เสียงตวาดอย่างเย็นชาดังขึ้น ผู้ว่าการหวังตกใจจนเข่าอ่อนคุกเข่าลงพื้น“อ๋องเฉินโปรดใจเย็น โปรดใจเย็น!”เขารีบกล่าว “ข้าน้อย…ข้าน้อยไม่ได้หนีขอรับ แค่…แค่อยากเดินทางไปถึงเมืองหลวง ทูลเรื่องโรคระบาดในเมืองหลวงต่อฝ่าบาทด้วยตัวเอง เพื่อขอความช่วยเหลือกลับมา”เขาแก้ตัวด้วยคำพูดเจ้าเล่ห์เพื่อให้ตนเองหลุดพ้นความผิดเหอะ!เฟิงเย่เสวียนหัวเราะอย่างเย็นชา ประกายในดวงตายิ่งเยือกเย็นข้ออ้างงี่เง่าเช่นนี้ มีใครเชื่อบ้าง?“เจ้าหนี” เขาตวาดเสียงดังอย่างเด็ดขาด “เพราะตอนที่เจ้าจากไป เมืองตงหนิงวุ่นวายไปหมด ราษฎรสูญเสียเสาหลัก บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน เจ้ามีเหตุผลอะไรจะแก้ตัว!”ตบโต๊ะอย่างแรง เสียงที่ดุดันทำเอาผู้ว่าการหวังตกใจจนเกือบเป็นลมแน่นอนว่าเป็นเพราะเขากลัวตาย!สถานการณ์โรครุนแรงเช่นนั้น คนชนชั้นสูงในเมืองพากันหนีหมดแล้ว เขาไม่อยากตายสิ่งสำคัญที่สุดคือ…เขาได้รับจดหมายลับจากรัชทายาทล่วงหน้า รัชทายาทเป็นคนบอกให้เขาไสหัวไป…เขาเป็นคนของรัชทายาท“อ๋องเฉิน ข้าไม่ได้…ข้า ข้า…ข้า…” เขาร้อนรนจนอธิบายอะไรไม่ออกภายใต้ความร้อนใจ ดึงคนหนุนหลังออกมาโดยตรง“รัชทายาทเป็นคนบอกให้ข้าไป!”ดึงรั
ฉู่เชียนหลีกำตรงส่วนของด้ามจับที่ได้รับการขัดเงาอย่างประณีต กดปุ่มลับ พลันยกมือสะบัดออกไป ซ่า…คทาเล็กสั้นที่แข็งแรงและละเอียดอ่อนสะบัดออกทันที กลายเป็นกระบองยาวเจ็ดท่อนที่ถูกทำมาจากเหล็กอย่างประณีต เสียงสะบัดดุดัน เหมือนกับงูที่แลบลิ้น เปล่งประกายอันหนาวเย็นนางถือไม้ตีสุนัขไว้ในมือ มองไปทางเฟิงเย่เสวียนอย่างยิ้มแย้ม“ท่านพี่….”เสียงที่จริตจะก้านเอ่อล้นออกมาจากไรฟัน เดิมทีมันควรจะไพเราะและอ่อนโยน ทว่ากลับทำให้แผ่นหลังของเฟิงเย่เสวียนหดเกร็ง เหมือนถูกน้ำเย็นกะละมังหนึ่งเทลงมาจากศีรษะเย็นตั้งแต่หัวจรดเท้าเย็นจนถึงใจเมื่อก่อน นางไม่เคยเรียกเขาเช่นนี้…นางคงจะไม่ฆ่าสามีเพื่อผดุงคุณธรรมจริงๆ กระมัง!ฉู่เชียนหลียิ้มจนคิ้วโค้งงอ ไม่เป็นพิษเป็นภัย ถามอย่างยิ้มหวาน “ตอนเจ้าอยู่ในวัง ทำไมไม่ขอรางวัล แต่ให้ฮ่องเต้เรียกคืนไม้ของข้า?”ยกเท้าเดินไปทางเขา ตีไม้ตีสุนัขที่เรียวยาวบนฝ่ามือทีแล้วทีเล่า“เจ้ามีความเข้าใจผิดอะไรกับข้าหรือ?”รอยยิ้มลึกซึ้ง“หือ?”เฟิงเย่เสวียน “...”ตอนนี้ เขาสงสัยอย่างมาก ตนเองเป็นลูกแท้ๆ ของฮ่องเต้หรือไม่! มีพ่อที่ไหนทำกับลูกเช่นนี้?เม้มปาก เกลี้
เยว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นหานเฟิง!เมื่อเห็นเขา สีหน้าของนางจืดชืดลงหลายส่วนหานเฟิงเดินเข้ามา มือที่ซุกอยู่ในแขนเสื้อล้วงไปล้วงมา ยึกยักอยู่พักใหญ่ จึงจะหยิบถุงเงินสีชมพูใบหนึ่งออกมาอย่างเขินอาย ใช้สองมือยื่นออกไป“ครั้งก่อนไม่ระวังทำถุงเงินของเจ้าสกปรก ให้ อันนี้ชดเชยให้เจ้า”สีชมพูอ่อน กับผู้ชายที่เย็นชา ขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ไม่สอดคล้องเลยสักนิดตัวเขาเองก็ไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก ก้มศีรษะ เขินอายเล็กน้อยโตจนป่านนี้แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่มอบถุงเงิน…มือของเขาถือกระบี่ ฆ่าคน เปื้อนเลือดมาโดยตลอดเยว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วครั้งก่อน…นางลุกขึ้นยืน “ไม่ต้องแล้ว ก็แค่ถุงเงินหนึ่งใบ ไม่ได้มีค่ามากนัก”พูดจบ หมุนกายเดินจากไปหานเฟิงอึ้งเล็กน้อย ยืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม สองมือยังคงค้างอยู่ในท่ายื่นของกลางอากาศถูกปฏิเสธ…ปฏิเสธ…ตั้งแต่เล็กจนโต นอกจากพี่สาว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอยากขอโทษใครสักคนด้วยความจริงใจ ถุงเงินใบนี้ยังได้ถามความเห็นของสาวใช้เจ็ดแปดคน และผ่านการคัดสรรอย่างใส่ใจทว่า…มองดูแผ่นหลังที่เดินจากไปของเยว่เอ๋อร์ เขายืนตัวแข็งอยู่ตนที่เดิม ไม่รู้เพราะเหตุใด รู้สึกทรมานเ
แววตาเฟิงเย่เสวียนขรึมลง กลิ่นอายบนร่างกายก็มืดครึ้มลงหลายส่วน เม้มปากเงียบ หลังจากห่มผ้าให้ฉู่เชียนหลี สะบัดแขนเสื้อเดินจากไป“ผู้หญิงคนนั้นล่ะ?”หานอิ๋งรีบตามไป “อยู่ในห้องขัง”ห้องขังมืดสลัว เปียกชื้น ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นไม่พึงประสงค์ กลิ่นอับ กลิ่นคาวเลือด กลิ่นสกปรกของอุจจาระกับปัสสาวะ และยังมีเสียงคร่ำครวญของนักโทษ ทำให้รู้สึกสิ้นหวังภายในห้องขังห้องหนึ่งมือเท้าของอูหนูถูกล่ามโซ่ตรวน ผมเผ้ายุ่งเหยิง นั่งขัดสมาธิอยู่บนแผ่นกระดานไม้ที่เย็นเฉียบ ต่อให้เป็นเช่นนั้น ใบหน้างดงามต่างถิ่นของสาวเหมียวเจียง เปื้อนสิ่งสกปรกเล็กน้อย ราวกับยิ่งทำให้ดูสวย ยิ่งดึงดูดให้ผู้คนกระทำความผิด…เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นและเย็นชาเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆร่างกายนางขยับเล็กน้อย ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสายตาลอดผ่านราวกั้น มองไปทางบนทางเดินที่ยาวสลัด มองเห็นชายชุดผาวสีหมึกที่เดินมาจากความมืด รูปร่างที่สูงยาว กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ ใบหน้าที่เย็นชาหยิ่งผยอง ทำให้ดวงตาของนางขรึมลงเล็กน้อย ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงเหมือนกลืนน้ำลายผ่านไปครู่หนึ่งเฟิงเย่เสวียนเดินมาถึงเขาเหลือบมองคนในห้องขังจากเบื้องสูง น้ำเสียงเ
ไม่พูดมาก เฟิงเย่เสวียนอุ้มฉู่เชียนหลี ไปกินอาหารค่ำที่ห้องโถงเยว่เอ๋อร์เดินเข้ามาทำความสะอาดห้องแต่ตอนที่เห็นสภาพในห้อง…ตัดสินใจไปหาพ่อบ้านทันทีพ่อบ้านอายจนหน้าแดงทันที“แม่นางเยว่เอ๋อร์ เจ้าก็จริงๆ เลย ไป ‘เก็บกวาดสนามรบ’ ให้อ๋องเฉินกับพระชายาอ๋องเฉิน จะเรียกคนแก่อย่างข้าไปทำอะไร?”ห้องนั่น เตียงนั่น ฉากนั่น ใช่สิ่งที่คนแก่อย่างเขาสามารถดูได้หรือ?สีหน้าเยว่เอ๋อร์ซับซ้อน“พ่อบ้าน ข้ารู้สึกว่าท่านจำเป็นต้องไป…”“ไอ้หยา นี่มันน่าอายแค่ไหน!” พ่อบ้านโบกมือปฏิเสธ ขาสองข้างกลับเหมือนติดล้อไฟ วิ่งไปทางเรือนหานเฟิงสนามรบ ข้ามาแล้ว!ยี่สิบสองปีท่านอ๋องไม่เปิดประสบการณ์ เมื่อเปิดประสบการณ์ก็เก่งมากเลยใช่หรือไม่!แม้เขาเป็นคนรับใช้ แต่มองดูท่านอ๋องเติบโตด้วยตาตนเอง เมื่อก่อนตอนที่ท่านอ๋องยังเด็ก เขามักจะดีดช้างน้อยเขาเป็นประจำ… พริบตาเดี๋ยวก็โตแล้วรีบวิ่ง!รีบวิ่งเร็ว!ไปช้าก็อดดูเรื่องสนุกแล้ว!เยว่เอ๋อร์ “...”พ่อบ้านจับเอวที่ใช้งานได้ไม่ค่อยดีนัก หอบจนแลบลิ้น สองตาเป็นประกาย วิ่งเร็วกว่าสุนัขสี่ขาเสียอีกวิ่งมาถึงเรือนหานเฟิงเป็นคนแรกเข้าห้องตอนที่เห็นสภาพภายในห้อ
ผู้ว่าการหวังตายแล้วในชั่วข้ามคืน ข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกไป บางทีชาวบ้านอาจจะไม่ได้ใส่ใจ แต่หลังจากที่ขุนนางบุ๋นบู๊รู้เรื่องนี้ ต่างก็ตกใจมากอ๋องเฉินได้รับสิทธิพิเศษตัดหัวก่อนค่อยรายงาน เขาจะฆ่าผู้ว่าการหวัง ไม่มีใครกล้าตำหนิแต่หลายปีมานี้ อ๋องเฉินเพิ่งฆ่าขุนนางเป็นครั้งแรกทุกคนต่างรู้ว่าผู้ว่าการหวังเป็นคนของรัชทายาท อ๋องเฉินทำเช่นนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากำลังประกาศศึกกับรัชทายาท… เมืองหลวงสงบมานานแล้ววันนี้ เกรงว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว…จวนอ๋องเฉินฤดูหนาวหนาวเหน็บฉู่เชียนหลีกลัวหนาว เตาผิงถูกจุดขึ้นนานแล้ว ถ่านไฟลุกไหม้อย่างร้อนระอุ อบอุ่นไปทั่วทั้งห้อง นางนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะนุ่ม ห่อมือไว้ในถุงอุ่น ใช้เวลาในฤดูหนาวล่วงหน้าเยว่เอ๋อร์นั่งอยู่ข้างๆ กำลังเย็บเสื้ออย่างชำนาญข้างนอก อวิ๋นอิงกำลังฮึดๆ แกว่งทวนอยู่แรกเริ่ม เจ้าดำน้อยชอบเด็กน้อยที่กระโดดไปมาอย่างฮึกเหิมคนนี้มาก มันชอบกระโดดวิ่งไปมาร่วมสนุกกับนาง สนุกสนานมากแต่เมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไป เด็กหญิงตัวน้อยเห็นมันเป็นคู่ฝึกทวนไปแล้วฝึกก็ฝึกเถอะ แต่ประเด็นคือยังสู้ไม่ได้อีกต่างหากไม่เพียงสู้ไม่ได้ ยังถูกต
จวนอ๋องหลี“พระชายา…” สาวใช้เดินเข้าไปในห้อง หยุดอยู่ข้างกายพระชายา ก้มเอวต่ำ พูดกระซิบอย่างเร็วมือที่ถือถ้วยชาของฉู่เจียวเจียวกำแน่นทันทีท่านอ๋องไปจวนอ๋องเฉินอีกแล้ว!แต่งงานกันมาตั้งหลายวัน ท่านอ๋องไม่เคยเข้าห้องนางแม้แต่ครั้งเดียว แต่กลับไปจวนอ๋องเฉินอย่างแข็งขันหลายครั้ง!ตกลงเขาไปทำอะไร!ที่นั่นมีอะไรน่าไป!ใบหน้าฉู่เจียวเจียวเย็นชา สีหน้าบูดบึ้งดูน่าเกลียดยิ่งกว่าสุนัขพันธุ์ปั๊ก ลุกขึ้นฉับพลัน “เตรียมน้ำ ข้าจะอาบน้ำ!”หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยามเฟิงเจิ้งหลีกลับถึงจวนอ๋อง ทำตัวเหมือนปกติ ตอนที่ผลักประตูเข้าไปในห้อง กลับได้กลิ่นหอมที่ผิดไปจากปกติสายหนึ่งสลัวลึกล้ำหอมหวานและยังมีกลิ่นอายของตัณหาปะปนหลายส่วน…ดวงตาเขาขรึมลงเล็กน้อย เงยหน้ามองไปบนเตียงเขามีร่างอันเย้ายวนที่เหมือนจะเปลือยแต่ไม่เปลือย สวมเสื้อผ้าครึ่งท่อนนอนอยู่บนนั้น ระหว่างที่ม่านลอยขึ้น สองขาที่ขาวเรียวของผู้หญิงยกขึ้นอย่างยั่วยวนเล็กน้อย ทิวทัศน์อันสวยงามเพียงพอที่จะทำให้ผู้ชายเลือดพลุ่งพล่าน ยากจะควบคุมตนเองถึงกระนั้น เขายืนอยู่ตรงที่เดิมไม่ขยับตัว บนใบหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ดวงตาลึกล้ำไม่เห
เชี่ย!ปล้นเงินแล้ว!เงินนี้เข้ากระเป๋ารัชทายาทไปแล้ว ยังถูกปล้นมาอย่างโจ่งแจ้ง ตอนนั้นรัชทายาทจะไม่โมโหจนลมจับหรือ? “เจ้าปล้นของเขา? ปล้น? ไม่ใช่ข้าจะว่าเจ้านะ เมื่อก่อนเจ้าเคารพรัชทายาทมากไม่ใช่หรือ ให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์พี่น้องมากไม่ใช่หรือ?” ฉู่เชียนหลีถามอย่างเหลือเชื่อเมื่อพูดถึงความเป็นพี่น้อง แววตาเฟิงเย่เสวียนขรึมลงทันทีเมื่อก่อนเขาใจอ่อนเกินไป จึงส่งเสริมความเย่อหยิ่งของรัชทายาท ให้เขาเดินหลงผิดทีละก้าวทีละก้าว มาจนถึงขั้นนี้ในปัจจุบัน“รัชทายาท…ไม่ใช่พี่น้องข้า” เขากล่าวอย่างเย็นชา ประกายอันเยือกเย็นแลบผ่านแววตามาแล้วก็หายวับอยู่ในบ้าน ต่อหน้าฉู่เชียนหลี เขาไม่อยากเผยอารมณ์เชิงลบใดๆ รีบเก็บอารมณ์อย่างรวดเร็ว เอ่ยปากอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่ตามใจ“เจ้าว่าข้าจนทั้งวันทั้งคืน รังเกียจข้ายากจน ตอนนี้ดีแล้ว มีเงินแล้ว เงินห้าหมื่นนี่ให้เจ้าดูแล”เขาปลีกตัวไปทำงานที่ห้องหนังสือแล้วฉู่เชียนหลีเกาะอยู่บนลัง กอดเงินหยวนเป่าที่กอดอย่างไรก็กอดไม่อยู่ ยิ้มจนหรี่ตาเป็นเส้นตรง มองไม่เห็นรูม่านตาที่มีความสุขแล้วโอ๊ย!เงินที่ปล้นมา หอมยิ่งกว่าเงินที่ทำงานหาม
หลังจากกล่าวจบ ในความมืด เสียงลมหายใจของเฟิงเย่เสวียนแรงขึ้นแรงน้อย“ครึ่งปีมานี้ เขาดีกับเขา และดีกับจื่อเยี่ยมาก ไม่เคยทำร้ายพวกเราเลย ตอนข้าเลือกที่จะหักหลังเขา ไม่รู้เพราะเหตุใด ในใจรู้สึกผิดอย่างน่าประหลาด”ฉู่เชียนหลีจับหน้าอก อธิบายความรู้สึกนี้ไม่ถูก“ถ้าหากเจ้าได้รับชัยชนะของจุดจบ ไม่ฆ่าเขาได้หรือไม่? ทำให้เขาพิการก็ได้ กักบริเวณทั้งชีวิตก็ได้ ข้าไม่อยากให้เขาตายเพราะทำดีกับข้า”สายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึม มือที่วางอยู่บนเอวของนางกระชับแน่นขึ้นเล็กน้อยเหมือนกำลังข่มอารมณ์แต่แค่สองวินาที ก็คลายมือออกอย่างเงียบๆ เปล่งเสียงออกมาจากลำคอแค่คำเดียว“อืม”ทั้งคืนไร้คำพูดวันรุ่งขึ้นฉู่เชียนหลีเพิ่งกินข้าวเช้าเสร็จ มีเสียงที่เกรี้ยวกราดดังขึ้นจากนอกประตู“ฉู่เชียนหลี!”จวินลั่วหยวนสีหน้านางดูโกรธมาก เดินปรี่เข้ามา ไฟโทสะทั้งหมดมุ่งเป้ามาที่ฉู่เชียนหลีสาวใช้เสียวอู่เข้าไปขวางทันที“เจ้าออกไปก่อน” ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองผู้มา “มีอะไร?”จวินลั่วหยวนกล่าวด้วยความโกรธ“ข้าเจ็บที่หน้า ยังไม่ทันมาหาเรื่องเจ้า แต่เจ้ากลับกล้าส่งคนออกไปปล่อยข่าวลือที่ข้างนอก ทำลายชื่อเสียงข
จะไม่ขอพบอีก…อวิ๋นอิงกล่าวอย่างเด็ดขาดเด็ดเดี่ยว เฉียบขาดไร้ความรู้สึกใดๆ ในแววตาชีวิตที่เหลือ นางและเจี๋ยวเจี๋ยวพึ่งพากันและกัน ไม่คิดไม่ต้องการสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น ถูกหรือผิดล้วนไม่ยุ่งเกี่ยวชีวิตที่เหลือ อยู่เพื่อเจี๋ยวเจี๋ยวเท่านั้นฉู่เชียนหลีอ้าปาก ยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่อวิ๋นอิงตัดสินใจไปแล้ว พูดมากมีแต่จะยิ่งทำให้นางรู้สึกต่อต้านถอนหายใจเบาๆช่างเถอะ!ส่วนวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ เส้นทางของวันข้างหน้ายังอีกยาวไกล ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้กับเรื่องไม่คาดคิด อันไหนจะมาก่อนกัน“เจ้าพักผ่อนเถอะ ข้าช่วยเจ้าอุ้มลูกออกไปก่อน แม่นมก็เตรียมไว้แล้ว เจ้าผอมเกินไป อย่าป้อนนมแม่เอง”น้ำนมหนึ่งหยด ก็คือเลือดหนึ่งหยดฉู่เชียนหลียุ่งเรื่องทางนี้เสร็จ เมื่อกลับถึงห้องก็ดึกแล้วหนึ่งวันที่แสนวุ่นวายสิ้นสุดลง ไม่ง่ายเลยที่จะมีเวลาได้นอนกับเว่ยซีและจื่อเยี่ย ยังไม่ทันนอนลงไป ก็ถูกเฟิงเย่เสวียนที่กลับมาไล่ออกไป เปลี่ยนเป็นเขามานอนกับนางแทนตั้งแต่กลับมา ยังไม่เคยได้นอนกับลูกชายและลูกสาวเพียงลำพังเลยถูกเขาไล่ออกไปทุกครั้งเขากล่าว“นี่เป็นเตียงของข้า”ค
จ้านหู่จากไปพร้อมกับคำด่าทอ เหมือนกับเม่นที่อารมณ์ไม่ดีตัวหนึ่งฉู่เชียนหลีไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าเขา คิดเสียว่าเป็นการผูกมิตรแม้จ้านหู่เป็นคนของฮองเฮาซีอวี้ แต่ในใจยังมีความอ่อนโยนอยู่ หวังว่ากันผูกมิตรนี้ของนาง วันข้างหน้าจะสามารถช่วยจิ่งอี้กลับห้องอารมณ์ของอวิ๋นอิงสงบลงมากแล้วฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ที่ขอบเตียง “ร่างกายของเจ้ารับปัญหาอะไรไม่ไหวแล้ว ต่อจากนี้สามเดือน เจ้าพักฟื้นเถอะ”พักฟื้นหลังคลอดหนึ่งร้อยวันอวิ๋นอิงไม่สนใจเรื่องนี้ นางกอดลูกที่ได้คืนมาหลังจากสูญเสียไว้แน่น เบ้าตาแดงก่ำ“พระชายา ขอบคุณมาก!”“ขอบคุณที่ท่านช่วยเอาลูกสาวของข้ากลับคืนมา!”ตื้นตันจนน้ำตาไหลฉู่เชียนหลีเช็ดน้ำตาให้นาง “ยายโง่ ระหว่างเจ้ากับข้าต้องใช้คำพูดเช่นนี้ด้วยหรือ? ครึ่งปีที่ข้าไม่อยู่ เจ้าช่วยค่าดูแลเว่ยซีกับลู่ฉิน คนที่ควรพูดขอบคุณคือข้า”“ระหว่างพักฟื้น ห้ามร้องไห้เด็ดขาด และห้ามนั่งนาน ระหว่างทิ้งต้นตอของโรคไว้”“อืม!”อวิ๋นอิงกอดลูกไว้แน่น พยักหน้าแรงๆฉู่เชียนหลีมองเด็กที่นอนหลับสนิทในผ้าห่อทารกตัวน้อยๆ หนังเหี่ยวย่น แก้มแดง ท่าทางคล้ายจิ่งอี้ คิ้วบางเหมือนอวิ๋นอิง และยังมีกลีบริม
ความเจ็บปวดจากการสูญเสีย ความสุขจากการได้คืนมา ความรู้สึกสองแบบที่ต่างกันสุดขั้วนี้ นางไม่อยากรู้สึกอีกถ้าหากต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้อีกครั้ง นางตายแน่!“พระชายา เด็กคนนี้คือชีวิตของข้า ข้าไม่ยอมให้ใครมาแย่งนางไป! ข้าจะปกป้องนางด้วยชีวิต!”ฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ตรงขอบเตียง กล่าวปลอบใจ“ข้ารู้”เด็กทุกคนล้วนเป็นจุดอ่อนของมารดา“ไม่มีใครสามารถแย่งลูกของเจ้าไปได้”“แต่ว่า อวิ๋นอิง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับจิ่งอี้ เจ้าเข้าใจเขาผิดแล้ว” นางเงยหน้า ส่งสัญญาณให้ข้างนอกทหารสองคนคุมตัวจ้านหู่เข้ามาจ้านหู่กล่าว“ช่วงเช้าของวันนี้ ข้าเป็นคนแย่งเด็กในโรงหมอเอง”“ข้าคิดว่าเจ้าคลอดลูกชาย กลัวมีปัญหามากมายตามมา ก็เลยเข้าไปแย่งเด็ก ใครจะรู้ว่าเป็นเด็กผู้หญิง ในเมื่อเป็นเด็กผู้หญิง เช่นนั้นก็จะไม่เป็นภัยคุกคามต่อฮองเฮา”ดังนั้นเขาก็เลยคืนเด็กแล้วอวิ๋นอิงรู้จักจ้านหู่ เขาคือคนที่บีบบังคับให้จิ่งอี้ดื่มยาพิษ แต่หลายวันนี้นางต้องผ่านเหตุการณ์มากมาย เดิมทีสภาพจิตใจก็อ่อนแออยู่แล้ว จึงได้สร้างแนวป้องกันขึ้นในใจนางต้องการแค่ลูกสาว!ใครพูดนางก็ไม่อยากฟัง!และไม่เชื่อใครด้วย!กอดลูกสาวแน่น ปก
ปัง!ประตูถูกกระแทกจนเปิดออก ร่างกายจวินลั่วยวนหมุนกลางอากาศหนึ่งรอบ รอยกระเด็นออกไป ล้มหน้าคว่ำลงพื้น รู้สึกมึนงงไปหมดผ่านไปห้าวินาทีเต็มๆ จึงจะตั้งสติได้นาง…โดนตบ?“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”“เหตุใดองค์หญิงหนานยวนลอยออกมาจากห้องท่านอ๋อง…”“ดูเหมือนใครบางคนไม่รู้จักเจียมตัว…”นอกเรือน เมื่อทหารที่เฝ้ายามและคนรับใช้เห็นภาพนี้ เริ่มพากันวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ คำพูดบางประโยคลอยเข้าหูของจวินลั่วยวน ทำให้สีหน้าของนางเดี๋ยวซีด เดี๋ยวดำ เดี๋ยวม่วง ดูน่าเกลียดมากเงยหน้าแก้มแสบร้อนใช้มือลูบเบาๆมีเลือด…“หน้าของข้า!”ใบหน้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนาง!จวินลั่วยวนโกรธแล้ว “อ๋องเฉิน! ท่านกล้าทำร้ายข้า หรือท่านไม่อยากให้แคว้นหนานยวนสนับสนุนท่าน? ฮ่องเต้หลีเริ่มใกล้ชิดกับแคว้นซีอวี้แล้ว ถ้าหากท่านไม่ได้รับการสนับสนุนจากแคว้นหนานยวนของเรา ท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮ่องเต้หลี!”มาถึงขั้นนี้แล้ว เขายังไม่รู้ตัวอีกหรือ?เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงกล้าทำร้ายนาง?เฟิงเย่เสวียนยืนอยู่บนบันไดขั้นที่สาม ก้มมองนางที่แยกเขี้ยวยิงฟัน หัวเราะอย่างเย็นชา“วันนี้ได้เห็น แคว้นหนานยวนไม่ได้มีค่า
ไม่นาน น้ำอุ่นก็มา ตอนเฟิงเย่เสวียนอาบน้ำ ไม่ชอบให้คนมาปรนนิบัติ หลังจากคนรับใช้เตรียมเสื้อผ้าและยาเสร็จ ก็ถอยออกไปหมดแล้วภายในห้องหลังฉากบังลมไอน้ำร้อนพวยพุ่ง อบอวลกลางอากาศ หลังจากเสียงน้ำดังขึ้น เงาจางๆ ของเฟิงเย่เสวียนสะท้อนลงบนฉากบังลมคลุมเครือ มองเห็นไม่ชัดแต่เงาด้านข้างนั่น เค้าโครงนั่น แม้แต่ตรงตำแหน่งลูกกระเดือกที่นูนขึ้น ก็สะท้อนออกมา ทำให้เห็นแล้วต้องกลืนน้ำลาย จินตนาการไม่รู้จบ เลือดในกายพลุ่งพล่านจวินลั่วยวนมองเห็นอย่างชัดเจนจากช่องว่างของประตูคอแห้ง กลืนน้ำลาย…จริงนะนางชอบผู้ชายคนนี้มาก ชอบอย่างที่ไม่เคยชอบมาก่อนหลายปีมานี้ คนที่ไปสู่ขอถึงวังหลวง ธรณีประตูแทบถูกเหยียบจนพัง นางเคยเห็นผู้ชายมามากมาย ชนชั้นสูง เชื้อพระวงศ์ เศรษฐีรู้จักคนมากมาย กลับมีเพียงตอนที่เจออ๋องเฉิน หัวใจปั่นป่วนนางจำได้ตลอด ตอนที่เจอกันครั้งแรก อ๋องเฉินจับมือของนาง มองฐานะของนางออกในปราดเดียว เขาพูดว่า‘การปรากฏตัวขององค์หญิงช่างพิเศษจริงๆ’หวั่นไหวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาซ่า…เสียงน้ำหลังฉากบังลม เหมือนเฟิงเย่เสวียนอาบน้ำเสร็จแล้ว แขนข้างหนึ่งที่มีหยดน้ำติดยื่นออกมาหยิบเสื้
“ไม่รู้ว่าเจ้ากำลังหาใคร? ข้าเดินทางมาเจียงหนาน พาคนมาด้วยไม่น้อย ไม่แน่อาจสามารถช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง”ฉู่เชียนหลีลังเลเล็กน้อยผู้มาเยือนคือแขก ยังไปรบกวนคนอื่นอีก รู้สึกเกรงใจจริงๆฮองเฮาหนานยวนเหมือนมองความคิดนางออก พลันยิ้มอย่างอ่อนโยน“พระชายาอ๋องเฉิน แคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉินมีความสัมพันธ์ทางการร่วมมือ เจ้าไม่ต้องเกรงใจ”“เห็นเจ้าใช้คนมากมายเช่นนี้ แถมยังปิดเมือง คนผู้นี้น่าจะสำคัญมากกระมัง ไม่ต้องลังเลแล้ว ทุกเวลามีค่า อย่าปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสหนี”มันก็จริงตามหาคนสำคัญกว่าฉู่เชียนหลีก็ไม่ลังเลอีก กล่าวตรงๆ “เป็นเด็กทารกที่เพิ่งคลอด เป็นลูกสาวของสาวใช้ข้า…”หลังจากฮองเฮาหนานยวนเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ ก็สั่งให้คนของตัวเองไปช่วยอีกแรงทันทีขณะเดียวกัน ก็เหลือบมองพระชายาอ๋องเฉินท่านนี้อีกหลายครั้งนางดีกับคนรับใช้เช่นนี้มาโดยตลอด?เป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่ง นางสามารถทำถึงขั้นปิดเมืองเลยมองออกได้ไม่ยากว่านางเป็นคนให้ความสำคัญกับมิตรภาพ ใครก็ตามที่อยู่ในสายตาของนาง ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น คนเช่นนี้ทำให้คนไว้ใจได้ง่าย ทำให้คนอยากเข้าหา อยากทำความรู้จักสมัยนี้ คนที่มีตำแหน่งมีอ
ต้องเป็นฝีมือเขาแน่!อวิ๋นอิงฝืนยันร่างกายที่อ่อนแรงขึ้น เดินไปข้างหน้าอย่างโซซัดโซเซสองสามก้าว เกือบหมดสติล้มลง“ฮูหยินน้อย!” หมอตำแยรีบเข้าไปประคองนาง “เลือดของเจ้ายังไม่หยุดไหลเลย ลงจากเตียงไม่ได้…”พูดไม่ทันจบ อวิ๋นอิงปัดมือหมอตำแยทิ้ง วิ่งออกไปข้างนอกอย่างสุดชีวิตไม่มีใครสามารถแย่งลูกสาวที่นางต้องแลกมาด้วยชีวิต!นางไม่มีพ่อแม่แล้ว สูญเสียคนที่รักที่สุด นางไม่เหลืออะไรแล้ว ลูกสาวเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่นางจะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปใครกล้าแย่งความหวังของนาง นางก็สู้ตายกับคนคนนั้น!หมอตำแยงไล่ตามไปถึงหน้าประตู มองดูนางวิ่งออกไปอย่างโซซัดโซเซ รู้สึกงงงวยไปหมด“เด็ก เด็ก…เด็กคนนี้มันอะไรกันแน่…แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น? รอก่อน! ยังไม่ได้จ่ายค่ารักษาเลยนะ!”“...”บนถนนชาวบ้านเห็นผู้หญิงที่มีเลือดเปื้อนตามร่างกายวิ่งล้มลุกคลุกคลาน คิดว่าเป็นคนบ้าที่มาจากไหนก็ไม่รู้ แต่ละคนตกใจจนพากันหลบ กลัวตัวเองจะติดความโชคร้ายอวิ๋นอิงเหนื่อยมาก ร่างกายถึงขีดจำกัดแล้ว ศีรษะหนักราวกับพันชั่ง ขาทั้งสองข้างล้าจนอ่อนไปหมดแล้ว อาศัยแค่ความแน่วแน่ ต่อให้คลานอย่างสุดชีวิตก็ต้องคลานไปให้ถึงทำเนีย
อวิ๋นอิงรีบปิดปากวิ่งหนี ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย ทุกวินาทีที่อยู่ในทำเนียบ รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองตัวเองอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะท้องเด็กคนนี้ยังไม่ทันเกิด ก็ตกไปอยู่ในแผนของผู้อื่นแล้วนางนอนไม่หลับทั้งคืนรอจนรุ่งสาง นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ถ้าหากฝืนยื้อ นางยื้อจิ่งอี้ไม่ไหว หลังจากคิดซ้ำๆ ทิ้งจดหมายไว้หนึ่งฉบับ จากไปเงียบๆ แล้วนางอยากไปจากเจียงหนานหาสถานที่ที่เงียบสงบและไม่มีใครรู้จักนาง คลอดเด็กคนนี้ออกมา และเลี้ยงดูเขาไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งทางโลก ไม่อยากสนใจอะไรทั้งสิ้น ไปอยู่สถานที่ใหม่ เริ่มต้นใหม่จากไปอย่างเร่งด่วน พกเพียงเงินมือข้างหนึ่งจับท้อง ฝีเท้าเร่งรีบ เตรียมไปเช่ารถม้าหนึ่งคัน แต่ตอนเดินไปถึงตรงหัวมุม ไม่ระวังถูกเด็กที่เล่นอยู่ตรงนั้นชนท้อง“ซี้ด!”ความเจ็บแล่นไปทั่วร่างมีกระแสอุ่นๆ สายหนึ่งไหลออกจากร่างกายช่วงล่างสีหน้าอวิ๋นอิงเปลี่ยนฉับพลัน มือจับเสื้อผ้าตรงท้องตามสัญชาตญาณ สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ตกวูบ เจ็บจนจับกำแพง ทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างเข่าอ่อนชาวบ้านที่เดินผ่านมาเห็น กล่าวด้วยความตกใจ“แม่นาง เจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง?”“ข้างล