“เจ้าอย่าเพิ่งใจร้อน เกรงว่าจุดประสงค์คนร้ายฆ่าพี่ใหญ่คืออยากทำให้สถานการณ์วุ่นวาย ยิ่งเป็นเวลานี้ ยิ่งต้องใจเย็น” เฟิงเจิ้งหลีกล่าวปลอบใจด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมอาจเป็นเพราะฉู่เชียนหลีหุนหันพลันแล่นเกินไปกระมังเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์สำคัญ นางก็เลยไม่สามารถใจเย็นเม้มปากแน่น มองฉู่เจียวเจียวอีกแวบหนึ่ง เห็นแก่หน้าของอ๋องหลี นางละเว้นฉู่เจียวเจียวชั่วคราว“เมื่อครู่รบกวนแล้ว ขออภัย ข้าเข้าวังไปดูก่อน”“รีบไปเถอะ”ฉู่เชียนหลีเพิ่งไป สีหน้าเฟิงเจิ้งหลีเปลี่ยนไปทันที หันมาคว้าข้อมือฉู่เจียวเจียว ลากคนเข้าห้องโดยตรง“อ๊า!”ฉู่เจียวเจียวเซล้มลงบนพื้น เงยหน้าก็เห็นเฟิงเจิ้งหลีปิดประตูแล้ว ภายในห้องมืดลง ใบหน้าที่มืดมนของเขาเหมือนจะกินคนแต่ตอนนี้นางไม่ได้กลัวค่อยๆ ลุกขึ้นยืน บนใบหน้าเผยให้รอยยิ้มที่หวานแหวว“ท่านอ๋อง อย่าโกรธเลย พวกเราเป็นตั๊กแตนที่อยู่บนเชือกเส้นเดียวกัน ข้ารักท่านเช่นนั้น รักท่านมานานสิบปีเต็ม ข้าจะไม่หักหลังท่านแน่นอน”รอยยิ้มนางหวานแหวว คำพูดที่พูดออกมากลับทำให้สีหน้าเฟิงเจิ้งหลียิ่งมืด อุณหภูมิรอบตัวลดลงราวกับน้ำแข็ง ลดต่ำถึงขีดสุด แทบแช่แข็งอากาศเ
พวกเขาต่างคนต่างพูด มีทั้งคนเชื่อ และมีทั้งคนสงสัยสีหน้าฮ่องเต้บึ้งตึง จ้องมีดที่เปื้อนเลือดเล่มนั้น ดวงตาที่ขุ่นมัวเคร่งขรึมจนถึงขีดสุด เงยหน้ามองเฟิงเย่เสวียนที่ยืนอยู่ตรงที่เดิม กล่าวอย่างเย็นชา“อธิบาย!”แม้รัชทายาทถูกปลดแล้ว แต่เฟิงเจิ้งอวี้เป็นองค์ชายองค์ชายจะถูกคนฆ่าส่งเดชได้อย่างไร?เฟิงเย่เสวียนกวาดมองอาวุธก่อเหตุ ในริมฝีปากปากพูดออกมาสองคำ“ใส่ร้าย”เขาดูถูกที่จะลงมือกับคนอ่อนแอ ถ้าหากเขาต้องการชีวิตของเฟิงเจิ้งอวี้ ก็ลงมือนานแล้ว เหตุใดต้องรอถึงตอนนี้?เขากล่าวอย่างเย็นชา “สงครามชายแดนปีที่แล้ว สงครามปราบโจร โรคระบาดเมืองตงหนิง หากหม่อมฉันถือสาจริง พี่ใหญ่สามารถมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้หรือ? เรื่องนี้ เสด็จพ่อน่าจะเข้าพระทัย”ฮ่องเต้กุมมือตนเองเขารู้นิสัยใจคอของอ๋องเฉินหลายปีมานี้ เฟิงเจิ้งอวี้วางแผนทำร้ายเขาทั้งลับหลังและต่อหน้า ยั่วยุเขา ถ้าหากเขาจะเอาจริง ไม่มีทางใช้วิธีลอบสังหารที่ต่ำช้าเช่นนี้แต่อาวุธก่อเหตุมาจากจวนอ๋องเฉิน ถ้าหากไม่ลากตัวคนร้ายออกมา หาความจริงให้กระจ่าง จะให้เขาอธิบายกับบรรพชนอย่างไร?“น้องเจ็ด พวกเราย่อมเชื่อเจ้าแน่นอน พวกเราเป็นคนครอ
“ข้าบอกแล้วว่าไม่จำเป็น!” เฟิงเย่เสวียนเอ่ยปากอย่างแข็งกร้าว จ้องฮ่องเต้ตรงๆ “ให้เวลาข้าสามวัน ข้าจะตรวจสอบจนความจริงปรากฏแน่นอน!”คดีอาญา เรื่องเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ เป็นเรื่องใหญ่โต ส่งผลกระทบต่อวงกว้าง เขารู้ว่าฉู่เชียนหลีไม่ใช่คนร้าย ไม่จำเป็นต้องไปรบกวนฉู่เชียนหลีช่วงที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ของเขากับฉู่เชียนหลีละเอียดอ่อนมาก ไม่อยากให้เรื่องจุกจิกเหล่านี้ไปรบกวนฉู่เชียนหลี“ตอนนี้ไม่ได้กำลังตรวจสอบคดีหรือ?” อ๋องเจวี๋ยถามกลับด้วยความสงสัย “เหตุใดเจ้าตรวจสอบก็เจอ พอศาลต้าหลี่ตรวจสอบก็ไม่เจอแล้ว?”เขาเอียงศีรษะ กล่าวอย่างอยากรู้อยากเห็น“เจ้ากับพระชายาอ๋องเฉินเป็นสามีภรรยา มีเพียงให้เสด็จพ่อตรวจสอบ จึงจะค่อนข้างยุติธรรมกระมัง?”อ๋องเฟิงก็หัวเราะแล้วกล่าว“น้องเจ็ด เจ้าก็บอกแล้วว่าฉู่เชียนหลีไม่ใช่คนร้าย เช่นนั้นตรวจสอบหน่อยจะเป็นอะไร? คนโบราณพูดได้ดี ประพฤติตนอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรต้องกลัว มีเพียงคนที่เป็นโจรร้อนตัวเท่านั้นจึงจะตื่นตระหนก”เขายิ้มแย้ม คำพูดเหมือนจะปกป้อง แต่ก็มีความหมายลึกซึ้งอย่างอื่นแอบแฝงระหว่างพี่น้อง ไม่มีใครธรรมดา“ดูสภาพเจ้าในตอนนี้ มันใช้ไ
เดิมทีนางสงสัยฉู่เจียวเจียว แต่เฟิงเจิ้งหลีเป็นพยานให้ฉู่เจียวเจียว นางสับสนอีกครั้งระหว่างทางเข้าวัง นางคิดเรื่องนี้ตลอดตกลงคนร้ายเป็นใครกันแน่?คิดต้นตอไม่ออก และเป็นแพะรับบาปไม่ได้ เช่นนั้นก็มีเพียงวิธีเดียว…ฉู่เชียนหลีเงยหน้า “เสด็จพ่อ เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เป็นการใส่ร้ายป้ายสี ใครที่ฆ่าคนแล้วจะเก็บอาวุธก่อเหตุไว้บ้าง? และยังเก็บไว้ในที่โจ่งแจ้งเช่นนั้น? ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือ?”คำพูดนี้ทุกคนล้วนรู้แต่หลักฐานแน่นหนา จะอธิบายอย่างไร? นอกจากหาคนร้ายตัวจริงเจอ พระชายาอ๋องเฉินจึงจะสามารถหลุดพ้นความผิด“ที่จริง หม่อมฉันสงสัยว่า…องค์ชายใหญ่ฆ่าตัวตาย”“ฆ่าตัวตาย!?”เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทุกคนตะลึงงันองค์ชายใหญ่ใช้มีดสั้นแทงตนเอง หลังจากนั้นค่อยโยนอาวุธก่อเหตุใส่จวนอ๋องเฉินเพื่อปรักปรำ?เหอๆนี่เป็นมุกตลกที่ฝืดที่สุดในปีนี้อ๋องเจวี๋ยยิ้มเล็กน้อย “นี่พระชายาเห็นทุกคนเป็นคนโง่หรือ?”ฉู่เชียนหลีกล่าวอย่างเย็นชา “แม้ว่าองค์ชายใหญ่ถูกส่งเข้าจวนเฟิงเหริน แต่เขาเคยมีผู้ใต้บังคับบัญชา! มีคนไม่น้อยที่จงรักภักดีต่อเขา ดังนั้นเมื่อวานเขาจึงสามารถหนีออกจากจวนเฟิงเหริน!”อาศัยกำ
ทันใดนั้น ห้องทรงพระอักษรเกิดความวุ่นวายอ๋องเฉินจะลงมือ อ๋องเจวี๋ยถูกกดไว้ อ๋องติ้งรีบพาคนเข้ามาแยก อ๋องอันห้ามปรามอยู่ข้างๆ อ๋องเฟิงอยากอยากแทรกแต่แทรกไม่เข้า ได้แต่เติมเชื้อไฟอยู่ข้างๆ เหล่าขันทีสะดุ้งตกใจ ร้อนรนจนเดินวนอยู่ข้างๆ“พอได้แล้ว อย่าทะเลาะกันเลย ท่านอ๋องทั้งหลายใจเย็นๆ ก่อน! ฝ่าบาทยังอยู่ตรงนี้นะ!”“ที่นี่คือห้องทรงพระอักษรนะ!”“อย่าทะเลาะกันเลย!”“พอได้แล้ว!”“เฟิงเย่เสวียน!”เจ้าพูดคำ ข้าพูดคำ เสียงของทุกคนปะปนรวมกัน แยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร วุ่นวายไปหมดฮ่องเต้ยืนอยู่ข้างๆ สีหน้าน่าเกลียดเหมือนกินแมลงวันเข้าไปเจ้าพวกคนไม่เอาถ่านกลุ่มนี้ เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงกับลงไม้ลงมือ ทะเลาะกันในห้องทรงพระอักษรถึงขั้นนี้ ยังเห็นเขาที่เป็นเสด็จพ่อคนนี้อยู่ในสายตาหรือไม่?!ฉู่เชียนหลีอยากห้าม แต่ห้ามปรามสองประโยค พบว่าไม่มีใครฟังนาง แต่เป็นเช่นนี้ต่อไป มีแต่จะทำให้เรื่องราวบานปลายมากขึ้น หากเผยแพร่ออกไป เรื่องที่องค์ชายใหญ่ตายก็ปิดไม่อยู่แล้วดูเหมือนวันนี้หาคนร้ายไม่เจอ ไม่เลิกราแน่นอนจวนอ๋องเฉินไม่มีทางเป็นแพะรับบาปหาคนร้ายไม่เจอชั่วคราว ก็ให้คำอธิบายไม่ได้ ได้แต่คิ
หมอหลวงกล่าว “พระชายาอ๋องเฉินเพิ่งมีครรภ์หนึ่งเดือนกว่า ทารกในครรภ์ยังไม่มั่นคง ร่างกายนางผอมบาง บวกกับก่อนหน้านี้น่าจะได้รับความตกใจ จึงเป็นหมดสติพ่ะย่ะค่ะ”“บำรุงครรภ์! ใช้ยาบำรุงครรภ์ที่ดีที่สุดเดี๋ยวนี้!” ฮ่องเต้โบกมือทันที ดวงตาที่มองท้องของฉู่เชียนหลีเปล่งประกายแสงจ้าห้าพันวัตต์ อยากมองทะลุเข้าไปในท้องเสียเดี๋ยวนี้“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หมอหลวงไปตรวจชีพจรที่จวนอ๋องเฉินทุกๆ สามวัน ประทานยาบำรุงหนึ่งร้อยชุด ต้องดูแลเด็กในครรภ์พระชายาอ๋องเฉินให้ดี จนกว่าจะคลอดออกมาอย่างปลอดภัย”ดูจากคำพูดและการกระทำของเขา มองเห็นความรักและความปรารถนาที่เขามีต่อทายาทราชวงศ์ได้ไม่ยากเกือบห้าสิบปีมานี้ มีเพียงหลานสาวสองคน ไม่มีหลานชายสักคน ตาแก่คนอื่นที่อายุไล่เลี่ยกัน มีลูกหลานเต็มบ้านนานแล้วเจ้าลูกชายไร้ประโยชน์ทั้งเจ็ดคนนี้! ลูกชายเจ็ดคนไม่มีหลานชายแม้แต่คนเดียว!ไร้ประโยชน์!เด็กที่อยู่ในครรภ์พระชายาอ๋องเฉิน ต้องเป็นผู้ชายแน่นอน!“พ่ะย่ะค่ะ!” หมอหลวงรับบัญชา รีบกลับสำนักหมอหลวงเพื่อปรุงยาบำรุงทันทีอ๋องเจวี๋ยเห็นแล้ว รีบก้าวออกไป “เสด็จพ่อ แล้วเรื่องของพี่ใหญ่…”“เสด็จพ่อ เชียนหลีเพ
เนื่องจากพระชายาอ๋องเฉินตั้งครรภ์ การตายขององค์ชายใหญ่จึงถูกเลื่อนออกไปชั่วคราว ปล่อยให้ศาลต้าหลี่จัดการ ความสนใจของฮ่องเต้โอนเอนไปทางทายาทราชวงศ์หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วยามฉู่เชียนหลีที่ ‘เป็นลม’ พอประมาณแล้ว ‘ค่อยๆ’ ฟื้น“อืม…”นางลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง มือเล็กจับศีรษะ พึมพำอย่างไร้เรี่ยวแรง “ข้า…ข้าเป็นอะไร…”“รีบนอนลง” ฮ่องเต้ที่ยืนอยู่ข้างเตียงมาโดยตลอดรีบก้าวออกมา กล่าวตำหนิ “เจ้านี่นะ ตั้งครรภ์แล้วยังไม่รู้ตัวอีก และยังเข้าวังมาแต่ไกล เป็นแม่คนอย่างไรกัน!” หากแพ้ท้อง กระทบกระเทือนท้อง เด็กเป็นอะไรไป เขาจะลงโทษนางแน่นอนสวรรค์รู้ เขาอยากมีหลานชายคนหนึ่งมากจริงๆปีนี้เขาอายุห้าสิบปีแล้ว!คนอื่นอายุห้าสิบปี หลานชายรู้จักเรียก ‘ท่านปู่’ แล้ว!“ตั้ง…ตั้งครรภ์?” ฉู่เชียนหลีถลนตา ‘อึ้ง’ โดยตรง ก้มหน้าลงอย่างตะลึงงัน พลางลูบท้องที่แบนราบ “หม่อม…หม่อมตั้งครรภ์แล้วหรือเพคะ?”ฮ่องเต้นั่งลง ห่มผ้าห่มให้นาง “ดีใจมากเลยใช่หรือไม่?”“ดีใจมากเลยใช่หรือไม่? คาดคิดไม่ถึงใช่หรือไม่?” มองดูท่าทางที่ดีใจจน ‘อึ้ง’ ของฉู่เชียนหลี ฮ่องเต้มีความสุขจนหุบมุมปากไม่ลง“หมอหลวงตรวจชีพจรแล้
“พ่ะย่ะค่ะ!”พลันเฟิงเย่เสวียนยืดหลังตรง เสียงหนักแน่นมีกำลัง ราวกับกำลังจะลงสนามรบไม่ต้องให้ฮ่องเต้เป็นห่วง เขาก็จะทุ่มเททุกอย่างเพื่อปกป้องลูก ปกป้องฉู่เชียนหลี ปกป้องครอบครัวของพวกเขาเมื่อก่อนเขาให้ความสำคัญกับอำนาจ อุทิศตนเพื่อขยายอำนาจของตนเอง ฝึกทหาร หาพรรคหาพวก กุมอำนาจ หารือเรื่องต่างๆปัจจุบัน ทำงานเสร็จก็คิดแค่อยากกลับบ้านเร็วๆ ไม่ว่าจะไปถึงที่ไหนก็จะคิดถึงยัยหนูที่มักจะชอบต่อปากต่อคำกับเขา ยัยหนูกำลังจะให้กำเนิดเด็กน้อยแล้ว หัวใจของเขายิ่งถูกครอบครองมากขึ้น“อืม” ฮ่องเต้พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ทันใดนั้นนึกถึงอะไรบางอย่าง กล่าวเสริมอีกหนึ่งประโยค“ใช่แล้ว ต้องคลอดลูกชายให้เรา…ไม่ใช่สิ หลานชาย”ฉู่เชียนหลี “?”คลอดลูกชายหรือลูกสาวเลือกได้ด้วยหรือ?แม้รู้ความกระหายที่อยากจะได้หลานชายของฮ่องเต้ แต่เรื่องนี้ไม่สามารถทำตามความปรารถนาของใครคนใดคนหนึ่ง จะเป็นชายหรือหญิงล้วนขึ้นอยู่กับสวรรค์เฟิงเย่เสวียน “จะพยายามอย่างเต็มที่”“ไม่ใช่พยายามอย่างเต็มที่ แต่จำเป็น!” ฮ่องเต้ทำหน้านิ่ง กล่าวอย่างมีคุณธรรม “คลอดลูกชาย เราช่วยเจ้าพิสูจน์เรื่องขององค์ชายใหญ่ หากคลอดลูกสาว ทำให
เมื่อไรที่แต่งตั้งแล้ว ก็ไม่สามารถเปลี่ยนหรือปลดได้ง่ายๆ“อ๋องเฉินสร้างผลงานด้านการทหาร ปกป้องบ้านเมือง สามารถพิทักษ์สันติสุขของราษฎรเจียงเป่ยนานห้าสิบปี จะมีสักกี่คนที่สามารถทำได้เช่นนี้? กระหม่อมคิดว่า อ๋องเฉินมีคุณสมบัตินั่งตำแหน่งรัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมเห็นด้วย!”ขุนนางสิบกว่าคนทยอยกันคุกเข่าขอพระบัญชา พวกเขาล้วนเป็นพรรคของอ๋องเฉินพรรคของอ๋องหลีเห็นสถานการณ์ไม่ดี เริ่มร้อนใจแล้ว ต่างพากันพูดแทนอ๋องหลี“ฝ่าบาท หลายเดือนนี้ แรงกายแรงใจที่อ๋องหลีเสียสละ พระองค์ทรงเห็นกับตา ราษฎรก็คิดเช่นนี้ เขามีคุณธรรม มีเมตตา ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความกรุณา มีมิตรไมตรีที่ดี อุปนิสัยของเขาไม่ต้องสงสัยเลย”กษัตริย์ที่มีความเมตตา จึงจะสามารถรักราษฎรดุจลูก จึงจะสามารถปกครองแผ่นดินที่กว้างใหญ่เช่นนี้ ความเห็นของสองฝ่ายไม่ตรงกัน“แม้อ๋องหลีมีอุปนิสัยที่ดี แต่พระชายาของเขาไร้เหตุผล เพื่อเล่นงานพระชายาอ๋องเฉิน ถึงขั้นเอาชีวิตของพระนัดดาองค์โตมาล้อเล่น ผู้หญิงที่เหมือนคนบ้าคนนี้ ถ้าหากเป็นพระชายารัชทายาท มีแต่จะเป็นภัยของราษฎร”“ฝ่าบาท โปรดพิจารณา!”พรรคของอ๋องหลีเริ่มชะงักมองจากมุมของอ๋องห
“ไม่รู้ว่าอ๋องหลีได้รับความเชื่อใจจากฝ่าบาทอย่างไร ฝ่าบาทมักจะเข้าข้างเขาอย่างไร้เงื่อนไข ข้ากังวลว่าพวกเจ้าสู้กัน…จะไม่เป็นผลดีต่อเจ้า”“อย่าไปคิดมาก”นิ้วมือของเขาลูบคิ้วของนางเบาๆ เป็นการปลอบใจช่วงที่เขาไม่อยู่ นางได้แบกสิ่งต่างๆ มากมายตอนนี้เขากลับมาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มีเขาอยู่ นางไม่จำเป็นต้องกังวล ทุกอย่างปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขา“ทหารมาใช้ขุนพลต้าน น้ำมาใช้ดินต้าน คนเราเกิดมาก็ต้องเจอกับปัญหา และไปแก้ไขปัญหา ในเมื่อฝ่าบาทเข้าข้างเขา อย่างไรก็ต้องมีวิธีอื่น ที่สามารถเลือกเดินได้”ขอเพียงครอบครัวของพวกเขาอยู่ด้วยกัน นี่จึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาแล้ว ราชบัลลังก์นับอะไรไม่ได้เลย ล้วนเป็นสิ่งที่มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ สิ่งเดียวที่เขาต้องการ นั่นก็คือนางกับลูก ฉู่เชียนหลีถอนหายใจเบาๆ พลางขยับร่างกาย มุดเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอย่างออดอ้อนนางสูดดมกลิ่นปอเหอบนร่างกายของเขา จิตใจสงบเป็นพิเศษกลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากกันนาน ไม่อยากพูดถึงเรื่องไม่ดี“ใช่แล้ว” จู่ๆ นางก็กล่าว “ยังไม่ได้ตั้งชื่อลูกเลย”ตอนนั้นเขาบอกว่าถ้าเป็นผู้ชายชื่อจิ่งสิง ถ้าเป็นผู้หญิงชื่ออวิ๋นก
นางเม้มมุมปาก อิจฉาเล็กน้อย นั่งเงียบๆ อยู่ที่ข้างๆ ละสายตาไปทางอื่นเขากล่อมน้องสาวครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความเงียบของนาง จึงเงยหน้ามอง“ทำไม ไม่พอใจแล้ว?”“หึงแล้ว?”“...”เขาจี้จุดในประโยคเดียว“โตเป็นผู้ใหญ่เช่นนี้แล้ว ยังจะหึงกับลูกสาวของตัวเองอีก หรือข้าจะถูกปีศาจน้อยสองคนนี้แย่งไปได้?”“...”นี่ทำเหมือนนางดูปัญญาอ่อนมาก และจริงจังมาก?ฉู่เชียนหลีเบะปาก“เจ้าเห็นข้าเป็นใคร โลกทัศน์ของข้าแคบเช่นนั้นเลยหรือ?”“ใช่”“?”“ใครก็ได้!”เขาลุกขึ้นทันที ส่งน้องสาวที่เพิ่งกล่อมจนสงบให้แม่นม หมุนกายก็ไปอุ้มฉู่เชียนหลี อีกทั้งยังอุ้มในท่าแนวราบ เหมือนอุ้มเด็กคนหนึ่ง แต่คนที่เขาอุ้มคือทารกที่มีอายุมากแล้ว“ไม่หึงนะ ข้ารักเจ้าคนเดียว”“?”ฉู่เชียนหลีตั้งสติได้ก็เขินอายจนหน้าแดง จะขอลงทันที แม่นมยังดูอยู่ข้างๆ นะ คำพูดที่เขาพูดมัน…ก็ไม่อายเลย!“ปล่อยข้าลงไป”“ไม่ ทั้งๆ ที่เจ้าชอบให้ข้าทำเช่นนี้กับเจ้า ไม่ใช่ข้าวใหม่ปลามันอะไรเสียหน่อย ยังจะเขินอะไรอีก?”“!”ฉู่เชียนหลีหน้าแดง จ้องเขาอย่างอายจนโกรธ“รีบปล่อยข้าลงได้แล้ว ข้าจะหึงน้องสาวได้อย่างไร ข้าเปล่านะ! ข้าเห็นน้องสาวติดเ
ดังคำกล่าวที่ว่า จากกันนานชนะคู่ใหม่ปลามัน ไม่เจอกันสามเดือน คนสองคนที่คุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้นเคยกอดกันแน่น เปลวไฟนิรนามถูกจุดขึ้นในใจ เมื่อลุกท่วม ก็ร้อนแรงจนสะเทือนฟ้าสะเทือนบกอย่างไม่สามารถควบคุมหนึ่งจูบที่ลึกซึ้งแน่นแฟ้นลึกล้ำคิดถึงความรักเขากระหายจนอยากกลืนนางลงท้อง อยากแทะกระดูก กัดนาง กินนาง แม้แต่ลมหายใจของนางก็กลืนลงท้องนางเริ่มต้านทานไม่ไหว สมองที่ขาดอากาศว่างเปล่า สองมือยันอยู่บนหน้าอกเขา พยายามผลักออกเขาไม่ถอย กลับกันยิ่งทับแน่นขึ้นผ่านไปเนิ่นนานกลีบริมฝีปากแยกจากกันนางหอบหายใจอย่างหนัก แทบเป็นลมแล้ว แก้มทั้งสองข้างแดงฉาน แดงจนสะดุดตา แดงจนแสบตา แดงจนทำให้เขากระวนกระวายใจ ต้องการมากกว่านี้แต่เขากลับต้องอดกลั้นนางยังอยู่ในช่วงเพิ่งคลอด ภายในหนึ่งเดือนห้ามแตะต้องมีความต้องการแต่ไม่มีที่ลง ภายใต้สถานการณ์ที่หมดหนทาง เขากัดคอนาง สูดดมแรงๆ เหมือนดับความกระหาย“อาเฉิน เจ้าทำข้าเจ็บแล้ว…”เสียงตะโกนเบาๆ ดังเข้าไปในหูเฟิงเย่เสวียน มันคือการเสแสร้งเสียงที่อ่อนโยน มันคือการอ้อนก็เหมือนกับประกายไฟถูกลมพัด พริบตานั้นลุกท่วมร่างกายเฟิงเย่เสวียน เลือดในร่าง
อ๋องเฉินกลับมาแล้ว!เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ทั้งจวนอ๋องเฉินครึกครื้น ผ่านไปสามเดือนเต็มๆ ในที่สุดท่านอ๋องก็กลับมาแล้ว คนทั้งจวนวิ่งไปต้อนรับที่หน้าประตู“ท่านอ๋อง!”กลับมาแล้ว!ในที่สุด!ท่านอ๋องกลับมาแล้ว ทุกคนก็เหมือนได้เสาหลักกลับคืนมา มีที่พึ่งพิง มีความมั่นใจ แม้แต่เสียงพูดก็เปี่ยมไปด้วยพลังแล้ว“เฉินเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว ปล่อยให้แม่คิดถึงตั้งนาน!” ถงเฟยดีใจจนร้องไห้คนอื่นก็เช่นกันเฟิงเย่เสวียนโอบเอวเล็กของฉู่เชียนหลีไว้ มองดูจวนที่คุ้นเคย ใบหน้าที่คุ้นเคย สิ่งเดียวที่คิดถึงในเวลานี้คือลูก!เมื่อเดินเข้าจวน ก็ตรงไปที่เรือนหานเฟิง เข้าไปในห้อง ก็มองเห็นเด็กสองคนที่นอนอยู่ในเปลโยกสองคน!พวกนางนอนด้วยกัน เพิ่งดื่มนมอิ่ม กำลังนอนหลับสนิทกำปั้นเล็กๆ ของพี่สาวตัวอ้วนวางอยู่ที่ข้างศีรษะทั้งสองข้าง ปากน้อยๆ ที่อวบอิ่มห่อยื่นออกมาเล็กน้อย และดูดปากเป็นระยะ เหมือนกำลังนึกถึงรสชาติของนม น่ารักมากน้องสาวตัวผอมเหมือนรู้สึกไม่ปลอดภัย มือน้อยกำผ้าห่อทารกแน่น ร่างกายเล็กๆ นอนขดตัว ราวกับต้องการซ่อนตัวเองไว้ใบหน้าของเด็กที่อ่อนเยาว์สะกิดหัวใจเฟิงเย่เสวียนในพริบตา ทำให้เขา
“สวรรค์!”มีชาวบ้านเห็น ตกใจจนกรีดร้องรอตอนที่ฉู่เชียนหลีไปดู เห็นเพียงผ้าห่อทารกตกลงไปในทะเลสาบอย่างรวดเร็ว นางอยู่ห่างออกมาสิบกว่าเมตร อย่างไรก็ช่วยไม่ทันพริบตานั้น หัวใจนางเหมือนถูกมีดกรีดขณะที่ทุกคนกำลังประหม่า ในช่วงเหตุการณ์คับขัน มีร่างเงาสีหมึกสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาราวกับวิญญาณผี พลันกระโดดข้ามทะเลสาบอย่างฉับไว รับเด็กไว้แล้วร่อนลงพื้นอย่างมั่นคงปลอดภัยหายห่วง!สมองของฉู่เชียนหลีว่างเปล่าไปชั่วพริบตาหนึ่ง ขาอ่อนจนเกือบล้มลงพื้น โชคดีที่เยว่เอ๋อร์รีบประคองไว้ เมื่อยืนมั่นคงและเงยหน้ามอง ก็ต้องตะลึงอีกครั้งเขา!เขากลับมาแล้ว!เฟิงเย่เสวียน!เขายังคงสวมชุดเพ้าหมึกสีเข้ม เกล้าผมตั้งสูง ไม่เจอกันสามเดือน ผิวของเขาเข้มขึ้นเล็กน้อย มีแผลเป็นตรงแก้มหนึ่งสาย ช่วยเพิ่มความเฉียบคมให้เขาสามส่วน ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยแววของความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล ทำให้แลดูหนักแน่นและเป็นผู้ใหญ่กว่าเมื่อก่อนฉู่เจียวเจียวตกใจมาก“อ๋องเฉิน…”เขากลับมาได้อย่างไร?เหตุใดจู่ๆ ก็โผล่ออกมาโดยไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงเหมือนกับผี?เฟิงเย่เสวียนอุ้มเด็กไว้ในข้อพับแขน มืออีกข้างยกขึ้น มองนางด้วยร
รอนางกลายเป็นพระชายารัชทายาท เวลาที่ฉู่เชียนหลีพบนาง จำเป็นต้องคุกเข่าคำนับฉู่เจียวเจียวเชิดคางขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองนางแวบหนึ่ง กล่าวราวกับประทานความเมตตา“ถ้าหากเจ้ารู้จักประมาณตน ทางที่ดีตอนนี้ออกไปจากนอกสายตาของข้า ถ้าหากข้าอารมณ์ดีแล้ว วันข้างหน้า ข้าก็จะละเว้นพิธีของการคำนับเมื่อเจ้าพบข้า”ราชโองการยังประกาศไม่ถึงจวนอ๋องหลี นางก็วางมาดของพระชายารัชทายาทแล้วกิริยานั่น น้ำเสียงนั่น ท่าทางนั่น เหมือนนกยูงรำแพนหางตัวหนึ่ง เหลือบมองฉู่เชียนหลีจากเบื้องสูงฉู่เชียนหลีหัวเราะ“พระชายารัชทายาทแล้วอย่างไร? พระชายาอ๋องหลีแล้วอย่างไร? หรือทำผิดแล้ว ไม่ต้องยอมรับผิดก็ได้?”“หรือในความเข้าใจของเจ้า เมื่อเจ้าเป็นพระชายารัชทายาท ก็สามารถใช้อำนาจบาตรใหญ่ อยากทำอะไรก็ได้?”เมื่อชาวบ้านได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเปลี่ยนทันทีถ้าหากแม้แต่พระชายารัชทายาทก็ไร้เหตุผลเช่นนี้ เมื่อรัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ จะปฏิบัติต่อราษฎรอย่างดีหรือ?พระชายารัชทายาทใช้อำนาจรังแกคน อวดอ้างบารมีเช่นนี้ มีนางอยู่ ราษฎรสามารถมีชีวิตที่ดีหรือ?ฉู่เจียวเจียวรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของชาวบ้าน นางรีบกล่าว“ฉู่เ
ฉู่เจียวเจียว “?”เมื่อหันไปมอง เห็นเพียงเต๋อฝูพาหมอหลวงสูงวัยท่านหนึ่งมารออยู่ที่ด้านข้าง และไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไรฉู่เชียนหลีประหลาดใจเล็กน้อย“กงกงเต๋อฝู ท่านอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”เต๋อฝูสะบัดแส้มาไว้ในข้อพับ โน้มตัวเล็กน้อย คำนับทีหนึ่ง กล่าวตอบอย่างนอบน้อม“ข้าน้อยรับบัญชาจากฝ่าบาท เดิมทีควรไปประกาศราชโองการที่จวนอ๋องหลี ตอนที่เดินผ่านตรงนี้ เห็นพระชายาทั้งสองท่านโต้เถียงไม่ลงตัว จึงสั่งให้คนเข้าวังเชิญหมอหลวงมา สุขภาพของพระนัดดาองค์โตเกี่ยวข้องกับอนาคตของราชวงศ์ ข้าน้อยไม่กล้ารอช้า”ประกาศราชโองการ?ฉู่เชียนหลีเข้าใจอะไรบางอย่างในพริบตาดูเหมือนฉู่เจียวเจียวให้กำเนิดพระนัดดาองค์โต ฝ่าบาทจึงมีราชโองการแต่งตั้งอ๋องหลีเป็นรัชทายาท…แต่ตอนนี้นางไม่มีเวลาให้คิดมาก ความสนใจทั้งหมดล้วนจดจ่ออยู่บนตัวของเด็กที่ร้องไห้ไม่หยุด“รบกวนหมอหลวงลองตรวจสุขภาพของพระนัดดาองค์โตหน่อย ว่าปลอดภัยหรือไม่?”หมอหลวงพยักหน้า เดินเข้าไปฉู่เจียวเจียวตื่นตระหนกทันที…มือที่อุ้มลูกกระชับเล็กน้อย พลางจับผ้าห่อทารกไว้แน่น แววตาสั่นไหว ลนลานเล็กน้อยแต่มาถึงขั้นนี้ นางไม่มีข้ออ้างที่จะปฏิเสธแล
เยว่เอ๋อร์สะดุ้งตกใจชาวบ้านเบิกตากว้างขณะที่เด็กกำลังจะร่วงลงบนพื้น ฉู่เชียนหลีกระโจนเข้าไป ก่อนหนึ่งวินาทีที่เขาจะตกลงบนพื้น นางรับเขาเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิดพูดถึงก็แปลก เมื่อครู่ตอนอยู่ในอ้อมแขนพระชายา เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด พอมาอยู่ในอ้อมแขนของฉู่เชียนหลี เสียงร้องไห้ก็ค่อยๆ เบาลง และสงบไปในที่สุดทันใดนั้น มีเสียงตะคอกดังขึ้น“ฉู่เชียนหลี!”“เจ้าทำอะไร!”ฉู่เจียวเจียวรีบเดินเข้าไป แย่งลูกกลับคืนมาทันที“ต่อให้เจ้าไม่พอใจข้า ก็ไม่ควรโยนลูกของข้า! เจ้ารู้หรือไม่ว่าด้วยความสูงเมื่อครู่ หัวของจื่อเยี่ยชี้ลงข้างล่าง มีโอกาสที่จะคอหักตายทันที!”“เจ้าก็เป็นแม่คนเช่นกัน จิตใจอำมหิตเช่นนี้ได้อย่างไร!”นางชี้หน้าฉู่เชียนหลี ตำหนิด้วยความโกรธและเสียงดัง พูดบลาๆ ราวกับปืนกล ไม่ปล่อยให้ฉู่เชียนหลีได้พูดแทรกคนชั่วชิงร้องเรียนก่อน ก็คงประมาณนี้“อุแว้…”เด็กที่เพิ่งเงียบไปสองวินาที เริ่มร้องไห้อีกครั้งฉู่เจียวเจียวรีบกล่อม “จื่อเยี่ยเป็นเด็กดี จื่อเยี่ยไม่ร้องนะ แม่ไม่ดีเอง ล้วนเป็นเพราะแม่ไม่ดีเอง ล้วนเป็นความผิดของแม่ แม่ไม่ควรให้กำเนิดเจ้า ถ้าหากเจ้าเป็นเด็กผู้หญิง เกรงว่าคงไม่