ฉู่เชียนหลีออกจากจวนเที่ยวหนึ่ง ซื้อของมากมายมือข้างหนึ่งเยว่เอ๋อร์หิ้วจนเต็ม มืออีกข้างประคองนาง ระวังเป็นพิเศษ “พระชายา ของจิปาถะพวกนี้ให้บ่าวออกไปซื้อก็พอแล้ว ร่างกายของท่านผอมบาง ตอนนี้ก็ยังตั้งครรภ์…”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีหยุดฝีเท้า ยกเปลือกตาขึ้นเหลือบมองไปทางนางเยว่เอ๋อร์รู้ตัวว่าพูดหลุดปาก นางรีบหุบปากก้มหน้าลงทันทีแต่งงานเกือบปีแล้ว ในที่สุดก็ตั้งครรภ์ ตามหลักแล้วนี่เป็นเรื่องที่ดี แต่พระชายากลับขอให้เก็บเป็นความลับ แม้แต่ท่านอ๋องก็ไม่บอก…หรือพระชายาทะเลาะกับท่านอ๋องอีกแล้ว?ไม่สมควรนี่นา?ประคองพระชายาเข้าจวนอย่างเงียบๆ เพิ่งเดินเข้าไป พ่อบ้านก็วิ่งมาอย่างเร่งรีบ“แย่แล้ว! พระชายา เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!” ชายชราหอบหายใจ แม้แต่ผมก็วิ่งจนยุ่งเหยิงฉู่เชียนหลีจับไหล่ของเขา “เรื่องอะไร? ไม่ต้องรีบ ค่อยๆ พูด”“ท่านอ๋อง…เป็นท่านอ๋อง…” เขาหอบหายใจ “เมื่อครู่…คนของศาลต้าหลี่มาตรวจค้นจวนอ๋อง เจอมีดสั้นเปื้อนเลือดเล่มหนึ่ง ก็พาท่านอ๋องเข้าวังโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้ว!”ศาลต้าหลี่ทำคดี ล้วนเป็นคดีใหญ่เขาหาข้อมูลอะไรไม่ได้เลย ยิ่งไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ตอนนี้เห็นพระชายา ก็มีเสาหลั
เมื่อสิ้นเสียงอันเย็นชา นางม้วนผมฉู่เจียวเจียว ลากคนออกไปข้างนอก“อ๊า! ปล่อยข้า!”ฉู่เจียวเจียวเจ็บจนน้ำตาเล็ด เส้นผมราวกับจะถูกกระชากจนหลุดทั้งเป็น สองมือตบตีฉู่เชียนหลีอย่างร้อนรน กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น สภาพดูไม่ได้เลย“ฉู่เชียนหลี!”“เจ้าคิดว่าข้าจะเกรงใจกับเจ้าหรือ?” ฉู่เชียนหลีออกแรงกระชากผม ลากนางไถลไปไกลครึ่งเมตร เหมือนกับลากของเสียชิ้นหนึ่งฆ่าองค์ชาย ถูกตีตราโทษเช่นนี้ ต้องตายอย่างไร้ข้อกังขาฉู่เจียวเจียวอยากฆ่านาง นางสามารถอดทนหรือ? “ที่นี่คือจวนอ๋องหลี เจ้าแตะต้องข้าไม่ได้!”“ปล่อยข้านะ!”“อ๊า!”ฉู่เจียวเจียวถูกลากมาถึงหน้าประตู สะบักสะบอมมาก เสียงที่กรีดร้องแหบแล้ว “ใครก็ได้! รีบมาเร็ว! ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้ว! นางบ้าไปแล้ว!”“ฉู่เชียนหลี!”นอกเรือน เฟิงเจิ้งหลีที่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวรีบมา เมื่อเห็นภาพนี้ยืนอึ้งโดยตรง“ท่านอ๋อง ช่วยด้วยท่านอ๋อง!” ฉู่เจียวเจียวยื่นมือทั้งสองข้างออกไป กรีดร้องด้วยดวงตาแดงก่ำ “ฉู่เชียนหลีบุกรุกจวนอ๋องหลี บอกว่าข้านำอาวุธก่อเหตุไปไว้ที่เตียงนาง ใส่ร้ายนางเป็นคนร้ายที่ฆ่าองค์ชายใหญ่! ข้าไม่รู้อะไรเลย!”ร่างเฟิงเจิ้งหลีสั่นสะท้าน
“เจ้าอย่าเพิ่งใจร้อน เกรงว่าจุดประสงค์คนร้ายฆ่าพี่ใหญ่คืออยากทำให้สถานการณ์วุ่นวาย ยิ่งเป็นเวลานี้ ยิ่งต้องใจเย็น” เฟิงเจิ้งหลีกล่าวปลอบใจด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมอาจเป็นเพราะฉู่เชียนหลีหุนหันพลันแล่นเกินไปกระมังเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์สำคัญ นางก็เลยไม่สามารถใจเย็นเม้มปากแน่น มองฉู่เจียวเจียวอีกแวบหนึ่ง เห็นแก่หน้าของอ๋องหลี นางละเว้นฉู่เจียวเจียวชั่วคราว“เมื่อครู่รบกวนแล้ว ขออภัย ข้าเข้าวังไปดูก่อน”“รีบไปเถอะ”ฉู่เชียนหลีเพิ่งไป สีหน้าเฟิงเจิ้งหลีเปลี่ยนไปทันที หันมาคว้าข้อมือฉู่เจียวเจียว ลากคนเข้าห้องโดยตรง“อ๊า!”ฉู่เจียวเจียวเซล้มลงบนพื้น เงยหน้าก็เห็นเฟิงเจิ้งหลีปิดประตูแล้ว ภายในห้องมืดลง ใบหน้าที่มืดมนของเขาเหมือนจะกินคนแต่ตอนนี้นางไม่ได้กลัวค่อยๆ ลุกขึ้นยืน บนใบหน้าเผยให้รอยยิ้มที่หวานแหวว“ท่านอ๋อง อย่าโกรธเลย พวกเราเป็นตั๊กแตนที่อยู่บนเชือกเส้นเดียวกัน ข้ารักท่านเช่นนั้น รักท่านมานานสิบปีเต็ม ข้าจะไม่หักหลังท่านแน่นอน”รอยยิ้มนางหวานแหวว คำพูดที่พูดออกมากลับทำให้สีหน้าเฟิงเจิ้งหลียิ่งมืด อุณหภูมิรอบตัวลดลงราวกับน้ำแข็ง ลดต่ำถึงขีดสุด แทบแช่แข็งอากาศเ
พวกเขาต่างคนต่างพูด มีทั้งคนเชื่อ และมีทั้งคนสงสัยสีหน้าฮ่องเต้บึ้งตึง จ้องมีดที่เปื้อนเลือดเล่มนั้น ดวงตาที่ขุ่นมัวเคร่งขรึมจนถึงขีดสุด เงยหน้ามองเฟิงเย่เสวียนที่ยืนอยู่ตรงที่เดิม กล่าวอย่างเย็นชา“อธิบาย!”แม้รัชทายาทถูกปลดแล้ว แต่เฟิงเจิ้งอวี้เป็นองค์ชายองค์ชายจะถูกคนฆ่าส่งเดชได้อย่างไร?เฟิงเย่เสวียนกวาดมองอาวุธก่อเหตุ ในริมฝีปากปากพูดออกมาสองคำ“ใส่ร้าย”เขาดูถูกที่จะลงมือกับคนอ่อนแอ ถ้าหากเขาต้องการชีวิตของเฟิงเจิ้งอวี้ ก็ลงมือนานแล้ว เหตุใดต้องรอถึงตอนนี้?เขากล่าวอย่างเย็นชา “สงครามชายแดนปีที่แล้ว สงครามปราบโจร โรคระบาดเมืองตงหนิง หากหม่อมฉันถือสาจริง พี่ใหญ่สามารถมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้หรือ? เรื่องนี้ เสด็จพ่อน่าจะเข้าพระทัย”ฮ่องเต้กุมมือตนเองเขารู้นิสัยใจคอของอ๋องเฉินหลายปีมานี้ เฟิงเจิ้งอวี้วางแผนทำร้ายเขาทั้งลับหลังและต่อหน้า ยั่วยุเขา ถ้าหากเขาจะเอาจริง ไม่มีทางใช้วิธีลอบสังหารที่ต่ำช้าเช่นนี้แต่อาวุธก่อเหตุมาจากจวนอ๋องเฉิน ถ้าหากไม่ลากตัวคนร้ายออกมา หาความจริงให้กระจ่าง จะให้เขาอธิบายกับบรรพชนอย่างไร?“น้องเจ็ด พวกเราย่อมเชื่อเจ้าแน่นอน พวกเราเป็นคนครอ
“ข้าบอกแล้วว่าไม่จำเป็น!” เฟิงเย่เสวียนเอ่ยปากอย่างแข็งกร้าว จ้องฮ่องเต้ตรงๆ “ให้เวลาข้าสามวัน ข้าจะตรวจสอบจนความจริงปรากฏแน่นอน!”คดีอาญา เรื่องเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ เป็นเรื่องใหญ่โต ส่งผลกระทบต่อวงกว้าง เขารู้ว่าฉู่เชียนหลีไม่ใช่คนร้าย ไม่จำเป็นต้องไปรบกวนฉู่เชียนหลีช่วงที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ของเขากับฉู่เชียนหลีละเอียดอ่อนมาก ไม่อยากให้เรื่องจุกจิกเหล่านี้ไปรบกวนฉู่เชียนหลี“ตอนนี้ไม่ได้กำลังตรวจสอบคดีหรือ?” อ๋องเจวี๋ยถามกลับด้วยความสงสัย “เหตุใดเจ้าตรวจสอบก็เจอ พอศาลต้าหลี่ตรวจสอบก็ไม่เจอแล้ว?”เขาเอียงศีรษะ กล่าวอย่างอยากรู้อยากเห็น“เจ้ากับพระชายาอ๋องเฉินเป็นสามีภรรยา มีเพียงให้เสด็จพ่อตรวจสอบ จึงจะค่อนข้างยุติธรรมกระมัง?”อ๋องเฟิงก็หัวเราะแล้วกล่าว“น้องเจ็ด เจ้าก็บอกแล้วว่าฉู่เชียนหลีไม่ใช่คนร้าย เช่นนั้นตรวจสอบหน่อยจะเป็นอะไร? คนโบราณพูดได้ดี ประพฤติตนอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรต้องกลัว มีเพียงคนที่เป็นโจรร้อนตัวเท่านั้นจึงจะตื่นตระหนก”เขายิ้มแย้ม คำพูดเหมือนจะปกป้อง แต่ก็มีความหมายลึกซึ้งอย่างอื่นแอบแฝงระหว่างพี่น้อง ไม่มีใครธรรมดา“ดูสภาพเจ้าในตอนนี้ มันใช้ไ
เดิมทีนางสงสัยฉู่เจียวเจียว แต่เฟิงเจิ้งหลีเป็นพยานให้ฉู่เจียวเจียว นางสับสนอีกครั้งระหว่างทางเข้าวัง นางคิดเรื่องนี้ตลอดตกลงคนร้ายเป็นใครกันแน่?คิดต้นตอไม่ออก และเป็นแพะรับบาปไม่ได้ เช่นนั้นก็มีเพียงวิธีเดียว…ฉู่เชียนหลีเงยหน้า “เสด็จพ่อ เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เป็นการใส่ร้ายป้ายสี ใครที่ฆ่าคนแล้วจะเก็บอาวุธก่อเหตุไว้บ้าง? และยังเก็บไว้ในที่โจ่งแจ้งเช่นนั้น? ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือ?”คำพูดนี้ทุกคนล้วนรู้แต่หลักฐานแน่นหนา จะอธิบายอย่างไร? นอกจากหาคนร้ายตัวจริงเจอ พระชายาอ๋องเฉินจึงจะสามารถหลุดพ้นความผิด“ที่จริง หม่อมฉันสงสัยว่า…องค์ชายใหญ่ฆ่าตัวตาย”“ฆ่าตัวตาย!?”เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทุกคนตะลึงงันองค์ชายใหญ่ใช้มีดสั้นแทงตนเอง หลังจากนั้นค่อยโยนอาวุธก่อเหตุใส่จวนอ๋องเฉินเพื่อปรักปรำ?เหอๆนี่เป็นมุกตลกที่ฝืดที่สุดในปีนี้อ๋องเจวี๋ยยิ้มเล็กน้อย “นี่พระชายาเห็นทุกคนเป็นคนโง่หรือ?”ฉู่เชียนหลีกล่าวอย่างเย็นชา “แม้ว่าองค์ชายใหญ่ถูกส่งเข้าจวนเฟิงเหริน แต่เขาเคยมีผู้ใต้บังคับบัญชา! มีคนไม่น้อยที่จงรักภักดีต่อเขา ดังนั้นเมื่อวานเขาจึงสามารถหนีออกจากจวนเฟิงเหริน!”อาศัยกำ
ทันใดนั้น ห้องทรงพระอักษรเกิดความวุ่นวายอ๋องเฉินจะลงมือ อ๋องเจวี๋ยถูกกดไว้ อ๋องติ้งรีบพาคนเข้ามาแยก อ๋องอันห้ามปรามอยู่ข้างๆ อ๋องเฟิงอยากอยากแทรกแต่แทรกไม่เข้า ได้แต่เติมเชื้อไฟอยู่ข้างๆ เหล่าขันทีสะดุ้งตกใจ ร้อนรนจนเดินวนอยู่ข้างๆ“พอได้แล้ว อย่าทะเลาะกันเลย ท่านอ๋องทั้งหลายใจเย็นๆ ก่อน! ฝ่าบาทยังอยู่ตรงนี้นะ!”“ที่นี่คือห้องทรงพระอักษรนะ!”“อย่าทะเลาะกันเลย!”“พอได้แล้ว!”“เฟิงเย่เสวียน!”เจ้าพูดคำ ข้าพูดคำ เสียงของทุกคนปะปนรวมกัน แยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร วุ่นวายไปหมดฮ่องเต้ยืนอยู่ข้างๆ สีหน้าน่าเกลียดเหมือนกินแมลงวันเข้าไปเจ้าพวกคนไม่เอาถ่านกลุ่มนี้ เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงกับลงไม้ลงมือ ทะเลาะกันในห้องทรงพระอักษรถึงขั้นนี้ ยังเห็นเขาที่เป็นเสด็จพ่อคนนี้อยู่ในสายตาหรือไม่?!ฉู่เชียนหลีอยากห้าม แต่ห้ามปรามสองประโยค พบว่าไม่มีใครฟังนาง แต่เป็นเช่นนี้ต่อไป มีแต่จะทำให้เรื่องราวบานปลายมากขึ้น หากเผยแพร่ออกไป เรื่องที่องค์ชายใหญ่ตายก็ปิดไม่อยู่แล้วดูเหมือนวันนี้หาคนร้ายไม่เจอ ไม่เลิกราแน่นอนจวนอ๋องเฉินไม่มีทางเป็นแพะรับบาปหาคนร้ายไม่เจอชั่วคราว ก็ให้คำอธิบายไม่ได้ ได้แต่คิ
หมอหลวงกล่าว “พระชายาอ๋องเฉินเพิ่งมีครรภ์หนึ่งเดือนกว่า ทารกในครรภ์ยังไม่มั่นคง ร่างกายนางผอมบาง บวกกับก่อนหน้านี้น่าจะได้รับความตกใจ จึงเป็นหมดสติพ่ะย่ะค่ะ”“บำรุงครรภ์! ใช้ยาบำรุงครรภ์ที่ดีที่สุดเดี๋ยวนี้!” ฮ่องเต้โบกมือทันที ดวงตาที่มองท้องของฉู่เชียนหลีเปล่งประกายแสงจ้าห้าพันวัตต์ อยากมองทะลุเข้าไปในท้องเสียเดี๋ยวนี้“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หมอหลวงไปตรวจชีพจรที่จวนอ๋องเฉินทุกๆ สามวัน ประทานยาบำรุงหนึ่งร้อยชุด ต้องดูแลเด็กในครรภ์พระชายาอ๋องเฉินให้ดี จนกว่าจะคลอดออกมาอย่างปลอดภัย”ดูจากคำพูดและการกระทำของเขา มองเห็นความรักและความปรารถนาที่เขามีต่อทายาทราชวงศ์ได้ไม่ยากเกือบห้าสิบปีมานี้ มีเพียงหลานสาวสองคน ไม่มีหลานชายสักคน ตาแก่คนอื่นที่อายุไล่เลี่ยกัน มีลูกหลานเต็มบ้านนานแล้วเจ้าลูกชายไร้ประโยชน์ทั้งเจ็ดคนนี้! ลูกชายเจ็ดคนไม่มีหลานชายแม้แต่คนเดียว!ไร้ประโยชน์!เด็กที่อยู่ในครรภ์พระชายาอ๋องเฉิน ต้องเป็นผู้ชายแน่นอน!“พ่ะย่ะค่ะ!” หมอหลวงรับบัญชา รีบกลับสำนักหมอหลวงเพื่อปรุงยาบำรุงทันทีอ๋องเจวี๋ยเห็นแล้ว รีบก้าวออกไป “เสด็จพ่อ แล้วเรื่องของพี่ใหญ่…”“เสด็จพ่อ เชียนหลีเพ
“อ่า…”ชายคนนั้นล้มอยู่บนพื้น สองมือกอดร่างกายตัวเองแน่น ใบหน้าที่ละเอียดละออจนยากจะแยกออกว่าเป็นเพศใดแดงก่ำ เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและทรมานดวงตาหงส์ที่เรียวยาวพร่ามัว เจ็บจนแทบไม่มีสติแล้วฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว ตรวจชีพจรเขาครู่หนึ่งตัวร้อนจนหน้าตกใจชีพจรยุ่งเหยิงและอ่อนมากถูกพิษ แต่ก็ไม่เหมือนถูกพิษ ไข้สูง แต่ก็ไม่เหมือนไข้สูง ป่วย แต่ก็ไม่เหมือนป่วย รักษาคนมาหลายปี เพิ่งเคยพบอาการแปลกๆ เช่นนี้ครั้งแรกหลังจากครุ่นคิด ทำได้เพียงสกัดจุดชีพจรที่สำคัญต่างๆ ของเขา“ช่วย…ช่วยข้า…”เขาเจ็บมาก มีเส้นเลือดสีฟ้าปูดขึ้นที่หน้าผากเขาคว้าข้อมือของฉู่เชียนหลีไว้มือของเขาร้อนมาก!ดวงตาแดงก่ำฉู่เชียนหลีเม้มริมฝีปาก กวาดมองซ้ายขวา เมื่อเห็นมีโรงหมอที่ท้ายถนน ก็รีบประคองเขาขึ้นมาเตรียมตัวส่งคนไปที่โรงหมอ แต่เนื่องจากรูปร่างของเขาสูงใหญ่และหนักมาก กว่าจะลุกขึ้นได้ น้ำหนักตัวเขาก็ล้มทับไปทางฉู่เชียนหลีทั้งหมดหนึ่งร้อยกว่าชั่ง ทับจนฉู่เชียนหลีล้มลงบนพื้นทันทีปัง!ฉู่เชียนหลีอยู่ข้างล่าง เขาอยู่ข้างบนบนถนน ท่าทางที่เป็นจุดเด่นของคนทั้งสอง ดึงดูดผู้คนไม่น้อยทันที มีชาวบ้านคนหนึ่งยิ
สงครามนำไปสู่ความวุ่นวายพริบตาเดี๋ยวก็ผ่านไปเจ็ดวันแล้ว“รายงาน…”ทหารส่งสารวิ่งเข้าตำหนัก คุกเข่าอยู่บนพื้น กล่าวรายงานด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว “ทูล ทูลฝ่าบาท เมืองเจียหนาน…ถูกยึดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าของเหล่าขุนนางเปลี่ยนฉับพลันบนราชบัลลังก์ เฟิงเจิ้งหลีได้ยินข่าวนี้ สีหน้าสงบ เรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเงียบหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง จึงจะกล่าวอย่างเรียบเฉย“ฮืม”ทหารส่งสารหวาดกลัว กองทัพของอ๋องเฉินมาอย่างดุดัน และโจมตีกะทันหัน บุกโจมตีอย่างดุเดือด เมืองเจียหนานต้านไม่ไหว แค่คืนเดียวก็ถูกยึดแล้วเหล่าขุนศึกกล่าวอย่างร้อนใจ“เมืองเจียหนานขุดเหมืองมากมาย แร่เหล่าหลายหมื่นชั่งล้วนอยู่ที่นั่น หากไม่มีแร่เหล็ก อาวุธของเราก็จะลดลงอย่างมาก เมื่อเกิดการสู้รบ ก็เหมือนกับแม่ครัวไม่มีข้าวให้หุง…”ไม่มีอาวุธจะได้อย่างไร?“เหตุใดอ๋องเฉินโดดข้ามสองเมือง โจมตีเมืองเจียหนานกะทันหัน?”“ไม่มีเหตุผลเลย!”“ใช่”“เมืองมากมายไม่โจมตี ดันไปโจมตีเมืองเจียหนานกะทันหัน…”เหล่าขุนนางเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ถกเถียงเรื่องนี้กันเบาๆ คนละหนึ่งประโยค บรรยากาศวุ่นวายไปหมดเฟิงเจิ้งหลีหลุบตาเล็กน้อย
พลันจวินลั่วยวนแน่นหน้าอก เมื่อเห็นเสด็จแม่ทำหน้าจริงจัง รีบอธิบายทันที“เสด็จแม่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น…ข้า ข้า…”“ข้าทุ่มเทให้เจ้าทั้งกายและใจ ทุกอย่างที่ทำไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนเลย”นางรัก ‘ลูกสาว’ คนหนึ่งที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดมากเช่นนี้ ลองถามใจตัวเองดู นางรู้สึกว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้วเพราะหาลูกสาวแท้ๆ ไม่เจอเพราะรู้สึกผิดดังนั้นจึงยิ่งดีกับจวินลั่วยวนมากๆ หวังเพียงสิ่งที่ตัวเองทำด้วยใจ จะสามารถทำให้สวรรค์ซาบซึ้ง ประทานพรทั้งหมดให้ลูกสาวแท้ๆ หวังว่าลูกสาวแท้ๆ อยู่ในสถานที่ที่นางไม่รู้จัก ก็มีแม่คนหนึ่งที่ดีกับนางเช่นนี้“เสด็จพ่อของเจ้ารักเจ้า พี่ชายทั้งสามของเจ้าตามใจเจ้าทุกอย่าง ทุกคนล้วนเอาเจ้าเป็นที่ตั้ง ทั้งแคว้นหนานยวนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า หรือข้ายังดีกับเจ้าไม่พออีก?”ฮองเฮาหนานยวนกล่าวอย่างปวดใจช่างเถอะพูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์เป็นเพราะพวกเขาปกป้องยวนเอ๋อร์ดีเกินไป ส่งผลให้นางอายุสิบเจ็ดปีแล้ว ยังไม่มีความสามารถในการดูแลตัวเอง และไม่เข้าใจสัจธรรมทางโลกอย่างไรก็เป็นลูกที่นางเลี้ยงมากับมือสิบเจ็ดปี โทษลูกสาวไม่ลง ถอนหายใจแล้วกล่าว“กลั
“ความงามของค่าพังหมดแล้ว!”“ข้ากลายเป็นคนอัปลักษณ์แล้ว!”“ข้าจะฆ่าเจ้า! อ๊ะ!”จวินลั่วยวนนั่งอยู่บนพื้น กรีดร้องถีบเท้างอแงเหมือนเด็กคนหนึ่ง มือทั้งสองข้างก็ทั้งโบกทั้งเหวี่ยงท่าทางที่ป่าเถื่อนนั่น ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้เรื่องราวบานปลายไม่นาน ฮองเฮาหนานยวนมาแล้ว“เสด็จแม่!”เมื่อจวินลั่วยวนเห็นมารดา ก็ปล่อยโฮร้องไห้ทันที “เสด็จแม่ ท่านต้องแก้แค้นให้ยวนเอ๋อร์นะเพคะ พระชายาอ๋องเฉินตีหน้าข้า นางอิจฉาความงามของข้า นางจะทำลายโฉมของข้า!”“ข้ากลายเป็นคนอัปลักษณ์แล้ว ทำอย่างไรดี อ๊ะ! ข้าไม่อยากเป็นคนอัปลักษณ์! ฮือๆ…”นางกล่าวทั้งน้ำตาฮองเฮาหนานยวนยกคางของจวินลั่วยวนขึ้น เมื่อดูอย่างละเอียดบนผิวหนังบริเวณแก้มมีรอยขีดข่วนเล็กๆ และมีเลือดออกเล็กน้อย นอกจากนี้ก็ไม่มีบาดแผลอื่นนางดูจนคิ้วขมวด“ยวนเอ๋อร์!”แผลแค่นี้ ร้องไห้เหมือนจะเป็นจะตาย ทำเอาคนทั้งทำเนียบเจียงหนานวุ่นวายไปหมด ไม่สมกับเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นเลยทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะจวินลั่วยวนกำลังเสียใจ ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว“ข้าไม่สวยแล้ว! ใบหน้าของข้าได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง เสด็จแม่ ท่านต้องออก
หลังจากกล่าวจบ ในความมืด เสียงลมหายใจของเฟิงเย่เสวียนแรงขึ้นแรงน้อย“ครึ่งปีมานี้ เขาดีกับเขา และดีกับจื่อเยี่ยมาก ไม่เคยทำร้ายพวกเราเลย ตอนข้าเลือกที่จะหักหลังเขา ไม่รู้เพราะเหตุใด ในใจรู้สึกผิดอย่างน่าประหลาด”ฉู่เชียนหลีจับหน้าอก อธิบายความรู้สึกนี้ไม่ถูก“ถ้าหากเจ้าได้รับชัยชนะของจุดจบ ไม่ฆ่าเขาได้หรือไม่? ทำให้เขาพิการก็ได้ กักบริเวณทั้งชีวิตก็ได้ ข้าไม่อยากให้เขาตายเพราะทำดีกับข้า”สายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึม มือที่วางอยู่บนเอวของนางกระชับแน่นขึ้นเล็กน้อยเหมือนกำลังข่มอารมณ์แต่แค่สองวินาที ก็คลายมือออกอย่างเงียบๆ เปล่งเสียงออกมาจากลำคอแค่คำเดียว“อืม”ทั้งคืนไร้คำพูดวันรุ่งขึ้นฉู่เชียนหลีเพิ่งกินข้าวเช้าเสร็จ มีเสียงที่เกรี้ยวกราดดังขึ้นจากนอกประตู“ฉู่เชียนหลี!”จวินลั่วหยวนสีหน้านางดูโกรธมาก เดินปรี่เข้ามา ไฟโทสะทั้งหมดมุ่งเป้ามาที่ฉู่เชียนหลีสาวใช้เสียวอู่เข้าไปขวางทันที“เจ้าออกไปก่อน” ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองผู้มา “มีอะไร?”จวินลั่วหยวนกล่าวด้วยความโกรธ“ข้าเจ็บที่หน้า ยังไม่ทันมาหาเรื่องเจ้า แต่เจ้ากลับกล้าส่งคนออกไปปล่อยข่าวลือที่ข้างนอก ทำลายชื่อเสียงข
จะไม่ขอพบอีก…อวิ๋นอิงกล่าวอย่างเด็ดขาดเด็ดเดี่ยว เฉียบขาดไร้ความรู้สึกใดๆ ในแววตาชีวิตที่เหลือ นางและเจี๋ยวเจี๋ยวพึ่งพากันและกัน ไม่คิดไม่ต้องการสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น ถูกหรือผิดล้วนไม่ยุ่งเกี่ยวชีวิตที่เหลือ อยู่เพื่อเจี๋ยวเจี๋ยวเท่านั้นฉู่เชียนหลีอ้าปาก ยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่อวิ๋นอิงตัดสินใจไปแล้ว พูดมากมีแต่จะยิ่งทำให้นางรู้สึกต่อต้านถอนหายใจเบาๆช่างเถอะ!ส่วนวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ เส้นทางของวันข้างหน้ายังอีกยาวไกล ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้กับเรื่องไม่คาดคิด อันไหนจะมาก่อนกัน“เจ้าพักผ่อนเถอะ ข้าช่วยเจ้าอุ้มลูกออกไปก่อน แม่นมก็เตรียมไว้แล้ว เจ้าผอมเกินไป อย่าป้อนนมแม่เอง”น้ำนมหนึ่งหยด ก็คือเลือดหนึ่งหยดฉู่เชียนหลียุ่งเรื่องทางนี้เสร็จ เมื่อกลับถึงห้องก็ดึกแล้วหนึ่งวันที่แสนวุ่นวายสิ้นสุดลง ไม่ง่ายเลยที่จะมีเวลาได้นอนกับเว่ยซีและจื่อเยี่ย ยังไม่ทันนอนลงไป ก็ถูกเฟิงเย่เสวียนที่กลับมาไล่ออกไป เปลี่ยนเป็นเขามานอนกับนางแทนตั้งแต่กลับมา ยังไม่เคยได้นอนกับลูกชายและลูกสาวเพียงลำพังเลยถูกเขาไล่ออกไปทุกครั้งเขากล่าว“นี่เป็นเตียงของข้า”ค
จ้านหู่จากไปพร้อมกับคำด่าทอ เหมือนกับเม่นที่อารมณ์ไม่ดีตัวหนึ่งฉู่เชียนหลีไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าเขา คิดเสียว่าเป็นการผูกมิตรแม้จ้านหู่เป็นคนของฮองเฮาซีอวี้ แต่ในใจยังมีความอ่อนโยนอยู่ หวังว่ากันผูกมิตรนี้ของนาง วันข้างหน้าจะสามารถช่วยจิ่งอี้กลับห้องอารมณ์ของอวิ๋นอิงสงบลงมากแล้วฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ที่ขอบเตียง “ร่างกายของเจ้ารับปัญหาอะไรไม่ไหวแล้ว ต่อจากนี้สามเดือน เจ้าพักฟื้นเถอะ”พักฟื้นหลังคลอดหนึ่งร้อยวันอวิ๋นอิงไม่สนใจเรื่องนี้ นางกอดลูกที่ได้คืนมาหลังจากสูญเสียไว้แน่น เบ้าตาแดงก่ำ“พระชายา ขอบคุณมาก!”“ขอบคุณที่ท่านช่วยเอาลูกสาวของข้ากลับคืนมา!”ตื้นตันจนน้ำตาไหลฉู่เชียนหลีเช็ดน้ำตาให้นาง “ยายโง่ ระหว่างเจ้ากับข้าต้องใช้คำพูดเช่นนี้ด้วยหรือ? ครึ่งปีที่ข้าไม่อยู่ เจ้าช่วยค่าดูแลเว่ยซีกับลู่ฉิน คนที่ควรพูดขอบคุณคือข้า”“ระหว่างพักฟื้น ห้ามร้องไห้เด็ดขาด และห้ามนั่งนาน ระหว่างทิ้งต้นตอของโรคไว้”“อืม!”อวิ๋นอิงกอดลูกไว้แน่น พยักหน้าแรงๆฉู่เชียนหลีมองเด็กที่นอนหลับสนิทในผ้าห่อทารกตัวน้อยๆ หนังเหี่ยวย่น แก้มแดง ท่าทางคล้ายจิ่งอี้ คิ้วบางเหมือนอวิ๋นอิง และยังมีกลีบริม
ความเจ็บปวดจากการสูญเสีย ความสุขจากการได้คืนมา ความรู้สึกสองแบบที่ต่างกันสุดขั้วนี้ นางไม่อยากรู้สึกอีกถ้าหากต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้อีกครั้ง นางตายแน่!“พระชายา เด็กคนนี้คือชีวิตของข้า ข้าไม่ยอมให้ใครมาแย่งนางไป! ข้าจะปกป้องนางด้วยชีวิต!”ฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ตรงขอบเตียง กล่าวปลอบใจ“ข้ารู้”เด็กทุกคนล้วนเป็นจุดอ่อนของมารดา“ไม่มีใครสามารถแย่งลูกของเจ้าไปได้”“แต่ว่า อวิ๋นอิง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับจิ่งอี้ เจ้าเข้าใจเขาผิดแล้ว” นางเงยหน้า ส่งสัญญาณให้ข้างนอกทหารสองคนคุมตัวจ้านหู่เข้ามาจ้านหู่กล่าว“ช่วงเช้าของวันนี้ ข้าเป็นคนแย่งเด็กในโรงหมอเอง”“ข้าคิดว่าเจ้าคลอดลูกชาย กลัวมีปัญหามากมายตามมา ก็เลยเข้าไปแย่งเด็ก ใครจะรู้ว่าเป็นเด็กผู้หญิง ในเมื่อเป็นเด็กผู้หญิง เช่นนั้นก็จะไม่เป็นภัยคุกคามต่อฮองเฮา”ดังนั้นเขาก็เลยคืนเด็กแล้วอวิ๋นอิงรู้จักจ้านหู่ เขาคือคนที่บีบบังคับให้จิ่งอี้ดื่มยาพิษ แต่หลายวันนี้นางต้องผ่านเหตุการณ์มากมาย เดิมทีสภาพจิตใจก็อ่อนแออยู่แล้ว จึงได้สร้างแนวป้องกันขึ้นในใจนางต้องการแค่ลูกสาว!ใครพูดนางก็ไม่อยากฟัง!และไม่เชื่อใครด้วย!กอดลูกสาวแน่น ปก
ปัง!ประตูถูกกระแทกจนเปิดออก ร่างกายจวินลั่วยวนหมุนกลางอากาศหนึ่งรอบ รอยกระเด็นออกไป ล้มหน้าคว่ำลงพื้น รู้สึกมึนงงไปหมดผ่านไปห้าวินาทีเต็มๆ จึงจะตั้งสติได้นาง…โดนตบ?“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”“เหตุใดองค์หญิงหนานยวนลอยออกมาจากห้องท่านอ๋อง…”“ดูเหมือนใครบางคนไม่รู้จักเจียมตัว…”นอกเรือน เมื่อทหารที่เฝ้ายามและคนรับใช้เห็นภาพนี้ เริ่มพากันวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ คำพูดบางประโยคลอยเข้าหูของจวินลั่วยวน ทำให้สีหน้าของนางเดี๋ยวซีด เดี๋ยวดำ เดี๋ยวม่วง ดูน่าเกลียดมากเงยหน้าแก้มแสบร้อนใช้มือลูบเบาๆมีเลือด…“หน้าของข้า!”ใบหน้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนาง!จวินลั่วยวนโกรธแล้ว “อ๋องเฉิน! ท่านกล้าทำร้ายข้า หรือท่านไม่อยากให้แคว้นหนานยวนสนับสนุนท่าน? ฮ่องเต้หลีเริ่มใกล้ชิดกับแคว้นซีอวี้แล้ว ถ้าหากท่านไม่ได้รับการสนับสนุนจากแคว้นหนานยวนของเรา ท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮ่องเต้หลี!”มาถึงขั้นนี้แล้ว เขายังไม่รู้ตัวอีกหรือ?เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงกล้าทำร้ายนาง?เฟิงเย่เสวียนยืนอยู่บนบันไดขั้นที่สาม ก้มมองนางที่แยกเขี้ยวยิงฟัน หัวเราะอย่างเย็นชา“วันนี้ได้เห็น แคว้นหนานยวนไม่ได้มีค่า