บ่าวไพร่ทุกคนจดจำอย่างจริงจัง ยิ่งทำงานของตนเองอย่างระมัดระวังเด็กรับใช้คนหนึ่งวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าพ่อบ้าน ยิ้มอย่างร่าเริง “อาจารย์ เหตุใดวันนี้จึงกะทันหันเช่นนี้? เมื่อก่อนก็ไม่เคยเห็นท่านอ๋องพูดว่าต้องทำเช่นนั้นเช่นนี้ มีเรื่องดีอะไรใช่หรือไม่?”ทั้งชีวิตพ่อบ้านไม่เคยแต่งงาน อายุเกินครึ่งร้อย อยู่ลำพังคนเดียว เขาจึงรับเด็กคนนี้เป็นลูกศิษย์เด็กคนนี้มองสีหน้าคนเก่ง ทำงานกระฉับกระเฉง ไม่จำเป็นต้องห่วง ได้ใจเขาอย่างมากเขาสองมือไพล่หลัง เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “จวนอ๋องกำลังจะมีนายน้อยเพิ่มมาอีกหนึ่งคน เจ้าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่หรือไม่?”“อะไรนะ? ความหมายของท่านคือพระชายาตั้งครรภ์แล้ว!”“แล้วไม่ใช่หรือ? แต่งงานกันตั้งนานแล้ว ต่อให้ตั้งครรภ์นาจาก็ตั้งครรภ์นานแล้ว ถ้าหากพระชายายังไม่ตั้งครรภ์ ข้าตั้งใจว่าปีหน้าจะไปหาสูตรยามีบุตร…”จุดที่ไม่ไกลนักฝีเท้าของเซียวจือฮว่าที่เดินผ่านมาชะงักกะทันหัน ฟังบทสนทนาของทั้งคู่เข้าไปในหูทั้งหมดฉู่เชียนหลี…ท้องแล้ว!?ข่าวที่มาอย่างกะทันหันทำให้สีหน้านางเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยิ่งมีความบิดเบี้ยวสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในใจ
เขามีจุดอ่อนอยู่ในมือนาง นางกลัวอะไร? เลวร้ายที่สุดก็แค่ตายทั้งสองฝ่าย ต่อให้ตาย ขอแค่ได้อยู่กับเขา นางก็ยินดีคนที่เสียเปรียบคือเขาหากพูดเรื่องนี้ออกไป แม่บุญธรรมของเขาจะต้องชดใช้แทนเขา ต้องตายแน่นอน เขาก็จะตายเช่นกัน ชื่อเสียงเสื่อมเสียหมื่นปี ตกเป็นที่ครหาของผู้คน ต่อให้ตายแล้ว ก็ไม่สามารถอยู่อย่างสงบเข่นฆ่าพี่ชาย นี่มันไม่ใช่คำพูดที่ดีอะไรกลิ่นอายบนตัวเฟิงเจิ้งหลีเย็นชาลง หนาวเย็นเหมือนอากาศของวันนี้ ลมหายใจที่พ่นออกมาก็เยือกเย็น เกือบแข็งตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็งบางๆ บนใบหน้าหนึ่งชั้น สายตาที่จ้องฉู่เจียวเจียวแทบสามารถฆ่าคนเขาถูกข่มขู่แล้ว!ฉู่เจียวเจียวข่มความหนาวเย็นในใจ ฝืนรักษารอยยิ้มบนใบหน้าไว้นางรักเขาขอแค่ความรักของนางได้รับการตอบรับ ขอแค่เขาดีกับนาง ทำให้นางมีความสุข พวกเขาเป็นคู่สามีภรรยาที่รักใคร่ นางจะไม่พูดเรื่องนี้ออกไปตลอดชีวิตสายตาประสานกันจ้องอยู่นานมาก ผ่านไปพักใหญ่ เฟิงเจิ้งหลีจึงจะเอ่ยปากอย่างเย็นชา“พรุ่งนี้กลับเมื่อไร?”คืนนี้เฟิงเย่เสวียนนอนไม่หลับ สามารถเรียกได้ว่าเป็นคืนที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์เขากอดฉู่เชียนหลีนอน ครู่หนึ่งก็เปลี่ยนท่า
นางเป็นสุนัขบ้านนอกที่ไม่เคยเห็นหิมะจริงนั่นแหละปัดมือที่อยู่บนเอว “เจ้าปล่อยข้านะ ข้าจะออกไปเล่น! ถ้าหากสายแล้ว หิมะก็ถูกพวกเขาเหยียบจนสกปรกแล้ว!”แขนยาวของเฟิงเย่เสวียนโอบเอวนางไว้ รัดแน่นเหมือนห่วงเหล็ก ออกแรงอย่างไรก็งัดไม่ออกสายตาเหลือบลง พูดออกมาแค่สองคำ“ไม่อนุญาต”“ลูกของข้าไม่กลัวหนาว! แม่รู้จักลูกชายดีที่สุด วันนี้หากเจ้าไม่ให้ข้าเล่นหิมะ รอลูกชายโตแล้ว ข้าจะให้เขาเตะฝาโลงเจ้า!” ฉู่เชียนหลีประท้วงโอ้โฮนั่นมันสุดๆ จริง“เช่นนั้นก็รอเจ้าเด็กนี่โตแล้วค่อยว่ากัน วันนี้ข้าว่างพอดี สามารถเฝ้าเจ้าทั้งวัน” เขานั่งลง ยกคนขึ้นมาวางบนตัก เอนหลังพิงเก้าอี้อย่างสบายใจมองดูท่าทางของนางที่โมโหจนฟาดงวงฟาดงา ไม่ต้องพูดถึงว่าหนำใจเพียงใดเจ้าคนไร้มโนธรรม!เมื่อคืนทิ้งให้เขานอนคนเดียว บอกไปก็ไปเลย ไร้ความรู้สึกเช่นนั้น ไม่คำนึงถึงความรู้สึกเขาเลยสักนิดเช่นนั้นก็ได้ วันนี้อย่าคิดเล่นหิมะ เขาไม่มีความสุข นางก็อย่าคิดจะมีความสุขฉู่เชียนหลีกลัดกลุ้ม“ถ้าหากข้าอารมณ์ไม่ดี จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อพัฒนาการของลูก”“งบประจำปีกำลังจะถึง ภาษีที่ดินศักดินาปีนี้ของข้าสามารถเก็บประมา
หลิงเชียนอี้สองมือไพล่หลังเดินเข้ามากล่าว“ท่านน้า ท่านน้าสะใภ้ หรือไม่ลูกก็ชื่อเฟิงเจิ้งชุยเสวีย[1]แล้วกัน เป็นฤดูหนาวที่หิมะตกหนักพอดี ใช้ชื่อนี้ แค่ฟังก็รู้สึกว่ามีเรื่องราว”เขาเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ท่าทางดูมีความรู้มากสีหน้าฉู่เชียนหลีไร้อารมณ์ : ข้าเชื่อเจ้าก็บ้าทำไมไม่ชื่อซีเหมินชุยเสวีย[2]? โปหลัวชุยเสวีย[3]เลยล่ะ?เฟิงเย่เสวียนก็ค่อนข้างรังเกียจชื่อนี้เช่นกัน มือข้างหนึ่งโอบเอวฉู่เชียนหลีอย่างเกียจคร้าน ยกเปลือกตาขึ้น“หลิงชุยเสวียก็ไม่เลว”“มีผู้หญิงที่ชอบหรือยัง? เจ้าก็ถึงวัยแต่งงานแล้ว คลอดเองเลยไป”อย่านำความวิบัติใส่ลูกของเขาหลิงเชียนอี้หน้าแดงเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงผู้หญิงที่ชอบ เขาก็นึกถึง…ก้มหน้าลงอย่างเขินอาย พึมพำเสียงเบา “ชอบไม่ชอบอะไร อายุข้ายังน้อย ยังเป็นเด็ก ถ้าหากข้าแต่งงาน ท่านน้าสามารถใส่ซองให้ข้าหนึ่งแสนตำลึง มันก็ใช่ว่าจะไม่ได้…”เฟิงเย่เสวียน “ไสหัวไป”ฉู่เชียนหลี “ไสหัวไป”อยากหลอกล่ออวิ๋นอิงก็ช่างเถอะ ยังจะตั้งข้อเสนอไว้เสียสูง ขอค่าใส่ซองหนึ่งแสนตำลึง? นางว่าเขากำลังฝันกลางวัน“แหะๆ! เช่นนั้นก็ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ไหนให้ข้าลองดูน้องของข้าหน่
บอกตามตรง อายุของนางชาติที่แล้วกับชาตินี้รวมกัน สามารถเป็นแม่ของเขาแล้ว แต่นางไม่ได้พูดออกมา“ท่านอ๋อง พระชายา ถงเฟยมาขอรับ!”พ่อบ้านวิ่งเข้ามาพร้อมกับรายงานอย่างรวดเร็ว เพิ่งพูดจบ เสียงของถงเฟยก็ดังมาแต่ไกลจากข้างนอก“ลูกแม่! ลูกแม่!”ยกชายกระโปรงขึ้น วิ่งมาไวมาก มวยผมส่ายไปส่ายมา ทั้งร้อนใจทั้งดีใจ ไม่มีมาดของพระสนมแม้แต่น้อยนางกำนัลที่ติดตามมาด้วยชินแล้ว ถ้าหากพระสนมเข้าร่วมการแย่งชิงของวังหลังอย่างจริงจัง ก็ไม่มีทางนั่งตำแหน่งนางสนมยี่สิบกว่าปีถงเฟยปลื้มปีติจนน้ำตาไหล “ลูกแม่ เจ้าจะมีลูกชายแล้วจริงๆ หรือ!”“เสด็จแม่ระวังหน่อยเจ้าค่ะ!” ฉู่เชียนหลีลุกขึ้นเดินไปข้างหน้า “หิมะยังตก เกาะเป็นน้ำแข็ง ระวังลื่นล้มเจ้าค่ะ”“คนที่ควรระวังคือเจ้าต่างหากเสียวฉู่!” ถงเฟยพลิกมือจับมือฉู่เชียนหลีไว้ ตื่นเต้นจนดวงตาแดงก่ำ เบ้าตาเปียกชุ่มตอนที่รู้ข่าวพระชายาอ๋องเฉินมีครรภ์ นางมีดีใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อก่อนอ๋องเฉินชนะสงคราม สร้างผลงานใหญ่ แต่งตั้งยศ นางก็ไม่เคยดีใจเช่นนี้มาก่อน“ข้ากำลังจะมีหลานชายแล้ว มีลูกดี ดี!” นางจับมือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลี ปากก็พึมพำไม่หยุด “มีลูกดี
“พู่!”ฉู่เชียนหลีหลุดหัวเราะ โชคดีที่ไม่ได้อมน้ำในปาก ไม่เช่นนั้นคงพ่นใส่หน้าถงเฟยเฟิงเย่เสวียน “...”เสด็จแม่ ท่านสุภาพหรือ?“แล้วก็กินของเปรี้ยวเยอะๆ เปรี้ยวผู้ชาย เผ็ดผู้หญิง” ถงเฟยกล่าวต่อ “เดินเยอะๆ ออกกำลังกายบ้าง เด็กผู้ชายชอบขยับ เด็กผู้หญิงชอบอยู่เงียบๆ”“ใช่แล้ว แล้วก็เจ้าต้องสวมถุงเท้าผ้าฝ้ายก่อน ค่อยสวมรองเท้าผ้าฝ้าย ไม่สวมรองเท้าผ้าฝ้ายก็ไม่สามารถให้กำเนิดลูกชายตัวอ้วน”“ใช่แล้ว ข่าวที่เจ้าท้องได้แพร่กระจายออกไปแล้ว อาจมีคนไม่รู้เท่าไรจ้องลูกในท้องของเจ้าอยู่ อย่าออกจากบ้านคนเดียว ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องระวังไว้ก่อน”“ใช่แล้ว แล้วก็…”มีลูกแล้ว ถงเฟยทั้งดีใจ ทั้งกังวลเกิดในราชวงศ์ เจ้าโกหกข้าหลอกลวง มีเด็กมากเท่าไรที่ตายตอนเป็นทารกและในท้องแม่ก่อนจะได้เกิด มีเยอะจนกลายเป็นเรื่องปกตินางกำชับสิ่งที่นางคิดได้ ยี่สิบกว่าประโยคในรวดเดียว ความรักนั้นเหนือคำบรรยายฉู่เชียนหลีอุ่นใจ ฟังอย่างอดทน จดจำไว้ทั้งหมดทีละอย่าง“เสด็จแม่ ท่านวางใจได้ มีลูกอยู่ รับรองว่าไม่เกิดปัญหาอะไรแน่นอน” เฟิงเย่เสวียนรับประกันด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมถงเฟยเงยหน้าขึ้น เขม่นเขาแวบหนึ่ง“ก็เพ
ทันใดนั้น สายตาที่เย็นชาของจิ่งอี้กวาดมองไปทางจางเฟย “มีอะไรวางไม่ลง”น้ำเสียงก็เย็นชาเช่นกัน “วาสนาที่เกิดขึ้นเพราะความผิดพลาด ข้าแค่ยังไม่ได้ปรับสภาพจิตใจของตัวเองก็เท่านั้น แม้ข้าชอบนางไม่ได้ แต่คนที่ควรปกป้อง ก็ยังคงจะปกป้องตลอดไป” ในฐานะของผู้ใต้บัญชาเพื่อนพ้องน้องพี่เขายกเท้าเดินไปทางจวนอ๋องเฉิน ริมฝีปากบางเผยอขึ้น น้ำเสียงเยือกเย็นดั่งหิมะ“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ห้ามพูดถึงเรื่องที่เจ้าสำนักคนเก่าเป็นพ่อข้า และเรื่องกำหนดลูกสะใภ้ภายในอีก ถ้าหากคุณหนูรู้แม้แต่คำเดียว ข้าเอาชีวิตสุนัขเจ้า!”พลันคอจางเฟยหด หนาวจนตัวสั่น สองมือถูแขน รีบเพิ่มความอบอุ่นพูดก็พูดสิ จะดุอะไรนักหนา?เจ้าเด็กน้อยคนนี้ พอโตแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะหันมาดุเขาที่เป็นผู้อาวุโสเขาพึมพำเสียงเบาอย่างน้อยใจ “อะไรกัน ว่าก็ว่าไม่ได้แล้วจริงๆ? ข้าเลี้ยงเจ้าโตมากับมือนะ นึกถึงตอนนั้น แม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเพิ่งคลอดเจ้า ก็ทิ้งเจ้าแล้ว หากไม่ใช่เพราะข้าเก็บเจ้ากลับมา…”สายตาที่เยือกเย็นเหมือนธนูของจิ่งอี้ยิงมาฉับพลันร่างจางเฟยสั่นสะท้าน รีบหุบปาก ถอยหลังสามก้าวทันทีนี่คือขีดจำกัดและพื้นที่ต้องห้ามของจิ่งอี้
อวิ๋นอิงชักมือกลับฉับพลัน ถอยหลังสามก้าวราวกับเห็นผี ดวงตาทั้งสองข้างแทบถลนออกมานางชอบเขา?บ้าบออะไร?เหมือนว่านางไม่ได้ทำอะไร และไม่ได้พูดอะไรเลยนะ เหตุใดพอคำพูดนี้ออกจากปากของเขา ความหมายก็เปลี่ยนไปแล้ว?มือหลิงเชียนอี้จิกแขนเสื้อ “อวิ๋นอิง…”แก้มของเขาแดงเล็กน้อย แสดงสีหน้าที่ ‘ข้าเข้าใจ’ ออกมา“เจ้าเป็นเด็กผู้หญิง เขินอายเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าเจ้าวางใจได้ พวกเราอยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผย พวกเราบริสุทธิ์ใจ ไม่มีใครหัวเราะเจ้าหรอก”“?”บ้าไปแล้ว!ท่านโหวน้อยบ้าไปแล้วแน่ๆ!อวิ๋นอิงรู้สึกว่าหลิงเชียนอี้ถูกพิษ ยิ่งกว่านั้นพิษแทรกซึมเข้าอวัยวะภายในแล้ว อาการหนักมาก นางส่ายศีรษะ หมุนกายก็หนีไปแล้ว“อวิ๋นอิง!”หลิงเชียนอี้รีบสับขาไล่ตาม “อวิ๋นอิงเจ้าไม่ต้องอายจริงๆ ข้าไม่ใช่คนนอก!”อวิ๋นอิงที่อยู่ข้างหน้าเท้าสะดุด เกือบล้มหน้าทิ่มกะทันหันกัดฟัน ลุกขึ้นยืน“ท่านโหวน้อย ท่านโปรดอย่าเอาข้ามาล้อเล่นไร้สาระเช่นนี้ ข้าไม่ใช่ของเล่นของท่าน ข้าไม่สนใจเลยสักนิด!”กล่าวจบ ก้าวเท้าเดินจากไปหลิงเชียนอี้รีบไล่ตาม “ข้าไม่ได้ล้อเล่น! ข้าจริงจังนะ!”“อวิ๋นอิง เจ้าชอบข้าไม่ใช่เรื่อ
มีดพาดอยู่บนคอนาง คมมีดที่เย็นเฉียบส่องประกายด้วยแสงเย็นยะเยือก ราวกับว่านางแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็จะตัดเส้นเลือดอันบอบบางของนางทันทีเฟิงเจิ้งหลีกำลังจะเข้าใกล้พลันมือของนางก็ออกแรงกด “ถ้าหากเจ้ายังต้องการจับตัวเฟิงเย่เสวียน เก็บข้าไว้ดีกว่า ถ้าหากข้าเป็นอะไรไป เกรงว่าเจ้าไม่สามารถควบคุมเฟิงเย่เสวียนแล้ว”เขาชะงักเล็กน้อยข่มขู่?มันก็จริง เฟิงเย่เสวียนหนีออกจากเมืองแล้ว แม้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เฟิงเย่เสวียนมีที่ดินศักดินา มีกำลังทหาร สามารถตั้งตนเป็นอ๋อง ถ้าหากสู้กันจริงๆ ใช่ว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฟิงเย่เสวียนเสมอไปแต่ว่า นางรังเกียจเขาเช่นนี้เลยหรือ?ถึงขั้นยอมใช้คอของตัวเองมาขู่เขา? เขาก็ขมวดคิ้วแน่น กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้ากล้าตายหรือ? ไม่ต้องการจื่อเยี่ยแล้ว?”“ใครบ้างที่อยากตาย? แต่ถ้าหากต้องอยู่อย่างอัปยศ ไม่สู้ตายเสียดีกว่า ให้ทุกอย่างมันจบสิ้นเสีย”“เจ้า!”ในแววตาของเขามีความโกรธเอ่อล้นออกมา อยากเข้าไป แต่เท้ากลับยืนแข็งอยู่ตรงที่เดิมมองดูนางที่เชิดคางเล็กน้อย และมือที่กำแน่นอย่างดึงดัน ความโกรธติดอยู่ในอก ไม่สามารถระบายออกมา ทำให้เขาอัดอั้นจนรู้สึกทรมานบ้า
“ตาม!” ผู้บัญชาการจางกระทืบเท้าตะโกนเสียงดัง “รีบตาม! ขี่ม้าที่เร็วที่สุด ต้องจับอ๋องเฉินกลับมาให้ได้!”“รับทราบ!”เปิดประตูเมือง ทหารรักษาพระองค์ไล่ตามอย่างรวดเร็วเฟิงเจิ้งหลีหยิบธนูมาหนึ่งคัน ดึงลูกธนู เล็งยามค่ำคืนอันมืดสลัวที่อยู่นอกเมือง แต่ทันใดนั้นก็ถูกฉู่เชียนหลีกระแทกอย่างแรงธนูพลาดเป้าเขาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน โยนธนูลงบนพื้น กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“หนี หนีไปเลย ทั้งแคว้นตงหลิงเป็นของข้าแล้ว ข้าดูสิว่าเจ้าจะสามารถหนีไปถึงไหน!”ใต้ฟ้าอันกว้างใหญ่ ล้วนเป็นของกษัตริย์เขาจะจับเฟิงเย่เสวียนได้ในสักวัน“เฟิงเจิ้งหลี เจ้ามันเป็นคนบ้าที่เสียสติจริงๆ โลกนี้มีผลกรรมเสมอ สักวันเจ้าจะถูกสิ่งที่เจ้าทำตามสนอง”คนที่เสียสละ สักวันจะได้ผลตอบแทนคนที่กระทำความชั่ว สักวันจะต้องชดใช้ไม่ใช่กรรมไม่ตามสนอง แค่ยังไม่ถึงเวลาเฟิงเจิ้งหลีคว้าแขนของฉู่เชียนหลี พลันดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน บีบคางของนาง “เหมือนเจ้าแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นข้าตกต่ำแล้วนะ”“แต่น่าเสียดาย คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนพันปี ข้าต้องอยู่รอดต่อไป จะรอดูว่าเฟิงเย่เสวียนตายต่อหน้าข้าอย่างไร”ฉู่เชียนหลีถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู