เนื่องจากอาการบาดเจ็บภายในของฉู่เชียนหลีสาหัสมาก ประกอบกับเรื่องเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน กลิ้งตกบันไดสามขั้นอย่างไม่ระวัง หัวทิ่มลงไปในน้ำพรวด!ละอองน้ำที่สาดกระเซ็นสูงขึ้นมาบนฝั่ง จึงดึงดูดความสนใจของชาวบ้านจำนวนไม่น้อย“มีคนตกน้ำ?”“รีบช่วยคน...”ชาวบ้านบริเวณรอบ ๆ ยังไม่ทันวิ่งเข้าไป เงาดำทะมึนร่างหนึ่งก็กระโจนลงไปในน้ำอย่างรีบร้อน“คุณหนู!”เซียวจือฮว่ายืนอยู่ริมฝั่ง จ้องมองทั้งสองคนที่กำลังดิ้นรนอยู่ในน้ำ มุมปากยกขึ้นฉายแววความชั่วร้ายแวบหนึ่งทันใดนั้น อ้าปากพูดเสียงดัง“พระชายาอ๋องเฉิน เหตุใดท่านจึงอยู่กับชายอื่น!”เสียงดังที่จงใจตะโกนขึ้นดังกระจาย ลอยเข้าไปในหูของทุกคนอย่างชัดเจน ทำให้ทุกคนตกตะลึงพร้อมเพรียงกัน เบิกดวงตากว้าง พากันมองไปที่กลางน้ำพระชายาอ๋องเฉิน?ผู้ชายอื่น?แต่น้ำที่สาดกระเซ็น ทำให้มองใบหน้าของคนทั้งสองได้ไม่ชัดเจนเลยสักนิดแต่ธรรมชาติของมนุษย์ก็คือการนินทา ไม่ว่าคำพูดประโยคนี้จะจริงหรือเท็จ พวกเขาก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา“เป็นพระชายาอ๋องเฉินงั้นหรือ?”“ไม่ใช่หรอกน่า? ได้เป็นถึงพระชายาแล้วยังไม่พอใจอีกหรือ? ยังยั่วยวนผู้ชายอื่นอีกหรือ? หรือว่า
ใบหน้าเล็กขนาดเท่าฝ่ามืองามจนน่าเหลือเชื่อ คิ้วเข้มราวกับน้ำหมึก ดวงตาหงส์เปล่งประกายราวกับดวงดาว สะอาดสว่างไสว ริมฝีปากเล็กที่ราวกับกลีบดอกท้อเผยอออกเล็กน้อย เครื่องหน้าอันแสนประณีต ราวกับถูกแกะสลักขึ้นอย่างตั้งใจ ผิวพรรณราวกับไข่ไก่ที่ปอกเปลือกแล้ว ไม่มีตำหนิเลยแม้แต่น้อยหยดน้ำเล็ก ๆ ที่ติดอยู่บนใบหน้าของนาง บนขนตา บนเส้นผม ลำคอ และผิวหนัง เสื้อผ้าที่เปียกปอนแนบสนิทกับตัว ส่วนเว้นโค้งของเรือนร่างที่สมบูรณ์แบบร่างกายอันบอบบางขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ลมพัดผ่านมา หนาวจนตัวสั่นเล็กน้อย สีหน้าที่ซีดเซียวเล็กน้อยมากพอที่จะกระตุ้นความปรารถนาที่จะปกป้องของบุรุษงดงาม!ความงามของร่างกายที่เปียกปอน งามจนน่าเหลือเชื่อ ทั้งยั่วยวนทั้งสวยสุดยอด!จิ่งอี้ถอดเสื้อคลุมด้านนอกของตนเองออก คลุมเรือนร่างอันงดงามเอาไว้ เพียงแค่สบตากับหญิงสาวทีหนึ่ง ก็เข้าใจความหมายของนางดึงนางเข้ามากอด เงยหน้าขึ้น จ้องเซียวจือฮว่าและถามเสียงเย็นชา“ฮูหยินของข้าไม่เคยมีความแค้นอะไรกับท่าน ไม่มีญาติมิตร เหตุใดท่านจึงต้องผลักนางตกน้ำด้วย!”เซียวจือฮว่าเบิกตากว้างเป็นไปไม่ได้!ฉู่เชียนหลีล่ะ?!เมื่อหลายวัน
เซียวจือฮว่าล้มลงบนพื้น แก้มเจ็บจนรู้สึกชา ในแก้วหูเสียงดังวิ้ง ๆ ทันที ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ยินเสียงบริเวณรอบ ๆ ไม่ชัดเจนเนื่องจากหูอื้อและเวียนศีรษะนาง...ถูกตบ...เฟิงเย่เสวียนสะบัดแขนเสื้ออย่างเย็นชา เดินข้ามเซียวจือฮว่าที่อยู่บนพื้น เดินไปที่ตรงหน้าของจิ่งอี้ ดวงตาดำขลับอันล้ำลึกมองสำรวจเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า จากซ้ายไปขวาทุกซอกทุกมุมสายตาหยุดมองที่มือของจิ่งอี้ที่กำลังกอดหญิงสาวเอาไว้ สายตาอันคมกริบจนจ้องเขม็งจนแทบจะทะลุแต่เขาไม่แสดงสีหน้าอารมณ์ใด ๆ ไม่พูดจา สีหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเช่นเคย บรรยากาศรอบตัวอึมครึมเหมือนเช่นเคย จ้องจิ่งอี้ ราวกับคนแปลกหน้าที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรคนหนึ่งจิ่งอี้กลับรู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลัง ความหนาวเย็นแทรกซึมเข้าไปในรูขุมขน ลงลึกเข้าไปถึงปอด แม้แต่การหายใจยังอึดอัดผ่านไปครู่ใหญ่ชายหนุ่มยิ้ม “พระชายารองเซียวไม่รู้ความ ทำให้จวนอ๋องเฉินขายหน้า ข้าจะลงโทษนางด้วยตนเอง เพื่อเป็นการแสดงความขอโทษ ขอเชิญทั้งสองท่านไปที่จวนอ๋องเฉิน”เขายกมือขึ้น ยื่นไปทางหญิงสาว“ข้าขออภัยด้วยตนเอง”เขาจ้องตรงไปยังหญิงสาว ราวกับมองทะลุเรื่องทุกอย่าง ทั้งราวกับ
โรงหมอจิ่งอี้อุ้มฉู่เชียนหลีกลับมาอย่างรวดเร็ว คนอื่นเห็นว่าสถานการณ์ผิดปกติ จึงพากันล้อมเข้ามา“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”“คุณหนูเป็นอะไร?”“ใครรังแกคุณหนู!”เปียกปอนไปทั้งตัว สีหน้าซีดขาว ท่าทางทั้งผอมทั้งอ่อนแอ ทำให้ชายฉกรรจ์ทั้งหลายสงสารเป็นอย่างมาก แต่ละคนถูมือไปมาท่าทางอยากจะแก้แค้นจิ่งอี้กล่าวอย่างรวบรัด“เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ไม่เป็นอะไร จางเฟย เจ้ารีบไปต้มยาขับความเย็นมาหน่อย หยางชี ไปซื้อเสื้อผ้าสะอาดของสตรีมาหนึ่งชุด”“จิ่งอี้ เจ้ากับคุณหนูเป็นชายหญิงที่ไม่สนิทชิดเชื้อกัน ข้าจะช่วยเปลี่ยนเสื้อให้คุณหนูเอง!”มีคนหนึ่งอาสาตัวเองเขาสวมเสื้อผ้าลายดอกไม้ ทาแป้งที่ใบหน้า สวมเครื่องประดับ รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น แต่งหน้าได้สวยงามเสียยิ่งกว่าสตรีหลายเท่า น้ำเสียงแหบแห้งที่เย้ายวน เกรงว่าแม้แต่ผู้หญิงได้เจอเขาก็ยังต้องละอายแค่หน้าอกเรียบไปหน่อยเท่านั้นจางขาเป๋ “เฟิ่งหรานเจ้าก็เป็นผู้ชายไม่ใช่หรือ?”ชายหนุ่มที่มีนามว่าเฟิ่งหรานกรีดนิ้ว ยิ้มหวาน“แต่หัวใจของข้าเป็นผู้หญิง”ทุกคน “...”ก็แค่อยากจะเอาเปรียบคุณหนูถุย!ดังนั้นทุกคนต่างก็ถกเถียงกันขึ้นมา เสียงดังโวยวายฉู่เ
เนื่องจากเพิ่งเป็นเคล็ดวิชาเหมันต์ใหม่ ๆ ฉู่เชียนหลีสนใจเป็นอย่างมาก จึงฝึกฝน ทดลองไม่หยุดสิบครั้งมีเพียงหนึ่งครั้งที่ทำสำเร็จแต่ก็พอใจมากแล้วการฝึกฝนครั้งนี้ ฝึกจนลืมเวลาไป ฝึกจนถึงยามไฮ่จึงนึกขึ้นได้ว่าต้องกลับจวนอ๋องเฉิน จึงต้องระงับความสนใจเอาไว้ก่อน แล้วกลับจวนจวนอ๋องเฉินยามค่ำคืน ความมืดยามราตรีราวกับน้ำ ในจวนเงียบสงบมาก บรรดาคนใช้ต่างพักผ่อนกันหมดแล้ว มีเพียงองครักษ์ที่ยังคงเฝ้าอารักขาทั้งวันทั้งคืนเรือนข้าง เต็มไปด้วยความมืด ไม่มีแสงเทียน มืดสนิท“เยว่เอ๋อร์?”ฉู่เชียนหลีกวาดสายตามองไป มืดมากเสียจนนางทำได้แค่อาศัยแสงจันทร์เพื่อคลำทางเท่านั้นเมื่อก่อน ไม่ว่านางจะออกจวนไปนานขนาดไหน ไปที่ไหน ตอนกลับมา เยว่เอ๋อร์มักจะเป็นคนแรกที่วิ่งเข้ามาด้วยความดีใจวันนี้เยว่เอ๋อร์เข้านอนก่อนแล้วหรือ?“เจ้าดำน้อย?” นางหันหน้าไปมอง ไม่มีความเคลื่อนไหวของเจ้าดำน้อยเช่นกันหลับไปแล้วทั้งสองคน?นางเกาหัวอย่างสงสัย รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกประหลาด ผลักประตูห้องออก ทันทีที่ก้าวเข้าไปด้านใน ก็ถูกฝ่ามือใหญ่ที่เย็นยะเยือกมือหนึ่งลากเข้าไป“ว้าย!”นางตกใจเพราะไม่ได้ป้องกันตัวชักมือกล
ซี้ด...ดวงตาของฉู่เชียนหลีเบิกขึ้นเล็กน้อย ทันทีที่ล้มลงบนเตียง ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นมา ก็ถูกร่างหนักร่างหนึ่งทับเอาไว้ ลมหายใจที่หนักหน่วงและรุนแรงบนตัวของชายหนุ่มค่อย ๆ คืบคลานเข้ามา กลืนกินนางท่ามกลางความมืดมิดฝ่ามือใหญ่ที่เย็นยะเยือกคว้าเสื้อผ้าของนางเอาไว้ แล้วยกมือฉีกออกเป็นชิ้น ๆแคว่ก!“ท่านทำอะไร!”ฉู่เชียนหลีมือข้างหนึ่งกุมหน้าอก มือข้างหนึ่งผลักเขา “เฟิงเย่เสวียน ข้าไม่ได้ยั่วโมโหท่านเลยนะ ข้าแทบจะวิ่งวุ่นอยู่กับเรื่องที่รัชทายาทโดนลอบสังหารทั้งวัน ข้าทำให้ท่านไม่พอใจตรงไหน!”วิ่งวุ่นทั้งวัน?ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันนี้ จนกระทั่งตอนนี้ เป็นเวลาสี่ชั่วยามเต็ม ๆ นางอยู่กับผู้ชายคนนั้น ยังเปลี่ยนเสื้อผ้า นี่คือสิ่งที่นางพูดว่ายุ่งทั้งวันงั้นหรือ?นางไม่พูดความจริงกับเขา ยังพูดจาโกหกเขาอีก!“ทำไม!” เขาจับข้อมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้ กดลงบนหมอน แล้วทับตัวลงไปทำไมจึงต้องหลอกเขา?ทำไมจึงต้องซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดของชายอื่น ต่อหน้าเขา?“บอกข้ามา ว่าทำไม!”ท่ามกลางความมืด น้ำเสียงทุ้มต่ำของชายหนึ่งราวกับเสียงคำรามของสัตว์ป่า ดวงตาทั้งสองข้างเปล่งประกายแสงอันน่าสะพรึงกลัว“ใ
เสียงดังสนั่น โต๊ะหักออกเป็นสองท่อน เสียงสะเทือนเลือนลั่นทำลายความเงียบสงบยามค่ำคืน ดังก้องไปทั่วความมืดมิดยามราตรีเสียงแหลมแสบแก้วหูท่ามกลางความมืด เขาเหมือนกับหมาป่าในยามราตรีที่สามารถปรับตัวได้โดยธรรมชาติ สามารถจับตำแหน่งของนางได้อย่างแม่นยำ และรีบพุ่งตัวเข้าไปหานาง“ห้ามหนี!”ฉู่เชียนหลีไม่มีทางหยุดแน่นอน วิ่งคลำทางมั่ว ชนสิ่งของล้มระเนระนาดไม่น้อย“เฟิงเย่เสวียน ท่านมันคนบ้า ข้าทนไม่ไหวกับท่านแล้ว ข้าจะหย่ากับท่าน!”“ข้าไม่ยอม!”ภายในพริบตาเดียว ชายหนุ่มราวกับถูกกระตุ้นความโกรธ เพลิงโทสะครอบคลุมไปทั่วทั้งตัว วิ่งไปจับตัวหญิงสาวฉู่เชียนหลีหลบหนีไม่หยุดภายในห้องมีที่ว่างจำกัด ทั้งสองคนวิ่งไล่จับกัน วิ่งหลบซ่อนกัน ชนสิ่งของล้มไปมากมาย กลายเป็นผุยผงในมือของชายหนุ่มเขาบ้าไปแล้ว!เหยียบโต๊ะจนแหลกละเอียด ต่อยกำแพงจนแตก กระจกสัมฤทธิ์ก็ถูกทุบจนแตก เหมือนกับสัตว์ร้ายบ้าคลั่งที่ไล่จับนางนางยิ่งหนี แรงกระตุ้นที่เขาได้รับก็ยิ่งมาก ดวงตาทั้งสองข้างก็ยิ่งแดงก่ำขึ้นเรื่อย ๆ เพล้ง!ตู้ม!โครม!กล่องตู้ล้มคว่ำ ถูกทำลายจนหมดสิ้นฉู่เชียนหลีฉวยโอกาสวิ่งไปทางประตู เปิดประตูออ
ทันใดนั้น นางเหมือนกับว่าเข้าใจอะไรบางอย่างเมื่อเชื่อมเข้ากับความผิดปกติของเฟิงเย่เสวียนในคืนนี้...เขารู้โฉมหน้าที่แท้จริงของนางแล้ว ตอนที่กำลังโต้เถียงกับเซียวจือฮว่าเมื่อตอนกลางวัน นางกับจิ่งอี้ไปแล้ว เขาอาจจะโมโหเพราะเรื่องนี้แต่นางกับจิ่งอี้บริสุทธิ์ใจต่อกัน ไม่ได้ทำเรื่องที่ขัดต่อกฎระเบียบเลยแม้แต่น้อย เขาปรักปรำนางโดยไม่ถามเหตุผล เข้าใจนางผิด ถึงขนาดไม่ให้แม้กระทั่งโอกาสนางที่จะอธิบายที่แท้...เขาไม่เชื่อใจนางเลยสักนิดเหนื่อยมากเหนื่อยมากจริง ๆฉู่เชียนหลีค่อย ๆ ย่อตัวลงไป นั่งลงบนขั้นบันได เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นมากมายหลังจากที่ข้ามมิติมา ทั้งเสียใจ ทั้งดีใจ ทั้งตื่นเต้น ทั้งมีความสุข...นางกับเขาผ่านเรื่องราวมากมายมาด้วยกัน แต่ไม่มีแม้กระทั่งความเชื่อใจที่พื้นฐานที่สุด ชีวิตแบบนี้ยังจะมีความหมายอะไรอีก?ไม่สู้รีบปล่อยมือ ต่างคนต่างจะได้สมหวังเฟิงเย่เสวียน คำที่นายเคยพูดว่าต่อให้ต้องทรยศคนทั้งโลก ก็จะไม่ทรยศฉันทั้งหมดเป็นคำหลอกลวง นายไม่เชื่อฉัน ฉันก็ย่อมไม่รักนายคนที่พูดว่าจะปกป้องฉันคือนาย คนที่ทำร้ายฉันก็คือนายแต่...ในขณะที่ฉู่เชียนหลีกำลังคิดเรื่อง