ฉู่เชียนหลีสังเกตเห็นนาง ได้ยินเรื่องที่ตนเองไม่รู้ จากบทสนทนาของพวกเขา“เมื่อคืน?”นางเงยหน้าด้วยความสงสัย “เมื่อคืนพวกเจ้าไปที่รัชทายาท? ใช่แล้ว เรื่องของโรคระบาด…”“จัดการได้พอประมาณแล้ว”เฟิงเย่เสวียนขัดคำพูดนาง ป้องกันไม่ให้นางถามมาก และจบบทสนทนาอย่างรวดเร็ว “ไปตรวจสอบสถานการณ์ที่รัชทายาท หลังจากกลับมาเจ้าก็ล้มป่วย เรื่องโรคระบาดปล่อยให้ข้าจัดการเถอะ เจ้าพักฟื้นร่างกายก่อน เรื่องอื่นไม่ต้องเป็นห่วง”ฉู่เชียนหลีอ้าปาก “แล้ว…”“เจ้าทำดีมาก” เฟิงเย่เสวียนเงยหน้ามองไปทางเด็กสาวเขาเบี่ยงประเด็น และดึงดูดความสนใจของฉู่เชียนหลีได้สำเร็จสายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่เด็กสาว “พ่อแม่เจ้าจากไปหมดแล้ว?”เด็กสาวเม้มปาก ค่อยๆ หลุบตาลง ซ่อนความเศร้าไว้ในส่วนลึกของดวงตา “จากไปหมดแล้ว…”บิดาเสียชีวิตเพื่อปกป้องเมืองมารดาเสียชีวิตเพราะติดโรคระบาดสำนักยุทธ์ตระกูลอวิ๋นแยกย้ายแล้วปัจจุบันโดดเดี่ยวเพียงลำพังทันใดนั้น นางพุ่งพรวดมาข้างหน้า พร้อมกับคุกเข่าลง “พระชายาอ๋องเฉิน ท่านจะกลับเมืองหลวง พาข้าไปด้วยเถอะ! ข้ามีวิทยายุทธ์ สามารถปกป้องท่าน!”“ท่านพ่อจากไปแล้ว ข้าไม่มีบ้านแล้ว ข้าไม่รู้
ทำไมขอรางวัลแบบนี้?นางเกือบจะสงสัยหูของตนเองเบิกตาอย่างเหลือเชื่อ หันไปมองคนข้างๆ อย่างตะลึงงัน——โอกาสที่จะได้เจริญร่ำรวยดีๆ แบบนี้ ปรากฏว่านายใช้มันมาเล่นงานฉัน?——นางเล่นงานฉัน?——หรือว่าฉันเป็นศัตรูของนาย?——จวนอ๋องเฉินยากจนขนาดนั้น หรือในใจของนายไม่รู้เลย?นางรู้สึกเหลือเชื่อมาก คนสองคนที่วันก่อนยังปรองดองสามัคคีกัน วันนี้ยืนอยู่บนตำหนักต้าเฉิน กลับต่อต้านชิงความได้เปรียบ!ข้อศอกฮ่องเต้ยันอยู่บนราวจับ มือเท้าคาง สีหน้าลำบากใจเล็กน้อย“ซี้ด…ไม้นั่นเราเป็นคนประทานให้จริง โอรสแห่งสวรรค์ คำสัญญาดั่งทองคำพันชั่ง จะผิดคำพูดได้อย่างไร?”ฉู่เชียนหลีพยักหน้าแรงๆใช่!โอรสสวรรค์พูด ห้ามกลับคำ!“แต่ว่า”นาง “?”“เจ้าเจ็ด เจ้าสร้างผลงานใหญ่ เป็นกรณีพิเศษ เชียนหลี เรื่องของไม้นั่น ก็ให้มันแล้วไปเถอะ” คำพูดของฮ่องเต้เปลี่ยนฉับพลัน เปลี่ยนใจโดยตรงฉู่เชียนหลี “...”ฝ่าบาท วินาทีก่อนท่านบอกว่าคำพูดของโอรสแห่งสวรรค์ คำมั่นสัญญาดั่งทองคำพันชั่ง วินาทีต่อมาก็กลับคำแล้วทำไมท่านเปลี่ยนใจเร็วยิ่งกว่าพลิกหน้าหนังสือ!ท่านพูดแล้วไม่รักษาคำพูดได้อย่างไร!ท่านเป็นโอรสสวรรค์นะ!เฟิงเ
จวนรัชทายาทอ๋องเฉินเข้าวังขอรางวัล รัชทายาทกลับจำเป็นต้องกลับเมืองหลวงล่วงหน้าหนึ่งวัน และยังแสร้งทำเป็นติดโรค จึงจะสามารถหลีกเลี่ยงความอับอายครั้งนี้ตอนนี้เขานอนอยู่บนเตียง ฟังข่าวจากในวัง โมโหจนหน้าเบี้ยวพระชายารัชทายาทพลางป้อนยา พลางกัดฟันด้วยความโมโห“เกินไปแล้ว!”“รัชทายาท ท่านเป็นคนไปเมืองตงหนิงก่อน ผลงานควรเป็นของท่าน อ๋องเฉินแย่งผลงานของท่านได้อย่างไร! และยิ่งแย่งอย่างโจ่งแจ้ง เกินไปแล้ว!”นางรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนรัชทายาทตอนนี้ ทุกคนต่างชื่นชมคุณงามความดีของอ๋องเฉินกับพระชายาอ๋องเฉิน กลับไม่มีใครสรรเสริญรัชทายาทที่ติดโรคเฟิงเจิ้งอวี้นอนอยู่บนเตียง หลับตาทั้งสองข้าง ไม่อยากพูดถึงเรื่องของเมืองตงหนิงอีกแล้วเขาแพ้ให้กับเฟิงเย่เสวียนอีกครั้งความสามารถของเขาสู้เฟิงเย่เสวียนไม่ได้จริงๆ…ความจริงของเรื่องนี้ทำให้เขาโกรธแค้น ทำให้เขาไม่สบายใจ หากเฟิงเย่เสวียนแย่งตำแหน่งรัชทายาทของเขา… “อ๋องเฉินไม่เคยเห็นท่านเป็นพี่น้อง!” พระชายารัชทายาทโมโหจนตาแดง อย่างไรเขาก็กล้ำกลืนแค้นนี้ไม่ลง“รัชทายาท พวกเราจำเป็นต้องเข้าวัง ทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทให้ชัดเจน อ๋องเฉินรังแกกันเกินไป
พูดจบ สับขาก็วิ่ง ไร้เงาในพริบตาเด็กสาวอวิ๋นอิงที่เดินตามอยู่ข้างล่างฉู่เชียนหลียกเปลือกตาขึ้น มีประกายที่เยือกเย็นสายหนึ่งแลบผ่านแววตาผู้ว่าการหวังขุนนางผู้ปกครองของเมืองตงหนิงคนที่ทำให้พ่อนางตาย…ฉู่เชียนหลียกไม้ตีสุนัขที่หมุนเล่นในมือ เล็งไปทางแผ่นหลังที่วิ่งไปไกลของเฟิงเย่เสวียน มุมปากเผยอขึ้นอย่างเย็นชา“เชอะ!”ถือว่าเจ้าวิ่งเร็ว!หนีได้ชั่วขณะ สุดท้ายก็หนีไม่พ้น สายหน่อยค่อยคิดบัญชีกับเจ้า!“พระชายา ยินดีต้อนรับกลับจวนขอรับ!” พ่อบ้านและเหล่าคนรับใช้เดินเข้ามาอย่างยิ้มแย้ม ยกชายกน้ำ เอาอกเอาใจ ท่าทางนอบน้อม ปรนนิบัติอย่างเหมาะสมเดินทางหลายวัน เหนื่อยล้าแล้วไม่รู้เพราะเหตุใด ตั้งแต่อิๆ อ๊าๆ กับเฟิงเย่เสวียน นางมักจะรู้สึกเหนื่อยล้า ร่างกายไร้เรี่ยวแรง ราวกับไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อนนางนวดกลางหว่างคิ้วครู่หนึ่ง “พอแล้ว ควรทำอะไรก็ไปทำงานของตัวเองเถอะ อวิ๋นอิง เจ้าตามข้ามา”“เจ้าค่ะ!”เข้าจวนเยว่เอ๋อร์กับเจ้าดำน้อยล้อมรอบฉู่เชียนหลีอย่างมีความสุข หลังจากเข้าไปในเรือนข้าง จึงจะพบว่ามีเด็กน้อยผมสั้นท่าทางเขินอายคนหนึ่งตามมาด้วยเยว่เอ๋อร์อยากรู้อยากเห็น “พระชายา
เสียงตวาดอย่างเย็นชาดังขึ้น ผู้ว่าการหวังตกใจจนเข่าอ่อนคุกเข่าลงพื้น“อ๋องเฉินโปรดใจเย็น โปรดใจเย็น!”เขารีบกล่าว “ข้าน้อย…ข้าน้อยไม่ได้หนีขอรับ แค่…แค่อยากเดินทางไปถึงเมืองหลวง ทูลเรื่องโรคระบาดในเมืองหลวงต่อฝ่าบาทด้วยตัวเอง เพื่อขอความช่วยเหลือกลับมา”เขาแก้ตัวด้วยคำพูดเจ้าเล่ห์เพื่อให้ตนเองหลุดพ้นความผิดเหอะ!เฟิงเย่เสวียนหัวเราะอย่างเย็นชา ประกายในดวงตายิ่งเยือกเย็นข้ออ้างงี่เง่าเช่นนี้ มีใครเชื่อบ้าง?“เจ้าหนี” เขาตวาดเสียงดังอย่างเด็ดขาด “เพราะตอนที่เจ้าจากไป เมืองตงหนิงวุ่นวายไปหมด ราษฎรสูญเสียเสาหลัก บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน เจ้ามีเหตุผลอะไรจะแก้ตัว!”ตบโต๊ะอย่างแรง เสียงที่ดุดันทำเอาผู้ว่าการหวังตกใจจนเกือบเป็นลมแน่นอนว่าเป็นเพราะเขากลัวตาย!สถานการณ์โรครุนแรงเช่นนั้น คนชนชั้นสูงในเมืองพากันหนีหมดแล้ว เขาไม่อยากตายสิ่งสำคัญที่สุดคือ…เขาได้รับจดหมายลับจากรัชทายาทล่วงหน้า รัชทายาทเป็นคนบอกให้เขาไสหัวไป…เขาเป็นคนของรัชทายาท“อ๋องเฉิน ข้าไม่ได้…ข้า ข้า…ข้า…” เขาร้อนรนจนอธิบายอะไรไม่ออกภายใต้ความร้อนใจ ดึงคนหนุนหลังออกมาโดยตรง“รัชทายาทเป็นคนบอกให้ข้าไป!”ดึงรั
ฉู่เชียนหลีกำตรงส่วนของด้ามจับที่ได้รับการขัดเงาอย่างประณีต กดปุ่มลับ พลันยกมือสะบัดออกไป ซ่า…คทาเล็กสั้นที่แข็งแรงและละเอียดอ่อนสะบัดออกทันที กลายเป็นกระบองยาวเจ็ดท่อนที่ถูกทำมาจากเหล็กอย่างประณีต เสียงสะบัดดุดัน เหมือนกับงูที่แลบลิ้น เปล่งประกายอันหนาวเย็นนางถือไม้ตีสุนัขไว้ในมือ มองไปทางเฟิงเย่เสวียนอย่างยิ้มแย้ม“ท่านพี่….”เสียงที่จริตจะก้านเอ่อล้นออกมาจากไรฟัน เดิมทีมันควรจะไพเราะและอ่อนโยน ทว่ากลับทำให้แผ่นหลังของเฟิงเย่เสวียนหดเกร็ง เหมือนถูกน้ำเย็นกะละมังหนึ่งเทลงมาจากศีรษะเย็นตั้งแต่หัวจรดเท้าเย็นจนถึงใจเมื่อก่อน นางไม่เคยเรียกเขาเช่นนี้…นางคงจะไม่ฆ่าสามีเพื่อผดุงคุณธรรมจริงๆ กระมัง!ฉู่เชียนหลียิ้มจนคิ้วโค้งงอ ไม่เป็นพิษเป็นภัย ถามอย่างยิ้มหวาน “ตอนเจ้าอยู่ในวัง ทำไมไม่ขอรางวัล แต่ให้ฮ่องเต้เรียกคืนไม้ของข้า?”ยกเท้าเดินไปทางเขา ตีไม้ตีสุนัขที่เรียวยาวบนฝ่ามือทีแล้วทีเล่า“เจ้ามีความเข้าใจผิดอะไรกับข้าหรือ?”รอยยิ้มลึกซึ้ง“หือ?”เฟิงเย่เสวียน “...”ตอนนี้ เขาสงสัยอย่างมาก ตนเองเป็นลูกแท้ๆ ของฮ่องเต้หรือไม่! มีพ่อที่ไหนทำกับลูกเช่นนี้?เม้มปาก เกลี้
เยว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นหานเฟิง!เมื่อเห็นเขา สีหน้าของนางจืดชืดลงหลายส่วนหานเฟิงเดินเข้ามา มือที่ซุกอยู่ในแขนเสื้อล้วงไปล้วงมา ยึกยักอยู่พักใหญ่ จึงจะหยิบถุงเงินสีชมพูใบหนึ่งออกมาอย่างเขินอาย ใช้สองมือยื่นออกไป“ครั้งก่อนไม่ระวังทำถุงเงินของเจ้าสกปรก ให้ อันนี้ชดเชยให้เจ้า”สีชมพูอ่อน กับผู้ชายที่เย็นชา ขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ไม่สอดคล้องเลยสักนิดตัวเขาเองก็ไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก ก้มศีรษะ เขินอายเล็กน้อยโตจนป่านนี้แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่มอบถุงเงิน…มือของเขาถือกระบี่ ฆ่าคน เปื้อนเลือดมาโดยตลอดเยว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วครั้งก่อน…นางลุกขึ้นยืน “ไม่ต้องแล้ว ก็แค่ถุงเงินหนึ่งใบ ไม่ได้มีค่ามากนัก”พูดจบ หมุนกายเดินจากไปหานเฟิงอึ้งเล็กน้อย ยืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม สองมือยังคงค้างอยู่ในท่ายื่นของกลางอากาศถูกปฏิเสธ…ปฏิเสธ…ตั้งแต่เล็กจนโต นอกจากพี่สาว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอยากขอโทษใครสักคนด้วยความจริงใจ ถุงเงินใบนี้ยังได้ถามความเห็นของสาวใช้เจ็ดแปดคน และผ่านการคัดสรรอย่างใส่ใจทว่า…มองดูแผ่นหลังที่เดินจากไปของเยว่เอ๋อร์ เขายืนตัวแข็งอยู่ตนที่เดิม ไม่รู้เพราะเหตุใด รู้สึกทรมานเ
แววตาเฟิงเย่เสวียนขรึมลง กลิ่นอายบนร่างกายก็มืดครึ้มลงหลายส่วน เม้มปากเงียบ หลังจากห่มผ้าให้ฉู่เชียนหลี สะบัดแขนเสื้อเดินจากไป“ผู้หญิงคนนั้นล่ะ?”หานอิ๋งรีบตามไป “อยู่ในห้องขัง”ห้องขังมืดสลัว เปียกชื้น ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นไม่พึงประสงค์ กลิ่นอับ กลิ่นคาวเลือด กลิ่นสกปรกของอุจจาระกับปัสสาวะ และยังมีเสียงคร่ำครวญของนักโทษ ทำให้รู้สึกสิ้นหวังภายในห้องขังห้องหนึ่งมือเท้าของอูหนูถูกล่ามโซ่ตรวน ผมเผ้ายุ่งเหยิง นั่งขัดสมาธิอยู่บนแผ่นกระดานไม้ที่เย็นเฉียบ ต่อให้เป็นเช่นนั้น ใบหน้างดงามต่างถิ่นของสาวเหมียวเจียง เปื้อนสิ่งสกปรกเล็กน้อย ราวกับยิ่งทำให้ดูสวย ยิ่งดึงดูดให้ผู้คนกระทำความผิด…เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นและเย็นชาเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆร่างกายนางขยับเล็กน้อย ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสายตาลอดผ่านราวกั้น มองไปทางบนทางเดินที่ยาวสลัด มองเห็นชายชุดผาวสีหมึกที่เดินมาจากความมืด รูปร่างที่สูงยาว กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ ใบหน้าที่เย็นชาหยิ่งผยอง ทำให้ดวงตาของนางขรึมลงเล็กน้อย ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงเหมือนกลืนน้ำลายผ่านไปครู่หนึ่งเฟิงเย่เสวียนเดินมาถึงเขาเหลือบมองคนในห้องขังจากเบื้องสูง น้ำเสียงเ