จวนรัชทายาทอ๋องเฉินเข้าวังขอรางวัล รัชทายาทกลับจำเป็นต้องกลับเมืองหลวงล่วงหน้าหนึ่งวัน และยังแสร้งทำเป็นติดโรค จึงจะสามารถหลีกเลี่ยงความอับอายครั้งนี้ตอนนี้เขานอนอยู่บนเตียง ฟังข่าวจากในวัง โมโหจนหน้าเบี้ยวพระชายารัชทายาทพลางป้อนยา พลางกัดฟันด้วยความโมโห“เกินไปแล้ว!”“รัชทายาท ท่านเป็นคนไปเมืองตงหนิงก่อน ผลงานควรเป็นของท่าน อ๋องเฉินแย่งผลงานของท่านได้อย่างไร! และยิ่งแย่งอย่างโจ่งแจ้ง เกินไปแล้ว!”นางรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนรัชทายาทตอนนี้ ทุกคนต่างชื่นชมคุณงามความดีของอ๋องเฉินกับพระชายาอ๋องเฉิน กลับไม่มีใครสรรเสริญรัชทายาทที่ติดโรคเฟิงเจิ้งอวี้นอนอยู่บนเตียง หลับตาทั้งสองข้าง ไม่อยากพูดถึงเรื่องของเมืองตงหนิงอีกแล้วเขาแพ้ให้กับเฟิงเย่เสวียนอีกครั้งความสามารถของเขาสู้เฟิงเย่เสวียนไม่ได้จริงๆ…ความจริงของเรื่องนี้ทำให้เขาโกรธแค้น ทำให้เขาไม่สบายใจ หากเฟิงเย่เสวียนแย่งตำแหน่งรัชทายาทของเขา… “อ๋องเฉินไม่เคยเห็นท่านเป็นพี่น้อง!” พระชายารัชทายาทโมโหจนตาแดง อย่างไรเขาก็กล้ำกลืนแค้นนี้ไม่ลง“รัชทายาท พวกเราจำเป็นต้องเข้าวัง ทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทให้ชัดเจน อ๋องเฉินรังแกกันเกินไป
พูดจบ สับขาก็วิ่ง ไร้เงาในพริบตาเด็กสาวอวิ๋นอิงที่เดินตามอยู่ข้างล่างฉู่เชียนหลียกเปลือกตาขึ้น มีประกายที่เยือกเย็นสายหนึ่งแลบผ่านแววตาผู้ว่าการหวังขุนนางผู้ปกครองของเมืองตงหนิงคนที่ทำให้พ่อนางตาย…ฉู่เชียนหลียกไม้ตีสุนัขที่หมุนเล่นในมือ เล็งไปทางแผ่นหลังที่วิ่งไปไกลของเฟิงเย่เสวียน มุมปากเผยอขึ้นอย่างเย็นชา“เชอะ!”ถือว่าเจ้าวิ่งเร็ว!หนีได้ชั่วขณะ สุดท้ายก็หนีไม่พ้น สายหน่อยค่อยคิดบัญชีกับเจ้า!“พระชายา ยินดีต้อนรับกลับจวนขอรับ!” พ่อบ้านและเหล่าคนรับใช้เดินเข้ามาอย่างยิ้มแย้ม ยกชายกน้ำ เอาอกเอาใจ ท่าทางนอบน้อม ปรนนิบัติอย่างเหมาะสมเดินทางหลายวัน เหนื่อยล้าแล้วไม่รู้เพราะเหตุใด ตั้งแต่อิๆ อ๊าๆ กับเฟิงเย่เสวียน นางมักจะรู้สึกเหนื่อยล้า ร่างกายไร้เรี่ยวแรง ราวกับไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อนนางนวดกลางหว่างคิ้วครู่หนึ่ง “พอแล้ว ควรทำอะไรก็ไปทำงานของตัวเองเถอะ อวิ๋นอิง เจ้าตามข้ามา”“เจ้าค่ะ!”เข้าจวนเยว่เอ๋อร์กับเจ้าดำน้อยล้อมรอบฉู่เชียนหลีอย่างมีความสุข หลังจากเข้าไปในเรือนข้าง จึงจะพบว่ามีเด็กน้อยผมสั้นท่าทางเขินอายคนหนึ่งตามมาด้วยเยว่เอ๋อร์อยากรู้อยากเห็น “พระชายา
เสียงตวาดอย่างเย็นชาดังขึ้น ผู้ว่าการหวังตกใจจนเข่าอ่อนคุกเข่าลงพื้น“อ๋องเฉินโปรดใจเย็น โปรดใจเย็น!”เขารีบกล่าว “ข้าน้อย…ข้าน้อยไม่ได้หนีขอรับ แค่…แค่อยากเดินทางไปถึงเมืองหลวง ทูลเรื่องโรคระบาดในเมืองหลวงต่อฝ่าบาทด้วยตัวเอง เพื่อขอความช่วยเหลือกลับมา”เขาแก้ตัวด้วยคำพูดเจ้าเล่ห์เพื่อให้ตนเองหลุดพ้นความผิดเหอะ!เฟิงเย่เสวียนหัวเราะอย่างเย็นชา ประกายในดวงตายิ่งเยือกเย็นข้ออ้างงี่เง่าเช่นนี้ มีใครเชื่อบ้าง?“เจ้าหนี” เขาตวาดเสียงดังอย่างเด็ดขาด “เพราะตอนที่เจ้าจากไป เมืองตงหนิงวุ่นวายไปหมด ราษฎรสูญเสียเสาหลัก บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน เจ้ามีเหตุผลอะไรจะแก้ตัว!”ตบโต๊ะอย่างแรง เสียงที่ดุดันทำเอาผู้ว่าการหวังตกใจจนเกือบเป็นลมแน่นอนว่าเป็นเพราะเขากลัวตาย!สถานการณ์โรครุนแรงเช่นนั้น คนชนชั้นสูงในเมืองพากันหนีหมดแล้ว เขาไม่อยากตายสิ่งสำคัญที่สุดคือ…เขาได้รับจดหมายลับจากรัชทายาทล่วงหน้า รัชทายาทเป็นคนบอกให้เขาไสหัวไป…เขาเป็นคนของรัชทายาท“อ๋องเฉิน ข้าไม่ได้…ข้า ข้า…ข้า…” เขาร้อนรนจนอธิบายอะไรไม่ออกภายใต้ความร้อนใจ ดึงคนหนุนหลังออกมาโดยตรง“รัชทายาทเป็นคนบอกให้ข้าไป!”ดึงรั
ฉู่เชียนหลีกำตรงส่วนของด้ามจับที่ได้รับการขัดเงาอย่างประณีต กดปุ่มลับ พลันยกมือสะบัดออกไป ซ่า…คทาเล็กสั้นที่แข็งแรงและละเอียดอ่อนสะบัดออกทันที กลายเป็นกระบองยาวเจ็ดท่อนที่ถูกทำมาจากเหล็กอย่างประณีต เสียงสะบัดดุดัน เหมือนกับงูที่แลบลิ้น เปล่งประกายอันหนาวเย็นนางถือไม้ตีสุนัขไว้ในมือ มองไปทางเฟิงเย่เสวียนอย่างยิ้มแย้ม“ท่านพี่….”เสียงที่จริตจะก้านเอ่อล้นออกมาจากไรฟัน เดิมทีมันควรจะไพเราะและอ่อนโยน ทว่ากลับทำให้แผ่นหลังของเฟิงเย่เสวียนหดเกร็ง เหมือนถูกน้ำเย็นกะละมังหนึ่งเทลงมาจากศีรษะเย็นตั้งแต่หัวจรดเท้าเย็นจนถึงใจเมื่อก่อน นางไม่เคยเรียกเขาเช่นนี้…นางคงจะไม่ฆ่าสามีเพื่อผดุงคุณธรรมจริงๆ กระมัง!ฉู่เชียนหลียิ้มจนคิ้วโค้งงอ ไม่เป็นพิษเป็นภัย ถามอย่างยิ้มหวาน “ตอนเจ้าอยู่ในวัง ทำไมไม่ขอรางวัล แต่ให้ฮ่องเต้เรียกคืนไม้ของข้า?”ยกเท้าเดินไปทางเขา ตีไม้ตีสุนัขที่เรียวยาวบนฝ่ามือทีแล้วทีเล่า“เจ้ามีความเข้าใจผิดอะไรกับข้าหรือ?”รอยยิ้มลึกซึ้ง“หือ?”เฟิงเย่เสวียน “...”ตอนนี้ เขาสงสัยอย่างมาก ตนเองเป็นลูกแท้ๆ ของฮ่องเต้หรือไม่! มีพ่อที่ไหนทำกับลูกเช่นนี้?เม้มปาก เกลี้
เยว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นหานเฟิง!เมื่อเห็นเขา สีหน้าของนางจืดชืดลงหลายส่วนหานเฟิงเดินเข้ามา มือที่ซุกอยู่ในแขนเสื้อล้วงไปล้วงมา ยึกยักอยู่พักใหญ่ จึงจะหยิบถุงเงินสีชมพูใบหนึ่งออกมาอย่างเขินอาย ใช้สองมือยื่นออกไป“ครั้งก่อนไม่ระวังทำถุงเงินของเจ้าสกปรก ให้ อันนี้ชดเชยให้เจ้า”สีชมพูอ่อน กับผู้ชายที่เย็นชา ขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ไม่สอดคล้องเลยสักนิดตัวเขาเองก็ไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก ก้มศีรษะ เขินอายเล็กน้อยโตจนป่านนี้แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่มอบถุงเงิน…มือของเขาถือกระบี่ ฆ่าคน เปื้อนเลือดมาโดยตลอดเยว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วครั้งก่อน…นางลุกขึ้นยืน “ไม่ต้องแล้ว ก็แค่ถุงเงินหนึ่งใบ ไม่ได้มีค่ามากนัก”พูดจบ หมุนกายเดินจากไปหานเฟิงอึ้งเล็กน้อย ยืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม สองมือยังคงค้างอยู่ในท่ายื่นของกลางอากาศถูกปฏิเสธ…ปฏิเสธ…ตั้งแต่เล็กจนโต นอกจากพี่สาว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอยากขอโทษใครสักคนด้วยความจริงใจ ถุงเงินใบนี้ยังได้ถามความเห็นของสาวใช้เจ็ดแปดคน และผ่านการคัดสรรอย่างใส่ใจทว่า…มองดูแผ่นหลังที่เดินจากไปของเยว่เอ๋อร์ เขายืนตัวแข็งอยู่ตนที่เดิม ไม่รู้เพราะเหตุใด รู้สึกทรมานเ
แววตาเฟิงเย่เสวียนขรึมลง กลิ่นอายบนร่างกายก็มืดครึ้มลงหลายส่วน เม้มปากเงียบ หลังจากห่มผ้าให้ฉู่เชียนหลี สะบัดแขนเสื้อเดินจากไป“ผู้หญิงคนนั้นล่ะ?”หานอิ๋งรีบตามไป “อยู่ในห้องขัง”ห้องขังมืดสลัว เปียกชื้น ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นไม่พึงประสงค์ กลิ่นอับ กลิ่นคาวเลือด กลิ่นสกปรกของอุจจาระกับปัสสาวะ และยังมีเสียงคร่ำครวญของนักโทษ ทำให้รู้สึกสิ้นหวังภายในห้องขังห้องหนึ่งมือเท้าของอูหนูถูกล่ามโซ่ตรวน ผมเผ้ายุ่งเหยิง นั่งขัดสมาธิอยู่บนแผ่นกระดานไม้ที่เย็นเฉียบ ต่อให้เป็นเช่นนั้น ใบหน้างดงามต่างถิ่นของสาวเหมียวเจียง เปื้อนสิ่งสกปรกเล็กน้อย ราวกับยิ่งทำให้ดูสวย ยิ่งดึงดูดให้ผู้คนกระทำความผิด…เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นและเย็นชาเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆร่างกายนางขยับเล็กน้อย ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสายตาลอดผ่านราวกั้น มองไปทางบนทางเดินที่ยาวสลัด มองเห็นชายชุดผาวสีหมึกที่เดินมาจากความมืด รูปร่างที่สูงยาว กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ ใบหน้าที่เย็นชาหยิ่งผยอง ทำให้ดวงตาของนางขรึมลงเล็กน้อย ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงเหมือนกลืนน้ำลายผ่านไปครู่หนึ่งเฟิงเย่เสวียนเดินมาถึงเขาเหลือบมองคนในห้องขังจากเบื้องสูง น้ำเสียงเ
ไม่พูดมาก เฟิงเย่เสวียนอุ้มฉู่เชียนหลี ไปกินอาหารค่ำที่ห้องโถงเยว่เอ๋อร์เดินเข้ามาทำความสะอาดห้องแต่ตอนที่เห็นสภาพในห้อง…ตัดสินใจไปหาพ่อบ้านทันทีพ่อบ้านอายจนหน้าแดงทันที“แม่นางเยว่เอ๋อร์ เจ้าก็จริงๆ เลย ไป ‘เก็บกวาดสนามรบ’ ให้อ๋องเฉินกับพระชายาอ๋องเฉิน จะเรียกคนแก่อย่างข้าไปทำอะไร?”ห้องนั่น เตียงนั่น ฉากนั่น ใช่สิ่งที่คนแก่อย่างเขาสามารถดูได้หรือ?สีหน้าเยว่เอ๋อร์ซับซ้อน“พ่อบ้าน ข้ารู้สึกว่าท่านจำเป็นต้องไป…”“ไอ้หยา นี่มันน่าอายแค่ไหน!” พ่อบ้านโบกมือปฏิเสธ ขาสองข้างกลับเหมือนติดล้อไฟ วิ่งไปทางเรือนหานเฟิงสนามรบ ข้ามาแล้ว!ยี่สิบสองปีท่านอ๋องไม่เปิดประสบการณ์ เมื่อเปิดประสบการณ์ก็เก่งมากเลยใช่หรือไม่!แม้เขาเป็นคนรับใช้ แต่มองดูท่านอ๋องเติบโตด้วยตาตนเอง เมื่อก่อนตอนที่ท่านอ๋องยังเด็ก เขามักจะดีดช้างน้อยเขาเป็นประจำ… พริบตาเดี๋ยวก็โตแล้วรีบวิ่ง!รีบวิ่งเร็ว!ไปช้าก็อดดูเรื่องสนุกแล้ว!เยว่เอ๋อร์ “...”พ่อบ้านจับเอวที่ใช้งานได้ไม่ค่อยดีนัก หอบจนแลบลิ้น สองตาเป็นประกาย วิ่งเร็วกว่าสุนัขสี่ขาเสียอีกวิ่งมาถึงเรือนหานเฟิงเป็นคนแรกเข้าห้องตอนที่เห็นสภาพภายในห้อ
ผู้ว่าการหวังตายแล้วในชั่วข้ามคืน ข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกไป บางทีชาวบ้านอาจจะไม่ได้ใส่ใจ แต่หลังจากที่ขุนนางบุ๋นบู๊รู้เรื่องนี้ ต่างก็ตกใจมากอ๋องเฉินได้รับสิทธิพิเศษตัดหัวก่อนค่อยรายงาน เขาจะฆ่าผู้ว่าการหวัง ไม่มีใครกล้าตำหนิแต่หลายปีมานี้ อ๋องเฉินเพิ่งฆ่าขุนนางเป็นครั้งแรกทุกคนต่างรู้ว่าผู้ว่าการหวังเป็นคนของรัชทายาท อ๋องเฉินทำเช่นนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากำลังประกาศศึกกับรัชทายาท… เมืองหลวงสงบมานานแล้ววันนี้ เกรงว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว…จวนอ๋องเฉินฤดูหนาวหนาวเหน็บฉู่เชียนหลีกลัวหนาว เตาผิงถูกจุดขึ้นนานแล้ว ถ่านไฟลุกไหม้อย่างร้อนระอุ อบอุ่นไปทั่วทั้งห้อง นางนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะนุ่ม ห่อมือไว้ในถุงอุ่น ใช้เวลาในฤดูหนาวล่วงหน้าเยว่เอ๋อร์นั่งอยู่ข้างๆ กำลังเย็บเสื้ออย่างชำนาญข้างนอก อวิ๋นอิงกำลังฮึดๆ แกว่งทวนอยู่แรกเริ่ม เจ้าดำน้อยชอบเด็กน้อยที่กระโดดไปมาอย่างฮึกเหิมคนนี้มาก มันชอบกระโดดวิ่งไปมาร่วมสนุกกับนาง สนุกสนานมากแต่เมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไป เด็กหญิงตัวน้อยเห็นมันเป็นคู่ฝึกทวนไปแล้วฝึกก็ฝึกเถอะ แต่ประเด็นคือยังสู้ไม่ได้อีกต่างหากไม่เพียงสู้ไม่ได้ ยังถูกต