงก่ำทั้งสองข้างเบิกกว้างด้วยความโมโห คำรามออกมาราวกับเสียสติ “ฉู่เชียนหลี ทำไมเจ้าไม่ตายไปซะ!”“ถ้าหากเจ้า
ผิดหวัง...เซียวจือฮว่าได้ยินประโยคนี้ จู่ ๆ ก็ร้องไห้ออกมาเมื่อก่อนเขาโปรดปรานนาง เข้าข้างนาง ปกป้องยาง ไม่เคยพูดจากับนางรุนแรงเช่นนี้มาก่อน แล้วก็ไม่เคยมองนางด้วยสายตาที่เย็นชาและห่างเหินเช่นนี้มาก่อนเขาเปลี่ยนไปแล้ว...ในขณะที่ร้องไห้ไป จู่ ๆ ก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง“เฮอะ เฮอะ ๆ ๆ ฮ่า ๆๆ!”รักก็ดี เกลียดก็ช่าง ขอเพียงแค่ทำให้เขาจดจำนางเอาไว้ได้เท่านั้น แค่นี้ก็คุ้มค่าแล้ว“ท่านอ๋อง แต่งงานกับข้าเถอะ แต่งงานกับข้าดีหรือไม่?” จ้องมองดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตาพร้อมยิ้ม “พวกเราอยู่ด้วยกันตลอดไป เหมือนกับเมื่อก่อน ท่านทำงาน ข้าดีดพิณ ท่านจิบชา ข้าเต้นรำ ไม่แยกจากกันตลอดไป ไม่ว่าจะฤดูกาลไหน ดีหรือไม่?”นางปรารถนามาก ต้อยต่ำมากจริง ๆ “ขอร้องท่าน...”“ถ้าหากท่านไม่รับปากละก็ ข้าจะผลักฉู่เชียนหลีลงไป!”ฉู่เชียนหลีที่ตัดเชือกเงียบ ๆ “...”ทำไมต้องพูดถึงนางด้วย?เหมือนว่านางไม่ได้ทำผิดอะไรใช่ไหม?ทันทีที่มีดผ่าตัดในมือยกขึ้นเล็กน้อย ทันทีที่ข้อมือคลายออก เชือกก็ขาด แต่นางกลับไม่ได้ขยับ จู่ ๆ ก็อยากรู้ตัวเลือกของเฟิงเย่เสวียนเซียวจือฮว่าจับฉู่เชียนหลี “ข้านับถึงสาม ท่านเลือกมา
นางพยายามจับเขาเอาไว้ หายใจหอบถี่ เงยหน้าอย่างยากลำบาก“ท่านอ๋อง ข้าคือฮว่าเอ๋อร์...คือฮว่าเอ๋อร์...เสด็จแม่ของท่านเป็นลูกพี่ลูกน้องกับท่านแม่ข้า พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน อย่าทอดทิ้งข้า...อย่า...”นางส่งเสียสะอื้นแม้ว่าจะตาย นางก็ดื้อรั้นเช่นเดิม ราวกับว่าธาตุไฟเข้าแทรกเข้าสู่ทางมาร ย้อนกลับไปไม่ได้แล้วเฟิงเย่เสวียนหลุบตาลง เหลือบมองคนที่อยู่ข้างเท้า ดวงตาไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย“ตอนที่เจ้าลักพาตัวฉู่เชียนหลี เคยคิดถึงผลที่ตามมาบ้างหรือไม่?” น้ำเสียงเย็นชาเขาเคยให้โอกาสนางในเมื่อไม่เห็นค่า เช่นนั้นก็มีเพียงการถอนรากถอนโคน“โยนลงไปในคูเมือง!”“ไม่!”หานเฟิงรับคำสั่ง จับเซียวจือฮว่าขึ้น เซียวจือฮว่าอดกลั้นต่อความเจ็บปวดรุนแรงพยายามดิ้นรน “ไม่! ไม่เอา!”อากาศหนาวขนาดนี้ นางได้รับบาดเจ็บ โยนลงไปในแม่น้ำคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยนางไม่อยากตาย!จ้องมองใบหน้าที่เฉยชาของชายหนุ่ม เวลานี้ นางตื่นตระหนกแล้ว นางตื่นตระหนกอย่างสุดขีดเขาเอาจริง...เขาต้องการฆ่านางจริง ๆ...“ทะ ท่านอ๋อง อย่า...” นางพยายามดิ้นรนสุดกำลัง “ท่านอ๋อง อย่าฆ่าข้า ข้า ต่อไปข้าจะไม่กระด้างกระเดื่อ
จวนอ๋องเฉินเฟิงเย่เสวียนอุ้มฉู่เชียนหลีกลับมา แขกเหรื่อมากมายหันมามองพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แปลกใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่ทันได้ซักไซ้มากความ ก็ถูกพ่อบ้านเรียกไปอีกด้านหนึ่งเรือนด้านหน้ากับเรือนด้านหลักแยกจากกันด้านหนึ่งมีความเคลื่อนไหว ด้านหนึ่งเงียบสงบมุ่งตรงไปยังเรือนหานเฟิงทันที “เรียกหมอประจำจวน!”เขาวางนางไว้บนเตียง ดึงผ้าห่มมาห่มเรียบร้อย ตอนที่มองเห็นแผลมีดบาด ดวงตาก็เคร่งขรึมลงทันทีบาดแผลมีดบาดค่อนข้างลึก คราบเลือดเปื้อนข้อมือ คราบเลือดแห้งกรัง สะท้อนบนผิวขาวดุจหิมะ มองดูไปน่าตกใจ“ข้าไม่เป็นอะไร”ฉู่เชียนหลีสังเกตเห็นสายตาของเขา จึงเอาแขนลง ใช้แขนเสื้อบดบังเอาไว้เหลือบตามองเขา กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง“เรื่องของเซียวจือฮว่า...”เซียวจือฮว่าสถานะพิเศษ เป็นคนของตระกูลเซียว เขาทำแบบนี้...นางไม่รู้ว่าควรจะตัดสินอย่างไร สำหรับตระกูลเซียวแล้ว นางเป็นแค่เพียงคนนอกคนหนึ่ง แต่เรื่องนี้กลับเกิดขึ้นเพราะนาง นางจึงรู้สึกว่าตนเองควรจะพูดอะไรสักอย่างเฟิงเย่เสวียนหลุบตาลง จับข้อมือของนางเบา ๆ อย่างทะนุถนอม ปากเพียงพูดเพียงแค่สี่คำออกมาอย่างเย็นชา“
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม หมอประจำจวนก็มาถึงหมอหลี่ตรวจชีพจรให้แก่ฉู่เชียนหลี นอกจากชีพจรจะอ่อนแอไปบ้างเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร เด็กยังมั่นคงดีมาก แต่ยังมีคำพูดของหานอิ๋งดังก้องอยู่ในแก้วหู‘ถ้าหากเด็กที่คลอดออกมาในอนาคตเป็นอะไร ท่านสามารถรับผิดชอบทั้งหมดได้หรือไม่?’ทันใดนั้น เขารู้สึกกลัวขึ้นมาถ้าหากเด็กมีปัญหา เขาผู้เป็นหมอประจำจวนตรวจไม่พบ ก็ยากที่จะปัดความรับผิดชอบออกจากตัว เกรงว่าหัวเดียวก็ไม่พอให้ตัด ยังต้องพลอยเดือดร้อนคนทั้งตระกูลอีกแต่เขาก็ไม่กล้าพูดประโยคที่ว่า ‘ให้เอาเด็กออก’!ถูกหนีบอยู่ระหว่างกลาง เดินหน้าก็ไม่ได้ถอยหลังก็ไม่ได้ ทำให้เขาลำบากใจยิ่งนัก!“เป็นอย่างไร?” เฟิงเย่เสวียนยืนอยู่ด้านหน้าเตียง สายตาจ้องเขม็งหมอหลี่อ้าปาก กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่กล้าพูดคำที่ละเมิดศีลธรรม จึงทำได้เพียงกล่าวอย่างอ้อมค้อมเท่านั้น“พระชายาเพียงแค่ได้รับความตกใจเล็กน้อยเท่านั้น กระหม่อมจะจ่ายยาสงบครรภ์ให้สองชุด หลังจากกินแล้ว พักผ่อนสักสองสามวันก็ดีขึ้น”เขาลุกขึ้นยืน เดินไปยังโต๊ะที่อยู่ด้านข้างเพื่อเขียนใบสั่งยานำใบสั่งยายื่นให้แก่เยว่เอ๋อร์ หันไปมองท่านอ๋
ฉู่เชียนหลีพักผ่อนครู่หนึ่ง หลังจากอารมณ์เป็นปกติ ก็ลงจากเตียงมานั่ง รู้สึกสดชื่นไม่นานนัก เฟิงเย่เสวียนก็เดินกลับมาเมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้อง หันไปมองหญิงสาวที่กำลังผิงไฟ ก็หยุดชะงักฝีเท้าเล็กน้อยทันที ริมฝีปากบางเม้มแน่น จ้องมองด้วยสายตาที่ซับซ้อนท่าทางอึกอักแต่ตอนที่หญิงสาวมองมา อารมณ์ด้านลบทั้งหมดก็หายไปทันที แสร้งยิ้มด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยนและอบอุ่น“เหตุใดจึงลงจากเตียง?”“ไม่อยากนอน วัน ๆ เอาแต่นอน นอนจนเบื่อแล้ว” นอนจนจะเป็นง่อยอยู่แล้ว แค่ถูกลักพาตัวเท่านั้น นางไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ “เพื่อลูกแล้ว เจ้าต้องนอนมากขึ้นเป็นสองเท่า”“ตอนกินข้าวเจ้าก็พูดแบบนี้”เพื่อลูก ต้องกินเพิ่มเป็นสองเท่า นี่เพิ่งจะสองเดือน ก็กินจนเอวของนางเป็นชั้นแล้ว ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป อีกไม่นานก็คงจะต้องอ้วนเป็นหมูตอนแน่ ๆฉู่เชียนหลีจับเนื้อบนใบหน้า กล่าวถาม“เมื่อครู่เจ้าออกไปซุบซิบอะไรกับหมอหลี่งั้นเหรอ? มีอะไรที่ข้าไม่ควรฟังอย่างนั้นหรือ?”เฟิงเย่เสวียนชะงักไปเล็กน้อยในไม่ช้า หลุบตา กล่าว “เขาบอกว่าร่างกายของเจ้าจะถูกทรมานอีกไม่ได้ นับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป จนก่อนหน้า
ทำแบบนี้ได้ด้วย?ได้ความรู้ใหม่แล้ว!พระชายาอ๋องติ้งยิ้มอย่างอ่อนโยน “อันที่จริงผู้ชายน่ะ ก็ไม่ใช่พวกที่ซับซ้อนอะไร ขอเพียงแค่ควบคุมจุดอ่อนของเขาได้ ก็สามารถจัดการเขาได้อย่างอยู่หมัด ก็เหมือนกับที่เจ้าควบคุมเจ้าเจ็ดได้”“ข้าหรือ?”นางควบคุมอ๋องเฉินได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?ฉู่เชียนหลีพูดไม่ออก “พี่อวี๋ ท่านอย่าล้อเล่นเลย สามีของข้าเหมือนกับลูกเนรคุณ เอาแต่ทะเลาะกับข้าทั้งวัน แล้วก็ไม่มีเหตุผลอีกด้วย ข้าไม่ได้กินอาหารเผ็ด ๆ มาเดือนกว่าแล้ว เกือบจะร้องไห้จนตายแล้ว!”ร้องไห้คร่ำครวญเพื่อให้เห็นใจ?ไม่ นี่เรียกว่าตัวอยู่ในความสุขต่างหากพระชายาอ๋องติ้งยิ้มแต่ไม่พูดจา มีประโยคหนึ่งพูดเอาไว้ได้ดี ผู้เล่นมักดูเกมไม่ออก แต่ผู้ชมมักอ่านเกมได้ทะลุปรุโปร่ง คนทั่วทั้งแคว้นตงหลินต่างรู้ดี อ๋องเฉินเป็นพวกกลัวเมียจุดอ่อนของอ๋องเฉินก็คือฉู่เชียนหลีเพียงแค่ฉู่เชียนหลีเอ่ยปาก แม้ว่าจะเป็นดวงดาวบนท้องฟ้า เขาก็จะคิดหาหนทางเด็ดมันลงมาให้“ใกล้จะถึงฤดูใบไม้ผลิแล้ว” นางหันหน้า มองออกไปทางด้านนอกหน้าต่างที่กองหิมะกำลังละลายลงอย่างช้า ๆผ่านตรุษจีนแล้ว ใบไม้ผลิเริ่มต้นขึ้น อีกไม่นานก็เป็นเทศกาลแขวน
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท