เสียงตวาดอย่างเย็นชาดังขึ้น ผู้ว่าการหวังตกใจจนเข่าอ่อนคุกเข่าลงพื้น“อ๋องเฉินโปรดใจเย็น โปรดใจเย็น!”เขารีบกล่าว “ข้าน้อย…ข้าน้อยไม่ได้หนีขอรับ แค่…แค่อยากเดินทางไปถึงเมืองหลวง ทูลเรื่องโรคระบาดในเมืองหลวงต่อฝ่าบาทด้วยตัวเอง เพื่อขอความช่วยเหลือกลับมา”เขาแก้ตัวด้วยคำพูดเจ้าเล่ห์เพื่อให้ตนเองหลุดพ้นความผิดเหอะ!เฟิงเย่เสวียนหัวเราะอย่างเย็นชา ประกายในดวงตายิ่งเยือกเย็นข้ออ้างงี่เง่าเช่นนี้ มีใครเชื่อบ้าง?“เจ้าหนี” เขาตวาดเสียงดังอย่างเด็ดขาด “เพราะตอนที่เจ้าจากไป เมืองตงหนิงวุ่นวายไปหมด ราษฎรสูญเสียเสาหลัก บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน เจ้ามีเหตุผลอะไรจะแก้ตัว!”ตบโต๊ะอย่างแรง เสียงที่ดุดันทำเอาผู้ว่าการหวังตกใจจนเกือบเป็นลมแน่นอนว่าเป็นเพราะเขากลัวตาย!สถานการณ์โรครุนแรงเช่นนั้น คนชนชั้นสูงในเมืองพากันหนีหมดแล้ว เขาไม่อยากตายสิ่งสำคัญที่สุดคือ…เขาได้รับจดหมายลับจากรัชทายาทล่วงหน้า รัชทายาทเป็นคนบอกให้เขาไสหัวไป…เขาเป็นคนของรัชทายาท“อ๋องเฉิน ข้าไม่ได้…ข้า ข้า…ข้า…” เขาร้อนรนจนอธิบายอะไรไม่ออกภายใต้ความร้อนใจ ดึงคนหนุนหลังออกมาโดยตรง“รัชทายาทเป็นคนบอกให้ข้าไป!”ดึงรั
ฉู่เชียนหลีกำตรงส่วนของด้ามจับที่ได้รับการขัดเงาอย่างประณีต กดปุ่มลับ พลันยกมือสะบัดออกไป ซ่า…คทาเล็กสั้นที่แข็งแรงและละเอียดอ่อนสะบัดออกทันที กลายเป็นกระบองยาวเจ็ดท่อนที่ถูกทำมาจากเหล็กอย่างประณีต เสียงสะบัดดุดัน เหมือนกับงูที่แลบลิ้น เปล่งประกายอันหนาวเย็นนางถือไม้ตีสุนัขไว้ในมือ มองไปทางเฟิงเย่เสวียนอย่างยิ้มแย้ม“ท่านพี่….”เสียงที่จริตจะก้านเอ่อล้นออกมาจากไรฟัน เดิมทีมันควรจะไพเราะและอ่อนโยน ทว่ากลับทำให้แผ่นหลังของเฟิงเย่เสวียนหดเกร็ง เหมือนถูกน้ำเย็นกะละมังหนึ่งเทลงมาจากศีรษะเย็นตั้งแต่หัวจรดเท้าเย็นจนถึงใจเมื่อก่อน นางไม่เคยเรียกเขาเช่นนี้…นางคงจะไม่ฆ่าสามีเพื่อผดุงคุณธรรมจริงๆ กระมัง!ฉู่เชียนหลียิ้มจนคิ้วโค้งงอ ไม่เป็นพิษเป็นภัย ถามอย่างยิ้มหวาน “ตอนเจ้าอยู่ในวัง ทำไมไม่ขอรางวัล แต่ให้ฮ่องเต้เรียกคืนไม้ของข้า?”ยกเท้าเดินไปทางเขา ตีไม้ตีสุนัขที่เรียวยาวบนฝ่ามือทีแล้วทีเล่า“เจ้ามีความเข้าใจผิดอะไรกับข้าหรือ?”รอยยิ้มลึกซึ้ง“หือ?”เฟิงเย่เสวียน “...”ตอนนี้ เขาสงสัยอย่างมาก ตนเองเป็นลูกแท้ๆ ของฮ่องเต้หรือไม่! มีพ่อที่ไหนทำกับลูกเช่นนี้?เม้มปาก เกลี้
เยว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นหานเฟิง!เมื่อเห็นเขา สีหน้าของนางจืดชืดลงหลายส่วนหานเฟิงเดินเข้ามา มือที่ซุกอยู่ในแขนเสื้อล้วงไปล้วงมา ยึกยักอยู่พักใหญ่ จึงจะหยิบถุงเงินสีชมพูใบหนึ่งออกมาอย่างเขินอาย ใช้สองมือยื่นออกไป“ครั้งก่อนไม่ระวังทำถุงเงินของเจ้าสกปรก ให้ อันนี้ชดเชยให้เจ้า”สีชมพูอ่อน กับผู้ชายที่เย็นชา ขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ไม่สอดคล้องเลยสักนิดตัวเขาเองก็ไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก ก้มศีรษะ เขินอายเล็กน้อยโตจนป่านนี้แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่มอบถุงเงิน…มือของเขาถือกระบี่ ฆ่าคน เปื้อนเลือดมาโดยตลอดเยว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วครั้งก่อน…นางลุกขึ้นยืน “ไม่ต้องแล้ว ก็แค่ถุงเงินหนึ่งใบ ไม่ได้มีค่ามากนัก”พูดจบ หมุนกายเดินจากไปหานเฟิงอึ้งเล็กน้อย ยืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม สองมือยังคงค้างอยู่ในท่ายื่นของกลางอากาศถูกปฏิเสธ…ปฏิเสธ…ตั้งแต่เล็กจนโต นอกจากพี่สาว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอยากขอโทษใครสักคนด้วยความจริงใจ ถุงเงินใบนี้ยังได้ถามความเห็นของสาวใช้เจ็ดแปดคน และผ่านการคัดสรรอย่างใส่ใจทว่า…มองดูแผ่นหลังที่เดินจากไปของเยว่เอ๋อร์ เขายืนตัวแข็งอยู่ตนที่เดิม ไม่รู้เพราะเหตุใด รู้สึกทรมานเ
แววตาเฟิงเย่เสวียนขรึมลง กลิ่นอายบนร่างกายก็มืดครึ้มลงหลายส่วน เม้มปากเงียบ หลังจากห่มผ้าให้ฉู่เชียนหลี สะบัดแขนเสื้อเดินจากไป“ผู้หญิงคนนั้นล่ะ?”หานอิ๋งรีบตามไป “อยู่ในห้องขัง”ห้องขังมืดสลัว เปียกชื้น ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นไม่พึงประสงค์ กลิ่นอับ กลิ่นคาวเลือด กลิ่นสกปรกของอุจจาระกับปัสสาวะ และยังมีเสียงคร่ำครวญของนักโทษ ทำให้รู้สึกสิ้นหวังภายในห้องขังห้องหนึ่งมือเท้าของอูหนูถูกล่ามโซ่ตรวน ผมเผ้ายุ่งเหยิง นั่งขัดสมาธิอยู่บนแผ่นกระดานไม้ที่เย็นเฉียบ ต่อให้เป็นเช่นนั้น ใบหน้างดงามต่างถิ่นของสาวเหมียวเจียง เปื้อนสิ่งสกปรกเล็กน้อย ราวกับยิ่งทำให้ดูสวย ยิ่งดึงดูดให้ผู้คนกระทำความผิด…เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นและเย็นชาเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆร่างกายนางขยับเล็กน้อย ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสายตาลอดผ่านราวกั้น มองไปทางบนทางเดินที่ยาวสลัด มองเห็นชายชุดผาวสีหมึกที่เดินมาจากความมืด รูปร่างที่สูงยาว กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ ใบหน้าที่เย็นชาหยิ่งผยอง ทำให้ดวงตาของนางขรึมลงเล็กน้อย ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงเหมือนกลืนน้ำลายผ่านไปครู่หนึ่งเฟิงเย่เสวียนเดินมาถึงเขาเหลือบมองคนในห้องขังจากเบื้องสูง น้ำเสียงเ
ไม่พูดมาก เฟิงเย่เสวียนอุ้มฉู่เชียนหลี ไปกินอาหารค่ำที่ห้องโถงเยว่เอ๋อร์เดินเข้ามาทำความสะอาดห้องแต่ตอนที่เห็นสภาพในห้อง…ตัดสินใจไปหาพ่อบ้านทันทีพ่อบ้านอายจนหน้าแดงทันที“แม่นางเยว่เอ๋อร์ เจ้าก็จริงๆ เลย ไป ‘เก็บกวาดสนามรบ’ ให้อ๋องเฉินกับพระชายาอ๋องเฉิน จะเรียกคนแก่อย่างข้าไปทำอะไร?”ห้องนั่น เตียงนั่น ฉากนั่น ใช่สิ่งที่คนแก่อย่างเขาสามารถดูได้หรือ?สีหน้าเยว่เอ๋อร์ซับซ้อน“พ่อบ้าน ข้ารู้สึกว่าท่านจำเป็นต้องไป…”“ไอ้หยา นี่มันน่าอายแค่ไหน!” พ่อบ้านโบกมือปฏิเสธ ขาสองข้างกลับเหมือนติดล้อไฟ วิ่งไปทางเรือนหานเฟิงสนามรบ ข้ามาแล้ว!ยี่สิบสองปีท่านอ๋องไม่เปิดประสบการณ์ เมื่อเปิดประสบการณ์ก็เก่งมากเลยใช่หรือไม่!แม้เขาเป็นคนรับใช้ แต่มองดูท่านอ๋องเติบโตด้วยตาตนเอง เมื่อก่อนตอนที่ท่านอ๋องยังเด็ก เขามักจะดีดช้างน้อยเขาเป็นประจำ… พริบตาเดี๋ยวก็โตแล้วรีบวิ่ง!รีบวิ่งเร็ว!ไปช้าก็อดดูเรื่องสนุกแล้ว!เยว่เอ๋อร์ “...”พ่อบ้านจับเอวที่ใช้งานได้ไม่ค่อยดีนัก หอบจนแลบลิ้น สองตาเป็นประกาย วิ่งเร็วกว่าสุนัขสี่ขาเสียอีกวิ่งมาถึงเรือนหานเฟิงเป็นคนแรกเข้าห้องตอนที่เห็นสภาพภายในห้อ
ผู้ว่าการหวังตายแล้วในชั่วข้ามคืน ข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกไป บางทีชาวบ้านอาจจะไม่ได้ใส่ใจ แต่หลังจากที่ขุนนางบุ๋นบู๊รู้เรื่องนี้ ต่างก็ตกใจมากอ๋องเฉินได้รับสิทธิพิเศษตัดหัวก่อนค่อยรายงาน เขาจะฆ่าผู้ว่าการหวัง ไม่มีใครกล้าตำหนิแต่หลายปีมานี้ อ๋องเฉินเพิ่งฆ่าขุนนางเป็นครั้งแรกทุกคนต่างรู้ว่าผู้ว่าการหวังเป็นคนของรัชทายาท อ๋องเฉินทำเช่นนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากำลังประกาศศึกกับรัชทายาท… เมืองหลวงสงบมานานแล้ววันนี้ เกรงว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว…จวนอ๋องเฉินฤดูหนาวหนาวเหน็บฉู่เชียนหลีกลัวหนาว เตาผิงถูกจุดขึ้นนานแล้ว ถ่านไฟลุกไหม้อย่างร้อนระอุ อบอุ่นไปทั่วทั้งห้อง นางนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะนุ่ม ห่อมือไว้ในถุงอุ่น ใช้เวลาในฤดูหนาวล่วงหน้าเยว่เอ๋อร์นั่งอยู่ข้างๆ กำลังเย็บเสื้ออย่างชำนาญข้างนอก อวิ๋นอิงกำลังฮึดๆ แกว่งทวนอยู่แรกเริ่ม เจ้าดำน้อยชอบเด็กน้อยที่กระโดดไปมาอย่างฮึกเหิมคนนี้มาก มันชอบกระโดดวิ่งไปมาร่วมสนุกกับนาง สนุกสนานมากแต่เมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไป เด็กหญิงตัวน้อยเห็นมันเป็นคู่ฝึกทวนไปแล้วฝึกก็ฝึกเถอะ แต่ประเด็นคือยังสู้ไม่ได้อีกต่างหากไม่เพียงสู้ไม่ได้ ยังถูกต
จวนอ๋องหลี“พระชายา…” สาวใช้เดินเข้าไปในห้อง หยุดอยู่ข้างกายพระชายา ก้มเอวต่ำ พูดกระซิบอย่างเร็วมือที่ถือถ้วยชาของฉู่เจียวเจียวกำแน่นทันทีท่านอ๋องไปจวนอ๋องเฉินอีกแล้ว!แต่งงานกันมาตั้งหลายวัน ท่านอ๋องไม่เคยเข้าห้องนางแม้แต่ครั้งเดียว แต่กลับไปจวนอ๋องเฉินอย่างแข็งขันหลายครั้ง!ตกลงเขาไปทำอะไร!ที่นั่นมีอะไรน่าไป!ใบหน้าฉู่เจียวเจียวเย็นชา สีหน้าบูดบึ้งดูน่าเกลียดยิ่งกว่าสุนัขพันธุ์ปั๊ก ลุกขึ้นฉับพลัน “เตรียมน้ำ ข้าจะอาบน้ำ!”หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยามเฟิงเจิ้งหลีกลับถึงจวนอ๋อง ทำตัวเหมือนปกติ ตอนที่ผลักประตูเข้าไปในห้อง กลับได้กลิ่นหอมที่ผิดไปจากปกติสายหนึ่งสลัวลึกล้ำหอมหวานและยังมีกลิ่นอายของตัณหาปะปนหลายส่วน…ดวงตาเขาขรึมลงเล็กน้อย เงยหน้ามองไปบนเตียงเขามีร่างอันเย้ายวนที่เหมือนจะเปลือยแต่ไม่เปลือย สวมเสื้อผ้าครึ่งท่อนนอนอยู่บนนั้น ระหว่างที่ม่านลอยขึ้น สองขาที่ขาวเรียวของผู้หญิงยกขึ้นอย่างยั่วยวนเล็กน้อย ทิวทัศน์อันสวยงามเพียงพอที่จะทำให้ผู้ชายเลือดพลุ่งพล่าน ยากจะควบคุมตนเองถึงกระนั้น เขายืนอยู่ตรงที่เดิมไม่ขยับตัว บนใบหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ดวงตาลึกล้ำไม่เห
เชี่ย!ปล้นเงินแล้ว!เงินนี้เข้ากระเป๋ารัชทายาทไปแล้ว ยังถูกปล้นมาอย่างโจ่งแจ้ง ตอนนั้นรัชทายาทจะไม่โมโหจนลมจับหรือ? “เจ้าปล้นของเขา? ปล้น? ไม่ใช่ข้าจะว่าเจ้านะ เมื่อก่อนเจ้าเคารพรัชทายาทมากไม่ใช่หรือ ให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์พี่น้องมากไม่ใช่หรือ?” ฉู่เชียนหลีถามอย่างเหลือเชื่อเมื่อพูดถึงความเป็นพี่น้อง แววตาเฟิงเย่เสวียนขรึมลงทันทีเมื่อก่อนเขาใจอ่อนเกินไป จึงส่งเสริมความเย่อหยิ่งของรัชทายาท ให้เขาเดินหลงผิดทีละก้าวทีละก้าว มาจนถึงขั้นนี้ในปัจจุบัน“รัชทายาท…ไม่ใช่พี่น้องข้า” เขากล่าวอย่างเย็นชา ประกายอันเยือกเย็นแลบผ่านแววตามาแล้วก็หายวับอยู่ในบ้าน ต่อหน้าฉู่เชียนหลี เขาไม่อยากเผยอารมณ์เชิงลบใดๆ รีบเก็บอารมณ์อย่างรวดเร็ว เอ่ยปากอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่ตามใจ“เจ้าว่าข้าจนทั้งวันทั้งคืน รังเกียจข้ายากจน ตอนนี้ดีแล้ว มีเงินแล้ว เงินห้าหมื่นนี่ให้เจ้าดูแล”เขาปลีกตัวไปทำงานที่ห้องหนังสือแล้วฉู่เชียนหลีเกาะอยู่บนลัง กอดเงินหยวนเป่าที่กอดอย่างไรก็กอดไม่อยู่ ยิ้มจนหรี่ตาเป็นเส้นตรง มองไม่เห็นรูม่านตาที่มีความสุขแล้วโอ๊ย!เงินที่ปล้นมา หอมยิ่งกว่าเงินที่ทำงานหาม
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท