“ฉู่เชียนหลี!”“ฉู่เชียนหลี เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่ เจ้าอย่าทำให้ข้ากลัวสิฉู่เชียนหลี!”ด้านนอก หลิงเชียนอี้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ หน้าซีดขาวราวกับกระดาษ จ้องมองเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ ตั้งแต่เด็กจนโต เป็นครั้งที่ตื่นตระหนกขนาดนี้เป็นผู้หญิงที่ท่านน้าเฉินชอบเป็นครั้งแรก จะให้เกิดเรื่องขึ้นไม่ได้อย่างเด็ดขาด!ทันใดนั้นเขาวิ่งพุ่งตัวไปทางทหาร แย่งถังน้ำในมือของทหารมา ราดลงไปบนหัว หลังจากทำให้เสื้อผ้าเปียกแล้ว ก็พุ่งตัวเข้าไปด้านในในเวลานี้ ท่ามกลางเปลวเพลิงโหมกระหน่ำ ร่างเพรียวบางของหญิงสาววิ่งออกมาแล้วในเวลานั้น ทุกคนต่างพากันตกตะลึงไม่ตาย?เพลิงโหมกระหน่ำขนาดนั้น คิดไม่ถึงว่าพระชายาอ๋องเฉินจะไม่ตาย?!สวรรค์!“ฉู่เชียนหลี!”ทันทีที่ฉู่เชียนหลีนำศพโยนลงบนพื้น ก็รู้สึกหน้ามืดทันที โซซัดโซเซล้มลงบนพื้น ราวกับว่าพลังงานถูกสูบไปหมดเกลี้ยง“ฉู่เชียนหลี!”หนาว...หนาวเหลือเกิน...แม้ว่าจะอยู่ในเปลวเพลิง ที่อุณหภูมิสูงถึงหนึ่งร้อยองศา แม้ว่าจะร้อนดั่งดวงอาทิตย์แผดเผา แต่นางกลับรู้สึกหนาวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนหลิงเชียนอี้พุ่งเข้าไปอย่างรีบร้อน “ฉู่เชียนหลี เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรื
ในเวลานี้ภายในวังบรรยากาศตึงเครียดภายในห้องทรงพระอักษร บรรยากาศตึงเครียด ฝ่าบาทประทับอยู่ด้านหลังโต๊ะทรงงาน บรรดาขันทีก้มหน้าด้วยความตกใจ ไม่กล้าหายใจแรงด้านหน้าโต๊ะทรงงานอ๋องเฉินยืนอยู่ด้านซ้าย เอามือไพล่หลังยืนตัวตรง สีหน้าเย็นชา ลมหายใจทั่วทั้งตัวเย็นยะเยียบด้านขวา เป็นรัชทายาทที่ได้รับบาดเจ็บนั่งอยู่วันนี้เฟิงเจิ้งอวี้สวมชุดสีขาว หลังจากได้รับบาดเจ็บ สีหน้าซีดขาว บริเวณท้องมีผ้าพันแผลหนา ๆ พันอยู่ เลือดไหลออกมา เป็นเพราะเสื้อผ้าเป็นสีขาว จึงทำให้สะดุดตายิ่งเขานั่งอยู่ตรงนั้นอย่างอ่อนแอ ไอเสียงเบา น้ำเสียงแหบพร่าราวกับแมวที่ใกล้จะลาจากโลก“น้องเจ็ด...แค่ก...”ทันทีที่อ้าปาก ก็ไอออกมาไม่หยุด เลือดที่บริเวณท้องก็ไหลมากกว่าเดิม ดูน่าตกใจยิ่งกว่าเดิม“น้องเจ็ด...” เขาหอบ “เจ้ากับข้าสนิทสนมกันตั้งแต่เด็ก รู้สึกเป็นเหมือนพี่น้องแท้ ๆ ข้าไม่เคยมีเจตนาอื่นต่อเจ้า คิดไม่ถึงว่า แค่ก ๆ ...คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะยอมรับข้าไม่ได้ถึงขนาดนี้...”“ถ้าหากเจ้าอยากได้ตำแหน่งรัชทายาท ข้าให้เจ้าก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเพื่อตำแหน่งที่หนาวเหน็บนี้ ถึงกับต้องทำลายความสัมพันธ์พี่น้องของเจ้ากับข้า...”
ร่างเพรียวบางของหญิงสาวสาวเท้ายาวเข้ามาพระชายาอ๋องเฉิน!ขันทีเล็กที่วิ่งตามมาตกใจไม่น้อย “ฝ่าบาทโปรดประทานอภัย บ่าวไม่ทันได้รายงาน พระชายาอ๋องเฉินก็...”“ออกไปเถิด” ฮ่องเต้โบกมือเมื่อขันทีเล็กเห็นว่าฮ่องเต้ไม่ลงโทษ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก รีบออกไปฉู่เชียนหลีรีบก้าวเข้าไป ถอนสายบัวคารวะฮ่องเต้ไม่รอให้เขากล่าว‘ไม่ต้องมากพิธี’ ก็ยืดตัวขึ้นทันที แล้วหันไปพูดกับรัชทายาท“เรื่องลอบสังหาร องค์รัชทายาทซึ่งเป็นคนที่เกี่ยวข้องน่าจะทราบความจริงที่สุดกระมัง?”นางจงใจเน้นย้ำคำว่า ‘ความจริง’ ในคำพูดของแฝงไปด้วยความหมายที่ล้ำลึกอีกชั้นเฟิงเจิ้งอวี้กวาดสายตามองนางแวบหนึ่งอย่างเฉยชาตั้งแต่เมื่อใดกัน ที่ผู้หญิงถึงสามารถวิ่งเข้ามาแหกปากโวยวายในห้องทรงพระอักษรได้?ไม่รู้จักตั้งใจปรนนิบัติผู้ชายให้ดี คอยยกน้ำชา ล้างเท้านวดหลังให้ผู้ชาย วิ่งมาเอะอะที่นี่ทำไม?“พระชายาอ๋องเฉินกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?” เขาย้อนถามเสียงเรียบฉู่เชียนหลีจ้องเขาตรง ๆ “ได้ข่าวว่าอาการช้ำในของพระชายารองเว่ยสาหัสมาก ตายคาที่?”เฟิงเจิ้งอวี้กล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน “คืนเข้าหอ อยู่ ๆ นางก็จะลอบสังหารข้า เพื่อปกป้
“เพคะ!”ฉู่เชียนหลีกับเฟิงเย่เสวียนสบตากันแวบหนึ่ง ยิ้มให้กันอย่างรู้ใจสายตาของเฟิงเจิ้งอวี้เคร่งขรึมเล็กน้อย ยันโต๊ะแล้วลุกขึ้น “ในเมื่ออยากสืบ เช่นนั้นข้าจะกลับไปสืบที่จวนรัชทายาท”สาเหตุการตายของพระชายารองเว่ยไม่สามารถซ่อนได้อีกต่อไปผู้ตรวจการศาลาว่าการซุนเทียนเป็นผู้ต้องสงสัยในการวางเพลิง ภายใต้การสอบปากคำ ถ้าหากพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกมาแม้แต่คำเดียวละก็...จะเก็บคนผู้นี้ไว้ไม่ได้!ต้องรีบจัดการเดี๋ยวนี้!แต่ทันใดนั้นเสียงของหญิงสาวก็ดังขึ้น“องค์รัชทายาทอยู่รักษาตัวในวังเถอะ”เฟิงเจิ้งอวี้ “?”ฉู่เชียนหลียิ้ม “รัชทายาทบาดเจ็บสาหัส ทั้งยังกังวลว่าจะถูกลอบสังหาร รักษาตัวอยู่ในวังน่าจะปลอดภัยที่สุด เรื่องการสืบคดี ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้ากับอ๋องเฉินก็พอ”ทันทีที่พูดจบ ไม่ให้โอกาสรัชทายาทได้ปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย รีบกล่าว“เสด็จพ่อ หม่อมฉันขอทูลลา!”เฟิงเจิ้งอวี้ลนลาน “เสด็จพ่อ...”ฝ่าบาทตบบ่าของเขาด้วยความรักใคร่เอ็นดูเป็นที่สุด“เจ้าใหญ่ ในเมื่อเจ้ารู้สึกไม่ปลอดภัย ก็อย่าอยู่ห่างข้างกายเรา เราจะปกป้องเจ้าเอง”“...”เขาอยากจะออกไปเพื่อฆ่าผู้ตรวจการศาลาว่าการซุนเทียนทิ
ศาลาว่าการซุนเทียนฉู่เชียนหลีกับเฟิงเย่เสวียนรีบเดินทางมา หลิงเชียนอี้รีบพุ่งวิ่งออกไป ถามหลายประโยคติดต่อกันด้วยความเป็นห่วง“ท่านน้า ฉู่เชียนหลี ในที่สุดพวกท่านก็กลับมาแล้ว! ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่? สถานการณ์ในวังเป็นอย่างไรบ้าง? เสด็จตาทรงตรัสว่าอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีไม่มีเวลาพูดมาก พูดเพียงแค่มีเวลาสามวัน แล้วเข้าสู่ประเด็นหลัก“ผู้ตรวจการศาลาว่าการซุนเทียนล่ะ?”เขาวางเพลิงเผาศพ พฤติกรรมน่าสงสัย บางทีอาจจะรู้ความจริงสอบปากคำเขา อาจจะมีเบาะแสหลิงเชียนอี้ชี้ไปที่ห้องด้านหลัง “เขารออยู่ด้านในห้องตลอด ข้าเฝ้าอยู่หน้าประตู ไม่ได้ออกห่วงแม้แต่ก้าวเดียว จับตาดูเขาไว้อย่างดี”ตบหน้าอก กล่าวอย่างภูมิใจ“ท่านน้า ข้าทำงานได้น่าเชื่อถืออยู่แล้ว! เห็นแก่ข้าที่น่าเชื่อถือขนาดนี้ เตากำยานที่เก็บรักษาอยู่ในห้องหนังสือของท่านมานานหลายปีชิ้นนั้น จะให้ข้าได้...”เฟิงเย่เสวียน “ไม่ได้”ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไสหัวไป”หลิงเชียนอี้ “...”ใช้นำเสียงที่อ่อนโยนที่สุด พูดคำที่โหดร้ายที่สุดออกมา ท่านน้าเป็นคนตระหนี่ที่ขี้เหนียว ใจแคบ ขี้งก!เวลานี้ มีเพียงฉู่เชียนหลีที่รู้เรื่องจริงกล่าวอย่างถอนหา
จวนอ๋องเฉินพอเฟิงเย่เสวียนกลับมาถึง หานเฟิงวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว คุกเข่าลงข้างหนึ่ง พูดขอรับโทษ“นายท่าน ข้าน้อยไม่เอาไหน ยังไม่สามารถสืบสาเหตุการหายไปของหยกห้อยได้ขอรับ!”ถ้าหากสามารถสืบได้ง่ายได้ขนาดนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องใส่ร้ายเขาแล้วเฟิงเย่เสวียนสาวเท้ายาวเดินเข้าไปในห้องโถง ย่อตัวนั่งลง “เรียกคนงาน องครักษ์ที่สับเวร และทุกคนที่เข้าออกจวนอ๋องเฉินภายในห้าวันมานี้มาให้หมด”“ขอรับ!”เนื่องจากรัชทายาทถูกลอบสังหารคืนแต่งงาน เป็นเวลากลางคืน ประกอบกับฝ่าบาทยับยั้งเอาไว้ ข่าวคราวจึงไม่ได้เผยแพร่ออกไปเมื่อบรรดาคนรับใช้ของจวนอ๋องเห็นท่านอ๋องกระทำการใหญ่โต ราวกับว่ากำลังสืบอะไรบางอย่าง แต่ละคนเต็มไปด้วยความงุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางระมัดระวัง เป็นระเบียบเรียบร้อยระดับความไวขององครักษ์ย่อมมากกว่าบรรดาคนใช้หลายเท่า หนึ่งในนั้น อยู่ ๆ องครักษ์คนหนึ่งก็ก้าวออกมา กล่าวรายงาน“เรียนท่านอ๋อง เมื่อวาน พระชายารองเซียวมาที่นี่ขอรับ”เมื่อวานนี้องครักษ์คนนั้นอยู่เวรพอดี“พระชายารองเซียว?” หานเฟิงขมวดคิ้ว “นางอยู่ที่สวนบ้านพักชานเมืองไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงกลับมาจวนกะทั
จวนตระกูลเว่ยทั่วทั้งจวนบรรยากาศอึดอัด ชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าสวมชุดสีน้ำตาลกำลังก้มหน้านั่งอยู่ที่นั่น ท่าทางเหม่อลอย สีหน้าตกตะลึงไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่คนรับใช้ไม่น้อยกำลังถอนหายใจ แอบเช็ดน้ำตาเงียบ ๆ “คุณหนูผู้น่าสงสาร...”“เพิ่งเข้าจวนรัชทายาท เหตุใดจึงเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ได้...”“เฮ้อ...”การตายของเว่ยซืออี๋ บรรดาคนใช้ทอดถอนใจเพื่อนาง ใต้เท้าเว่ยนั่งอยู่ตรงนั้นตลอด ไม่ขยับเขยื้อน ไม่พูดไม่จา ทุกคนจึงไม่กล้ารบกวนทันใดนั้น เด็กรับใช้คนหนึ่งเข้ามารายงาน“นายท่าน พระชายาอ๋องเฉินขอเข้าพบขอรับ”ใต้เท้าเว่ยตกตะลึงทันที หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ถึงได้เงยหน้าขึ้นอย่างตระหนักได้พระชายาอ๋องเฉิน?ขอพบเขา?เหมือนกับว่าเขากับพระชายาอ๋องเฉินไม่เคยมีความสนิทสนมกันมาก่อนนี่นาเขาสะบัดมืออย่างเหนื่อยล้า “บอกไปว่าข้าไม่สบาย ตอนนี้ไม่...”“ใต้เท้าเว่ยไม่สบายตรงไหน? ข้าพอรู้เรื่องการรักษาอยู่บ้าง ช่วยตรวจให้ใต้เท้าได้พอดี”ด้านนอก น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยเสียงหัวเราะของหญิงสาวดังก้องขึ้น ฉู่เชียนหลีค่อย ๆ ย่างกราย เดินเข้ามาอย่างสบายใจใต้เท้าเว่ยชะงักไปเม้มปาก กวาดสายตามองคนใ
ใบเสร็จของเฉียนจวงคิดไม่ถึงว่านางจะสืบบัญชีของเขา ยังสืบไปถึงบัญชีของจวนรัชทายาทอีกด้วย!อาศัยเพียงพระชายาอ๋องเฉินไม่มีทางที่ความสามารถจะมากมายขนาดนี้ ดูท่าจะเป็นอ๋องเฉินที่สืบพบ...จ้องมองใบเสร็จนั้น หัวใจของใต้เท้าเว่ยก็ค่อย ๆ หนักอึ้งขึ้นทีละนิด อยากจะแก้ต่างก็ไม่ได้เงินก้อนใหญ่นี้ เขาเอาไปซื้อยาพิษยาพิษอยู่ในร่างกายของเว่ยซืออี๋ ไม่มีทางทำลายชีวิตของนาง แต่สามารถควบคุมพฤติกรรมของนางได้ ให้นางลอบสังหารรัชทายาท แล้วโยนความผิดให้แก่อ๋องเฉินเขาร่วมมือกับรัชทายาท...เรื่องมาถึงขั้นนี้ ความจริงปรากฏตอนนี้ฉู่เชียนหลียังมีข้อสงสัยอีกหนึ่งเรื่อง“ใต้เท้าเว่ย ท่านเกลียดอ๋องเฉิน ข้าเข้าใจได้ แต่ว่าหยกห้อยชิ้นนั้นบนตัวของพระชายาเว่ย เดิมทีเป็นหยกห้อยประจำกายของอ๋องเฉิน เหตุใดจึงไปปรากฏอยู่บนตัวของพระชายาเว่ยได้?”“ท่านทำได้อย่างไร?”พูดกันตามหลักแล้ว การอารักขาของจวนอ๋องเฉินเข้มงวด และสิ่งของประจำกายของเขาน้อยคนมากที่จะแตะต้องถึง ผู้ที่สามารถแตะต้องได้ จะต้องเป็นคนสนิทที่เชื่อใจได้เท่านั้นหยกห้อยของอ๋องเฉินหายไปได้อย่างไร?ผู้ใดเป็นคนขโมย?นางสงสัยมากใต้เท้าเว่ยเม้มปาก ก้