ไม่พูดมาก เฟิงเย่เสวียนอุ้มฉู่เชียนหลี ไปกินอาหารค่ำที่ห้องโถงเยว่เอ๋อร์เดินเข้ามาทำความสะอาดห้องแต่ตอนที่เห็นสภาพในห้อง…ตัดสินใจไปหาพ่อบ้านทันทีพ่อบ้านอายจนหน้าแดงทันที“แม่นางเยว่เอ๋อร์ เจ้าก็จริงๆ เลย ไป ‘เก็บกวาดสนามรบ’ ให้อ๋องเฉินกับพระชายาอ๋องเฉิน จะเรียกคนแก่อย่างข้าไปทำอะไร?”ห้องนั่น เตียงนั่น ฉากนั่น ใช่สิ่งที่คนแก่อย่างเขาสามารถดูได้หรือ?สีหน้าเยว่เอ๋อร์ซับซ้อน“พ่อบ้าน ข้ารู้สึกว่าท่านจำเป็นต้องไป…”“ไอ้หยา นี่มันน่าอายแค่ไหน!” พ่อบ้านโบกมือปฏิเสธ ขาสองข้างกลับเหมือนติดล้อไฟ วิ่งไปทางเรือนหานเฟิงสนามรบ ข้ามาแล้ว!ยี่สิบสองปีท่านอ๋องไม่เปิดประสบการณ์ เมื่อเปิดประสบการณ์ก็เก่งมากเลยใช่หรือไม่!แม้เขาเป็นคนรับใช้ แต่มองดูท่านอ๋องเติบโตด้วยตาตนเอง เมื่อก่อนตอนที่ท่านอ๋องยังเด็ก เขามักจะดีดช้างน้อยเขาเป็นประจำ… พริบตาเดี๋ยวก็โตแล้วรีบวิ่ง!รีบวิ่งเร็ว!ไปช้าก็อดดูเรื่องสนุกแล้ว!เยว่เอ๋อร์ “...”พ่อบ้านจับเอวที่ใช้งานได้ไม่ค่อยดีนัก หอบจนแลบลิ้น สองตาเป็นประกาย วิ่งเร็วกว่าสุนัขสี่ขาเสียอีกวิ่งมาถึงเรือนหานเฟิงเป็นคนแรกเข้าห้องตอนที่เห็นสภาพภายในห้อ
ผู้ว่าการหวังตายแล้วในชั่วข้ามคืน ข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกไป บางทีชาวบ้านอาจจะไม่ได้ใส่ใจ แต่หลังจากที่ขุนนางบุ๋นบู๊รู้เรื่องนี้ ต่างก็ตกใจมากอ๋องเฉินได้รับสิทธิพิเศษตัดหัวก่อนค่อยรายงาน เขาจะฆ่าผู้ว่าการหวัง ไม่มีใครกล้าตำหนิแต่หลายปีมานี้ อ๋องเฉินเพิ่งฆ่าขุนนางเป็นครั้งแรกทุกคนต่างรู้ว่าผู้ว่าการหวังเป็นคนของรัชทายาท อ๋องเฉินทำเช่นนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากำลังประกาศศึกกับรัชทายาท… เมืองหลวงสงบมานานแล้ววันนี้ เกรงว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว…จวนอ๋องเฉินฤดูหนาวหนาวเหน็บฉู่เชียนหลีกลัวหนาว เตาผิงถูกจุดขึ้นนานแล้ว ถ่านไฟลุกไหม้อย่างร้อนระอุ อบอุ่นไปทั่วทั้งห้อง นางนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะนุ่ม ห่อมือไว้ในถุงอุ่น ใช้เวลาในฤดูหนาวล่วงหน้าเยว่เอ๋อร์นั่งอยู่ข้างๆ กำลังเย็บเสื้ออย่างชำนาญข้างนอก อวิ๋นอิงกำลังฮึดๆ แกว่งทวนอยู่แรกเริ่ม เจ้าดำน้อยชอบเด็กน้อยที่กระโดดไปมาอย่างฮึกเหิมคนนี้มาก มันชอบกระโดดวิ่งไปมาร่วมสนุกกับนาง สนุกสนานมากแต่เมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไป เด็กหญิงตัวน้อยเห็นมันเป็นคู่ฝึกทวนไปแล้วฝึกก็ฝึกเถอะ แต่ประเด็นคือยังสู้ไม่ได้อีกต่างหากไม่เพียงสู้ไม่ได้ ยังถูกต
จวนอ๋องหลี“พระชายา…” สาวใช้เดินเข้าไปในห้อง หยุดอยู่ข้างกายพระชายา ก้มเอวต่ำ พูดกระซิบอย่างเร็วมือที่ถือถ้วยชาของฉู่เจียวเจียวกำแน่นทันทีท่านอ๋องไปจวนอ๋องเฉินอีกแล้ว!แต่งงานกันมาตั้งหลายวัน ท่านอ๋องไม่เคยเข้าห้องนางแม้แต่ครั้งเดียว แต่กลับไปจวนอ๋องเฉินอย่างแข็งขันหลายครั้ง!ตกลงเขาไปทำอะไร!ที่นั่นมีอะไรน่าไป!ใบหน้าฉู่เจียวเจียวเย็นชา สีหน้าบูดบึ้งดูน่าเกลียดยิ่งกว่าสุนัขพันธุ์ปั๊ก ลุกขึ้นฉับพลัน “เตรียมน้ำ ข้าจะอาบน้ำ!”หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยามเฟิงเจิ้งหลีกลับถึงจวนอ๋อง ทำตัวเหมือนปกติ ตอนที่ผลักประตูเข้าไปในห้อง กลับได้กลิ่นหอมที่ผิดไปจากปกติสายหนึ่งสลัวลึกล้ำหอมหวานและยังมีกลิ่นอายของตัณหาปะปนหลายส่วน…ดวงตาเขาขรึมลงเล็กน้อย เงยหน้ามองไปบนเตียงเขามีร่างอันเย้ายวนที่เหมือนจะเปลือยแต่ไม่เปลือย สวมเสื้อผ้าครึ่งท่อนนอนอยู่บนนั้น ระหว่างที่ม่านลอยขึ้น สองขาที่ขาวเรียวของผู้หญิงยกขึ้นอย่างยั่วยวนเล็กน้อย ทิวทัศน์อันสวยงามเพียงพอที่จะทำให้ผู้ชายเลือดพลุ่งพล่าน ยากจะควบคุมตนเองถึงกระนั้น เขายืนอยู่ตรงที่เดิมไม่ขยับตัว บนใบหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ดวงตาลึกล้ำไม่เห
เชี่ย!ปล้นเงินแล้ว!เงินนี้เข้ากระเป๋ารัชทายาทไปแล้ว ยังถูกปล้นมาอย่างโจ่งแจ้ง ตอนนั้นรัชทายาทจะไม่โมโหจนลมจับหรือ? “เจ้าปล้นของเขา? ปล้น? ไม่ใช่ข้าจะว่าเจ้านะ เมื่อก่อนเจ้าเคารพรัชทายาทมากไม่ใช่หรือ ให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์พี่น้องมากไม่ใช่หรือ?” ฉู่เชียนหลีถามอย่างเหลือเชื่อเมื่อพูดถึงความเป็นพี่น้อง แววตาเฟิงเย่เสวียนขรึมลงทันทีเมื่อก่อนเขาใจอ่อนเกินไป จึงส่งเสริมความเย่อหยิ่งของรัชทายาท ให้เขาเดินหลงผิดทีละก้าวทีละก้าว มาจนถึงขั้นนี้ในปัจจุบัน“รัชทายาท…ไม่ใช่พี่น้องข้า” เขากล่าวอย่างเย็นชา ประกายอันเยือกเย็นแลบผ่านแววตามาแล้วก็หายวับอยู่ในบ้าน ต่อหน้าฉู่เชียนหลี เขาไม่อยากเผยอารมณ์เชิงลบใดๆ รีบเก็บอารมณ์อย่างรวดเร็ว เอ่ยปากอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่ตามใจ“เจ้าว่าข้าจนทั้งวันทั้งคืน รังเกียจข้ายากจน ตอนนี้ดีแล้ว มีเงินแล้ว เงินห้าหมื่นนี่ให้เจ้าดูแล”เขาปลีกตัวไปทำงานที่ห้องหนังสือแล้วฉู่เชียนหลีเกาะอยู่บนลัง กอดเงินหยวนเป่าที่กอดอย่างไรก็กอดไม่อยู่ ยิ้มจนหรี่ตาเป็นเส้นตรง มองไม่เห็นรูม่านตาที่มีความสุขแล้วโอ๊ย!เงินที่ปล้นมา หอมยิ่งกว่าเงินที่ทำงานหาม
ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วที่แท้มีเรื่องอยากขอร้องนาง…นางว่าแล้ว เหตุใดพระชายาอ๋องเฟิงที่มีนิสัยเย่อหยิ่งจึงยอมก้มหัวให้นาง“ตรวจโรค…” นางมองมุกราตรีในกล่องอย่างละเอียด กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอืมมุกราตรีนี่เหมือนจะไม่เลว แต่ไม่รู้ว่าสามารถขายได้กี่ตำลึงนะ?อย่างไรก็ตามจวนอ๋องเฉินยากจนเช่นนั้น…พระชายาอ๋องเฟิงเป็นคนฉลาด กวาดมองสาวใช้แวบหนึ่งทันทีสาวใช้รีบเดินไปที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เปิดลิ้นชัก หยิบพลอยทับทิมชั้นดีเม็ดหนึ่งออกมา ใช้สองมือยื่นออกไปอย่างนอบน้อม“พระชายาอ๋องเฉิน โปรดรับน้ำใจ”“แหม่!”พลอยทับทิมเม็ดนี้โปร่งใส ขัดเงาแวววับ ประกายระยิบระยับ แค่ดูก็รู้ว่าเป็นของดีที่หายาก“พี่สะใภ้รอง นี่ข้าจะรับได้อย่างไร! พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ข้าช่วยท่านตรวจโรค หรือยังจะเรียกเก็บเงินจากท่าน?”ฉู่เชียนหลีถูมือบนชายเสื้อจนสะอาด รีบรับพลอยทับทิมเม็ดนั้นมาเป่าแล้วเป่าอีก เช็ดแล้วเช็ดอีก หลังจากนั้นใส่เข้าไปในแขนเสื้อสาวใช้ “...”พระชายาอ๋องเฟิง “...”ช่างเถอะ!ขอแค่สามารถรักษาร่างกายจนหายดี ตั้งครรภ์ในเร็ววัน ใช้เงินเท่าไรนางก็ยินดี!หลังจากเก็บเรียบร้อย ฉู่เชียนหลียิ้
นางยกมือ สั่งให้สาวใช้ภายในห้องออกไปสาวใช้ออกไป ยิ่งกว่านั้นปิดประตูด้วย เหลือพื้นที่ให้ทั้งสองอยู่กันเพียงลำพัง ในความว่างเปล่า ทำให้ ‘ความลับ’ นี้ขึงขังเพิ่มขึ้นหลายส่วนฉู่เชียนหลีเริ่มเกิดความอยากรู้อยากเห็นแล้วความลับอะไร?พระชายาอ๋องเฟิงเดินไปหยุดอยู่ข้างกายนาง ก้มต่ำ กระซิบเสียงเบา“บางทีเจ้าอาจไม่รู้ คนที่ออกความคิดให้ข้ากินยาทำแท้ง และโยนความผิดให้เจ้า พี่หญิงใหญ่ฉู่หงหลวนของเจ้าเป็นคนคิด”ฉู่เชียนหลีอึ้งเล็กน้อยฉู่หงหลวน!เมื่อก่อนตอนอยู่จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ สถานะของนางต่ำต้อย ทุกคนสามารถรังแก ฉู่หงหลวนเคยรังแกนางไม่น้อย ต่อมานางแต่งเข้าจวนอ๋องเฉิน ระหว่างทั้งสองไม่มีปฏิสัมพันธ์ เหตุใดฉู่หงหลวนต้องใส่ร้ายนาง?ไม่ต้องคิดก็รู้ ต้องเป็นเพราะรัชทายาทกับอ๋องเฉินแน่นอนการแย่งชิงระหว่างอ๋องสองคน ลากคนข้างกายเข้ามาพัวพันเพียงแต่ จิตใจฉู่หงหลวนอำมหิตมาก!หากนางถูกตั้งข้อหา ‘วางแผนทำร้ายทายาทราชวงศ์’ ก็จะโยงไปถึงอ๋องเฉิน ก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงมากมาย ยากจะรับมือผลที่ตามมาโหดเหี้ยมมาก!พระชายาอ๋องเฟิงจับข้อมือฉู่เชียนหลี หรี่ตาลงกล่าว “เรื่องที่รัชทายาทหาเรื่องอ๋องเ
ออกจากจวนอ๋องเฟิงฉู่เชียนหลีเพียงแค่ขยับนิ้ว เขียนสูตรยาหนึ่งใบ ก็ได้มุกราตรีหนึ่งเม็ด พลอยทับทิมหนึ่งเม็ด รวมถึงตั๋วเงินก้อนโตหนึ่งพันตำลึงแล้ว เรียกได้ว่าได้กำไรเป็นกอบเป็นกำเรียนแพทย์ดีจริงๆชามข้าวเหล็ก[footnoteRef:1] [1: ชามข้าวเหล็ก อาชีพที่มั่นคง] นางแนะนำอย่างยิ่งว่าทุกคนควรลองพิจารณาด้านการแพทย์ดู เรียนแพทย์เป็นงานด้านเทคนิค ยิ่งทำนาน ประสบการณ์ยิ่งมาก เงินเดือนยิ่งสูง ยิ่งได้รับความสำคัญ เรียนจบแล้วสามารถใช้หากินทั้งชีวิตระหว่างทางกลับนางเดินไปพลาง ครุ่นคิดคำพูดของพระชายาอ๋องเฟิงไปพลางฉู่หงหลวนทำร้ายนาง เท่ากับว่ารัชทายาทกัดอ๋องเฉินไม่ปล่อยตั้งแต่นางเดินทางข้ามเวลามาถึงที่นี่ รัชทายาทก็ตามหลอกหลอนมาโดยตลอด แผนร้ายไม่ขาด ใช้กลอุบายทั้งต่อหน้าและลับหลัง อยากให้อ๋องเฉินตายไปเสียเดียวนี้ เขาก็เหมือนกับระเบิดเวลา ไม่กำจัดทิ้งหนึ่งวัน ก็ไม่สามารถนอนหลับอย่างสบายใจแต่เขาเป็นรัชทายาท ตำแหน่งสูงมีอำนาจ ใช่คนที่บอกจะกำจัดก็สามารถกำจัดได้เลยหรือ?มีวิธีใดสามารถกำจัดลูกสมุนของรัชทายาท และยังสามารถหลุดพ้นโดยไม่ทิ้งร่องรอยบ้างนะ?ตอนที่กำลังคิดอย่างจริงจัง จู่ๆ ข้างหูก
เฟิงเจิ้งหลีผลักฝูงชนออก พุ่งพรวดไปที่ตรงหน้าหญิงวัยกลางคนด้วยความเร็วที่ไวที่สุด พลันจับสองมือของนางด้วยความร้อนใจ ตรวจดูตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างละเอียด“ท่านแม่ ท่านไม่เป็นอะไรกระมังท่านแม่!”หญิงวัยกลางคนได้รับความตกใจ สีหน้าซีดเล็กน้อย ไม่อยากให้ลูกชายเป็นห่วง จึงรีบส่ายศีรษะ“ไม่เป็นอะไร แม่ไม่เป็นอะไร โชคดีที่มีแม่นางท่านนี้…”พูดไม่ทันจบ เฟิงเจิ้งหลีหันไปจ้องพ่อค้าคนนั้นอย่างเย็นชาฉับพลัน ทั้งๆ ที่สวมชุดสีขาว แลดูสุภาพสง่างาม เวลานี้กลับเยือกเย็นเหมือนน้ำค้างแข็ง ราวกับตกไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง เจตนาฆ่าอันเฉียบคมพุ่งตรงไปยังพ่อค้าหมุนกายเดินตรงเข้าไป“หลีเอ๋อร์!”หญิงวัยกลางคนรีบดึงเฟิงเจิ้งหลีไว้ แล้วลากเขาออกไป “แม่ไม่เป็นอะไร อย่าสร้างปัญหา!”“เมื่อครู่แม่นางคนนี้ช่วยข้าไว้”เวลานี้เอง เฟิงเจิ้งหลีเพิ่งจะพบว่าฉู่เชียนหลีก็อยู่ที่นี่ด้วยอึ้งไปครู่หนึ่ง รีบเก็บเจตนาอันเยือกเย็นที่แผ่ซ่านรอบตัว กลับมาเป็นท่าทางที่อ่อนโยนและสุภาพ เหมือนกับว่าไม่อยากแสดงอารมณ์เชิงลบใดๆ ต่อหน้าฉู่เชียนหลี และทิ้งภาพจำที่ไม่ดีเอาไว้ทั้งสามจากไปพร้อมกันเมื่อเดินมาถึงจุดที่สงบและมีคนน้อย เฟิง