ซี้ด...ดวงตาของฉู่เชียนหลีเบิกขึ้นเล็กน้อย ทันทีที่ล้มลงบนเตียง ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นมา ก็ถูกร่างหนักร่างหนึ่งทับเอาไว้ ลมหายใจที่หนักหน่วงและรุนแรงบนตัวของชายหนุ่มค่อย ๆ คืบคลานเข้ามา กลืนกินนางท่ามกลางความมืดมิดฝ่ามือใหญ่ที่เย็นยะเยือกคว้าเสื้อผ้าของนางเอาไว้ แล้วยกมือฉีกออกเป็นชิ้น ๆแคว่ก!“ท่านทำอะไร!”ฉู่เชียนหลีมือข้างหนึ่งกุมหน้าอก มือข้างหนึ่งผลักเขา “เฟิงเย่เสวียน ข้าไม่ได้ยั่วโมโหท่านเลยนะ ข้าแทบจะวิ่งวุ่นอยู่กับเรื่องที่รัชทายาทโดนลอบสังหารทั้งวัน ข้าทำให้ท่านไม่พอใจตรงไหน!”วิ่งวุ่นทั้งวัน?ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันนี้ จนกระทั่งตอนนี้ เป็นเวลาสี่ชั่วยามเต็ม ๆ นางอยู่กับผู้ชายคนนั้น ยังเปลี่ยนเสื้อผ้า นี่คือสิ่งที่นางพูดว่ายุ่งทั้งวันงั้นหรือ?นางไม่พูดความจริงกับเขา ยังพูดจาโกหกเขาอีก!“ทำไม!” เขาจับข้อมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้ กดลงบนหมอน แล้วทับตัวลงไปทำไมจึงต้องหลอกเขา?ทำไมจึงต้องซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดของชายอื่น ต่อหน้าเขา?“บอกข้ามา ว่าทำไม!”ท่ามกลางความมืด น้ำเสียงทุ้มต่ำของชายหนึ่งราวกับเสียงคำรามของสัตว์ป่า ดวงตาทั้งสองข้างเปล่งประกายแสงอันน่าสะพรึงกลัว“ใ
เสียงดังสนั่น โต๊ะหักออกเป็นสองท่อน เสียงสะเทือนเลือนลั่นทำลายความเงียบสงบยามค่ำคืน ดังก้องไปทั่วความมืดมิดยามราตรีเสียงแหลมแสบแก้วหูท่ามกลางความมืด เขาเหมือนกับหมาป่าในยามราตรีที่สามารถปรับตัวได้โดยธรรมชาติ สามารถจับตำแหน่งของนางได้อย่างแม่นยำ และรีบพุ่งตัวเข้าไปหานาง“ห้ามหนี!”ฉู่เชียนหลีไม่มีทางหยุดแน่นอน วิ่งคลำทางมั่ว ชนสิ่งของล้มระเนระนาดไม่น้อย“เฟิงเย่เสวียน ท่านมันคนบ้า ข้าทนไม่ไหวกับท่านแล้ว ข้าจะหย่ากับท่าน!”“ข้าไม่ยอม!”ภายในพริบตาเดียว ชายหนุ่มราวกับถูกกระตุ้นความโกรธ เพลิงโทสะครอบคลุมไปทั่วทั้งตัว วิ่งไปจับตัวหญิงสาวฉู่เชียนหลีหลบหนีไม่หยุดภายในห้องมีที่ว่างจำกัด ทั้งสองคนวิ่งไล่จับกัน วิ่งหลบซ่อนกัน ชนสิ่งของล้มไปมากมาย กลายเป็นผุยผงในมือของชายหนุ่มเขาบ้าไปแล้ว!เหยียบโต๊ะจนแหลกละเอียด ต่อยกำแพงจนแตก กระจกสัมฤทธิ์ก็ถูกทุบจนแตก เหมือนกับสัตว์ร้ายบ้าคลั่งที่ไล่จับนางนางยิ่งหนี แรงกระตุ้นที่เขาได้รับก็ยิ่งมาก ดวงตาทั้งสองข้างก็ยิ่งแดงก่ำขึ้นเรื่อย ๆ เพล้ง!ตู้ม!โครม!กล่องตู้ล้มคว่ำ ถูกทำลายจนหมดสิ้นฉู่เชียนหลีฉวยโอกาสวิ่งไปทางประตู เปิดประตูออ
ทันใดนั้น นางเหมือนกับว่าเข้าใจอะไรบางอย่างเมื่อเชื่อมเข้ากับความผิดปกติของเฟิงเย่เสวียนในคืนนี้...เขารู้โฉมหน้าที่แท้จริงของนางแล้ว ตอนที่กำลังโต้เถียงกับเซียวจือฮว่าเมื่อตอนกลางวัน นางกับจิ่งอี้ไปแล้ว เขาอาจจะโมโหเพราะเรื่องนี้แต่นางกับจิ่งอี้บริสุทธิ์ใจต่อกัน ไม่ได้ทำเรื่องที่ขัดต่อกฎระเบียบเลยแม้แต่น้อย เขาปรักปรำนางโดยไม่ถามเหตุผล เข้าใจนางผิด ถึงขนาดไม่ให้แม้กระทั่งโอกาสนางที่จะอธิบายที่แท้...เขาไม่เชื่อใจนางเลยสักนิดเหนื่อยมากเหนื่อยมากจริง ๆฉู่เชียนหลีค่อย ๆ ย่อตัวลงไป นั่งลงบนขั้นบันได เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นมากมายหลังจากที่ข้ามมิติมา ทั้งเสียใจ ทั้งดีใจ ทั้งตื่นเต้น ทั้งมีความสุข...นางกับเขาผ่านเรื่องราวมากมายมาด้วยกัน แต่ไม่มีแม้กระทั่งความเชื่อใจที่พื้นฐานที่สุด ชีวิตแบบนี้ยังจะมีความหมายอะไรอีก?ไม่สู้รีบปล่อยมือ ต่างคนต่างจะได้สมหวังเฟิงเย่เสวียน คำที่นายเคยพูดว่าต่อให้ต้องทรยศคนทั้งโลก ก็จะไม่ทรยศฉันทั้งหมดเป็นคำหลอกลวง นายไม่เชื่อฉัน ฉันก็ย่อมไม่รักนายคนที่พูดว่าจะปกป้องฉันคือนาย คนที่ทำร้ายฉันก็คือนายแต่...ในขณะที่ฉู่เชียนหลีกำลังคิดเรื่อง
ฉู่เชียนหลีจับจุดอ่อนของรัชทายาทได้ไม่ง่าย ย่อมไม่มีทางรามือ เมตตาศัตรู ก็คือการขุดหลุมฝังตัวเองนางสางปอยผมที่อยู่ข้างหู กล่าวพร้อมรอยยิ้มจอมปลอม“คำพูดประโยคนี้ของพี่ใหญ่หมายความว่าอย่างไร? เหตุใดข้าจึงไม่เข้าใจ?”แสร้งโง่ไปเสียเลย “ได้ข่าวว่ารัชทายาทประสบกับการลอบสังหาร อ๋องเฉินอำมหิตจริง ๆ ข้ากำลังกังวลว่าควรจะทำอย่างไรดี เหตุจึงกลายเป็นข้าต้องปล่อยรัชทายาทไปสักครั้ง? ข้ายังอยากจะขอร้องรัชทายาทให้โปรดเห็นใจ แล้วปล่อยอ๋องเฉินไป”ดวงตาหงส์ของฉู่หงหลวนหรี่ลงเล็กน้อย มองสำรวจคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างลึกซึ้งยัยเด็กคนนี้ ตอนอยู่จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่แกล้งบ้าแสร้งโง่มาสิบห้าปี เสแสร้งได้เหมือนจริง ๆ ปิดบังทุกคนได้ แต่ความเป็นจริงกลับมีจิตใจล้ำลึกที่สุด กลับกลอกที่สุดคนหนึ่งแต่ฉู่เชียนหลีเป็นพระชายาอ๋องเฉินของฉู่เชียนหลีไป ส่วนนางก็มุ่งหน้าสู่ตำแหน่งฮองเฮาของนางระหว่างนางกับฉู่เชียนหลีไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกัน“น้องสาว เจ้าเป็นคนฉลาด ฉลาดกว่าฉู่ซวงกับฉู่เจียวเจียว” นางค่อย ๆ เดินมาหานาง ที่ข้างหูของนาง กระซิบพร้อมรอยยิ้มล้ำลึก“แต่ว่าคนที่ฉลาดขนาดนี้ กลับไม่รู้แม้กระทั่งว่าแม่แท้ ๆ ข
เสียงออกคำสั่ง ให้ทุกคนไปตามหาตัวของพระชายาคนใช้ องครักษ์ องครักษ์ลับ...เคลื่อนทัพเต็มอัตรา ตอนที่กำลังจะทำการค้นหาครั้งใหญ่ ด้านนอกจวน ก็มีร่างบางเดินเข้ามาช้า ๆ “พระชายา? !”“เป็นพระชายา!”ทุกคนต่างดีใจ มีทั้งเข้ามาต้อนรับ มีทั้งไปรายงาน คนใช้วิ่งเข้าไปที่เรือนหานเฟิง“ท่านอ๋อง พระชายากลับมาแล้ว!”บนเตียง เมื่อชายหนุ่มได้ยินดังนั้น ก็รีบสลัดผ้าห่มลุกขึ้นนั่งทันทีหานอิ๋งเป็นห่วง “นายท่าน ยา...”“ทิ้งไป!”“แต่ว่า...”ไม่ทันพูดมาก เฟิงเย่เสวียนแย่งชามยาในมือของนาง รีบเดินไปที่หน้าต่าง นำทั้งหมดเทลงในกระถางต้นไม้ โยนชามทิ้งทันที แล้วเดินไปทางประตูอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคยของหญิงสาว ดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที“เชียนหลี!”หานอิ๋งเห็นดังนั้น สีหน้าจึงอึมครึมเล็กน้อย ดูไม่ดีเท่าไหร่เพื่อพระชายา นายท่านยอมไม่กินแม้กระทั่งยา วัตถุดิบยาหายากราคาสูงลิ่ว อีกทั้งสามารถระงับมารของเขาได้ หรือว่าสุขภาพของตนเองไม่สำคัญเท่ากับฉู่เชียนหลีด้านนอกฉู่เชียนหลีเดินเข้ามากวาดสายตามองการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่‘การเคลื่อนทัพเต็มอัตรา’ เดินเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าสงบ “ตามหาข้าทำไม
“เชียนหลี…”“ข้าไม่ได้โกรธ” ฉู่เชียนหลีขัดคำพูดของเขา การแสดงออกบนใบหน้าเรียบเฉย “เป็นข้าเองที่ไม่ได้อธิบายให้ชัดเจนจึงทำให้เกิดความเข้าใจผิด อย่าว่าแต่ท่านเลย เปลี่ยนเป็นผู้ชายคนอื่นเจอเรื่องเช่นนี้ ก็ต้องคิดมากเช่นกัน”เมื่อคืนเขาเค้นถามเหมือนบ้าไปแล้ว นางไม่อยากสืบสาวราวเรื่องแล้วเรื่องที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ“เจ้าโกรธ!”สายตาเฟิงเย่เสวียนจ้องดวงตาของนาง ราวกับสามารถมองทะลุอารมณ์ที่แท้จริงในใจของนางผ่านดวงตา“โกรธที่ข้าควบคุมตัวเองไม่ได้ โกรธที่ข้ามักจะทำร้ายเจ้าเช่นนี้เสมอ โกรธที่เวลาข้าไม่พอใจ ก็จะบีบคั้นเจ้า”เขารู้ เมื่อก่อนเขาก็มักจะเป็นเช่นนี้ ทุกครั้งคนที่ถูกทำร้ายก็คือนางเขาสำนึกผิดแล้วเขาจะปรับปรุงตัว“ครั้งหน้าข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้ว ต่อไปเจอปัญหาอะไร พวกเรานั่งคุยกันอย่างสงบจิตสงบใจดีๆ จะไม่ทะเลาะกันอีก ไม่เป็นขัดแย้งกันอีก ดีหรือไม่?” เขานั่งยองลง เงยหน้ามองนาง น้ำเสียงระมัดระวัง เหมือนกำลังปลอบใจเด็กที่กำลังโกรธฉู่เชียนหลีมองเขาอย่างลึกซึ้ง เหมือนมีอะไรไหลเวียนอยู่ในแววตา…เพียงแต่แค่พริบตาเดียว สีหน้านิ่งสงบ หลุบตาลง“นี่เป็นนิสัยของท่าน ทุ
ฉู่เชียนหลีมองดูภาพระเนระนาดภายในห้องโดยไม่ได้พูดอะไรผ่านไปสักพักนางหมุนกายหยิบของบางอย่างออกจากแขนเสื้อ แล้วส่งให้เฟิงเย่เสวียน“นี่คือ…”“หลักฐานการจ่ายเงินของจวนรัชทายาท” วางไว้ในมือของเขา “รัชทายาทติดสินบนใต้เท้าเว่ย ซื้อยาพิษ วางยาพระชายารองเว่ย เขากำกับแสดงละครลอบสังหารตัวเอง”หลักฐานการจ่ายเงินนี่ก็คือหลักฐานขอแค่ส่งมันให้ฮ่องเต้ ความจริงกระจ่าง และยังสามารถโจมตีรัชทายาทอย่างหนักรัชทายาทขัดขาอ๋องเฉินทุกที่ทุกเวลา ลงมืออำมหิต ไร้ความปรานี หากนางเป็นอ๋องเฉิน จะ ‘คืน’ ทั้งหมดนี้กลับไปให้รัชทายาทอย่างไม่เกรงใจเฟิงเย่เสวียนถือหลักฐานการจ่ายเงินที่บางเบาไว้ กางนิ้วมือออก มองเห็นชื่อเฉียนจวง ตัวเลขจำนวนเงิน และวันที่ออกตั๋วกับรายละเอียดอื่นๆ อย่างชัดเจนหลักฐานการจ่ายเงินใบนี้สามารถล้มรัชทายาทได้จริง นางสืบมาถึงตรงนี้ เก่งเกินคาดแล้วทันใดนั้น เสียงของฉู่เชียนหลีดังขึ้น“ข้าคิดว่าจะกลับไปอยู่บ้านแม่สักพัก”ร่างกายของเฟิงเย่เสวียนสั่นสะท้าน เงยหน้าอย่างตะลึงงัน มองดูนาง หลักฐานการจ่ายเงินระหว่างนิ้วหลุดออกจากมือด้วยความตกใจ ร่วงลงสู่พื้นอย่างเงียบๆนาง…สีหน้าปกติ น
ผู้ชายกลุ่มหนึ่งโผล่ศีรษะออกมา เบียดกันไปเบียดกันมา ท่าทางที่จุ้นเรื่องชาวบ้านแลดูผู้หญิงยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีกแค่ก!จิ่งอี้กำหมัดกระแอมเสียงเบากะทันหัน เตือนให้คนกลุ่มนี้รีบแยกย้าย ส่วนเขายกเท้าเดินเข้าไปในลานเรือน ไปหยุดอยู่ข้างกายฉู่เชียนหลี กล่าวเสียงเบา“คุณหนู นัดพระชายารองฉู่ออกมาแล้วขอรับ”ฉู่เชียนหลีลืมตา “เร็วขนาดนี้เลย?”นางลุกขึ้นนั่ง นวดกลางหว่างคิ้วอย่างเหนื่อยล้าเบาๆ ตากแดดเป็นเวลานาน คิดเรื่องราวมากมาย ทำให้รู้สึกวิงเวียนศีรษะตั้งสติครู่หนึ่ง จึงจะลุกขึ้นยืน “จิ่งอี้ ตามข้าออกไปข้างนอกหน่อย เยว่เอ๋อร์ เจ้ากับเจ้าดำอยู่ที่นี่ ข้าจะรีบไปรีบกลับ”เพิ่งก้าวเท้าออกไป ผู้ชายกลุ่มหนึ่งก็วิ่งเข้ามารุมล้อมเยว่เอ๋อร์“เจ้าเป็นสาวใช้ข้างกายคุณหนูใช่หรือไม่? ซื่อสัตย์หรือไม่?”“เมื่อก่อนความเป็นอยู่ของคุณหนูในจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่แย่มาก ทุกคนล้วนรังแกนาง เจ้าไม่ได้ติดตามคุณหนูอย่างจริงใจใช่หรือไม่ เจ้าคิดไม่ซื่อกับคุณหนูใช่หรือไม่? ไม่พูดข้าจะฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้!”“จับเจ้าขายให้กับหอนางโลม!!”ชายฉกรรจ์แต่ละคนแยกเขี้ยวกำหมัด พูดจาดุร้าย ทำเอาเยว่เอ๋อร์ตกใจจนหน้าซีดแล้วซีดอี
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท