เมื่อเทียนดับลง ภายในห้องมืดลงทันที มืดจนเอื้อมมือมองไม่เห็นนิ้วหลังจากผ่านไปหลายวินาที รอดวงตาปรับตัวได้แล้ว เฟิงเย่เสวียนกระโจนเข้าไปหาร่างเงาที่เพรียวบาง ทับร่างกายลงไปอุณหภูมิร่างกายประสานกันลมหายใจประสานกันอุณหภูมิสูงขึ้นในความสลัว เสียงของเฟิงเย่เสวียนแหบแห้ง มีความปรารถนาแฝงอยู่เล็กน้อย ไพเราะเป็นพิเศษ “เชียนหลี เหตุใดต้องดับเทียน”แน่นอนว่าไม่อยากให้เขาเห็นไง!ภายใต้สถานการณ์ที่เปลือยเปล่า สายตาที่เขาจ้องนางเหมือนมีไฟแฝงอยู่ ทุกที่ที่เขามอง รู้สึกแสบร้อน ทำให้ทั้งร่างของนางร้อนจนรู้สึกทรมาน เขินอายเป็นพิเศษดับเทียนแล้ว นางจึงจะผ่อนคลายลงบ้าง“หรือกลางคืนเวลานอนไม่ควรจะดับเทียน? นี่เจ้าถามไร้สาระไม่ใช่หรือ? ฐานะครอบครัวเป็นอย่างไร จุดเทียนทิ้งไปเรื่อย” นางกล่าวอย่างมีคุณธรรมเฟิงเย่เสวียนเกิดความไม่พอใจทันทีตั้งแต่แต่งงานกับนาง ก็หาว่าเขายากจนทั้งวันคืน… บ่นทุกวันเขาเกือบคิดว่าตนเองเป็นชาวบ้านธรรมดาที่ยากจนคนใดคนหนึ่ง แต่ไม่ใช่อ๋องเฉินผู้มีสถานะอันสูงศักดิ์ที่ผู้คนอิจฉา“แต่ไม่มีแสง ข้ามองไม่เห็นหน้าของเจ้า” เขากัดติ่งหูนางเบาๆ พ่นไอร้อนออกมา “ข้าอยากเห็นท
กลางวันของฤดูหนาว สายลมเย็น ท้องฟ้ามืดครึ้มมีฝนเล็กน้อยปัง!ประตูถูกเท้าถีบจนเปิดออก ทหารถืออาวุธกลุ่มหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาพร้อมกัน กระจายออกเป็นสองฝั่ง ปิดล้อมทุกคนในคฤหาสน์อย่างรวดเร็วรองแม่ทัพเจียงกางราชโองการสีเหลืองสดใส แล้วอ่านเสียงดัง“ด้วยโองการแห่งสวรรค์ ฮ่องเต้มีพระบัญชา ผู้ช่วยขุนนางเจียงจงจางเทียนป้า ใช้ประโยชน์จากตำแหน่ง ซื้อขายตำแหน่งขุนนาง แสวงหาผลประโยชน์ ละเมิดกฎหมายของบ้านเมืองขั้นร้ายแรง เนรเทศไปอยู่ชายแดน ยึดทรัพย์สินในจวนเข้าท้องพระคลัง”“รับราชโองการ….”อ่านจบ ไม่สนใจเสียงอ้อนวอนร้องไห้ของคนเหล่านี้ ม้วนราชโองการ ยัดเข้าอกโดยตรง กล่าวอย่างเผด็จการ“เด็กๆ! ยึดทรัพย์!”“ขอรับ!”ทหารกระจายตัวออกอย่างรวดเร็ว พุ่งพรวดเข้าไปในห้องต่างๆ ล้มตู้พลิกชั้นวาง เงินทองไข่มุกอัญมณี เครื่องประดับ ขวดหยก ภาพวาด….ของมีค่าต่างๆ ถูกค้นออกมาจนหมด ใส่หีบ ปิดผนึกประทับตราทำทั้งหมดเสร็จภายในหนึ่งชั่วยามบ้านต่อไป“ด้วยโองการแห่งสวรรค์ ฮ่องเต้มีพระบัญชา! ผู้ตรวจการเป่ยอันจางจื่อหาวปกปิดความจริงไม่รายงาน เพื่อทำร้ายราษฎร สมคบคิดกับขุนนางท้องถิ่น รับสินบนมากกว่าแปดหมื่นตำลึง
จวนอ๋องเฉินฉู่เชียนหลีอ่านหนังสือผิงไฟในบ้าน รับความอบอุ่นในช่วงฤดูหนาว เมื่อได้รับข่าวความวุ่นวายจากข้างนอก นางเลิกคิ้วบางแหมดูไม่ออกจริงๆเฟิงเย่เสวียนคนนี้เวลาอดกลั้น สามารถอดทนได้ทุกอย่าง เมื่อถึงคราวลงมือ ยิ่งดำเนินการอย่างเฉียบขาดฉับพลัน พูดหนึ่งไม่เป็นสอง ลงมือเร็วเก็บงานไว ไม่บรรลุเป้าหมายไม่หยุดทำให้ขุนนางสิบเอ็ดคนถูกปลดภายในหนึ่งวัน เวลานี้เกรงว่ารัชทายาทน่าจะโมโหจนจมูกเบี้ยวแล้วกระมังรัชทายาทยิ่งโมโห นางยิ่งมีความสุขปิดหนังสือในมือ หันไปเรียกข้างนอก “เยว่เอ๋อร์ อวิ๋นอิง เลิกเล่นก่อน ข้าพาพวกเจ้าออกไปเดินตลาด ซื้อเสื้อกันหนาวให้พวกเจ้า”เงินห้าหมื่นตำลึงเมื่อวาน ยังไม่ทันได้ใช้เลยหลังจากนั้นสี่ห้าวินาทีอวิ๋นอิงวิ่งเข้ามา “พระชายา เยว่เอ๋อร์ไปทำขนมที่ห้องครัวแล้วเจ้าค่ะ”อาหารว่างและขนมที่ฉู่เชียนหลีกินในวันปกติ เยว่เอ๋อร์เป็นคนเปิดเตาทำเองทั้งหมดมีเรื่องหนึ่งที่ไม่พูดไม่ได้ ฝีมือของเยว่เอ๋อร์ดีมาก และเพียบพร้อมด้วยคุณธรรม เป็นสาวใช้ที่เหมาะแก่การเป็นแม่ศรีเรือนฉู่เชียนหลีลุกขึ้นยืน “รอนางทำเสร็จแล้วพวกเราค่อยออกไปเดินตลาดกัน”อวิ๋นอิงมองท้องฟ้าข้างนอก
ฉู่เชียนหลี “?”‘งงเป็นไก่ตาแตก’ เข้าใจคำนี้หรือยัง?คนบ้านนี้กินยาผิด?นางอันรีบลุกขึ้นยืน ก้าวเท้ายาวเดินเข้าไป จับแขนฉู่เชียนหลีอย่างสนิทสนม พาคนไปนั่ง ยิ้มจนแทบมองไม่เห็นดวงตาแล้วครั้งนี้นางกับอ๋องเฉินไปเมืองตงหนิง ควบคุมโรคระบาด ทั่วทั้งแคว้นตงหลิงไม่มีใครไม่รู้ในฐานะที่เป็นผู้หญิง กลับสร้างผลงานใหญ่เช่นนี้นางที่เป็นแม่คนนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแล้วว่าภูมิใจมากเพียงใด!นี่เป็นลูกสาวที่นางเลี้ยงจนโต!แม้ไม่ได้คลอดเองแต่นางเลี้ยงจนโตกับมือ!หากไม่มีนาง ฉู่เชียนหลีจะโตได้หรือ? ไม่รู้ว่าไปตายอยู่ที่มุมใดก็ไม่รู้ตั้งนานแล้ว บุญคุณเลี้ยงดูส่วนนี้ของนาง ไม่มีผลงาน ก็มีความตรากตรำ ฉู่เชียนหลีจำเป็นต้องตอบแทนนาง“เสียวฉู่ วันนี้เป็นงานเลี้ยงครอบครัว พวกเราทั้งครอบครัวนั่งด้วยกัน พูดคุยกัน สนทนากัน อย่าถ่อมตน” นางอันหัวเราะเหอะๆฮูหยินฉู่ยกตะเกียบเงินขึ้น คีบเนื้อปั้นก้อนตุ๋นหนึ่งชิ้น ใส่ลงไปในชามนาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม“เสียวฉู่ มา เจ้าชอบกินที่สุด”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วขอโทษ นางชอบกินปลาที่สุดการเอาใจใส่อย่างเสแสร้งของครอบครัวนี้ทำให้นางรู้สึกอึดอัดนางไม่ได้หยิบตะเกียบ แต่ก
ฉู่เชียนหลีหัวเราะจนน้ำตาเกือบไหลออกมาแล้ว นางใช้หลังมือเช็ดหางตาแหมๆๆ ทุกคนล้วนเป็นผู้ใหญ่แล้ว เวลาพูดตรงไปตรงมาหน่อยไม่ได้หรือ?ก็เพราะเห็นคุณค่าการใช้ประโยชน์ของนาง ก็เลยอยากใช้นางไม่ใช่หรือ? มาพูดอะไรหวังดีไม่หวังดี เห็นนางเป็นคนโง่หรือ? คิดว่านางจะเชื่อหรือ?น่าขำสิ้นดี!“ใต้เท้าฉู่กล่าวหนักแล้ว สถานะของข้าเป็นแค่ลูกอนุภรรยา จะกล้ากล่าวโทษท่านได้อย่างไรกัน? ข้าเป็นคุณหนูอัปลักษณ์ที่สู้หน้าคนไม่ได้ หลายปีมานี้ ต้องขอบคุณที่ท่านทิ้งข้าไว้ในเรือนเย็น ไม่ถามไม่สนใจ จึงไม่ให้ข้าออกไปทำให้ตระกูลฉู่เสียหน้า”“พูดไปพูดมา ท่านนี่แหละที่คิดรอบคอบ!”นางเอ่ยปากอย่างยิ้มแย้ม ใช้เรื่องนี้ถ่วงเวลา ในใจนางไม่มีความรู้สึกใดๆนางไม่ใช่ ‘ฉู่เชียนหลี’และนี่ไม่ใช่บ้านของนางผู้ชายคนนี้ก็ไม่ใช่บิดาของนางนางก็แค่แขวนนามคุณหนูตระกูลฉู่เท่านั้นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่เม้มปาก มีหรือที่เขาจะฟังความจริตจะก้านและจงใจพูดเสียดสีของฉู่เชียนหลีได้อย่างไร?ก็จริง หลายปีมานี้ นางไม่ได้มีชีวิตที่ดี กล่าวโทษเขาในใจ เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วแต่นางเป็นคนของตระกูลฉู่ตลอดไปจู่ๆ ก็ยกมือขึ้น ปรบมือ
ฮูหยินฉู่ให้กำเนิดคุณหนูใหญ่ฉู่หงหลวน คุณหนูรองฉู่ซวง นางอันให้กำเนิดคุณหนูสามฉู่เจียวเจียว คุณหนูสี่ฉู่เชียนหลีในบรรดาลูกสาวสี่คน ฉู่หงหลวนสวยที่สุด ฉลาดที่สุด เป็นที่รักของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ตั้งแต่เด็ก อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ยิ่งอบรมสั่งสอนด้วยตนเอง ตั้งความหวังไว้สูงมากเขาให้ฉู่หงหลวนแต่งกับรัชทายาท ในอนาคต ต้องสนับสนุนนางเป็นฮองเฮาแน่นอน!แต่ตอนนี้อ๋องเฉินกับรัชทายาทปะทะกันแล้ว รัชทายาทสู้อ๋องเฉินไม่ได้ อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่อยากช่วยฉู่หงหลวน จึงลงมือจากตัวฉู่เชียนหลีฉู่เชียนหลีถือตั๋วเงินหนาๆ ปึกนี้ไว้อย่างไม่ใส่ใจ เสียงพลิกกระดาษดัง ‘ซ่าๆๆ’กลิ่นเหม็นของทองแดงอบอวล… เหอะ!“ความหมายของใต้เท้าฉู่คือให้ข้ากลับไปเกลี้ยกล่อมอ๋องเฉิน หยุดสู้กับรัชทายาท?” นางเงยหน้าอย่างยิ้มแย้ม มองไปทางอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ รอยยิ้มกลับไม่มีความจริงใจคำพูดของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่สวยหรูมาก“รัชทายาทกับอ๋องเฉินเป็นพี่น้องกัน เจ้ากับหงหลวนก็เป็นพี่น้องกัน และยังเป็นสะใภ้เหมือนกัน ความสัมพันธ์ใกล้ชิดเช่นนี้ น่าจะร่วมมือกันเพื่อชัยชนะ ตระกูลฉู่จึงจะเจริญรุ่งเรือง”ความหมายน
ฉู่เชียนหลีก้มเอว หยิบไม้ตีสุนัขที่ฮ่องเต้พระราชทานขึ้น ใช้แขนเสื้อเช็ดแล้วเช็ดอีก กำแน่น พลันสะบัดแขน ซ่า…เหล็กชั้นดีสามท่อนที่ฝังอยู่ข้างในถูกสะบัดออกมา กลายเป็นกระบองที่ทั้งเล็กและเรียว ลวดลายดอกไม้ที่แกะสลักอยู่ข้างบนสวยงามราวกับเป็นของจริง ทั้งเยือกเย็น ทั้งสวยงาม ทำให้ผิวหนังของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์หดเกร็ง “ใช่แล้ว” ฉู่เชียนหลีเงยหน้า มองไปทางอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่อย่างยิ้มแย้ม “เมื่อครู่ท่านพูดอะไรกับข้านะ? สองวันนี้หลับไม่ค่อยสนิท หูก็ไม่ค่อยดีนัก ได้ยินไม่ชัด”นางเอียงศีรษะ เอียงหูเข้าไปใกล้“ท่านพูดอีกรอบ?”นางกล่าวถามอย่างเป็นมิตรและอ่อนโยนมากทว่า การกระทำนี้ ในสายตาของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ กลับเป็นการข่มขู่อย่างเปิดเผย!นางถือ ‘กระบี่อาญาสิทธิ์’ ที่ฮ่องเต้พระราชทานไว้ในมือ เขากล้าเอ่ยปากหรือ? กล้าเถียงหรือ? กล้าพูดมากหรือ? กล้าพูดอีกหรือ?ไม้ตีสุนัข ตัดหัวก่อนค่อยรายงาน เหมือนฮ่องเต้มาเยือนด้วยตนเอง ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นหากฉู่เชียนหลีไม่พอใจขึ้นมา ลงมือกับเขา เขาก็ทำได้แค่ยอมถูกตีแต่โดยดี…อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่เงียบไปหลายวินาที ตอนที่เอ่ยปากอีกครั
รับเงิน จากไป ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่โมโหมาก แต่ไม่กล้าแม้แต่จะผายลม หน้าบูดบึ้งเหมือนไปกินสิ่งปฏิกูลมา ฮูหยินฉู่กับฉู่ซวงไม่กล้าเอ่ยปาก เหล่าคนรับใช้ยิ่งยืนอยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ส่วนนางอันกับฉู่เจียวเจียวรีบวิ่งตามออกไป“เสียวฉู่!”“น้องหญิง…”ทั้งสองเรียกได้หวานมากฉู่เชียนหลีเอานิ้วแตะน้ำลาย กำลังนับตั๋วเงิน เมื่อเห็นทั้งสองตามมา เพียงแค่เหลือบมองแวบหนึ่ง ก็นับต่อแล้วหนึ่ง สอง สาม สี่…สิบแปด สิบเก้า…นางอันกับฉู่เจียวเจียวสบตากันแวบหนึ่ง สองแม่ลูกเดินเข้ามาอย่างยิ้มแย้มและอ่อนโยน“เสียวฉู่ เจ้าอยากรู้เรื่องของแม่ผู้ให้กำเนิดเจ้าไม่ใช่หรือ ข้าบอกเจ้าก็สิ้นเรื่อง”นางยิ้มอย่างเป็นมิตร จูงมือฉู่เชียนหลี ไปนั่งคุยกันในศาลาของสวนดอกไม้ฉู่เชียนหลีนับเงินต่อนางอันเห็นท่าทางที่ไม่ใส่ใจของนาง แม้ไม่ชอบท่าทีที่กวนประสาทของนาง แต่ก็ต้องประจบสอพลอนางอย่างหน้าด้านๆฉู่เชียนหลีควบคุมโรคระบาด ได้รับความสำคัญและการประทานรางวัลจากฮ่องเต้ อนาคตไกลไม่มีสิ้นสุดนางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สิบห้าปีก่อน ข้าคลอดลูกในบ้านของชาวบ้านครอบครัวหนึ่ง แต่ลูกสาวที่ข้าคลอดออกมาก