“?”พ่อตา?เขายอมรับว่าตนเองเป็นลูกเขยของจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ และยอมรับสถานะชายาอ๋องเฉินของนางแล้ว?สวรรค์!ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เป็นไข้ใช่ไหม?ฉู่เชียนหลีเบิกตากว้างอย่างตะลึงงัน มองเฟิงเย่เสวียนด้วยความประหลาดใจ ปากกลายเป็นรูปตัว ‘O’ แทบสามารถกลืนไข่เข้าไปได้ทั้งฟอง“เก็บสายตาที่เลื่อมใสของเจ้าเสีย”“...”นี่เป็นสายตาของคนเจอผีย่ะ ขอบใจ“แค่มางานเลี้ยงกับเจ้าก็ดีใจจนกลายเป็นเช่นนี้แล้ว?” เขาล้อเลียนเสียงเบา “คล้องแขนข้าไว้”“?”ดีใจ?ฉู่เชียนหลี อึ้งเฟิงเย่เสวียนจับมือของนางสอดเข้าไปในหว่างแขนของตนเอง แล้วพานางไปยังห้องโถงหน้าเมื่อบรรดาแขกเหรื่อที่กำลังสนทนาอย่างยิ้มแย้มเห็นอ๋องเฉินกับพระชายาอ๋องเฉินควงแขนกันเข้ามา ทันใดนั้น คำพูดที่อยู่ปลายลิ้นหยุดชะงัก แต่ละคนเบิกตากว้างอ้าปากค้าง ฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ รู้สึกเหลือเชื่อมากนี่…นี่เป็นเรื่องจริง?ไหนว่าหลังจากอ๋องเฉินแต่งงานกับฉู่เชียนหลี สามเดือนกว่าไม่เคยสนใจนาง กระทั่งเข้าห้องหอก็ยังไม่สมบูรณ์ไม่ใช่หรือ?ไหนว่าข้างกายอ๋องเฉินมีพระชายารองเซียวที่รู้จักกันตั้งแต่เด็กและติดตามเขามาสิบกว่าปี และโปรดปรานพระชายารองเซียวเพีย
“จ๋า” นางอันยิ้มตาหยีขานรับ ก้าวออกมาจับมือฉู่เชียนหลีอย่างสนิทสนม“เจ้าเด็กคนนี้ ดีกับอ๋องเฉินเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร? เหตุใดจึงไม่บอกแม่? พูดกับแม่ยังอายหรือ?”นางพูดหยอกล้อด้วยรอยยิ้มที่เมตตาแต่ไม่รู้เพราะเหตุใด จิตใต้สำนึกของฉู่เชียนหลีไม่อยากใกล้ชิดกับนางมากเกินไปคิ้วบางของฉู่เชียนหลีขมวดนิดๆ ชักมือออกอย่างเงียบๆ ถอยหลังหนึ่งก้าว “นี่ก็ดึกแล้ว อ๋องเฉินยังรอข้าที่ห้องโถงหน้า ข้าควรไปแล้ว”“เวลาแค่นี้ไม่ต้องรีบร้อน” นางอันยิ้มแย้ม“เสียวฉู่ เจ้าได้รับความโปรดปรานของอ๋องเฉิน ต้องพูดถึงพี่หญิงของเจ้าให้มากนะ ข้าได้ยินมาว่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านโหวน้อยกับอ๋องเฉินดีทีเดียว หรือองค์รัชทายาทก็ได้”นางกล่าวกำชับ “เจียวเจียวเป็นพี่สาวแท้ๆ ของเจ้า เจ้าต้องพาเจียวเจียวเข้าราชวงศ์ให้ได้ พวกเจ้าสองพี่น้องจะได้ดูแลซึ่งกันและกัน”คิ้วฉู่เชียนหลีขมวดแน่นสามส่วนทุกครั้งที่นางอันมาหานาง ไม่ใช่เพราะอ๋องเฉินก็เพราะฉู่เจียวเจียว ล้วนเพื่อผลประโยชน์ทั้งสิ้นในตัวนางอัน นางไม่สามารถรู้สึกได้ถึงความรักของมารดาแม้แต่เสี้ยวเดียวทันใดนั้น นางกล่าว“ท่านแม่ ท่านไม่รู้ ลูกต้องใช้ความพยายามอย่างห
วันรุ่งขึ้นในตอนเช้า หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ ฉู่เชียนหลีสวมผ้าคลุมหน้าก็ออกไปแล้วบนถนนใหญ่ เจริญรุ่งเรือง เสียงครึกโครม ผู้คนพลุกพล่าน ทุกที่เต็มไปด้วยฉากที่คึกคักนางเจอร้านยาแห่งหนึ่ง ก้าวเท้าเดินเข้าไปเด็กขายยาที่กำลังจัดเรียงสมุนไพรเห็นมีแขกก็เดินเข้าไปกล่าวถามทันที“คุณหนูท่านนี้ ไม่ทราบว่าจะหาหมอหรือซื้อยาขอรับ?”ฉู่เชียนหลีกวาดมองโรงหมอแวบหนึ่ง มีสมุนไพรจำนวนมากถูกจัดวางไว้บนชั้นวาง มีทั้งแห้ง สด ทั่วไป หายาก ล้ำค่า…มีครบทุกอย่างนางกล่าวถามด้วยความคิดที่จะลองเสี่ยงโชค“ที่นี่มีหญ้าเหมันต์หรือไม่?”เด็กขายยาตะลึงงันครู่หนึ่ง จากนั้นยิ้มแห้งๆ “คุณหนู ในเมื่อท่านต้องการซื้อหญ้าเหมันต์ ก็ควรจะรู้เงื่อนไขที่สูงมากของหญ้าเหมันต์กระมัง?”หญ้าชนิดนี้ไม่สามารถออกห่างจากพื้นหิมะ เมื่อไรที่แยกจากกัน หลังหนึ่งชั่วยามก็จะเหี่ยวเฉา เมื่อเหี่ยวเฉาก็สูญเสียสรรพคุณยาสภาพอากาศของแคว้นตงหลิงอบอุ่นตลอดปี สี่ฤดูเหมือนฤดูใบไม้ผลิ โดยพื้นฐานไม่มีหญ้าเหมันต์“คุณหนู หากท่านต้องการหญ้าเหมันต์มากจริงๆ ไม่สู้ไปแคว้นเป่ยหนิงที่อยู่ทางตอนเหนือสุด แคว้นเป่ยหนิงถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งและหิมะ อุ
บรรดาเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นผู้หญิงสวมชุดสีขาวร่างเพรียวบาง และปิดด้วยผ้าคลุมหน้าคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าหยางเหวินเฉิงขมวดคิ้ว จ้องนางเขม็ง“เจ้าเป็นใคร? ที่นี่ไม่มีธุระของเจ้า ยังไม่รีบไสหัวไป!”ฉู่เชียนหลีหัวเราะอย่างเย็นชา แฉความคิดของคนคนนี้โดยตรง“ที่เจ้าด่าทอท่านโหวน้อย เพราะอิจฉาที่สถานะของท่านโหวน้อยสูงศักดิ์กว่าเจ้าไม่ใช่หรือ? หากเจ้าไม่พอใจ เหตุใดจึงไม่ไปเกิดใหม่เสียล่ะ?”สีหน้าหยางเหวินเฉิงดูน่าเกลียดทันที“ข้าจะอิจฉาเขาได้อย่างไร!”“ข้าแค่ไม่ชอบที่เขาทำตัวอวดดีเช่นนั้นก็เท่านั้น!”หลิงเชียนอี้บีบคอเขา พลางถ่มน้ำลายอย่างเย็นชา “วันนี้เจ้าเป็นฝ่ายที่ยืนอยู่หน้าปลายหอกของข้า อวดดีนักใช่หรือไม่? ได้ ข้าจะกระทืบเจ้าจนร้องพ่อเรียกแม่แน่นอน!”“เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้าหรือ?”หยางเหวินเฉิงถีบเท้าออกไปอย่างแรงด้วยเหตุนี้ เด็กหนุ่มสองคนที่เลือดขึ้นหน้า ก็ชกต่อยกันอย่างดุเดือด เหมือนเด็กวัยรุ่นที่ดื้อรั้น โมโหจนไม่ยอมฟังอะไรทั้งสิ้นฉู่เชียนหลีเห็นแล้ว นั่งลงบนม้านั่งหินด้านข้าง ล้วงเมล็ดแตงโมที่เพิ่งซื้อออกมาจากแขนเสื้อ แล้วเริ่มแทะสีดังแกรกๆทั้งสองสู้กันจนไ
ฉู่เชียนหลี “?”หล่อเท่องอาจเผด็จการ?เมื่อมองตรงๆ ใบหน้าของเด็กหนุ่มคนนี้หล่อเหลาคมคาย กลิ่นอายที่สูงศักดิ์บนร่างกายก็เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ระหว่างคิ้วที่ยังวัยเยาว์นั้น มีกลิ่นอายน่าเกรงขามที่ยังไม่เบ่งบาน ก็เหมือนกับลูกเสือตัวน้อยที่เพิ่งหัดล่าเหยื่อ ดูเหมือนโอนเอนไม่มั่นคง แต่จริงๆ แล้วแค่ต้องการโอกาสที่เหมาะสม พุ่งทะยานสู่ฟ้าฉู่เชียนหลียิ้มแย้ม “ข้าไม่ต้องการอะไรเลย”ที่จริงนางไม่คิดจะลงมือ เพียงแต่เด็กหนุ่มที่ชื่อหยางเหวินเฉิงใช้กลอุบายลับหลัง มีดทำร้ายคนที่ผ่านมานางเกลียดคนเล่นสกปรกประเภทนี้ที่สุดไม่พอใจก็สู้สู้ไม่ได้ก็ไสหัวไปลอบโจมตีหมายความว่าอย่างไร?“ไม่ต้องการอะไรเลย?” หลิงเชียนอี้ได้ยินคำพูดประโยคนี้ คิ้วอันละเอียดอ่อนของเขาก็ขมวดทันทีทันใดนั้น ไม่พอใจมากกว่าเดิม“ข้าต้องการลมได้ลม ต้องการฝนได้ฝน สถานะสูงศักดิ์ สูงส่งไม่อาจเอื้อม เจ้ากลับไม่ต้องการอะไรเลย? เจ้าผู้หญิงคนนี้ตาบอดใช่หรือไม่?”“?”เอาก็ผิด?ไม่เอาก็ผิด?เหตุใดเจ้าเด็กคนนี้จึงประพฤติตนเหมือนเฟิงเย่เสวียน?หรือว่านี่ก็คือความสัมพันธ์น้าหลาน?“ท่านโหว ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า?”“เจ้าไม่ได้รั
คดีโศกนาฏกรรมที่เกิดจากการปาหินให้กระดอนบนผิวน้ำ?ก็แค่การปาหินให้กระดอนบนผิวน้ำ สามารถชกต่อยกันถึงขั้นนี้?ทันใดนั้นฉู่เชียนหลีเงียบขรึม “...”ตลอดสิบกว่าปีของนาง นางได้กลายเป็นคุณป้าที่อายุเกือบจะสี่สิบแล้ว นางไม่เข้าใจโลกของคนหนุ่มสาว ก็เหมือนกับที่เด็กแว้นไม่เข้าใจชาวร็อก“เรียบร้อย”นางตัดผ้าก๊อซ แล้วเก็บส่วนที่เหลือเข้ากำไลเฉียนคุน ลุกขึ้นตบจีบที่ชายกระโปรงของนาง“บนตัวพวกเจ้ามีบาดแผลไม่มากก็น้อย ช่วงเวลาต่อจากนี้ห้ามกินของเผ็ด พยายามอย่าโดนน้ำ ห้ามดื่มเหล้า…”“เหล้า?!”ดวงตาหลิงเชียนอี้เป็นประกาย พลันลุกพรวดขึ้นมา“เจ้าช่วยข้าไว้ ข้าเลี้ยงเหล้าเจ้าก็แล้วกัน”“?”“เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกว่าห้ามดื่มเหล้าไม่ใช่หรือ…”“ไป!”หลิงเชียนอี้จับข้อมือของฉู่เชียนหลี สับขาก็ไปทันที อายุแค่นี้ ตัวผอมเช่นนี้ กลับลากฉู่เชียนหลีตัวปลิว และวิ่งเร็วมาก“?”เมื่อภาพเปลี่ยนไป ก็มาถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่มีการบริการกินดื่มเที่ยวครบครันที่นี่มีหญิงงามนับไม่ถ้วน เต้นระบำบรรเลงเพลง เอวเพรียวไหว และมีสุราชั้นยอดกับอาหารรสเลิศเช่น กระตุ้นความอยากของผู้คน ยิ่งกว่านั้นมีการแบ่งพื้นที่อย่างชัด
มองดูชายสองคนที่อ้อนแอ้นอรชร เวลานี้ฉู่เชียนหลีแค่อยากกัดผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กๆ และแอบหลั่งน้ำตาสวรรค์!เหตุใดสวรรค์จึงต้องแย่งชิงความงามของนางไป?อยากปลดปล่อยความเป็นตัวเอง แต่ก็กังวลว่าเมื่อถอดผ้าคลุมหน้า จะทำให้คนตกใจหนีกระเจิง ทั้งๆ ที่ควรจะไปแล้ว แต่ก็อาลัยอาวรณ์ผู้ชายสองคนที่เหมือนดอกไม้คล้ายหยก สองจิตสองใจจนเกิดสงครามชักเย่อครั้งใหญ่ในใจฮือๆ…ไม่สนใจแล้ว!มนุษย์ยืนอยู่บนโลกใบนี้ ก็ควรจะใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน แสวงหาความสุขให้เต็มที่ อ๋องเฉินนั่นไม่ชอบนาง นางก็ไม่ได้รักอ๋องเฉิน จะมาแขวนคอตายบนต้นไม้ใหญ่ไร้ค่าที่ชื่ออ๋องเฉินไม่ได้เด็ดขาดอ่า…ภายใต้ความหุนหันพลันแล่น นางรับแก้วเหล้า ยกแขนเสื้อปิดปังใบหน้า หันกายไปด้านข้าง ดื่มหมดแก้วในคราวเดียว“ฮ่าๆๆ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าชอบ” หลิงเชียนอี้ตบโต๊ะหัวเราะเสียงดัง “แม่นาง ขอแค่เจ้าเอ่ยปาก ไม่ว่าเจ้าต้องการผู้ชายกี่คน ก็ล้วนไม่ใช่ปัญหา”บางคนก็อ้วนบางคนก็ผอม ทุกคนมีเอกลักษณ์ของตนเอง“ข้าอยากได้สามสิบคน!”หลิงเชียนอี้ “เอ่อ? เจ้าก็โลภเกินไปแล้วกระมัง…”ตู้หนิงตบโต๊ะ “โอ้โฮ แม่นางเป็นคนใจถึง ข้าชอบ มา พวกเราชนหนึ่งแก้ว”ซูม
“ทั่วไป อันดับสามของโลก…”ฉู่เชียนหลีเพิ่งอ้าปาก ความเมาที่เข้มข้นสายหนึ่งพุ่งขึ้นสมอง สะอึกเหล้าหนึ่งทีอย่างไม่สามารถควบคุม สองเท้าอ่อนแรงราวกับเหยียบอยู่บนสำลีคิดไม่ถึงว่าฤทธิ์หลังดื่มของนารีแดงจะแรงเช่นนั้นนางคอแข็งกว่าคนทั่วไป ปกติดื่มสองชั่งก็ไม่เมา วันนี้กลับล้มเพราะนารีแดงเล็กๆ ขวดเดียวฉู่เชียนหลีจับแขนหลิงเชียนอี้ไว้แน่น พยุงร่างกายไว้อย่างทุลักทุเล ยกศีรษะที่หนักอึ้งขึ้น สายตาที่พร่ามัวพยายามมองข้างหน้าจวนอ๋องเฉินราวกลับกลายเป็นเงาซ้อนสิบกว่าสาย หมุนแล้วหมุนอีกนางสะบัดศีรษะ พยายามมองดู“ข้า…ข้าถึงแล้ว…”หลิงเชียนอี้ไม่ได้เมาหนักมากนัก สามารถมองเห็นป้ายของจวนอย่างชัดเจน “จวน…อ๋อง…เฉิน?”เอ๋?นี่เป็นบ้านของน้าชายเขาไม่ใช่หรือ?“แม่นาง เจ้ามาผิดที่หรือเปล่า…เอ่อ…หรือเจ้าเป็นสาวใช้ของจวนอ๋องเฉิน?”“นางเป็นผู้หญิงของข้า!”ในอากาศ มีเสียงที่หนาวเหน็บราวกับน้ำค้างแข็งในเดือนสิบสองดังขึ้น เหมือนลูกดอกที่แหลมคมนับไม่ถ้วนยิงใส่ร่างกายหลิงเชียนอี้ ทำให้เขาหนาวจนสั่นสะท้านเงยหน้าขึ้นจ้องเขม็ง เห็นผู้ชายสวมชุดผาวสีหมึกเดินมือไพล่หลังเข้ามา สมองกำลังงงงวย“ท่าน…ท่านน้า?