ศาลาว่าการซุนเทียนฉู่เชียนหลีกับเฟิงเย่เสวียนรีบเดินทางมา หลิงเชียนอี้รีบพุ่งวิ่งออกไป ถามหลายประโยคติดต่อกันด้วยความเป็นห่วง“ท่านน้า ฉู่เชียนหลี ในที่สุดพวกท่านก็กลับมาแล้ว! ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่? สถานการณ์ในวังเป็นอย่างไรบ้าง? เสด็จตาทรงตรัสว่าอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีไม่มีเวลาพูดมาก พูดเพียงแค่มีเวลาสามวัน แล้วเข้าสู่ประเด็นหลัก“ผู้ตรวจการศาลาว่าการซุนเทียนล่ะ?”เขาวางเพลิงเผาศพ พฤติกรรมน่าสงสัย บางทีอาจจะรู้ความจริงสอบปากคำเขา อาจจะมีเบาะแสหลิงเชียนอี้ชี้ไปที่ห้องด้านหลัง “เขารออยู่ด้านในห้องตลอด ข้าเฝ้าอยู่หน้าประตู ไม่ได้ออกห่วงแม้แต่ก้าวเดียว จับตาดูเขาไว้อย่างดี”ตบหน้าอก กล่าวอย่างภูมิใจ“ท่านน้า ข้าทำงานได้น่าเชื่อถืออยู่แล้ว! เห็นแก่ข้าที่น่าเชื่อถือขนาดนี้ เตากำยานที่เก็บรักษาอยู่ในห้องหนังสือของท่านมานานหลายปีชิ้นนั้น จะให้ข้าได้...”เฟิงเย่เสวียน “ไม่ได้”ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไสหัวไป”หลิงเชียนอี้ “...”ใช้นำเสียงที่อ่อนโยนที่สุด พูดคำที่โหดร้ายที่สุดออกมา ท่านน้าเป็นคนตระหนี่ที่ขี้เหนียว ใจแคบ ขี้งก!เวลานี้ มีเพียงฉู่เชียนหลีที่รู้เรื่องจริงกล่าวอย่างถอนหา
จวนอ๋องเฉินพอเฟิงเย่เสวียนกลับมาถึง หานเฟิงวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว คุกเข่าลงข้างหนึ่ง พูดขอรับโทษ“นายท่าน ข้าน้อยไม่เอาไหน ยังไม่สามารถสืบสาเหตุการหายไปของหยกห้อยได้ขอรับ!”ถ้าหากสามารถสืบได้ง่ายได้ขนาดนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องใส่ร้ายเขาแล้วเฟิงเย่เสวียนสาวเท้ายาวเดินเข้าไปในห้องโถง ย่อตัวนั่งลง “เรียกคนงาน องครักษ์ที่สับเวร และทุกคนที่เข้าออกจวนอ๋องเฉินภายในห้าวันมานี้มาให้หมด”“ขอรับ!”เนื่องจากรัชทายาทถูกลอบสังหารคืนแต่งงาน เป็นเวลากลางคืน ประกอบกับฝ่าบาทยับยั้งเอาไว้ ข่าวคราวจึงไม่ได้เผยแพร่ออกไปเมื่อบรรดาคนรับใช้ของจวนอ๋องเห็นท่านอ๋องกระทำการใหญ่โต ราวกับว่ากำลังสืบอะไรบางอย่าง แต่ละคนเต็มไปด้วยความงุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางระมัดระวัง เป็นระเบียบเรียบร้อยระดับความไวขององครักษ์ย่อมมากกว่าบรรดาคนใช้หลายเท่า หนึ่งในนั้น อยู่ ๆ องครักษ์คนหนึ่งก็ก้าวออกมา กล่าวรายงาน“เรียนท่านอ๋อง เมื่อวาน พระชายารองเซียวมาที่นี่ขอรับ”เมื่อวานนี้องครักษ์คนนั้นอยู่เวรพอดี“พระชายารองเซียว?” หานเฟิงขมวดคิ้ว “นางอยู่ที่สวนบ้านพักชานเมืองไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงกลับมาจวนกะทั
จวนตระกูลเว่ยทั่วทั้งจวนบรรยากาศอึดอัด ชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าสวมชุดสีน้ำตาลกำลังก้มหน้านั่งอยู่ที่นั่น ท่าทางเหม่อลอย สีหน้าตกตะลึงไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่คนรับใช้ไม่น้อยกำลังถอนหายใจ แอบเช็ดน้ำตาเงียบ ๆ “คุณหนูผู้น่าสงสาร...”“เพิ่งเข้าจวนรัชทายาท เหตุใดจึงเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ได้...”“เฮ้อ...”การตายของเว่ยซืออี๋ บรรดาคนใช้ทอดถอนใจเพื่อนาง ใต้เท้าเว่ยนั่งอยู่ตรงนั้นตลอด ไม่ขยับเขยื้อน ไม่พูดไม่จา ทุกคนจึงไม่กล้ารบกวนทันใดนั้น เด็กรับใช้คนหนึ่งเข้ามารายงาน“นายท่าน พระชายาอ๋องเฉินขอเข้าพบขอรับ”ใต้เท้าเว่ยตกตะลึงทันที หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ถึงได้เงยหน้าขึ้นอย่างตระหนักได้พระชายาอ๋องเฉิน?ขอพบเขา?เหมือนกับว่าเขากับพระชายาอ๋องเฉินไม่เคยมีความสนิทสนมกันมาก่อนนี่นาเขาสะบัดมืออย่างเหนื่อยล้า “บอกไปว่าข้าไม่สบาย ตอนนี้ไม่...”“ใต้เท้าเว่ยไม่สบายตรงไหน? ข้าพอรู้เรื่องการรักษาอยู่บ้าง ช่วยตรวจให้ใต้เท้าได้พอดี”ด้านนอก น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยเสียงหัวเราะของหญิงสาวดังก้องขึ้น ฉู่เชียนหลีค่อย ๆ ย่างกราย เดินเข้ามาอย่างสบายใจใต้เท้าเว่ยชะงักไปเม้มปาก กวาดสายตามองคนใ
ใบเสร็จของเฉียนจวงคิดไม่ถึงว่านางจะสืบบัญชีของเขา ยังสืบไปถึงบัญชีของจวนรัชทายาทอีกด้วย!อาศัยเพียงพระชายาอ๋องเฉินไม่มีทางที่ความสามารถจะมากมายขนาดนี้ ดูท่าจะเป็นอ๋องเฉินที่สืบพบ...จ้องมองใบเสร็จนั้น หัวใจของใต้เท้าเว่ยก็ค่อย ๆ หนักอึ้งขึ้นทีละนิด อยากจะแก้ต่างก็ไม่ได้เงินก้อนใหญ่นี้ เขาเอาไปซื้อยาพิษยาพิษอยู่ในร่างกายของเว่ยซืออี๋ ไม่มีทางทำลายชีวิตของนาง แต่สามารถควบคุมพฤติกรรมของนางได้ ให้นางลอบสังหารรัชทายาท แล้วโยนความผิดให้แก่อ๋องเฉินเขาร่วมมือกับรัชทายาท...เรื่องมาถึงขั้นนี้ ความจริงปรากฏตอนนี้ฉู่เชียนหลียังมีข้อสงสัยอีกหนึ่งเรื่อง“ใต้เท้าเว่ย ท่านเกลียดอ๋องเฉิน ข้าเข้าใจได้ แต่ว่าหยกห้อยชิ้นนั้นบนตัวของพระชายาเว่ย เดิมทีเป็นหยกห้อยประจำกายของอ๋องเฉิน เหตุใดจึงไปปรากฏอยู่บนตัวของพระชายาเว่ยได้?”“ท่านทำได้อย่างไร?”พูดกันตามหลักแล้ว การอารักขาของจวนอ๋องเฉินเข้มงวด และสิ่งของประจำกายของเขาน้อยคนมากที่จะแตะต้องถึง ผู้ที่สามารถแตะต้องได้ จะต้องเป็นคนสนิทที่เชื่อใจได้เท่านั้นหยกห้อยของอ๋องเฉินหายไปได้อย่างไร?ผู้ใดเป็นคนขโมย?นางสงสัยมากใต้เท้าเว่ยเม้มปาก ก้
“ข้า...”บาดเจ็บภายใน?ก็วิงเวียนศีรษะ ไร้เรี่ยวแรงมาตลอด ที่แท้ก็เพราะบาดเจ็บภายในหรือ? แต่นางไม่ได้กลับไม่ได้มีอาการเหล่านี้เหมือนกับว่าตั้งแต่...ศาลาว่าการซุนเทียนเป็นต้นมาหลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้รุนแรงครั้งนั้น นางก็รู้สึกไม่สบายมาตลอดฉู่เชียนหลีเกาะแขนของจิ่งอี้เอาไว้อย่างอ่อนแอ พยายามยันร่างกาย นำเรื่องของศาลาว่าการซุนเทียนเล่าออกมาคร่าว ๆ โดยเฉพาะเรื่องตอนที่นางถูกคานของห้องที่น้ำหนักหลายร้อยชั่งทับเอาไว้ แต่กลับสะบัดลอยออกไปได้ด้วยมือเปล่า จิ่งอี้ดวงตาเคร่งขรึมดูท่า คงเป็นเพราะคุณหนูกระตุ้นกำลังภายในในสถานการณ์ที่คับขัน แต่เนื่องจากเป็นเพราะนางยังใช้ไม่เป็น ทำให้กำลังภายในแว้งกัด ช่วยชีวิตตนเอง ก็ทำให้ตนเองบาดเจ็บเช่นกันเรื่องที่เกิดขึ้นที่ศาลาว่าการซุนเทียนเป็นตอนเช้า แต่ตอนนี้เป็นตอนบ่ายแล้ว คิดไม่ถึงว่านางจะสามารถฝืนทนมาได้ทั้งวัน!เขาประคองนาง “คุณหนู ที่นี่ไม่ใช่ที่จะคุยกัน กลับโรงหมอเดี๋ยวนี้ ข้าจะช่วยท่านรักษาอาการบาดเจ็บ”ฉู่เชียนหลีกลับไม่เป็นห่วงตนเอง เป็นห่วงเรื่องที่อ๋องเฉินถูกใส่ร้ายอยู่ตลอดเวลา“หลังจากที่ใต้เท้าเว่ยรู้ว่าเรื่องราวล้มเหลว อาจจะทำเ
เซียวจือฮว่าเม้มริมฝีปากแน่น มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อก็ค่อย ๆ กำแน่นขึ้น น้ำเสียงเคร่งขรึมขึ้น“เป่าอวี้ เจ้าว่า ถ้าหากข้าทำเรื่องผิด ท่านอ๋องจะฆ่าข้าหรือไม่?” โอ๊ะ!เป่าอวี้ได้ยินคำว่า ‘ฆ่า’ คำนี้ ก็ตกใจยกใหญ่“นายหญิง ท่านกำลังพูดจาเหลวไหลอะไรเจ้าคะ? ท่านเป็นอะไร...”“เจ้าบอกข้า!” เซียวจือฮว่าเงยหน้าขึ้นมองนางตรง ๆ ทันที “พูดความจริง!”เป่าอวี้ตกใจจนหน้าถอดสีเหตุใดอยู่ ๆ จึงพูดแบบนี้...ถ้าหากจะพูดความจริงละก็ นางเองก็ไม่กล้า ๆ ยืนยันได้เคย นางเคยเห็นองครักษ์ลับที่ติดตามท่านอ๋องมาแปดปีคนหนึ่งถูกโทษประหาร เพียงเพราะเลือกผิด รองแม่ทัพคนหนึ่งพูดคำที่ไม่ควรพูด จึงถูกตัดลิ้น องครักษ์คนหนึ่งจุดจบน่าสมเพช เพียงเพราะประมาทเลินเล่อไปชั่วขณะ...ท่านอ๋องเป็นคนที่ชัดเจนกับการลงโทษและให้รางวัล ไม่เคยใจอ่อนต่อผู้กระทำความผิดแต่ว่า...นายหญิงเป็นคนตระกูลเซียว!“นายหญิง ท่านแซ่เซียวนะ! ท่านจะกลัวอะไรเจ้าคะ?” เป่าอวี้กล่าว “ท่านเป็นสายเลือดคนสุดท้าย สายเลือดเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลเซียว เสด็จแม่ของท่านอ๋องเป็นอาหญิงของท่าน เขาจะต้องปกป้องท่านไปตลอดชีวิต จะลงโทษท่านได้อย่างไรกันล่ะ?”
เนื่องจากอาการบาดเจ็บภายในของฉู่เชียนหลีสาหัสมาก ประกอบกับเรื่องเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน กลิ้งตกบันไดสามขั้นอย่างไม่ระวัง หัวทิ่มลงไปในน้ำพรวด!ละอองน้ำที่สาดกระเซ็นสูงขึ้นมาบนฝั่ง จึงดึงดูดความสนใจของชาวบ้านจำนวนไม่น้อย“มีคนตกน้ำ?”“รีบช่วยคน...”ชาวบ้านบริเวณรอบ ๆ ยังไม่ทันวิ่งเข้าไป เงาดำทะมึนร่างหนึ่งก็กระโจนลงไปในน้ำอย่างรีบร้อน“คุณหนู!”เซียวจือฮว่ายืนอยู่ริมฝั่ง จ้องมองทั้งสองคนที่กำลังดิ้นรนอยู่ในน้ำ มุมปากยกขึ้นฉายแววความชั่วร้ายแวบหนึ่งทันใดนั้น อ้าปากพูดเสียงดัง“พระชายาอ๋องเฉิน เหตุใดท่านจึงอยู่กับชายอื่น!”เสียงดังที่จงใจตะโกนขึ้นดังกระจาย ลอยเข้าไปในหูของทุกคนอย่างชัดเจน ทำให้ทุกคนตกตะลึงพร้อมเพรียงกัน เบิกดวงตากว้าง พากันมองไปที่กลางน้ำพระชายาอ๋องเฉิน?ผู้ชายอื่น?แต่น้ำที่สาดกระเซ็น ทำให้มองใบหน้าของคนทั้งสองได้ไม่ชัดเจนเลยสักนิดแต่ธรรมชาติของมนุษย์ก็คือการนินทา ไม่ว่าคำพูดประโยคนี้จะจริงหรือเท็จ พวกเขาก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา“เป็นพระชายาอ๋องเฉินงั้นหรือ?”“ไม่ใช่หรอกน่า? ได้เป็นถึงพระชายาแล้วยังไม่พอใจอีกหรือ? ยังยั่วยวนผู้ชายอื่นอีกหรือ? หรือว่า
ใบหน้าเล็กขนาดเท่าฝ่ามืองามจนน่าเหลือเชื่อ คิ้วเข้มราวกับน้ำหมึก ดวงตาหงส์เปล่งประกายราวกับดวงดาว สะอาดสว่างไสว ริมฝีปากเล็กที่ราวกับกลีบดอกท้อเผยอออกเล็กน้อย เครื่องหน้าอันแสนประณีต ราวกับถูกแกะสลักขึ้นอย่างตั้งใจ ผิวพรรณราวกับไข่ไก่ที่ปอกเปลือกแล้ว ไม่มีตำหนิเลยแม้แต่น้อยหยดน้ำเล็ก ๆ ที่ติดอยู่บนใบหน้าของนาง บนขนตา บนเส้นผม ลำคอ และผิวหนัง เสื้อผ้าที่เปียกปอนแนบสนิทกับตัว ส่วนเว้นโค้งของเรือนร่างที่สมบูรณ์แบบร่างกายอันบอบบางขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ลมพัดผ่านมา หนาวจนตัวสั่นเล็กน้อย สีหน้าที่ซีดเซียวเล็กน้อยมากพอที่จะกระตุ้นความปรารถนาที่จะปกป้องของบุรุษงดงาม!ความงามของร่างกายที่เปียกปอน งามจนน่าเหลือเชื่อ ทั้งยั่วยวนทั้งสวยสุดยอด!จิ่งอี้ถอดเสื้อคลุมด้านนอกของตนเองออก คลุมเรือนร่างอันงดงามเอาไว้ เพียงแค่สบตากับหญิงสาวทีหนึ่ง ก็เข้าใจความหมายของนางดึงนางเข้ามากอด เงยหน้าขึ้น จ้องเซียวจือฮว่าและถามเสียงเย็นชา“ฮูหยินของข้าไม่เคยมีความแค้นอะไรกับท่าน ไม่มีญาติมิตร เหตุใดท่านจึงต้องผลักนางตกน้ำด้วย!”เซียวจือฮว่าเบิกตากว้างเป็นไปไม่ได้!ฉู่เชียนหลีล่ะ?!เมื่อหลายวัน
ปัง!ประตูถูกกระแทกจนเปิดออก ร่างกายจวินลั่วยวนหมุนกลางอากาศหนึ่งรอบ รอยกระเด็นออกไป ล้มหน้าคว่ำลงพื้น รู้สึกมึนงงไปหมดผ่านไปห้าวินาทีเต็มๆ จึงจะตั้งสติได้นาง…โดนตบ?“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”“เหตุใดองค์หญิงหนานยวนลอยออกมาจากห้องท่านอ๋อง…”“ดูเหมือนใครบางคนไม่รู้จักเจียมตัว…”นอกเรือน เมื่อทหารที่เฝ้ายามและคนรับใช้เห็นภาพนี้ เริ่มพากันวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ คำพูดบางประโยคลอยเข้าหูของจวินลั่วยวน ทำให้สีหน้าของนางเดี๋ยวซีด เดี๋ยวดำ เดี๋ยวม่วง ดูน่าเกลียดมากเงยหน้าแก้มแสบร้อนใช้มือลูบเบาๆมีเลือด…“หน้าของข้า!”ใบหน้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนาง!จวินลั่วยวนโกรธแล้ว “อ๋องเฉิน! ท่านกล้าทำร้ายข้า หรือท่านไม่อยากให้แคว้นหนานยวนสนับสนุนท่าน? ฮ่องเต้หลีเริ่มใกล้ชิดกับแคว้นซีอวี้แล้ว ถ้าหากท่านไม่ได้รับการสนับสนุนจากแคว้นหนานยวนของเรา ท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮ่องเต้หลี!”มาถึงขั้นนี้แล้ว เขายังไม่รู้ตัวอีกหรือ?เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงกล้าทำร้ายนาง?เฟิงเย่เสวียนยืนอยู่บนบันไดขั้นที่สาม ก้มมองนางที่แยกเขี้ยวยิงฟัน หัวเราะอย่างเย็นชา“วันนี้ได้เห็น แคว้นหนานยวนไม่ได้มีค่า
ไม่นาน น้ำอุ่นก็มา ตอนเฟิงเย่เสวียนอาบน้ำ ไม่ชอบให้คนมาปรนนิบัติ หลังจากคนรับใช้เตรียมเสื้อผ้าและยาเสร็จ ก็ถอยออกไปหมดแล้วภายในห้องหลังฉากบังลมไอน้ำร้อนพวยพุ่ง อบอวลกลางอากาศ หลังจากเสียงน้ำดังขึ้น เงาจางๆ ของเฟิงเย่เสวียนสะท้อนลงบนฉากบังลมคลุมเครือ มองเห็นไม่ชัดแต่เงาด้านข้างนั่น เค้าโครงนั่น แม้แต่ตรงตำแหน่งลูกกระเดือกที่นูนขึ้น ก็สะท้อนออกมา ทำให้เห็นแล้วต้องกลืนน้ำลาย จินตนาการไม่รู้จบ เลือดในกายพลุ่งพล่านจวินลั่วยวนมองเห็นอย่างชัดเจนจากช่องว่างของประตูคอแห้ง กลืนน้ำลาย…จริงนะนางชอบผู้ชายคนนี้มาก ชอบอย่างที่ไม่เคยชอบมาก่อนหลายปีมานี้ คนที่ไปสู่ขอถึงวังหลวง ธรณีประตูแทบถูกเหยียบจนพัง นางเคยเห็นผู้ชายมามากมาย ชนชั้นสูง เชื้อพระวงศ์ เศรษฐีรู้จักคนมากมาย กลับมีเพียงตอนที่เจออ๋องเฉิน หัวใจปั่นป่วนนางจำได้ตลอด ตอนที่เจอกันครั้งแรก อ๋องเฉินจับมือของนาง มองฐานะของนางออกในปราดเดียว เขาพูดว่า‘การปรากฏตัวขององค์หญิงช่างพิเศษจริงๆ’หวั่นไหวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาซ่า…เสียงน้ำหลังฉากบังลม เหมือนเฟิงเย่เสวียนอาบน้ำเสร็จแล้ว แขนข้างหนึ่งที่มีหยดน้ำติดยื่นออกมาหยิบเสื้
“ไม่รู้ว่าเจ้ากำลังหาใคร? ข้าเดินทางมาเจียงหนาน พาคนมาด้วยไม่น้อย ไม่แน่อาจสามารถช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง”ฉู่เชียนหลีลังเลเล็กน้อยผู้มาเยือนคือแขก ยังไปรบกวนคนอื่นอีก รู้สึกเกรงใจจริงๆฮองเฮาหนานยวนเหมือนมองความคิดนางออก พลันยิ้มอย่างอ่อนโยน“พระชายาอ๋องเฉิน แคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉินมีความสัมพันธ์ทางการร่วมมือ เจ้าไม่ต้องเกรงใจ”“เห็นเจ้าใช้คนมากมายเช่นนี้ แถมยังปิดเมือง คนผู้นี้น่าจะสำคัญมากกระมัง ไม่ต้องลังเลแล้ว ทุกเวลามีค่า อย่าปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสหนี”มันก็จริงตามหาคนสำคัญกว่าฉู่เชียนหลีก็ไม่ลังเลอีก กล่าวตรงๆ “เป็นเด็กทารกที่เพิ่งคลอด เป็นลูกสาวของสาวใช้ข้า…”หลังจากฮองเฮาหนานยวนเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ ก็สั่งให้คนของตัวเองไปช่วยอีกแรงทันทีขณะเดียวกัน ก็เหลือบมองพระชายาอ๋องเฉินท่านนี้อีกหลายครั้งนางดีกับคนรับใช้เช่นนี้มาโดยตลอด?เป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่ง นางสามารถทำถึงขั้นปิดเมืองเลยมองออกได้ไม่ยากว่านางเป็นคนให้ความสำคัญกับมิตรภาพ ใครก็ตามที่อยู่ในสายตาของนาง ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น คนเช่นนี้ทำให้คนไว้ใจได้ง่าย ทำให้คนอยากเข้าหา อยากทำความรู้จักสมัยนี้ คนที่มีตำแหน่งมีอ
ต้องเป็นฝีมือเขาแน่!อวิ๋นอิงฝืนยันร่างกายที่อ่อนแรงขึ้น เดินไปข้างหน้าอย่างโซซัดโซเซสองสามก้าว เกือบหมดสติล้มลง“ฮูหยินน้อย!” หมอตำแยรีบเข้าไปประคองนาง “เลือดของเจ้ายังไม่หยุดไหลเลย ลงจากเตียงไม่ได้…”พูดไม่ทันจบ อวิ๋นอิงปัดมือหมอตำแยทิ้ง วิ่งออกไปข้างนอกอย่างสุดชีวิตไม่มีใครสามารถแย่งลูกสาวที่นางต้องแลกมาด้วยชีวิต!นางไม่มีพ่อแม่แล้ว สูญเสียคนที่รักที่สุด นางไม่เหลืออะไรแล้ว ลูกสาวเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่นางจะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปใครกล้าแย่งความหวังของนาง นางก็สู้ตายกับคนคนนั้น!หมอตำแยงไล่ตามไปถึงหน้าประตู มองดูนางวิ่งออกไปอย่างโซซัดโซเซ รู้สึกงงงวยไปหมด“เด็ก เด็ก…เด็กคนนี้มันอะไรกันแน่…แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น? รอก่อน! ยังไม่ได้จ่ายค่ารักษาเลยนะ!”“...”บนถนนชาวบ้านเห็นผู้หญิงที่มีเลือดเปื้อนตามร่างกายวิ่งล้มลุกคลุกคลาน คิดว่าเป็นคนบ้าที่มาจากไหนก็ไม่รู้ แต่ละคนตกใจจนพากันหลบ กลัวตัวเองจะติดความโชคร้ายอวิ๋นอิงเหนื่อยมาก ร่างกายถึงขีดจำกัดแล้ว ศีรษะหนักราวกับพันชั่ง ขาทั้งสองข้างล้าจนอ่อนไปหมดแล้ว อาศัยแค่ความแน่วแน่ ต่อให้คลานอย่างสุดชีวิตก็ต้องคลานไปให้ถึงทำเนีย
อวิ๋นอิงรีบปิดปากวิ่งหนี ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย ทุกวินาทีที่อยู่ในทำเนียบ รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองตัวเองอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะท้องเด็กคนนี้ยังไม่ทันเกิด ก็ตกไปอยู่ในแผนของผู้อื่นแล้วนางนอนไม่หลับทั้งคืนรอจนรุ่งสาง นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ถ้าหากฝืนยื้อ นางยื้อจิ่งอี้ไม่ไหว หลังจากคิดซ้ำๆ ทิ้งจดหมายไว้หนึ่งฉบับ จากไปเงียบๆ แล้วนางอยากไปจากเจียงหนานหาสถานที่ที่เงียบสงบและไม่มีใครรู้จักนาง คลอดเด็กคนนี้ออกมา และเลี้ยงดูเขาไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งทางโลก ไม่อยากสนใจอะไรทั้งสิ้น ไปอยู่สถานที่ใหม่ เริ่มต้นใหม่จากไปอย่างเร่งด่วน พกเพียงเงินมือข้างหนึ่งจับท้อง ฝีเท้าเร่งรีบ เตรียมไปเช่ารถม้าหนึ่งคัน แต่ตอนเดินไปถึงตรงหัวมุม ไม่ระวังถูกเด็กที่เล่นอยู่ตรงนั้นชนท้อง“ซี้ด!”ความเจ็บแล่นไปทั่วร่างมีกระแสอุ่นๆ สายหนึ่งไหลออกจากร่างกายช่วงล่างสีหน้าอวิ๋นอิงเปลี่ยนฉับพลัน มือจับเสื้อผ้าตรงท้องตามสัญชาตญาณ สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ตกวูบ เจ็บจนจับกำแพง ทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างเข่าอ่อนชาวบ้านที่เดินผ่านมาเห็น กล่าวด้วยความตกใจ“แม่นาง เจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง?”“ข้างล
เสียงของเขาทุ้มและเหนื่อยมาก ทั้งที่เพิ่งอายุยี่สิบหกปี แต่ดวงตาที่เต็มไปด้วยความผันผวน เหมือนชายชราใกล้ตายที่ผ่านอะไรมามากมาย นั่งอยู่บนบันได มองดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ลับขอบฟ้า รอคอยความตายที่จะมาถึงเฟิ่งหรานรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งความรัก เป็นสิ่งที่อันตรายจริงๆชาตินี้เขายอมไม่แตะต้องผู้หญิงเลย“เช่นนั้นก็ไปเถอะ” เขากล่าว “อวิ๋นอิงเกลียดเจ้า เจ้าฝืนอยู่ข้างกายนาง มีแต่จะคอยย้ำเตือนความเจ็บปวดที่นางเคยได้หลับ เกรงว่ามีแต่จะยิ่งเกลียดเจ้า”“พวกเรากลับแคว้นกันเถอะ”กลับแคว้นซีอวี้กลับไปในที่ที่ควรกลับ กลับไปทำสิ่งที่ควรทำ ลืม…คนที่ควรลืมเฟิ่งหรานกล่าว “บางทีไปจากนาง จึงจะสามารถทำให้นางสบายใจจริงๆ ชีวิตจึงจะนับว่าดีขึ้นจริงๆ เจ้าก็ควรกลับแคว้น ทวงคืนสิ่งที่เป็นของเจ้าคืนแล้ว”“ข้าไปหาพระชายา ขอให้นางช่วยรักษากล่องเสียงของเจ้า”“ไม่ต้องแล้ว” จิ่งอี้ปฏิเสธอย่างเรียบเฉยกล่องเสียงที่พังแล้ว เขาไม่อยากรักษายาพิษที่อวิ๋นอิงป้อนเองกับมือ มันหวานเหมือนน้ำผึ้ง ชาตินี้เขาจะไม่รักษา“อวิ๋นอิงเกลียดข้า ก็ให้พิษนี่อยู่ในร่างกายข้า ให้ความเกลียดของนางมีที่ระบาย เช่นนี้จึงจะสามารถทำใ
จิ่งอี้ค่อยๆ หลุบตาลง ความดีใจเมื่อครู่หายไป เหลือเพียงความเศร้าในแววตาของเขา…เขากล้าขอให้อวิ๋นอิงให้อภัยได้อย่างไร?เขาทำกับอวิ๋นอิงเช่นนั้น ทำร้ายนางเช่นนั้น เปลี่ยนเป็นเขา ก็ไม่มีทางให้อภัยตัวเองอวิ๋นอิงเกลียดเขา มันก็สมควรแล้วอวิ๋นอิงวางยาเขา ทำลายกล่องเสียงของเขา เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาเคยทำ มันต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเขาแค่สูญเสียกล่องเสียงแต่ความเจ็บปวดทางจิตใจและจิตวิญญาณที่อวิ๋นอิงได้รับ ไม่สามารถลบเลือนได้ทั้งชีวิต“เป็นความผิดของข้า ล้วนเป็นความผิดของข้า…”ไม่ว่าอวิ๋นอิงทำอะไร เขาก็พร้อมรับทุกอย่างนี่คือผลลัพธ์ที่เขาควรได้รับ“ไม่เป็นไร…สมควรแล้ว…อวิ๋นอิงทำถูก…ข้าไม่โทษนาง นางรังเกียจข้า นางเกลียดข้า นางอยากเอาชีวิตข้า ข้ารู้ ข้ารู้ทุกอย่าง…เฟิ่งหราน ข้าไม่เกลียดนาง จริงนะ…ข้า…”เสียงของเขาแข็งขึ้นเรื่อยๆ เบ้าตาก็แดงอย่างรวดเร็วมีหมอกปกคลุมพร่ามัวน้ำตาไหลออกมาพลันเฟิ่งหรานแน่นหน้าอกรู้จักกันนานเช่นนี้ เคยเห็นจิ่งอี้หลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียวตั้งแต่เมื่อไร? ถูกพ่อแท้ๆ ทิ้ง เขาไม่ร้องไห้ จางเฟยตา เขาก็ไม่ร้องไห้ตอนนี้ เวลานี้ น้ำตาตกเหมือนสายฝน!ผู้ชา
“อ๋อ อวิ๋นอิง”เฟิ่งหรานรู้ว่าเขาเป็นห่วง จึงกล่าวโดยไม่อ้อมค้อมแล้ว“เดิมทีนางหนูนั่นเกลียดเจ้ามาก พูดอะไรก็ไม่ยอมให้อภัยเจ้า แต่ข้าพบว่าเมื่อคืนนางแอบมาเยี่ยมเจ้า ตอนที่จากไป ตาแดงเหมือนเคยร้องไห้”อวิ๋นอิงเอาหน้า ดังนั้นจึงแอบมาตอนกลางคืนเขาหยอกล้อด้วยรอยยิ้ม“ข้าว่าแปดส่วนพวกเจ้าไปกันรอด”“นี่ก็ถือว่าเจ้ายอมเสียสละชีวิต ใช้ความรักของตัวเองทำให้นางหวั่นไหว ตอนนี้ก็ใกล้จะคลอดแล้ว ถ้าหากพวกเจ้าสามารถคืนดีกันได้ เมื่อเด็กคนนี้เกิดมา พ่อเอ็นดู แม่รักใคร่ ไม่ต้องพูดถึงว่ามีความสุขเพียงใดแล้ว”“จึงมอบครอบครัวที่สมบูรณ์ให้เด็ก อย่าให้เด็กเดินตามรอยพวกเรา…”พวกเขาล้วนเป็นคนโชคร้าย รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดของครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์อย่าปล่อยให้ความโชคร้ายของตัวเอง ต้องไปเกิดขึ้นกับเด็กมีประกายความตื่นเต้นฉายในแววตาจิ่งอี้นางมาเยี่ยมเขาแล้ว!ในที่สุดนางก็ยอมให้อภัยเขาแล้วหรือ!เขาตื่นเต้นจนไม่สามารถระงับอารมณ์ ดึงผ้าห่มออกก็จะลุกขึ้นเฟิ่งหรานรีบกดเขาไว้ “เจ้าเพิ่งฟื้น ร่างกายยังอ่อนแอมาก อย่าขยับส่งเดช เจ้าอยากตายหรือ?”จิ่งอี้กล่าว “ดี ใจ…”เสียงยังคงแหบแห้ง “ต่อให้ดีใจ ก็ไม
ช้อนแล้วช้อนแล้ว กระทั่งเห็นก้นถ้วยหลังจากป้อนหมดแล้ว อวิ๋นอิงวางถ้วยยา เช็ดมุมปากของเขา ตอนที่นิ้วสัมผัสโดนผิวหนัง เย็นเหมือนน้ำแข็ง…นี่ไม่ใช่อุณหภูมิร่างกายของคนปกติบางทีเขาอาจจะไม่มีวันฟื้นแล้วจริงๆรู้สึกแสบจมูกเล็กน้อย“เพราะเหตุใดเจ้าต้องใช้เลือดหัวใจของตัวเอง เลี้ยงกู่แพทย์เพื่อข้า? เพราะเหตุใดต้องดื่มยาพิษขวดนั้น ความเป็นความตายของข้าเกี่ยวอะไรกับเจ้า? ทั้งๆ ที่เจ้าไม่ต้องทำเช่นนั้น”“ความโอ่อ่าในอดีตของเจ้าล่ะ? ความเฉียบคมของเจ้าล่ะ? ความแข็งแกร่งของเจ้าล่ะ? ความเด็ดขาดที่หนึ่งหนึ่งไม่เป็นสองของเจ้าล่ะ? ถ้าหากข้าตายแล้ว ก็เป็นไปตามที่เจ้าต้องการไม่ใช่หรือ? เหตุใดเจ้าต้องสนใจข้า?”“จิ่งอี้ ถ้าหากเจ้ายังทำกับข้าเหมือนเมื่อก่อน ข้าจะเกลียดเจ้าไปตลอดชีวิตจริงๆ เกลียดเจ้าจนตาย แต่ต่อมาเจ้าเปลี่ยนไปแล้ว…”“พอเจ้าดีกับข้า ข้าก็…ใจอ่อนแล้ว…”อวิ๋นอิงหลุบตา พูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่แข็งเล็กน้อยตัวตนของนาง เป็นเด็กผู้หญิงที่ไร้เดียงสาและตรงไปตรงมา!ใครดีกับนาง นางก็ดีกับคนนั้นท้องใกล้จะเก้าเดือนแล้ว อีกประมาณครึ่งเดือนก็น่าจะคลอดแล้ว นางไม่สามารถลบเลือนความจริงที่จิ่งอี้เ