“ฉู่เชียนหลี!”“ฉู่เชียนหลี เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่ เจ้าอย่าทำให้ข้ากลัวสิฉู่เชียนหลี!”ด้านนอก หลิงเชียนอี้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ หน้าซีดขาวราวกับกระดาษ จ้องมองเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ ตั้งแต่เด็กจนโต เป็นครั้งที่ตื่นตระหนกขนาดนี้เป็นผู้หญิงที่ท่านน้าเฉินชอบเป็นครั้งแรก จะให้เกิดเรื่องขึ้นไม่ได้อย่างเด็ดขาด!ทันใดนั้นเขาวิ่งพุ่งตัวไปทางทหาร แย่งถังน้ำในมือของทหารมา ราดลงไปบนหัว หลังจากทำให้เสื้อผ้าเปียกแล้ว ก็พุ่งตัวเข้าไปด้านในในเวลานี้ ท่ามกลางเปลวเพลิงโหมกระหน่ำ ร่างเพรียวบางของหญิงสาววิ่งออกมาแล้วในเวลานั้น ทุกคนต่างพากันตกตะลึงไม่ตาย?เพลิงโหมกระหน่ำขนาดนั้น คิดไม่ถึงว่าพระชายาอ๋องเฉินจะไม่ตาย?!สวรรค์!“ฉู่เชียนหลี!”ทันทีที่ฉู่เชียนหลีนำศพโยนลงบนพื้น ก็รู้สึกหน้ามืดทันที โซซัดโซเซล้มลงบนพื้น ราวกับว่าพลังงานถูกสูบไปหมดเกลี้ยง“ฉู่เชียนหลี!”หนาว...หนาวเหลือเกิน...แม้ว่าจะอยู่ในเปลวเพลิง ที่อุณหภูมิสูงถึงหนึ่งร้อยองศา แม้ว่าจะร้อนดั่งดวงอาทิตย์แผดเผา แต่นางกลับรู้สึกหนาวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนหลิงเชียนอี้พุ่งเข้าไปอย่างรีบร้อน “ฉู่เชียนหลี เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรื
ในเวลานี้ภายในวังบรรยากาศตึงเครียดภายในห้องทรงพระอักษร บรรยากาศตึงเครียด ฝ่าบาทประทับอยู่ด้านหลังโต๊ะทรงงาน บรรดาขันทีก้มหน้าด้วยความตกใจ ไม่กล้าหายใจแรงด้านหน้าโต๊ะทรงงานอ๋องเฉินยืนอยู่ด้านซ้าย เอามือไพล่หลังยืนตัวตรง สีหน้าเย็นชา ลมหายใจทั่วทั้งตัวเย็นยะเยียบด้านขวา เป็นรัชทายาทที่ได้รับบาดเจ็บนั่งอยู่วันนี้เฟิงเจิ้งอวี้สวมชุดสีขาว หลังจากได้รับบาดเจ็บ สีหน้าซีดขาว บริเวณท้องมีผ้าพันแผลหนา ๆ พันอยู่ เลือดไหลออกมา เป็นเพราะเสื้อผ้าเป็นสีขาว จึงทำให้สะดุดตายิ่งเขานั่งอยู่ตรงนั้นอย่างอ่อนแอ ไอเสียงเบา น้ำเสียงแหบพร่าราวกับแมวที่ใกล้จะลาจากโลก“น้องเจ็ด...แค่ก...”ทันทีที่อ้าปาก ก็ไอออกมาไม่หยุด เลือดที่บริเวณท้องก็ไหลมากกว่าเดิม ดูน่าตกใจยิ่งกว่าเดิม“น้องเจ็ด...” เขาหอบ “เจ้ากับข้าสนิทสนมกันตั้งแต่เด็ก รู้สึกเป็นเหมือนพี่น้องแท้ ๆ ข้าไม่เคยมีเจตนาอื่นต่อเจ้า คิดไม่ถึงว่า แค่ก ๆ ...คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะยอมรับข้าไม่ได้ถึงขนาดนี้...”“ถ้าหากเจ้าอยากได้ตำแหน่งรัชทายาท ข้าให้เจ้าก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเพื่อตำแหน่งที่หนาวเหน็บนี้ ถึงกับต้องทำลายความสัมพันธ์พี่น้องของเจ้ากับข้า...”
ร่างเพรียวบางของหญิงสาวสาวเท้ายาวเข้ามาพระชายาอ๋องเฉิน!ขันทีเล็กที่วิ่งตามมาตกใจไม่น้อย “ฝ่าบาทโปรดประทานอภัย บ่าวไม่ทันได้รายงาน พระชายาอ๋องเฉินก็...”“ออกไปเถิด” ฮ่องเต้โบกมือเมื่อขันทีเล็กเห็นว่าฮ่องเต้ไม่ลงโทษ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก รีบออกไปฉู่เชียนหลีรีบก้าวเข้าไป ถอนสายบัวคารวะฮ่องเต้ไม่รอให้เขากล่าว‘ไม่ต้องมากพิธี’ ก็ยืดตัวขึ้นทันที แล้วหันไปพูดกับรัชทายาท“เรื่องลอบสังหาร องค์รัชทายาทซึ่งเป็นคนที่เกี่ยวข้องน่าจะทราบความจริงที่สุดกระมัง?”นางจงใจเน้นย้ำคำว่า ‘ความจริง’ ในคำพูดของแฝงไปด้วยความหมายที่ล้ำลึกอีกชั้นเฟิงเจิ้งอวี้กวาดสายตามองนางแวบหนึ่งอย่างเฉยชาตั้งแต่เมื่อใดกัน ที่ผู้หญิงถึงสามารถวิ่งเข้ามาแหกปากโวยวายในห้องทรงพระอักษรได้?ไม่รู้จักตั้งใจปรนนิบัติผู้ชายให้ดี คอยยกน้ำชา ล้างเท้านวดหลังให้ผู้ชาย วิ่งมาเอะอะที่นี่ทำไม?“พระชายาอ๋องเฉินกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?” เขาย้อนถามเสียงเรียบฉู่เชียนหลีจ้องเขาตรง ๆ “ได้ข่าวว่าอาการช้ำในของพระชายารองเว่ยสาหัสมาก ตายคาที่?”เฟิงเจิ้งอวี้กล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน “คืนเข้าหอ อยู่ ๆ นางก็จะลอบสังหารข้า เพื่อปกป้
“เพคะ!”ฉู่เชียนหลีกับเฟิงเย่เสวียนสบตากันแวบหนึ่ง ยิ้มให้กันอย่างรู้ใจสายตาของเฟิงเจิ้งอวี้เคร่งขรึมเล็กน้อย ยันโต๊ะแล้วลุกขึ้น “ในเมื่ออยากสืบ เช่นนั้นข้าจะกลับไปสืบที่จวนรัชทายาท”สาเหตุการตายของพระชายารองเว่ยไม่สามารถซ่อนได้อีกต่อไปผู้ตรวจการศาลาว่าการซุนเทียนเป็นผู้ต้องสงสัยในการวางเพลิง ภายใต้การสอบปากคำ ถ้าหากพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกมาแม้แต่คำเดียวละก็...จะเก็บคนผู้นี้ไว้ไม่ได้!ต้องรีบจัดการเดี๋ยวนี้!แต่ทันใดนั้นเสียงของหญิงสาวก็ดังขึ้น“องค์รัชทายาทอยู่รักษาตัวในวังเถอะ”เฟิงเจิ้งอวี้ “?”ฉู่เชียนหลียิ้ม “รัชทายาทบาดเจ็บสาหัส ทั้งยังกังวลว่าจะถูกลอบสังหาร รักษาตัวอยู่ในวังน่าจะปลอดภัยที่สุด เรื่องการสืบคดี ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้ากับอ๋องเฉินก็พอ”ทันทีที่พูดจบ ไม่ให้โอกาสรัชทายาทได้ปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย รีบกล่าว“เสด็จพ่อ หม่อมฉันขอทูลลา!”เฟิงเจิ้งอวี้ลนลาน “เสด็จพ่อ...”ฝ่าบาทตบบ่าของเขาด้วยความรักใคร่เอ็นดูเป็นที่สุด“เจ้าใหญ่ ในเมื่อเจ้ารู้สึกไม่ปลอดภัย ก็อย่าอยู่ห่างข้างกายเรา เราจะปกป้องเจ้าเอง”“...”เขาอยากจะออกไปเพื่อฆ่าผู้ตรวจการศาลาว่าการซุนเทียนทิ
ศาลาว่าการซุนเทียนฉู่เชียนหลีกับเฟิงเย่เสวียนรีบเดินทางมา หลิงเชียนอี้รีบพุ่งวิ่งออกไป ถามหลายประโยคติดต่อกันด้วยความเป็นห่วง“ท่านน้า ฉู่เชียนหลี ในที่สุดพวกท่านก็กลับมาแล้ว! ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่? สถานการณ์ในวังเป็นอย่างไรบ้าง? เสด็จตาทรงตรัสว่าอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีไม่มีเวลาพูดมาก พูดเพียงแค่มีเวลาสามวัน แล้วเข้าสู่ประเด็นหลัก“ผู้ตรวจการศาลาว่าการซุนเทียนล่ะ?”เขาวางเพลิงเผาศพ พฤติกรรมน่าสงสัย บางทีอาจจะรู้ความจริงสอบปากคำเขา อาจจะมีเบาะแสหลิงเชียนอี้ชี้ไปที่ห้องด้านหลัง “เขารออยู่ด้านในห้องตลอด ข้าเฝ้าอยู่หน้าประตู ไม่ได้ออกห่วงแม้แต่ก้าวเดียว จับตาดูเขาไว้อย่างดี”ตบหน้าอก กล่าวอย่างภูมิใจ“ท่านน้า ข้าทำงานได้น่าเชื่อถืออยู่แล้ว! เห็นแก่ข้าที่น่าเชื่อถือขนาดนี้ เตากำยานที่เก็บรักษาอยู่ในห้องหนังสือของท่านมานานหลายปีชิ้นนั้น จะให้ข้าได้...”เฟิงเย่เสวียน “ไม่ได้”ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไสหัวไป”หลิงเชียนอี้ “...”ใช้นำเสียงที่อ่อนโยนที่สุด พูดคำที่โหดร้ายที่สุดออกมา ท่านน้าเป็นคนตระหนี่ที่ขี้เหนียว ใจแคบ ขี้งก!เวลานี้ มีเพียงฉู่เชียนหลีที่รู้เรื่องจริงกล่าวอย่างถอนหา
จวนอ๋องเฉินพอเฟิงเย่เสวียนกลับมาถึง หานเฟิงวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว คุกเข่าลงข้างหนึ่ง พูดขอรับโทษ“นายท่าน ข้าน้อยไม่เอาไหน ยังไม่สามารถสืบสาเหตุการหายไปของหยกห้อยได้ขอรับ!”ถ้าหากสามารถสืบได้ง่ายได้ขนาดนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องใส่ร้ายเขาแล้วเฟิงเย่เสวียนสาวเท้ายาวเดินเข้าไปในห้องโถง ย่อตัวนั่งลง “เรียกคนงาน องครักษ์ที่สับเวร และทุกคนที่เข้าออกจวนอ๋องเฉินภายในห้าวันมานี้มาให้หมด”“ขอรับ!”เนื่องจากรัชทายาทถูกลอบสังหารคืนแต่งงาน เป็นเวลากลางคืน ประกอบกับฝ่าบาทยับยั้งเอาไว้ ข่าวคราวจึงไม่ได้เผยแพร่ออกไปเมื่อบรรดาคนรับใช้ของจวนอ๋องเห็นท่านอ๋องกระทำการใหญ่โต ราวกับว่ากำลังสืบอะไรบางอย่าง แต่ละคนเต็มไปด้วยความงุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางระมัดระวัง เป็นระเบียบเรียบร้อยระดับความไวขององครักษ์ย่อมมากกว่าบรรดาคนใช้หลายเท่า หนึ่งในนั้น อยู่ ๆ องครักษ์คนหนึ่งก็ก้าวออกมา กล่าวรายงาน“เรียนท่านอ๋อง เมื่อวาน พระชายารองเซียวมาที่นี่ขอรับ”เมื่อวานนี้องครักษ์คนนั้นอยู่เวรพอดี“พระชายารองเซียว?” หานเฟิงขมวดคิ้ว “นางอยู่ที่สวนบ้านพักชานเมืองไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงกลับมาจวนกะทั
จวนตระกูลเว่ยทั่วทั้งจวนบรรยากาศอึดอัด ชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าสวมชุดสีน้ำตาลกำลังก้มหน้านั่งอยู่ที่นั่น ท่าทางเหม่อลอย สีหน้าตกตะลึงไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่คนรับใช้ไม่น้อยกำลังถอนหายใจ แอบเช็ดน้ำตาเงียบ ๆ “คุณหนูผู้น่าสงสาร...”“เพิ่งเข้าจวนรัชทายาท เหตุใดจึงเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ได้...”“เฮ้อ...”การตายของเว่ยซืออี๋ บรรดาคนใช้ทอดถอนใจเพื่อนาง ใต้เท้าเว่ยนั่งอยู่ตรงนั้นตลอด ไม่ขยับเขยื้อน ไม่พูดไม่จา ทุกคนจึงไม่กล้ารบกวนทันใดนั้น เด็กรับใช้คนหนึ่งเข้ามารายงาน“นายท่าน พระชายาอ๋องเฉินขอเข้าพบขอรับ”ใต้เท้าเว่ยตกตะลึงทันที หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ถึงได้เงยหน้าขึ้นอย่างตระหนักได้พระชายาอ๋องเฉิน?ขอพบเขา?เหมือนกับว่าเขากับพระชายาอ๋องเฉินไม่เคยมีความสนิทสนมกันมาก่อนนี่นาเขาสะบัดมืออย่างเหนื่อยล้า “บอกไปว่าข้าไม่สบาย ตอนนี้ไม่...”“ใต้เท้าเว่ยไม่สบายตรงไหน? ข้าพอรู้เรื่องการรักษาอยู่บ้าง ช่วยตรวจให้ใต้เท้าได้พอดี”ด้านนอก น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยเสียงหัวเราะของหญิงสาวดังก้องขึ้น ฉู่เชียนหลีค่อย ๆ ย่างกราย เดินเข้ามาอย่างสบายใจใต้เท้าเว่ยชะงักไปเม้มปาก กวาดสายตามองคนใ
ใบเสร็จของเฉียนจวงคิดไม่ถึงว่านางจะสืบบัญชีของเขา ยังสืบไปถึงบัญชีของจวนรัชทายาทอีกด้วย!อาศัยเพียงพระชายาอ๋องเฉินไม่มีทางที่ความสามารถจะมากมายขนาดนี้ ดูท่าจะเป็นอ๋องเฉินที่สืบพบ...จ้องมองใบเสร็จนั้น หัวใจของใต้เท้าเว่ยก็ค่อย ๆ หนักอึ้งขึ้นทีละนิด อยากจะแก้ต่างก็ไม่ได้เงินก้อนใหญ่นี้ เขาเอาไปซื้อยาพิษยาพิษอยู่ในร่างกายของเว่ยซืออี๋ ไม่มีทางทำลายชีวิตของนาง แต่สามารถควบคุมพฤติกรรมของนางได้ ให้นางลอบสังหารรัชทายาท แล้วโยนความผิดให้แก่อ๋องเฉินเขาร่วมมือกับรัชทายาท...เรื่องมาถึงขั้นนี้ ความจริงปรากฏตอนนี้ฉู่เชียนหลียังมีข้อสงสัยอีกหนึ่งเรื่อง“ใต้เท้าเว่ย ท่านเกลียดอ๋องเฉิน ข้าเข้าใจได้ แต่ว่าหยกห้อยชิ้นนั้นบนตัวของพระชายาเว่ย เดิมทีเป็นหยกห้อยประจำกายของอ๋องเฉิน เหตุใดจึงไปปรากฏอยู่บนตัวของพระชายาเว่ยได้?”“ท่านทำได้อย่างไร?”พูดกันตามหลักแล้ว การอารักขาของจวนอ๋องเฉินเข้มงวด และสิ่งของประจำกายของเขาน้อยคนมากที่จะแตะต้องถึง ผู้ที่สามารถแตะต้องได้ จะต้องเป็นคนสนิทที่เชื่อใจได้เท่านั้นหยกห้อยของอ๋องเฉินหายไปได้อย่างไร?ผู้ใดเป็นคนขโมย?นางสงสัยมากใต้เท้าเว่ยเม้มปาก ก้
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท