เชี่ย!ปล้นเงินแล้ว!เงินนี้เข้ากระเป๋ารัชทายาทไปแล้ว ยังถูกปล้นมาอย่างโจ่งแจ้ง ตอนนั้นรัชทายาทจะไม่โมโหจนลมจับหรือ? “เจ้าปล้นของเขา? ปล้น? ไม่ใช่ข้าจะว่าเจ้านะ เมื่อก่อนเจ้าเคารพรัชทายาทมากไม่ใช่หรือ ให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์พี่น้องมากไม่ใช่หรือ?” ฉู่เชียนหลีถามอย่างเหลือเชื่อเมื่อพูดถึงความเป็นพี่น้อง แววตาเฟิงเย่เสวียนขรึมลงทันทีเมื่อก่อนเขาใจอ่อนเกินไป จึงส่งเสริมความเย่อหยิ่งของรัชทายาท ให้เขาเดินหลงผิดทีละก้าวทีละก้าว มาจนถึงขั้นนี้ในปัจจุบัน“รัชทายาท…ไม่ใช่พี่น้องข้า” เขากล่าวอย่างเย็นชา ประกายอันเยือกเย็นแลบผ่านแววตามาแล้วก็หายวับอยู่ในบ้าน ต่อหน้าฉู่เชียนหลี เขาไม่อยากเผยอารมณ์เชิงลบใดๆ รีบเก็บอารมณ์อย่างรวดเร็ว เอ่ยปากอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่ตามใจ“เจ้าว่าข้าจนทั้งวันทั้งคืน รังเกียจข้ายากจน ตอนนี้ดีแล้ว มีเงินแล้ว เงินห้าหมื่นนี่ให้เจ้าดูแล”เขาปลีกตัวไปทำงานที่ห้องหนังสือแล้วฉู่เชียนหลีเกาะอยู่บนลัง กอดเงินหยวนเป่าที่กอดอย่างไรก็กอดไม่อยู่ ยิ้มจนหรี่ตาเป็นเส้นตรง มองไม่เห็นรูม่านตาที่มีความสุขแล้วโอ๊ย!เงินที่ปล้นมา หอมยิ่งกว่าเงินที่ทำงานหาม
ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วที่แท้มีเรื่องอยากขอร้องนาง…นางว่าแล้ว เหตุใดพระชายาอ๋องเฟิงที่มีนิสัยเย่อหยิ่งจึงยอมก้มหัวให้นาง“ตรวจโรค…” นางมองมุกราตรีในกล่องอย่างละเอียด กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอืมมุกราตรีนี่เหมือนจะไม่เลว แต่ไม่รู้ว่าสามารถขายได้กี่ตำลึงนะ?อย่างไรก็ตามจวนอ๋องเฉินยากจนเช่นนั้น…พระชายาอ๋องเฟิงเป็นคนฉลาด กวาดมองสาวใช้แวบหนึ่งทันทีสาวใช้รีบเดินไปที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เปิดลิ้นชัก หยิบพลอยทับทิมชั้นดีเม็ดหนึ่งออกมา ใช้สองมือยื่นออกไปอย่างนอบน้อม“พระชายาอ๋องเฉิน โปรดรับน้ำใจ”“แหม่!”พลอยทับทิมเม็ดนี้โปร่งใส ขัดเงาแวววับ ประกายระยิบระยับ แค่ดูก็รู้ว่าเป็นของดีที่หายาก“พี่สะใภ้รอง นี่ข้าจะรับได้อย่างไร! พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ข้าช่วยท่านตรวจโรค หรือยังจะเรียกเก็บเงินจากท่าน?”ฉู่เชียนหลีถูมือบนชายเสื้อจนสะอาด รีบรับพลอยทับทิมเม็ดนั้นมาเป่าแล้วเป่าอีก เช็ดแล้วเช็ดอีก หลังจากนั้นใส่เข้าไปในแขนเสื้อสาวใช้ “...”พระชายาอ๋องเฟิง “...”ช่างเถอะ!ขอแค่สามารถรักษาร่างกายจนหายดี ตั้งครรภ์ในเร็ววัน ใช้เงินเท่าไรนางก็ยินดี!หลังจากเก็บเรียบร้อย ฉู่เชียนหลียิ้
นางยกมือ สั่งให้สาวใช้ภายในห้องออกไปสาวใช้ออกไป ยิ่งกว่านั้นปิดประตูด้วย เหลือพื้นที่ให้ทั้งสองอยู่กันเพียงลำพัง ในความว่างเปล่า ทำให้ ‘ความลับ’ นี้ขึงขังเพิ่มขึ้นหลายส่วนฉู่เชียนหลีเริ่มเกิดความอยากรู้อยากเห็นแล้วความลับอะไร?พระชายาอ๋องเฟิงเดินไปหยุดอยู่ข้างกายนาง ก้มต่ำ กระซิบเสียงเบา“บางทีเจ้าอาจไม่รู้ คนที่ออกความคิดให้ข้ากินยาทำแท้ง และโยนความผิดให้เจ้า พี่หญิงใหญ่ฉู่หงหลวนของเจ้าเป็นคนคิด”ฉู่เชียนหลีอึ้งเล็กน้อยฉู่หงหลวน!เมื่อก่อนตอนอยู่จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ สถานะของนางต่ำต้อย ทุกคนสามารถรังแก ฉู่หงหลวนเคยรังแกนางไม่น้อย ต่อมานางแต่งเข้าจวนอ๋องเฉิน ระหว่างทั้งสองไม่มีปฏิสัมพันธ์ เหตุใดฉู่หงหลวนต้องใส่ร้ายนาง?ไม่ต้องคิดก็รู้ ต้องเป็นเพราะรัชทายาทกับอ๋องเฉินแน่นอนการแย่งชิงระหว่างอ๋องสองคน ลากคนข้างกายเข้ามาพัวพันเพียงแต่ จิตใจฉู่หงหลวนอำมหิตมาก!หากนางถูกตั้งข้อหา ‘วางแผนทำร้ายทายาทราชวงศ์’ ก็จะโยงไปถึงอ๋องเฉิน ก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงมากมาย ยากจะรับมือผลที่ตามมาโหดเหี้ยมมาก!พระชายาอ๋องเฟิงจับข้อมือฉู่เชียนหลี หรี่ตาลงกล่าว “เรื่องที่รัชทายาทหาเรื่องอ๋องเ
ออกจากจวนอ๋องเฟิงฉู่เชียนหลีเพียงแค่ขยับนิ้ว เขียนสูตรยาหนึ่งใบ ก็ได้มุกราตรีหนึ่งเม็ด พลอยทับทิมหนึ่งเม็ด รวมถึงตั๋วเงินก้อนโตหนึ่งพันตำลึงแล้ว เรียกได้ว่าได้กำไรเป็นกอบเป็นกำเรียนแพทย์ดีจริงๆชามข้าวเหล็ก[footnoteRef:1] [1: ชามข้าวเหล็ก อาชีพที่มั่นคง] นางแนะนำอย่างยิ่งว่าทุกคนควรลองพิจารณาด้านการแพทย์ดู เรียนแพทย์เป็นงานด้านเทคนิค ยิ่งทำนาน ประสบการณ์ยิ่งมาก เงินเดือนยิ่งสูง ยิ่งได้รับความสำคัญ เรียนจบแล้วสามารถใช้หากินทั้งชีวิตระหว่างทางกลับนางเดินไปพลาง ครุ่นคิดคำพูดของพระชายาอ๋องเฟิงไปพลางฉู่หงหลวนทำร้ายนาง เท่ากับว่ารัชทายาทกัดอ๋องเฉินไม่ปล่อยตั้งแต่นางเดินทางข้ามเวลามาถึงที่นี่ รัชทายาทก็ตามหลอกหลอนมาโดยตลอด แผนร้ายไม่ขาด ใช้กลอุบายทั้งต่อหน้าและลับหลัง อยากให้อ๋องเฉินตายไปเสียเดียวนี้ เขาก็เหมือนกับระเบิดเวลา ไม่กำจัดทิ้งหนึ่งวัน ก็ไม่สามารถนอนหลับอย่างสบายใจแต่เขาเป็นรัชทายาท ตำแหน่งสูงมีอำนาจ ใช่คนที่บอกจะกำจัดก็สามารถกำจัดได้เลยหรือ?มีวิธีใดสามารถกำจัดลูกสมุนของรัชทายาท และยังสามารถหลุดพ้นโดยไม่ทิ้งร่องรอยบ้างนะ?ตอนที่กำลังคิดอย่างจริงจัง จู่ๆ ข้างหูก
เฟิงเจิ้งหลีผลักฝูงชนออก พุ่งพรวดไปที่ตรงหน้าหญิงวัยกลางคนด้วยความเร็วที่ไวที่สุด พลันจับสองมือของนางด้วยความร้อนใจ ตรวจดูตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างละเอียด“ท่านแม่ ท่านไม่เป็นอะไรกระมังท่านแม่!”หญิงวัยกลางคนได้รับความตกใจ สีหน้าซีดเล็กน้อย ไม่อยากให้ลูกชายเป็นห่วง จึงรีบส่ายศีรษะ“ไม่เป็นอะไร แม่ไม่เป็นอะไร โชคดีที่มีแม่นางท่านนี้…”พูดไม่ทันจบ เฟิงเจิ้งหลีหันไปจ้องพ่อค้าคนนั้นอย่างเย็นชาฉับพลัน ทั้งๆ ที่สวมชุดสีขาว แลดูสุภาพสง่างาม เวลานี้กลับเยือกเย็นเหมือนน้ำค้างแข็ง ราวกับตกไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง เจตนาฆ่าอันเฉียบคมพุ่งตรงไปยังพ่อค้าหมุนกายเดินตรงเข้าไป“หลีเอ๋อร์!”หญิงวัยกลางคนรีบดึงเฟิงเจิ้งหลีไว้ แล้วลากเขาออกไป “แม่ไม่เป็นอะไร อย่าสร้างปัญหา!”“เมื่อครู่แม่นางคนนี้ช่วยข้าไว้”เวลานี้เอง เฟิงเจิ้งหลีเพิ่งจะพบว่าฉู่เชียนหลีก็อยู่ที่นี่ด้วยอึ้งไปครู่หนึ่ง รีบเก็บเจตนาอันเยือกเย็นที่แผ่ซ่านรอบตัว กลับมาเป็นท่าทางที่อ่อนโยนและสุภาพ เหมือนกับว่าไม่อยากแสดงอารมณ์เชิงลบใดๆ ต่อหน้าฉู่เชียนหลี และทิ้งภาพจำที่ไม่ดีเอาไว้ทั้งสามจากไปพร้อมกันเมื่อเดินมาถึงจุดที่สงบและมีคนน้อย เฟิง
จวนอ๋องเฉินฉู่เชียนหลีออกไปหนึ่งเที่ยว เดินวนหนึ่งรอบ กลับมาก็เป็นช่วงบ่ายแล้วยังไม่ทันเข้าเรือนหานเฟิง ก็ได้ยินเสียงคร่ำครวญของเจ้าดำน้อยดังมาแต่ไกล“บรู้ว…”“แอ๋งๆๆ!”เมื่อมองดีๆ เทพหมาป่าแห่งเขาคุนหลุนกลายเป็นคู่ฝึกทวนของอวิ๋นอิง อยากยกกรงเล็บขึ้นตบเด็กสาวให้ตาย ก็รู้สึกว่าเป็นพวกเดียวกัน ท่าทางที่ไม่สามารถฆ่าส่งเดชแลดูลำบากใจเหลือเกินเยว่เอ๋อร์ปรบมือส่งเสียงให้กำลังใจอยู่ด้านข้างผู้หญิงสองคนรังแกมันที่เป็นหมาป่าตัวผู้เกินไปแล้ว!หมาป่าลูกผู้ชายอกสามศอก ไม่ถือสาเด็กผู้หญิง!เจ้าดำน้อยกัดฟันจนเสียงดังก๊อกๆ สุดท้ายก็ยอมไว้หน้าพวกนาง ปรากฏว่าถูกกระทืบไม่รู้จบทันใดนั้น เงยหน้า ก็มองเห็นนายหญิงกลับมาแล้ว“บรู้ว!”ราวกับมันมองเห็นแสงแห่งความหวัง น้ำตาแห่งความตื้นตันหลั่งไหล ก้าวสี่ขาที่ใหญ่และหนา กระโจนออกไปอย่างไม่คิดชีวิตนายหญิง!ช่วยด้วย!รีบอบรมสาวใช้ของท่านหน่อยเถอะ!หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น มันเขมือบลงท้องไปแล้ว!กระโจนออกไป อุ้งเท้าหน้าสองข้างกอดต้นขาฉู่เชียนหลี พูดอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยฉู่เชียนหลีเห็นแล้ว ร้องไห้ไม่ออกหัวเราะไม่ได้ที่ผ่านมา ยังไม่เคยเห็นสิ่ง
อวิ๋นอิงอยากอาเจียนออกมา แต่กลืนลงไปแล้ว มองดูท่าทางที่หัวเราะจนตัวสั่นและวอนโดนกระทืบของเด็กหนุ่ม นางคันไม้คันมือจนแทบควบคุมไม่ไหวแล้วเมื่อก่อนตอนอยู่สำนักยุทธ์ตระกูลอวิ๋น มีคนไม่น้อยล้อเลียนนาง!จัดการคนวอนโดนกระทืบเช่นนี้ นางถนัดที่สุด!อวิ๋นอิงกำหมัด หันไปมองฉู่เชียนหลีอย่างสุภาพมาก“พระชายา ข้าตีเขาได้หรือไม่?”หลิงเชียนอี้ “?”ฉู่เชียนหลีจับคาง ยิ้มจนตาหรี่เป็นเส้นตรง “ได้”หลิงเชียนอี้ “?”เดี๋ยวก่อน!เดี๋ยว…ไม่ทันได้เปิดปาก ก็ถูกเด็กสาวชกจนเบ้าตากลายเป็นหมีแพนด้าเพิ่งปิดตา ก็โดนชกเข้าที่ท้องหนึ่งทีแม่จ๋า!เจ้าเด็กน้อยคนนี้กินวัวโตหรืออย่างไร?แรงเยอะชะมัด!ไม่มีโอกาสแม้แต่จะโต้ตอบ ถูกตีจนคลานหาฟันบนพื้น รีบสับขาวิ่งทันทีอวิ๋นอิงหรี่ตา รีบไล่ตาม เล็งศีรษะเด็กหนุ่ม เขกมะเหงกลงไปอย่างแม่นยำ“โอ๊ย!”“แม่จ๋า!”“พอแล้ว พอแล้ว…น้าสะใภ้ รีบดูคนของท่านหน่อย! น้าสะใภ้!”คนหนึ่งวิ่งหนี คนหนึ่งไล่ตาม จากเรือนหานเฟิงถึงข้างนอก ทำเอาทั้งจวนอ๋องวุ่นวายไปหมด บ่าวไพร่เห็นแล้ว ยิ่งพากันหลบเลี่ยง กลัวโดนชนฉู่เชียนหลียิ้มแย้มซนนัก? คราวนี้โดนของจริงแล้วไหมล่ะ?มีแต่
เมื่อเทียนดับลง ภายในห้องมืดลงทันที มืดจนเอื้อมมือมองไม่เห็นนิ้วหลังจากผ่านไปหลายวินาที รอดวงตาปรับตัวได้แล้ว เฟิงเย่เสวียนกระโจนเข้าไปหาร่างเงาที่เพรียวบาง ทับร่างกายลงไปอุณหภูมิร่างกายประสานกันลมหายใจประสานกันอุณหภูมิสูงขึ้นในความสลัว เสียงของเฟิงเย่เสวียนแหบแห้ง มีความปรารถนาแฝงอยู่เล็กน้อย ไพเราะเป็นพิเศษ “เชียนหลี เหตุใดต้องดับเทียน”แน่นอนว่าไม่อยากให้เขาเห็นไง!ภายใต้สถานการณ์ที่เปลือยเปล่า สายตาที่เขาจ้องนางเหมือนมีไฟแฝงอยู่ ทุกที่ที่เขามอง รู้สึกแสบร้อน ทำให้ทั้งร่างของนางร้อนจนรู้สึกทรมาน เขินอายเป็นพิเศษดับเทียนแล้ว นางจึงจะผ่อนคลายลงบ้าง“หรือกลางคืนเวลานอนไม่ควรจะดับเทียน? นี่เจ้าถามไร้สาระไม่ใช่หรือ? ฐานะครอบครัวเป็นอย่างไร จุดเทียนทิ้งไปเรื่อย” นางกล่าวอย่างมีคุณธรรมเฟิงเย่เสวียนเกิดความไม่พอใจทันทีตั้งแต่แต่งงานกับนาง ก็หาว่าเขายากจนทั้งวันคืน… บ่นทุกวันเขาเกือบคิดว่าตนเองเป็นชาวบ้านธรรมดาที่ยากจนคนใดคนหนึ่ง แต่ไม่ใช่อ๋องเฉินผู้มีสถานะอันสูงศักดิ์ที่ผู้คนอิจฉา“แต่ไม่มีแสง ข้ามองไม่เห็นหน้าของเจ้า” เขากัดติ่งหูนางเบาๆ พ่นไอร้อนออกมา “ข้าอยากเห็นท
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท