ผิดหวัง...เซียวจือฮว่าได้ยินประโยคนี้ จู่ ๆ ก็ร้องไห้ออกมาเมื่อก่อนเขาโปรดปรานนาง เข้าข้างนาง ปกป้องยาง ไม่เคยพูดจากับนางรุนแรงเช่นนี้มาก่อน แล้วก็ไม่เคยมองนางด้วยสายตาที่เย็นชาและห่างเหินเช่นนี้มาก่อนเขาเปลี่ยนไปแล้ว...ในขณะที่ร้องไห้ไป จู่ ๆ ก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง“เฮอะ เฮอะ ๆ ๆ ฮ่า ๆๆ!”รักก็ดี เกลียดก็ช่าง ขอเพียงแค่ทำให้เขาจดจำนางเอาไว้ได้เท่านั้น แค่นี้ก็คุ้มค่าแล้ว“ท่านอ๋อง แต่งงานกับข้าเถอะ แต่งงานกับข้าดีหรือไม่?” จ้องมองดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตาพร้อมยิ้ม “พวกเราอยู่ด้วยกันตลอดไป เหมือนกับเมื่อก่อน ท่านทำงาน ข้าดีดพิณ ท่านจิบชา ข้าเต้นรำ ไม่แยกจากกันตลอดไป ไม่ว่าจะฤดูกาลไหน ดีหรือไม่?”นางปรารถนามาก ต้อยต่ำมากจริง ๆ “ขอร้องท่าน...”“ถ้าหากท่านไม่รับปากละก็ ข้าจะผลักฉู่เชียนหลีลงไป!”ฉู่เชียนหลีที่ตัดเชือกเงียบ ๆ “...”ทำไมต้องพูดถึงนางด้วย?เหมือนว่านางไม่ได้ทำผิดอะไรใช่ไหม?ทันทีที่มีดผ่าตัดในมือยกขึ้นเล็กน้อย ทันทีที่ข้อมือคลายออก เชือกก็ขาด แต่นางกลับไม่ได้ขยับ จู่ ๆ ก็อยากรู้ตัวเลือกของเฟิงเย่เสวียนเซียวจือฮว่าจับฉู่เชียนหลี “ข้านับถึงสาม ท่านเลือกมา
นางพยายามจับเขาเอาไว้ หายใจหอบถี่ เงยหน้าอย่างยากลำบาก“ท่านอ๋อง ข้าคือฮว่าเอ๋อร์...คือฮว่าเอ๋อร์...เสด็จแม่ของท่านเป็นลูกพี่ลูกน้องกับท่านแม่ข้า พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน อย่าทอดทิ้งข้า...อย่า...”นางส่งเสียสะอื้นแม้ว่าจะตาย นางก็ดื้อรั้นเช่นเดิม ราวกับว่าธาตุไฟเข้าแทรกเข้าสู่ทางมาร ย้อนกลับไปไม่ได้แล้วเฟิงเย่เสวียนหลุบตาลง เหลือบมองคนที่อยู่ข้างเท้า ดวงตาไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย“ตอนที่เจ้าลักพาตัวฉู่เชียนหลี เคยคิดถึงผลที่ตามมาบ้างหรือไม่?” น้ำเสียงเย็นชาเขาเคยให้โอกาสนางในเมื่อไม่เห็นค่า เช่นนั้นก็มีเพียงการถอนรากถอนโคน“โยนลงไปในคูเมือง!”“ไม่!”หานเฟิงรับคำสั่ง จับเซียวจือฮว่าขึ้น เซียวจือฮว่าอดกลั้นต่อความเจ็บปวดรุนแรงพยายามดิ้นรน “ไม่! ไม่เอา!”อากาศหนาวขนาดนี้ นางได้รับบาดเจ็บ โยนลงไปในแม่น้ำคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยนางไม่อยากตาย!จ้องมองใบหน้าที่เฉยชาของชายหนุ่ม เวลานี้ นางตื่นตระหนกแล้ว นางตื่นตระหนกอย่างสุดขีดเขาเอาจริง...เขาต้องการฆ่านางจริง ๆ...“ทะ ท่านอ๋อง อย่า...” นางพยายามดิ้นรนสุดกำลัง “ท่านอ๋อง อย่าฆ่าข้า ข้า ต่อไปข้าจะไม่กระด้างกระเดื่อ
จวนอ๋องเฉินเฟิงเย่เสวียนอุ้มฉู่เชียนหลีกลับมา แขกเหรื่อมากมายหันมามองพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แปลกใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่ทันได้ซักไซ้มากความ ก็ถูกพ่อบ้านเรียกไปอีกด้านหนึ่งเรือนด้านหน้ากับเรือนด้านหลักแยกจากกันด้านหนึ่งมีความเคลื่อนไหว ด้านหนึ่งเงียบสงบมุ่งตรงไปยังเรือนหานเฟิงทันที “เรียกหมอประจำจวน!”เขาวางนางไว้บนเตียง ดึงผ้าห่มมาห่มเรียบร้อย ตอนที่มองเห็นแผลมีดบาด ดวงตาก็เคร่งขรึมลงทันทีบาดแผลมีดบาดค่อนข้างลึก คราบเลือดเปื้อนข้อมือ คราบเลือดแห้งกรัง สะท้อนบนผิวขาวดุจหิมะ มองดูไปน่าตกใจ“ข้าไม่เป็นอะไร”ฉู่เชียนหลีสังเกตเห็นสายตาของเขา จึงเอาแขนลง ใช้แขนเสื้อบดบังเอาไว้เหลือบตามองเขา กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง“เรื่องของเซียวจือฮว่า...”เซียวจือฮว่าสถานะพิเศษ เป็นคนของตระกูลเซียว เขาทำแบบนี้...นางไม่รู้ว่าควรจะตัดสินอย่างไร สำหรับตระกูลเซียวแล้ว นางเป็นแค่เพียงคนนอกคนหนึ่ง แต่เรื่องนี้กลับเกิดขึ้นเพราะนาง นางจึงรู้สึกว่าตนเองควรจะพูดอะไรสักอย่างเฟิงเย่เสวียนหลุบตาลง จับข้อมือของนางเบา ๆ อย่างทะนุถนอม ปากเพียงพูดเพียงแค่สี่คำออกมาอย่างเย็นชา“
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม หมอประจำจวนก็มาถึงหมอหลี่ตรวจชีพจรให้แก่ฉู่เชียนหลี นอกจากชีพจรจะอ่อนแอไปบ้างเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร เด็กยังมั่นคงดีมาก แต่ยังมีคำพูดของหานอิ๋งดังก้องอยู่ในแก้วหู‘ถ้าหากเด็กที่คลอดออกมาในอนาคตเป็นอะไร ท่านสามารถรับผิดชอบทั้งหมดได้หรือไม่?’ทันใดนั้น เขารู้สึกกลัวขึ้นมาถ้าหากเด็กมีปัญหา เขาผู้เป็นหมอประจำจวนตรวจไม่พบ ก็ยากที่จะปัดความรับผิดชอบออกจากตัว เกรงว่าหัวเดียวก็ไม่พอให้ตัด ยังต้องพลอยเดือดร้อนคนทั้งตระกูลอีกแต่เขาก็ไม่กล้าพูดประโยคที่ว่า ‘ให้เอาเด็กออก’!ถูกหนีบอยู่ระหว่างกลาง เดินหน้าก็ไม่ได้ถอยหลังก็ไม่ได้ ทำให้เขาลำบากใจยิ่งนัก!“เป็นอย่างไร?” เฟิงเย่เสวียนยืนอยู่ด้านหน้าเตียง สายตาจ้องเขม็งหมอหลี่อ้าปาก กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่กล้าพูดคำที่ละเมิดศีลธรรม จึงทำได้เพียงกล่าวอย่างอ้อมค้อมเท่านั้น“พระชายาเพียงแค่ได้รับความตกใจเล็กน้อยเท่านั้น กระหม่อมจะจ่ายยาสงบครรภ์ให้สองชุด หลังจากกินแล้ว พักผ่อนสักสองสามวันก็ดีขึ้น”เขาลุกขึ้นยืน เดินไปยังโต๊ะที่อยู่ด้านข้างเพื่อเขียนใบสั่งยานำใบสั่งยายื่นให้แก่เยว่เอ๋อร์ หันไปมองท่านอ๋
ฉู่เชียนหลีพักผ่อนครู่หนึ่ง หลังจากอารมณ์เป็นปกติ ก็ลงจากเตียงมานั่ง รู้สึกสดชื่นไม่นานนัก เฟิงเย่เสวียนก็เดินกลับมาเมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้อง หันไปมองหญิงสาวที่กำลังผิงไฟ ก็หยุดชะงักฝีเท้าเล็กน้อยทันที ริมฝีปากบางเม้มแน่น จ้องมองด้วยสายตาที่ซับซ้อนท่าทางอึกอักแต่ตอนที่หญิงสาวมองมา อารมณ์ด้านลบทั้งหมดก็หายไปทันที แสร้งยิ้มด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยนและอบอุ่น“เหตุใดจึงลงจากเตียง?”“ไม่อยากนอน วัน ๆ เอาแต่นอน นอนจนเบื่อแล้ว” นอนจนจะเป็นง่อยอยู่แล้ว แค่ถูกลักพาตัวเท่านั้น นางไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ “เพื่อลูกแล้ว เจ้าต้องนอนมากขึ้นเป็นสองเท่า”“ตอนกินข้าวเจ้าก็พูดแบบนี้”เพื่อลูก ต้องกินเพิ่มเป็นสองเท่า นี่เพิ่งจะสองเดือน ก็กินจนเอวของนางเป็นชั้นแล้ว ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป อีกไม่นานก็คงจะต้องอ้วนเป็นหมูตอนแน่ ๆฉู่เชียนหลีจับเนื้อบนใบหน้า กล่าวถาม“เมื่อครู่เจ้าออกไปซุบซิบอะไรกับหมอหลี่งั้นเหรอ? มีอะไรที่ข้าไม่ควรฟังอย่างนั้นหรือ?”เฟิงเย่เสวียนชะงักไปเล็กน้อยในไม่ช้า หลุบตา กล่าว “เขาบอกว่าร่างกายของเจ้าจะถูกทรมานอีกไม่ได้ นับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป จนก่อนหน้า
ทำแบบนี้ได้ด้วย?ได้ความรู้ใหม่แล้ว!พระชายาอ๋องติ้งยิ้มอย่างอ่อนโยน “อันที่จริงผู้ชายน่ะ ก็ไม่ใช่พวกที่ซับซ้อนอะไร ขอเพียงแค่ควบคุมจุดอ่อนของเขาได้ ก็สามารถจัดการเขาได้อย่างอยู่หมัด ก็เหมือนกับที่เจ้าควบคุมเจ้าเจ็ดได้”“ข้าหรือ?”นางควบคุมอ๋องเฉินได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?ฉู่เชียนหลีพูดไม่ออก “พี่อวี๋ ท่านอย่าล้อเล่นเลย สามีของข้าเหมือนกับลูกเนรคุณ เอาแต่ทะเลาะกับข้าทั้งวัน แล้วก็ไม่มีเหตุผลอีกด้วย ข้าไม่ได้กินอาหารเผ็ด ๆ มาเดือนกว่าแล้ว เกือบจะร้องไห้จนตายแล้ว!”ร้องไห้คร่ำครวญเพื่อให้เห็นใจ?ไม่ นี่เรียกว่าตัวอยู่ในความสุขต่างหากพระชายาอ๋องติ้งยิ้มแต่ไม่พูดจา มีประโยคหนึ่งพูดเอาไว้ได้ดี ผู้เล่นมักดูเกมไม่ออก แต่ผู้ชมมักอ่านเกมได้ทะลุปรุโปร่ง คนทั่วทั้งแคว้นตงหลินต่างรู้ดี อ๋องเฉินเป็นพวกกลัวเมียจุดอ่อนของอ๋องเฉินก็คือฉู่เชียนหลีเพียงแค่ฉู่เชียนหลีเอ่ยปาก แม้ว่าจะเป็นดวงดาวบนท้องฟ้า เขาก็จะคิดหาหนทางเด็ดมันลงมาให้“ใกล้จะถึงฤดูใบไม้ผลิแล้ว” นางหันหน้า มองออกไปทางด้านนอกหน้าต่างที่กองหิมะกำลังละลายลงอย่างช้า ๆผ่านตรุษจีนแล้ว ใบไม้ผลิเริ่มต้นขึ้น อีกไม่นานก็เป็นเทศกาลแขวน
ฉู่เชียนหลีเกาหัว “?”แต่ว่าที่จริงนี่คือหมูปีนี้เป็นปีหมู เฟิงเย่เสวียนเกิดปีหมู ลูกของพวกเขาก็เกิดปีหมู ไม่ใช่หมูงั้นหรือ?“เจ้าโง่หรือไง ปีนี้เจ้าอายุยี่สิบสี่ปี เจ้ากับลูกชายเจ้าเป็นหมูด้วยกันทั้งคู่ ก่อนหน้านี้เจ้าเป็นคนพูดเองไม่ใช่หรือว่าหมูเป็นสัตว์ที่ดวงดีที่สุดในบรรดาสิบสองนักกษัตริย์ เจ้ายังดูชอบหมูมากอีกด้วย”เฟิงเย่เสวียน “...”ถึงแม้ว่าเขากับลูกชายจะเกิดปีหมู แต่เมื่อคำพูดนี้ออกมาจากปากของฉู่เชียนหลี เหตุใดจึงรู้สึกว่าสองแง่สองง่ามอยู่หน่อย ๆ?“อันที่จริงข้าเองก็ชอบหมูมากเช่น ชอบมากเสียจนขาดไม่ได้”เขา “...”เขาสงสัยว่านางกำลังจงใจดื้อด้านยกมือหยิบเสื้อตัวน้อยตัวนั้นขึ้นมา วางลงบนฝ่ามือ เหลือบตามองเล็กน้อย ถึงแม้ว่าฝีมือจะขี้เหร่ไปหน่อย เส้นด้ายจะไม่ประณีตไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าดูไม่ได้ฝืนใจรับเอาไว้แล้วกัน“มีแม่แบบเจ้า ลำบากลูกชายของเจ้าจริง ๆ เลย”“? เจ้าหมายความว่ายังไง?”“ดึกมาแล้ว นอนเถอะ”เฟิงเย่เสวียนดับเทียน ดึงผ้าห่ม ห่มทั้งสองคนเอาไว้ แขนยาวโอบเอวของนางเข้ามาในอ้อมกอด ฝ่ามือใหญ่อีกข้างกุมท้องน้อยที่นูนออกมาเล็กน้อยของนางเอาไว้ แล้วหลับตาลงแต
“ท่านน้าสะใภ้มีความสุขก็พอ”เฮอะเฮอะหลิงเชียนอี้หัวเราะด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ จากนั้นก็ขยับก้นห่างออกไป แล้วย้ายเก้าอี้ เพื่อขยับเข้าไปใกล้อวิ๋นอิงเจ้าเด็กคนนี้ ไม่รู้ความเสียเลย อย่างแรกที่จะทำให้อวิ๋นอิงจดจำไม่ควรจะเป็นการเอาใจนางหรอกหรือ?ต่อไปเขาจะต้องลำบากมากแน่เชียนหลีจับคันเบ็ด มองดูปลาหลีฮื้อที่แหวกว่ายไปมาในน้ำ ปลามากมายจนแน่นขนัด แต่ว่าไม่กินเบ็ด ความรู้สึกนี้เหมือนกับเด็กน้อยที่กำลังตกปลา อยู่ในสนามเด็กเล่นตลอดครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ รู้สึกหดหู่ใจมากจริง ๆหางตาเหลือบมองเฟิงเย่เสวียนที่อยู่ด้านข้าง กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ยอมให้ต่อรอง“อีกสองวัน ครรภ์ของข้าก็จะครบสามเดือนแล้ว อายุครรภ์สามเดือนถือว่าคงที่แล้ว ถึงเวลานั้นข้าอยากทำอะไรก็จะทำ ใครขวางข้าเป็นหมา”สามเดือนแรก เป็นช่วงที่ทารกในครรภ์อ่อนแอที่สุด แท้งได้ง่ายนางพยายามอดทนมาเกินครึ่งเดือน กินแต่ของดี ดื่มแต่ของดีทุกวัน บำรุงสารพัดอย่าง เพื่อบำรุงครรภ์ให้ทั้งอ้วนทั้งคงที่ วิ่งสักสิบกิโลในรวดเดียวก็ไม่ใช่ปัญหาเฟิงเย่เสวียนลูบหัวเล็ก ๆ ของนาง “ลำบากเชียนหลีแล้ว”เขารู้ว่านางอึดอัดจะแย่แล้ว ย่อมไม่มีทางขัดขวางน