“พระชายา…”“พอแล้ว อย่าคิดมาก ไปเปลี่ยนยาให้อวิ๋นอิงเถอะ อาการบาดเจ็บของนางน่าจะใกล้หายดีแล้ว” ฉู่เชียนหลีลูบศีรษะของเยว่เอ๋อร์ ปลอบใจครู่หนึ่งเยว่เอ๋อร์อ้าปากแล้วอ้าปากอีกอาจจะเป็นเพราะองค์ชายใหญ่เพิ่งลักพาตัวพระชายา วันที่สองก็ตายแล้ว นางกังวลเล็กน้อย ไปเปลี่ยนยาให้อวิ๋นอิงอย่างไม่สบายใจแล้วเพิ่งเดินออกไป พ่อบ้านก็มาแล้ว“พระชายา พี่สาวของท่านมาแล้ว…”พี่สาว?ฉู่เชียนหลีเงยหน้า มองเห็นฉู่เจียวเจียวที่เดินตามหลังพ่อบ้าน สีหน้าเรียบเฉย กล่าวกับพ่อบ้าน“ท่านไปทำงานก่อนเถอะ”“ขอรับ” พ่อบ้านขานรับหนึ่งคำก็ไปแล้วฉู่เจียวเจียวก้าวเท้ายาวเข้ามาในห้อง “น้องหญิง!”นางเหมือนร้อนใจเล็กน้อย “น้องหญิง ข้ารู้ว่ามาหาเจ้ากะทันหันเช่นนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่ข้าไม่ระวังทำเหล้ายาที่เจ้าให้อ๋องหลีแตกแล้ว…”“เจ้ายังมีอีกหรือไม่ สามารถให้ข้าอีกหนึ่งขวดหรือไม่?”“?”เพื่อเรื่องนี้?ฉู่เจียวเจียวที่ดูถูกนางมาโดยตลอด มาขอร้องนางถึงจวนอ๋องด้วยตนเอง เพื่ออาการบาดเจ็บของอ๋องหลี?น้อยมากที่จะได้เห็นแต่ว่าฉู่เจียวเจียวน่าจะจริงใจต่ออ๋องหลี แม้ไม่ได้รับความโปรดปรานจากอ๋องหลี ไม่เป็นที่ยอมรับ นางก็ย
ฉู่เชียนหลีออกจากจวนเที่ยวหนึ่ง ซื้อของมากมายมือข้างหนึ่งเยว่เอ๋อร์หิ้วจนเต็ม มืออีกข้างประคองนาง ระวังเป็นพิเศษ “พระชายา ของจิปาถะพวกนี้ให้บ่าวออกไปซื้อก็พอแล้ว ร่างกายของท่านผอมบาง ตอนนี้ก็ยังตั้งครรภ์…”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีหยุดฝีเท้า ยกเปลือกตาขึ้นเหลือบมองไปทางนางเยว่เอ๋อร์รู้ตัวว่าพูดหลุดปาก นางรีบหุบปากก้มหน้าลงทันทีแต่งงานเกือบปีแล้ว ในที่สุดก็ตั้งครรภ์ ตามหลักแล้วนี่เป็นเรื่องที่ดี แต่พระชายากลับขอให้เก็บเป็นความลับ แม้แต่ท่านอ๋องก็ไม่บอก…หรือพระชายาทะเลาะกับท่านอ๋องอีกแล้ว?ไม่สมควรนี่นา?ประคองพระชายาเข้าจวนอย่างเงียบๆ เพิ่งเดินเข้าไป พ่อบ้านก็วิ่งมาอย่างเร่งรีบ“แย่แล้ว! พระชายา เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!” ชายชราหอบหายใจ แม้แต่ผมก็วิ่งจนยุ่งเหยิงฉู่เชียนหลีจับไหล่ของเขา “เรื่องอะไร? ไม่ต้องรีบ ค่อยๆ พูด”“ท่านอ๋อง…เป็นท่านอ๋อง…” เขาหอบหายใจ “เมื่อครู่…คนของศาลต้าหลี่มาตรวจค้นจวนอ๋อง เจอมีดสั้นเปื้อนเลือดเล่มหนึ่ง ก็พาท่านอ๋องเข้าวังโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้ว!”ศาลต้าหลี่ทำคดี ล้วนเป็นคดีใหญ่เขาหาข้อมูลอะไรไม่ได้เลย ยิ่งไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ตอนนี้เห็นพระชายา ก็มีเสาหลั
เมื่อสิ้นเสียงอันเย็นชา นางม้วนผมฉู่เจียวเจียว ลากคนออกไปข้างนอก“อ๊า! ปล่อยข้า!”ฉู่เจียวเจียวเจ็บจนน้ำตาเล็ด เส้นผมราวกับจะถูกกระชากจนหลุดทั้งเป็น สองมือตบตีฉู่เชียนหลีอย่างร้อนรน กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น สภาพดูไม่ได้เลย“ฉู่เชียนหลี!”“เจ้าคิดว่าข้าจะเกรงใจกับเจ้าหรือ?” ฉู่เชียนหลีออกแรงกระชากผม ลากนางไถลไปไกลครึ่งเมตร เหมือนกับลากของเสียชิ้นหนึ่งฆ่าองค์ชาย ถูกตีตราโทษเช่นนี้ ต้องตายอย่างไร้ข้อกังขาฉู่เจียวเจียวอยากฆ่านาง นางสามารถอดทนหรือ? “ที่นี่คือจวนอ๋องหลี เจ้าแตะต้องข้าไม่ได้!”“ปล่อยข้านะ!”“อ๊า!”ฉู่เจียวเจียวถูกลากมาถึงหน้าประตู สะบักสะบอมมาก เสียงที่กรีดร้องแหบแล้ว “ใครก็ได้! รีบมาเร็ว! ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้ว! นางบ้าไปแล้ว!”“ฉู่เชียนหลี!”นอกเรือน เฟิงเจิ้งหลีที่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวรีบมา เมื่อเห็นภาพนี้ยืนอึ้งโดยตรง“ท่านอ๋อง ช่วยด้วยท่านอ๋อง!” ฉู่เจียวเจียวยื่นมือทั้งสองข้างออกไป กรีดร้องด้วยดวงตาแดงก่ำ “ฉู่เชียนหลีบุกรุกจวนอ๋องหลี บอกว่าข้านำอาวุธก่อเหตุไปไว้ที่เตียงนาง ใส่ร้ายนางเป็นคนร้ายที่ฆ่าองค์ชายใหญ่! ข้าไม่รู้อะไรเลย!”ร่างเฟิงเจิ้งหลีสั่นสะท้าน
“เจ้าอย่าเพิ่งใจร้อน เกรงว่าจุดประสงค์คนร้ายฆ่าพี่ใหญ่คืออยากทำให้สถานการณ์วุ่นวาย ยิ่งเป็นเวลานี้ ยิ่งต้องใจเย็น” เฟิงเจิ้งหลีกล่าวปลอบใจด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมอาจเป็นเพราะฉู่เชียนหลีหุนหันพลันแล่นเกินไปกระมังเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์สำคัญ นางก็เลยไม่สามารถใจเย็นเม้มปากแน่น มองฉู่เจียวเจียวอีกแวบหนึ่ง เห็นแก่หน้าของอ๋องหลี นางละเว้นฉู่เจียวเจียวชั่วคราว“เมื่อครู่รบกวนแล้ว ขออภัย ข้าเข้าวังไปดูก่อน”“รีบไปเถอะ”ฉู่เชียนหลีเพิ่งไป สีหน้าเฟิงเจิ้งหลีเปลี่ยนไปทันที หันมาคว้าข้อมือฉู่เจียวเจียว ลากคนเข้าห้องโดยตรง“อ๊า!”ฉู่เจียวเจียวเซล้มลงบนพื้น เงยหน้าก็เห็นเฟิงเจิ้งหลีปิดประตูแล้ว ภายในห้องมืดลง ใบหน้าที่มืดมนของเขาเหมือนจะกินคนแต่ตอนนี้นางไม่ได้กลัวค่อยๆ ลุกขึ้นยืน บนใบหน้าเผยให้รอยยิ้มที่หวานแหวว“ท่านอ๋อง อย่าโกรธเลย พวกเราเป็นตั๊กแตนที่อยู่บนเชือกเส้นเดียวกัน ข้ารักท่านเช่นนั้น รักท่านมานานสิบปีเต็ม ข้าจะไม่หักหลังท่านแน่นอน”รอยยิ้มนางหวานแหวว คำพูดที่พูดออกมากลับทำให้สีหน้าเฟิงเจิ้งหลียิ่งมืด อุณหภูมิรอบตัวลดลงราวกับน้ำแข็ง ลดต่ำถึงขีดสุด แทบแช่แข็งอากาศเ
พวกเขาต่างคนต่างพูด มีทั้งคนเชื่อ และมีทั้งคนสงสัยสีหน้าฮ่องเต้บึ้งตึง จ้องมีดที่เปื้อนเลือดเล่มนั้น ดวงตาที่ขุ่นมัวเคร่งขรึมจนถึงขีดสุด เงยหน้ามองเฟิงเย่เสวียนที่ยืนอยู่ตรงที่เดิม กล่าวอย่างเย็นชา“อธิบาย!”แม้รัชทายาทถูกปลดแล้ว แต่เฟิงเจิ้งอวี้เป็นองค์ชายองค์ชายจะถูกคนฆ่าส่งเดชได้อย่างไร?เฟิงเย่เสวียนกวาดมองอาวุธก่อเหตุ ในริมฝีปากปากพูดออกมาสองคำ“ใส่ร้าย”เขาดูถูกที่จะลงมือกับคนอ่อนแอ ถ้าหากเขาต้องการชีวิตของเฟิงเจิ้งอวี้ ก็ลงมือนานแล้ว เหตุใดต้องรอถึงตอนนี้?เขากล่าวอย่างเย็นชา “สงครามชายแดนปีที่แล้ว สงครามปราบโจร โรคระบาดเมืองตงหนิง หากหม่อมฉันถือสาจริง พี่ใหญ่สามารถมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้หรือ? เรื่องนี้ เสด็จพ่อน่าจะเข้าพระทัย”ฮ่องเต้กุมมือตนเองเขารู้นิสัยใจคอของอ๋องเฉินหลายปีมานี้ เฟิงเจิ้งอวี้วางแผนทำร้ายเขาทั้งลับหลังและต่อหน้า ยั่วยุเขา ถ้าหากเขาจะเอาจริง ไม่มีทางใช้วิธีลอบสังหารที่ต่ำช้าเช่นนี้แต่อาวุธก่อเหตุมาจากจวนอ๋องเฉิน ถ้าหากไม่ลากตัวคนร้ายออกมา หาความจริงให้กระจ่าง จะให้เขาอธิบายกับบรรพชนอย่างไร?“น้องเจ็ด พวกเราย่อมเชื่อเจ้าแน่นอน พวกเราเป็นคนครอ
“ข้าบอกแล้วว่าไม่จำเป็น!” เฟิงเย่เสวียนเอ่ยปากอย่างแข็งกร้าว จ้องฮ่องเต้ตรงๆ “ให้เวลาข้าสามวัน ข้าจะตรวจสอบจนความจริงปรากฏแน่นอน!”คดีอาญา เรื่องเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ เป็นเรื่องใหญ่โต ส่งผลกระทบต่อวงกว้าง เขารู้ว่าฉู่เชียนหลีไม่ใช่คนร้าย ไม่จำเป็นต้องไปรบกวนฉู่เชียนหลีช่วงที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ของเขากับฉู่เชียนหลีละเอียดอ่อนมาก ไม่อยากให้เรื่องจุกจิกเหล่านี้ไปรบกวนฉู่เชียนหลี“ตอนนี้ไม่ได้กำลังตรวจสอบคดีหรือ?” อ๋องเจวี๋ยถามกลับด้วยความสงสัย “เหตุใดเจ้าตรวจสอบก็เจอ พอศาลต้าหลี่ตรวจสอบก็ไม่เจอแล้ว?”เขาเอียงศีรษะ กล่าวอย่างอยากรู้อยากเห็น“เจ้ากับพระชายาอ๋องเฉินเป็นสามีภรรยา มีเพียงให้เสด็จพ่อตรวจสอบ จึงจะค่อนข้างยุติธรรมกระมัง?”อ๋องเฟิงก็หัวเราะแล้วกล่าว“น้องเจ็ด เจ้าก็บอกแล้วว่าฉู่เชียนหลีไม่ใช่คนร้าย เช่นนั้นตรวจสอบหน่อยจะเป็นอะไร? คนโบราณพูดได้ดี ประพฤติตนอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรต้องกลัว มีเพียงคนที่เป็นโจรร้อนตัวเท่านั้นจึงจะตื่นตระหนก”เขายิ้มแย้ม คำพูดเหมือนจะปกป้อง แต่ก็มีความหมายลึกซึ้งอย่างอื่นแอบแฝงระหว่างพี่น้อง ไม่มีใครธรรมดา“ดูสภาพเจ้าในตอนนี้ มันใช้ไ
เดิมทีนางสงสัยฉู่เจียวเจียว แต่เฟิงเจิ้งหลีเป็นพยานให้ฉู่เจียวเจียว นางสับสนอีกครั้งระหว่างทางเข้าวัง นางคิดเรื่องนี้ตลอดตกลงคนร้ายเป็นใครกันแน่?คิดต้นตอไม่ออก และเป็นแพะรับบาปไม่ได้ เช่นนั้นก็มีเพียงวิธีเดียว…ฉู่เชียนหลีเงยหน้า “เสด็จพ่อ เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เป็นการใส่ร้ายป้ายสี ใครที่ฆ่าคนแล้วจะเก็บอาวุธก่อเหตุไว้บ้าง? และยังเก็บไว้ในที่โจ่งแจ้งเช่นนั้น? ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือ?”คำพูดนี้ทุกคนล้วนรู้แต่หลักฐานแน่นหนา จะอธิบายอย่างไร? นอกจากหาคนร้ายตัวจริงเจอ พระชายาอ๋องเฉินจึงจะสามารถหลุดพ้นความผิด“ที่จริง หม่อมฉันสงสัยว่า…องค์ชายใหญ่ฆ่าตัวตาย”“ฆ่าตัวตาย!?”เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทุกคนตะลึงงันองค์ชายใหญ่ใช้มีดสั้นแทงตนเอง หลังจากนั้นค่อยโยนอาวุธก่อเหตุใส่จวนอ๋องเฉินเพื่อปรักปรำ?เหอๆนี่เป็นมุกตลกที่ฝืดที่สุดในปีนี้อ๋องเจวี๋ยยิ้มเล็กน้อย “นี่พระชายาเห็นทุกคนเป็นคนโง่หรือ?”ฉู่เชียนหลีกล่าวอย่างเย็นชา “แม้ว่าองค์ชายใหญ่ถูกส่งเข้าจวนเฟิงเหริน แต่เขาเคยมีผู้ใต้บังคับบัญชา! มีคนไม่น้อยที่จงรักภักดีต่อเขา ดังนั้นเมื่อวานเขาจึงสามารถหนีออกจากจวนเฟิงเหริน!”อาศัยกำ
ทันใดนั้น ห้องทรงพระอักษรเกิดความวุ่นวายอ๋องเฉินจะลงมือ อ๋องเจวี๋ยถูกกดไว้ อ๋องติ้งรีบพาคนเข้ามาแยก อ๋องอันห้ามปรามอยู่ข้างๆ อ๋องเฟิงอยากอยากแทรกแต่แทรกไม่เข้า ได้แต่เติมเชื้อไฟอยู่ข้างๆ เหล่าขันทีสะดุ้งตกใจ ร้อนรนจนเดินวนอยู่ข้างๆ“พอได้แล้ว อย่าทะเลาะกันเลย ท่านอ๋องทั้งหลายใจเย็นๆ ก่อน! ฝ่าบาทยังอยู่ตรงนี้นะ!”“ที่นี่คือห้องทรงพระอักษรนะ!”“อย่าทะเลาะกันเลย!”“พอได้แล้ว!”“เฟิงเย่เสวียน!”เจ้าพูดคำ ข้าพูดคำ เสียงของทุกคนปะปนรวมกัน แยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร วุ่นวายไปหมดฮ่องเต้ยืนอยู่ข้างๆ สีหน้าน่าเกลียดเหมือนกินแมลงวันเข้าไปเจ้าพวกคนไม่เอาถ่านกลุ่มนี้ เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงกับลงไม้ลงมือ ทะเลาะกันในห้องทรงพระอักษรถึงขั้นนี้ ยังเห็นเขาที่เป็นเสด็จพ่อคนนี้อยู่ในสายตาหรือไม่?!ฉู่เชียนหลีอยากห้าม แต่ห้ามปรามสองประโยค พบว่าไม่มีใครฟังนาง แต่เป็นเช่นนี้ต่อไป มีแต่จะทำให้เรื่องราวบานปลายมากขึ้น หากเผยแพร่ออกไป เรื่องที่องค์ชายใหญ่ตายก็ปิดไม่อยู่แล้วดูเหมือนวันนี้หาคนร้ายไม่เจอ ไม่เลิกราแน่นอนจวนอ๋องเฉินไม่มีทางเป็นแพะรับบาปหาคนร้ายไม่เจอชั่วคราว ก็ให้คำอธิบายไม่ได้ ได้แต่คิ
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท