จวนอ๋องเฉินพอเฟิงเย่เสวียนกลับมาถึง หานเฟิงวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว คุกเข่าลงข้างหนึ่ง พูดขอรับโทษ“นายท่าน ข้าน้อยไม่เอาไหน ยังไม่สามารถสืบสาเหตุการหายไปของหยกห้อยได้ขอรับ!”ถ้าหากสามารถสืบได้ง่ายได้ขนาดนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องใส่ร้ายเขาแล้วเฟิงเย่เสวียนสาวเท้ายาวเดินเข้าไปในห้องโถง ย่อตัวนั่งลง “เรียกคนงาน องครักษ์ที่สับเวร และทุกคนที่เข้าออกจวนอ๋องเฉินภายในห้าวันมานี้มาให้หมด”“ขอรับ!”เนื่องจากรัชทายาทถูกลอบสังหารคืนแต่งงาน เป็นเวลากลางคืน ประกอบกับฝ่าบาทยับยั้งเอาไว้ ข่าวคราวจึงไม่ได้เผยแพร่ออกไปเมื่อบรรดาคนรับใช้ของจวนอ๋องเห็นท่านอ๋องกระทำการใหญ่โต ราวกับว่ากำลังสืบอะไรบางอย่าง แต่ละคนเต็มไปด้วยความงุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางระมัดระวัง เป็นระเบียบเรียบร้อยระดับความไวขององครักษ์ย่อมมากกว่าบรรดาคนใช้หลายเท่า หนึ่งในนั้น อยู่ ๆ องครักษ์คนหนึ่งก็ก้าวออกมา กล่าวรายงาน“เรียนท่านอ๋อง เมื่อวาน พระชายารองเซียวมาที่นี่ขอรับ”เมื่อวานนี้องครักษ์คนนั้นอยู่เวรพอดี“พระชายารองเซียว?” หานเฟิงขมวดคิ้ว “นางอยู่ที่สวนบ้านพักชานเมืองไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงกลับมาจวนกะทั
จวนตระกูลเว่ยทั่วทั้งจวนบรรยากาศอึดอัด ชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าสวมชุดสีน้ำตาลกำลังก้มหน้านั่งอยู่ที่นั่น ท่าทางเหม่อลอย สีหน้าตกตะลึงไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่คนรับใช้ไม่น้อยกำลังถอนหายใจ แอบเช็ดน้ำตาเงียบ ๆ “คุณหนูผู้น่าสงสาร...”“เพิ่งเข้าจวนรัชทายาท เหตุใดจึงเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ได้...”“เฮ้อ...”การตายของเว่ยซืออี๋ บรรดาคนใช้ทอดถอนใจเพื่อนาง ใต้เท้าเว่ยนั่งอยู่ตรงนั้นตลอด ไม่ขยับเขยื้อน ไม่พูดไม่จา ทุกคนจึงไม่กล้ารบกวนทันใดนั้น เด็กรับใช้คนหนึ่งเข้ามารายงาน“นายท่าน พระชายาอ๋องเฉินขอเข้าพบขอรับ”ใต้เท้าเว่ยตกตะลึงทันที หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ถึงได้เงยหน้าขึ้นอย่างตระหนักได้พระชายาอ๋องเฉิน?ขอพบเขา?เหมือนกับว่าเขากับพระชายาอ๋องเฉินไม่เคยมีความสนิทสนมกันมาก่อนนี่นาเขาสะบัดมืออย่างเหนื่อยล้า “บอกไปว่าข้าไม่สบาย ตอนนี้ไม่...”“ใต้เท้าเว่ยไม่สบายตรงไหน? ข้าพอรู้เรื่องการรักษาอยู่บ้าง ช่วยตรวจให้ใต้เท้าได้พอดี”ด้านนอก น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยเสียงหัวเราะของหญิงสาวดังก้องขึ้น ฉู่เชียนหลีค่อย ๆ ย่างกราย เดินเข้ามาอย่างสบายใจใต้เท้าเว่ยชะงักไปเม้มปาก กวาดสายตามองคนใ
ใบเสร็จของเฉียนจวงคิดไม่ถึงว่านางจะสืบบัญชีของเขา ยังสืบไปถึงบัญชีของจวนรัชทายาทอีกด้วย!อาศัยเพียงพระชายาอ๋องเฉินไม่มีทางที่ความสามารถจะมากมายขนาดนี้ ดูท่าจะเป็นอ๋องเฉินที่สืบพบ...จ้องมองใบเสร็จนั้น หัวใจของใต้เท้าเว่ยก็ค่อย ๆ หนักอึ้งขึ้นทีละนิด อยากจะแก้ต่างก็ไม่ได้เงินก้อนใหญ่นี้ เขาเอาไปซื้อยาพิษยาพิษอยู่ในร่างกายของเว่ยซืออี๋ ไม่มีทางทำลายชีวิตของนาง แต่สามารถควบคุมพฤติกรรมของนางได้ ให้นางลอบสังหารรัชทายาท แล้วโยนความผิดให้แก่อ๋องเฉินเขาร่วมมือกับรัชทายาท...เรื่องมาถึงขั้นนี้ ความจริงปรากฏตอนนี้ฉู่เชียนหลียังมีข้อสงสัยอีกหนึ่งเรื่อง“ใต้เท้าเว่ย ท่านเกลียดอ๋องเฉิน ข้าเข้าใจได้ แต่ว่าหยกห้อยชิ้นนั้นบนตัวของพระชายาเว่ย เดิมทีเป็นหยกห้อยประจำกายของอ๋องเฉิน เหตุใดจึงไปปรากฏอยู่บนตัวของพระชายาเว่ยได้?”“ท่านทำได้อย่างไร?”พูดกันตามหลักแล้ว การอารักขาของจวนอ๋องเฉินเข้มงวด และสิ่งของประจำกายของเขาน้อยคนมากที่จะแตะต้องถึง ผู้ที่สามารถแตะต้องได้ จะต้องเป็นคนสนิทที่เชื่อใจได้เท่านั้นหยกห้อยของอ๋องเฉินหายไปได้อย่างไร?ผู้ใดเป็นคนขโมย?นางสงสัยมากใต้เท้าเว่ยเม้มปาก ก้
“ข้า...”บาดเจ็บภายใน?ก็วิงเวียนศีรษะ ไร้เรี่ยวแรงมาตลอด ที่แท้ก็เพราะบาดเจ็บภายในหรือ? แต่นางไม่ได้กลับไม่ได้มีอาการเหล่านี้เหมือนกับว่าตั้งแต่...ศาลาว่าการซุนเทียนเป็นต้นมาหลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้รุนแรงครั้งนั้น นางก็รู้สึกไม่สบายมาตลอดฉู่เชียนหลีเกาะแขนของจิ่งอี้เอาไว้อย่างอ่อนแอ พยายามยันร่างกาย นำเรื่องของศาลาว่าการซุนเทียนเล่าออกมาคร่าว ๆ โดยเฉพาะเรื่องตอนที่นางถูกคานของห้องที่น้ำหนักหลายร้อยชั่งทับเอาไว้ แต่กลับสะบัดลอยออกไปได้ด้วยมือเปล่า จิ่งอี้ดวงตาเคร่งขรึมดูท่า คงเป็นเพราะคุณหนูกระตุ้นกำลังภายในในสถานการณ์ที่คับขัน แต่เนื่องจากเป็นเพราะนางยังใช้ไม่เป็น ทำให้กำลังภายในแว้งกัด ช่วยชีวิตตนเอง ก็ทำให้ตนเองบาดเจ็บเช่นกันเรื่องที่เกิดขึ้นที่ศาลาว่าการซุนเทียนเป็นตอนเช้า แต่ตอนนี้เป็นตอนบ่ายแล้ว คิดไม่ถึงว่านางจะสามารถฝืนทนมาได้ทั้งวัน!เขาประคองนาง “คุณหนู ที่นี่ไม่ใช่ที่จะคุยกัน กลับโรงหมอเดี๋ยวนี้ ข้าจะช่วยท่านรักษาอาการบาดเจ็บ”ฉู่เชียนหลีกลับไม่เป็นห่วงตนเอง เป็นห่วงเรื่องที่อ๋องเฉินถูกใส่ร้ายอยู่ตลอดเวลา“หลังจากที่ใต้เท้าเว่ยรู้ว่าเรื่องราวล้มเหลว อาจจะทำเ
เซียวจือฮว่าเม้มริมฝีปากแน่น มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อก็ค่อย ๆ กำแน่นขึ้น น้ำเสียงเคร่งขรึมขึ้น“เป่าอวี้ เจ้าว่า ถ้าหากข้าทำเรื่องผิด ท่านอ๋องจะฆ่าข้าหรือไม่?” โอ๊ะ!เป่าอวี้ได้ยินคำว่า ‘ฆ่า’ คำนี้ ก็ตกใจยกใหญ่“นายหญิง ท่านกำลังพูดจาเหลวไหลอะไรเจ้าคะ? ท่านเป็นอะไร...”“เจ้าบอกข้า!” เซียวจือฮว่าเงยหน้าขึ้นมองนางตรง ๆ ทันที “พูดความจริง!”เป่าอวี้ตกใจจนหน้าถอดสีเหตุใดอยู่ ๆ จึงพูดแบบนี้...ถ้าหากจะพูดความจริงละก็ นางเองก็ไม่กล้า ๆ ยืนยันได้เคย นางเคยเห็นองครักษ์ลับที่ติดตามท่านอ๋องมาแปดปีคนหนึ่งถูกโทษประหาร เพียงเพราะเลือกผิด รองแม่ทัพคนหนึ่งพูดคำที่ไม่ควรพูด จึงถูกตัดลิ้น องครักษ์คนหนึ่งจุดจบน่าสมเพช เพียงเพราะประมาทเลินเล่อไปชั่วขณะ...ท่านอ๋องเป็นคนที่ชัดเจนกับการลงโทษและให้รางวัล ไม่เคยใจอ่อนต่อผู้กระทำความผิดแต่ว่า...นายหญิงเป็นคนตระกูลเซียว!“นายหญิง ท่านแซ่เซียวนะ! ท่านจะกลัวอะไรเจ้าคะ?” เป่าอวี้กล่าว “ท่านเป็นสายเลือดคนสุดท้าย สายเลือดเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลเซียว เสด็จแม่ของท่านอ๋องเป็นอาหญิงของท่าน เขาจะต้องปกป้องท่านไปตลอดชีวิต จะลงโทษท่านได้อย่างไรกันล่ะ?”
เนื่องจากอาการบาดเจ็บภายในของฉู่เชียนหลีสาหัสมาก ประกอบกับเรื่องเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน กลิ้งตกบันไดสามขั้นอย่างไม่ระวัง หัวทิ่มลงไปในน้ำพรวด!ละอองน้ำที่สาดกระเซ็นสูงขึ้นมาบนฝั่ง จึงดึงดูดความสนใจของชาวบ้านจำนวนไม่น้อย“มีคนตกน้ำ?”“รีบช่วยคน...”ชาวบ้านบริเวณรอบ ๆ ยังไม่ทันวิ่งเข้าไป เงาดำทะมึนร่างหนึ่งก็กระโจนลงไปในน้ำอย่างรีบร้อน“คุณหนู!”เซียวจือฮว่ายืนอยู่ริมฝั่ง จ้องมองทั้งสองคนที่กำลังดิ้นรนอยู่ในน้ำ มุมปากยกขึ้นฉายแววความชั่วร้ายแวบหนึ่งทันใดนั้น อ้าปากพูดเสียงดัง“พระชายาอ๋องเฉิน เหตุใดท่านจึงอยู่กับชายอื่น!”เสียงดังที่จงใจตะโกนขึ้นดังกระจาย ลอยเข้าไปในหูของทุกคนอย่างชัดเจน ทำให้ทุกคนตกตะลึงพร้อมเพรียงกัน เบิกดวงตากว้าง พากันมองไปที่กลางน้ำพระชายาอ๋องเฉิน?ผู้ชายอื่น?แต่น้ำที่สาดกระเซ็น ทำให้มองใบหน้าของคนทั้งสองได้ไม่ชัดเจนเลยสักนิดแต่ธรรมชาติของมนุษย์ก็คือการนินทา ไม่ว่าคำพูดประโยคนี้จะจริงหรือเท็จ พวกเขาก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา“เป็นพระชายาอ๋องเฉินงั้นหรือ?”“ไม่ใช่หรอกน่า? ได้เป็นถึงพระชายาแล้วยังไม่พอใจอีกหรือ? ยังยั่วยวนผู้ชายอื่นอีกหรือ? หรือว่า
ใบหน้าเล็กขนาดเท่าฝ่ามืองามจนน่าเหลือเชื่อ คิ้วเข้มราวกับน้ำหมึก ดวงตาหงส์เปล่งประกายราวกับดวงดาว สะอาดสว่างไสว ริมฝีปากเล็กที่ราวกับกลีบดอกท้อเผยอออกเล็กน้อย เครื่องหน้าอันแสนประณีต ราวกับถูกแกะสลักขึ้นอย่างตั้งใจ ผิวพรรณราวกับไข่ไก่ที่ปอกเปลือกแล้ว ไม่มีตำหนิเลยแม้แต่น้อยหยดน้ำเล็ก ๆ ที่ติดอยู่บนใบหน้าของนาง บนขนตา บนเส้นผม ลำคอ และผิวหนัง เสื้อผ้าที่เปียกปอนแนบสนิทกับตัว ส่วนเว้นโค้งของเรือนร่างที่สมบูรณ์แบบร่างกายอันบอบบางขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ลมพัดผ่านมา หนาวจนตัวสั่นเล็กน้อย สีหน้าที่ซีดเซียวเล็กน้อยมากพอที่จะกระตุ้นความปรารถนาที่จะปกป้องของบุรุษงดงาม!ความงามของร่างกายที่เปียกปอน งามจนน่าเหลือเชื่อ ทั้งยั่วยวนทั้งสวยสุดยอด!จิ่งอี้ถอดเสื้อคลุมด้านนอกของตนเองออก คลุมเรือนร่างอันงดงามเอาไว้ เพียงแค่สบตากับหญิงสาวทีหนึ่ง ก็เข้าใจความหมายของนางดึงนางเข้ามากอด เงยหน้าขึ้น จ้องเซียวจือฮว่าและถามเสียงเย็นชา“ฮูหยินของข้าไม่เคยมีความแค้นอะไรกับท่าน ไม่มีญาติมิตร เหตุใดท่านจึงต้องผลักนางตกน้ำด้วย!”เซียวจือฮว่าเบิกตากว้างเป็นไปไม่ได้!ฉู่เชียนหลีล่ะ?!เมื่อหลายวัน
เซียวจือฮว่าล้มลงบนพื้น แก้มเจ็บจนรู้สึกชา ในแก้วหูเสียงดังวิ้ง ๆ ทันที ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ยินเสียงบริเวณรอบ ๆ ไม่ชัดเจนเนื่องจากหูอื้อและเวียนศีรษะนาง...ถูกตบ...เฟิงเย่เสวียนสะบัดแขนเสื้ออย่างเย็นชา เดินข้ามเซียวจือฮว่าที่อยู่บนพื้น เดินไปที่ตรงหน้าของจิ่งอี้ ดวงตาดำขลับอันล้ำลึกมองสำรวจเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า จากซ้ายไปขวาทุกซอกทุกมุมสายตาหยุดมองที่มือของจิ่งอี้ที่กำลังกอดหญิงสาวเอาไว้ สายตาอันคมกริบจนจ้องเขม็งจนแทบจะทะลุแต่เขาไม่แสดงสีหน้าอารมณ์ใด ๆ ไม่พูดจา สีหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเช่นเคย บรรยากาศรอบตัวอึมครึมเหมือนเช่นเคย จ้องจิ่งอี้ ราวกับคนแปลกหน้าที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรคนหนึ่งจิ่งอี้กลับรู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลัง ความหนาวเย็นแทรกซึมเข้าไปในรูขุมขน ลงลึกเข้าไปถึงปอด แม้แต่การหายใจยังอึดอัดผ่านไปครู่ใหญ่ชายหนุ่มยิ้ม “พระชายารองเซียวไม่รู้ความ ทำให้จวนอ๋องเฉินขายหน้า ข้าจะลงโทษนางด้วยตนเอง เพื่อเป็นการแสดงความขอโทษ ขอเชิญทั้งสองท่านไปที่จวนอ๋องเฉิน”เขายกมือขึ้น ยื่นไปทางหญิงสาว“ข้าขออภัยด้วยตนเอง”เขาจ้องตรงไปยังหญิงสาว ราวกับมองทะลุเรื่องทุกอย่าง ทั้งราวกับ
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต