ค่ำคืนนี้ เฟิงเยว่เสวียนนอนเพียงลำพัง ยากจะเข้าสู่การหลับใหล…ฉู่เชียนหลีได้รับบาดเจ็บจนหมดแรง นอนจนตะวันโด่งฟ้า ก็ถูกเสียงพูดคุยรบกวนจนตื่นบาดแผลที่ก้นหายดีแล้วสามส่วน ไม่ได้เจ็บมากเช่นนั้นแล้ว นางลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง สวมรองเท้าปักลายดอกไม้แล้วลงจากเตียง ประคองร่างกายกับผนัง ขยับออกไปทีละก้าวอย่างยากลำบากเมื่อเดินไปถึงหน้าประตู ก็เห็นเยว่เอ๋อร์กำลังสนทนากับเซียวจือฮว่า“พระชายารอง พระชายายังไม่ตื่นจริงๆ เจ้าค่ะ”“แดดส่องก้นแล้วยังไม่ตื่นหรือ?”“ใครเป็นคนกำหนดว่าแดดส่องก้นแล้วห้ามนอนต่อ?” ฉู่เชียนหลีพูดแทรกเซียวจือฮว่าเงยหน้ามอง แม้มีความไม่พอใจเสี้ยวหนึ่งแล่นผ่านแววตา แต่ก็ข่มไว้เงียบๆ พลันก้าวเท้าเข้าไปในห้องพร้อมกับสาวใช้ตนเอง“พี่หญิง” นางทักทายด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนคนโบราณว่าไว้ ง้างมือไม่ตบผู้ยิ้มตอบฉู่เชียนหลีหาวหนึ่งที “เยว่เอ๋อร์ ไปเตรียมอาหารเช้าให้ข้าเถอะ”เยว่เอ๋อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากหันไปมองพระชายารองเซียวสองสามวินาที จึงจะถอนสายบัวถอยออกไปเซียวจือฮว่ายิ้ม “เหตุใดพี่หญิงจึงนอนจนถึงป่านนี้? เป็นเพราะไม่สบายหรือ? เหมือนว่าเมื่อคืนข้าจะได้ยินเสียงอะไร…”
เซียวจือฮว่าได้ยินแล้วแอบปลื้มปีติในใจที่แท้เป็นห่วงนางนี่เองเมื่อก่อน ทุกครั้งที่อยู่กับฉู่เชียนหลี ฉู่เชียนหลีมักจะรังแกนาง ทุกครั้งที่ฉู่เชียนหลีรังแกนาง ท่านอ๋องก็จะออกตัวเพื่อนาง ลงโทษฉู่เชียนหลีอย่างหนักมุมปากนางโค้งงอ ในใจหวานปานน้ำผึ้ง กล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน“เช้านี้ ฮว่าเอ๋อร์ได้ยินข่าวคราวมา สงสัยว่าเหมือนพระชายาจะได้รับบาดเจ็บ ฮว่าเอ๋อร์เป็นห่วง ก็เลยตั้งใจมาเยี่ยมพี่หญิงน่ะ”เป่าอวี้เดินออกมาหนึ่งก้าวพร้อมกับกล่องผ้าแพรในมือ นางถอนสายบัวกล่าว“ท่านอ๋อง นี่คือยาน้ำค้างหยกที่พระชายารองมอบให้พระชายาเจ้าค่ะ”“ฮืม?” เฟิงเย่เสวียนเลิกคิ้วเขารู้จักยาน้ำค้างหยก เป็นของดีที่หายากมาก เมื่อทามันบนร่างกาย สามารถทำให้ผิวพรรณเรียบเนียนราวไข่ไก่ที่ปอกเปลือก และยังมีสรรพคุณรักษาแผลเป็นได้ยินมาว่านี่เป็นของเก็บสะสมที่ล้ำค่าของเซียวจือฮว่า เจ็ดแปดปีมานี้ เก็บไว้มาโดยตลอด แม้กระทั่งตนเองก็ไม่ยอมใช้“ฮว่าเอ๋อร์มอบของมีค่าเช่นนี้ให้พระชายา ช่างมีใจยิ่งหนัก”ให้นางผู้หญิงบ้านั่นใช้มันทาก้นได้พอดีแม้บาดแผลอยู่ตรงบั้นท้าย ปกติจะมองไม่เห็น แต่สตรีทั่วหล้ามีคนใดบ้างไม่รักสวยรักงาม
เซียวจือฮว่าคาดคิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะไปหยิบกล่องผ้าแพร เห็นยาน้ำค้างหยกที่ตกแตก ไม่ต้องพูดถึงว่าปวดใจเพียงใดนางจำใจนำยาน้ำค้างหยกที่เก็บสะสมมาแปดปีออกมาเซ่น เพียงเพื่อสามารถใส่ร้ายป้ายสีฉู่เชียนหลี แล้วเอะอะโวยวายอีกนิด ให้ท่านอ๋องอาศัยโอกาสนี้หย่านาง แต่ความจริงกลับอยู่เหนือความคาดหมายของนาง…นางจำเป็นต้องอดกลั้นความปวดใจ กัดฟันกล่าว“ในเมื่อตกแตกแล้วก็ช่างเถอะ ของเก่าไม่ไป ของใหม่ไม่มา!”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้ว “เอ๋? ฟังจากคำพูดของน้องหญิงเซียว จะมอบยาน้ำค้างหยกให้ข้าอีกขวดใช่หรือไม่?”เซียวจือฮว่ายังไม่ได้เอ่ยปาก นางก็พูดเสริมอีกคำแล้ว“เช่นนั้นข้าก็ขอบคุณน้องเซียวล่วงหน้า ทำให้น้องเซียวต้องสิ้นเปลืองแล้ว”“...?”เจ้ารู้หรือไม่ว่ายาน้ำค้างหยกแพงเพียงใด?เจ้ารู้สรรพคุณของมัน รู้ว่าหายากมากเพียงใดหรือไม่?แปดปีมานี้ นางมีสะสมแค่ขวดเดียวเท่านั้น นางจะไปหาอีกหนึ่งขวดมาจากที่ใด? แต่ต่อหน้าท่านอ๋อง หากนางไม่ตอบตกลง ไม่เท่ากับถูกฉีกหน้าหรอกหรือ?บัดซบ!เซียวจือฮว่าติดอยู่ตรงกลางทันที กลืนไม่เข้าคายไม่ออก นางโมโหจนแอบกัดฟันแน่น“ท่านอ๋อง ฮว่าเอ๋อร์นึกขึ้นได้ว่ายังมีธุระ กลับก่อนแล
ชายหนุ่มในชุดผ้าแพรอันหรูหราหลายคนสองมือของพวกเขาเกาะอยู่บนกำแพงและเขย่งเท้า ชะโงกศีรษะครึ่งหนึ่งมองเข้าไปในเรือน พลางกระซิบกระซาบวิจารณ์กัน“ได้ยินมาว่าอ๋องเฉินพานางไปร่วมงานเลี้ยงฉลองชัยด้วย…”“ไม่น่าใช่นะ ข้าได้ยินมาว่านางแต่งเข้าจวนอ๋องเฉินสามเดือนกว่าแล้ว ยังไม่เคยได้รับความโปรดปราน…”“ไหนให้ข้าดูหน่อย…”เด็กหนุ่มในชุดผาวสีน้ำเงินคนหนึ่งเกาะกำแพง ทำท่าออกกำลังกายดึงร่างกายขึ้นข้างบน ปีนขึ้นกำแพงได้สำเร็จ แต่ยังไม่ทันยืนอย่างมั่นคง ก็เจ็บที่หัวเข่าฉับพลัน“อ๊า!”ทันใดนั้น เขาล้มหน้าคว่ำลงไปจนเกิดเสียงดังทุ้ม ‘ตุบ’ ตกเข้าไปในกำแพงเรือนอย่างแรงเด็กหนุ่มสองคนที่อยู่บนกำแพงสะดุ้งตกใจ เมื่อกำลังจะเข้าไปดึงคน กลับเห็นร่างเงาที่เพรียวบางสายหนึ่งเดินออกมาอย่างเชื่องช้า พวกเขารีบหดคอวิ่งหนีราวกับเด็กซนเห็นผู้ปกครองทันทีสหาย ช่วยตัวเองก็แล้วกันนะ!ฉู่เชียนหลีเก็บหนังสติ๊กเข้าไปในกำไลเฉียนคุน นางคว้าเมล็ดแตงโมบนโต๊ะมาหนึ่งกำมือ แล้วเอ็นหลังพิงขอบประตูอย่างเกียจคร้าน แทะเมล็ดแตงโมพลางกวาดสายตามองเด็กหนุ่มที่ล้มหน้าคว่ำอยู่บนพื้นอย่างสบายๆเขาอายุประมาณสิบห้าสิบหก แต่งกายด้วยเสื้อ
เรือนหานเฟิง“อ๊า!”เสียงกรีดร้องที่น่าเวทนาดังฉีกอากาศ เห็นเพียงชายชุดดำคนหนึ่งถูกแขวนกลับหัวบนโครงไม้ แส้ยาวเส้นหนึ่งถูกฟาดลงไป เนื้อหนังปริแตก ลึกจนมองเห็นกระดูกแล้วก็ราดต่อด้วยน้ำพริกอีกหนึ่งกะละมัง“อ๊า!”เสียงร้องยิ่งน่าเวทนา ฉากที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดน่าสยดสยองหานเฟิงโยนกะละมังไม้ทิ้งอย่างเยือกเย็น พลันบีบคางชายชุดดำคนนั้น พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“พูด! ใครส่งเจ้ามาลอบสังหารอ๋องเฉิน?”ชายชุดดำคนนี้ก็คือมือสังหารที่สกัดกั้นรถม้าของจวนอ๋องเฉินเมื่อคืน และเป็นคนที่แทงฉู่เชียนหลีบาดเจ็บเช่นกันภายใต้ความเจ็บปวด ชายชุดดำเจ็บจนแทบหมดสติ ลมหายใจติดขัด ราวกับพร้อมจะขาดใจทุกเมื่อ แต่ปากของเขาปิดสนิท ต่อให้ถูกทรมานก็ไม่พูดแม้แต่คำเดียวเฟิงเย่เสวียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือ[footnoteRef:1]อย่างสบายๆ มีหนังสือที่ถูกกางออกในมือหนึ่งเล่ม เขาพลิกอย่างไม่ใส่ใจหนึ่งหน้า พลางกล่าวอย่างเฉยเมย [1: เก้าอี้ไท่ซือ เก้าอี้ไม้โบราณจีน] “ในเมื่อปากแข็ง เช่นนั้นก็ลงทัณฑ์เลาะกระดูกจนตาย”ชายชุดดำเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัวปีศาจ!นี่มันทรมานตายทั้งเป็นยิ่งกว่าฆ่าเขาโดยตรง!หานเฟิงหยิบมีดส
ฉู่เชียนหลีเห็นว่าเวลาพอประมาณแล้ว นางโยนเปลือกเมล็ดแตงโมที่อยู่ในมือทิ้ง ตบชายเสื้อผ้าที่ยับย่น หลังจากปรับอารมณ์ของตนเอง ก็ก้าวเท้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าเฟิงเย่เสวียนพลันทักษะการแสดงสิงร่าง เบ้าตาแดงโดยตรง“สวรรค์! ท่านอ๋อง เขาเป็นหลานชายของท่านหรือ? ข้าไม่เคยพบท่านโหวน้อย จึงไม่รู้จักสถานะของเขา ชั่วขณะจึงล่วงเกิน…”“ล้วนเป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่รู้จักคนในราชวงศ์ ล่วงเกินบุคคลที่มีสถานะสูงกว่า ไม่คู่ควรเป็นพระชายาอ๋องเฉินโดยแท้”นางจับชายเสื้อของเขาไว้ ยกใบหน้าที่น่าสงสารขึ้น เสียงสะอึกสะอื้น ท่าทางเหมือนคนยอมรับผิดทุกอย่างสายตาของเฟิงเย่เสวียนครึ้มลงทันที แทบรอไม่ไหวที่จะไปจากจวนอ๋องเฉินมากเช่นนี้เลยหรือ?ในแคว้นตงหลิง ไปจากเขา นางจะไปหาผู้ชายที่สมบูรณ์แบบอย่างเขาได้ที่ใดอีก?อย่าไม่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี“ไม่เป็นไร” เขากล่าวอย่างเฉยเมยคำหนึ่งฉู่เชียนหลีตะลึงงันครู่หนึ่ง นางกดขี่ท่านโหวน้อย ให้เขาเช็ดพื้นกวาดฝุ่น รังแกเขาอย่างน่าสังเวชเช่นนั้น เขากลับไม่โกรธ?ไม่ควรจะเป็นแบบนี้นี่นาตามหลักแล้ว ภายใต้ความโกรธเขาควรจะพูดว่า‘ฉู่เชียนหลี เจ้ารังแกท่านโหวน้อย ก็เท่ากับ
เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!ตลอดหลายปีมานี้ ยังไม่เคยมีหญิงคนใดที่เข้าตาเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฉู่เชียนหลีที่หน้าตาอัปลักษณ์ไร้ความงาม!พลันแววตาเฟิงเย่เสวียนเย็นชา สะบัดแขนเสื้อจากไปโดยไม่สนใจฉู่เชียนหลีอีกฉู่เชียนหลี “?”เดี๋ยวก็บอกจะเปลี่ยนยา เดี๋ยวก็ทำหน้าบึ้ง เดี๋ยวก็เดินจากไปอย่างโมโห เหตุใดผู้ชายคนนี้เปลี่ยนหน้าเหมือนพลิกหนังสือเลย แปลกประหลาดเป็นอย่างที่คิด จิตใจผู้ชายเหมือนเข็มใต้มหาสมุทร ไม่อาจคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะ หมุนกายกลับเข้าห้องเฟิงเย่เสวียนเดินออกจากประตูเรือน เมื่อกำลังจะจากไป หางตาก็เหลือบกลับไปมองแวบหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ ก็เห็นฉู่เชียนหลีประคองกำแพง เดินโอนเอนโซเซอย่างระมัดระวังไม่ให้โดนบาดแผล ท่าทางเจ็บปวดลำบากมากคิ้วดาบของเขาขมวด ไม่รู้ทำไม เขาก้าวเท้ายาวราวกับปีศาจสิงสู่กลับไปโอบเอวของนางไว้“ว้าย!”ถีบประตู เข้าห้องฉู่เชียนหลีสะดุ้งตกใจ “ท่านอ๋องกลับมาอีกทำไม?”เมื่อเห็นเฟิงเย่เสวียนอุ้มนางตรงไปที่ตั่งนอน ร่างกายหดเกร็ง “ข้าเปลี่ยนยาเองได้!”“อย่าขยับ” แขนของเขากอดนางไว้อย่างมั่นคง และหลีกเลี่ยงบาดแผลได้อย่างมีไหวพริบ น้ำเสียงที่ทุ่มต่ำมีความเผด็จการแ
จนกระทั่งพลบค่ำ จุดชีพจรคลายออกเองฉู่เชียนหลีที่คงท่าเดิมไว้สามชั่วยามเต็มเหนื่อยจนอ่อนล้า พริบตาที่สามารถขยับตัว ร่างกายเหมือนถูกสูบแรงทั้งหมดออกไป นางนอนคว่ำลงบนเตียงอย่างอ่อนปวกเปียก น้ำตาหลั่งไหลออกมาทันทีหลั่งน้ำตาดั่งสายน้ำพลันก็เริ่มร้องเพลงด้วยความเสียใจ“หักหลังความรักของฉัน เธอเป็นหนี้ทางจิตสำนึก ท้ายที่สุดฉันที่ถูกรังแกอย่างน่าสังเวช น้ำตาก็ไหลรินลงมา…”เยว่เอ๋อร์กุมปากอย่างปวดใจ เบ้าตาแดงก่ำพระชายาที่น่าสงสาร…ท่านอ๋องปฏิบัติต่อพระชายาเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?ฉู่เชียนหลีที่เรี่ยวแรงกลับมาบ้างแล้วตะเกียกตะกายลุกขึ้น กินข้าวหมดไปห้าชามในอึดใจเดียว จึงจะรู้สึกว่าพลังชีวิตกลับมาเล็กน้อย นางนั่งหน้ากระจกสัมฤทธิ์ พลางลูบปานบนใบหน้า ครุ่นคิดว่ายังเหลือกระสายยาชนิดสุดท้าย :หญ้าเหมันต์ขอแค่หาหญ้าชนิดนี้เจอ ก็สามารถแก้พิษแต่หญ้าชนิดนี้เติบโตในสถานที่หนาวมาก ท่ามกลางหิมะน้ำแข็ง สามารถค้นพบแต่เก็บไม่ได้ เพราะมันไม่สามารถออกห่างจากหิมะ เมื่อไรที่ถูกถอนออกมา ไม่เกินสองชั่วยามก็จะเหี่ยวเฉา เมื่อเหี่ยวเฉาก็จะสูญเสียสรรพคุณ เป็นของที่หายากมากนี่เป็นปัญหาที่ยากมากเยว่เอ๋อร
หลังจากหัวเราะอย่างเย้ยหยัน นางไม่พูดอะไรอีก โคจรกำลังภายใน ประสานฝ่ามือกับจวินชิงอวี่จวินชิงอวี่รู้สึกเพียงมีกำลังภายในที่เย็นเฉียบสายหนึ่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ความเย็นและความร้อนประสานกัน ปรับสมดุลให้กันและกัน เขารีบหลับตา โคจรเคล็ดวิชาเหมันต์ภายในห้อง เข้าสู่ความเงียบ…นอกประตูองครักษ์ลับเฝ้าไว้นอกประตูใหญ่ รถม้าคันหนึ่งค่อยๆ แล่นเข้ามาหยุดอยู่ที่ตรงข้ามกับบ้าน มือเล็กๆ ที่ขาวนวลข้างหนึ่งเลิกม่านขึ้น แล้วกระโดดลงมา“ที่นี่หรือ?”จวินลั่วยวนยืนอย่างมั่นคง เงยหน้ามองไปเป็นสถานที่ที่เงียบสงบซวงซวงกล่าวเสียงเบา “เจ้าค่ะองค์หญิง องค์ชายสามกับพระชายาอ๋องเฉินเข้าไปข้างในสามเค่อแล้ว”จวินลั่วยวนหรี่ตา“แม้แต่โรคร้อนก็สามารถรักษา ฉู่เชียนหลีคนนี้พอจะมีความสามารถอยู่บ้าง”ทักษะการแพทย์ดี มีประโยชน์อะไร?สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดีไม่ใช่หรือ?เมื่อวานตอนอยู่หอน้ำชา ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาสองคน เมื่อไรที่เริ่มรักษา ห้ามถูกขัดจังหวะเด็ดขาด จะส่งผลให้กำลังภายในย้อนกลับ ทั้งสองจะกระอักเลือดจนตายขอแค่นางบุกเข้าไป ก็สามารถเอาชีวิตของฉู่เชียนหลีเพียงแต่…น่าเสียดายน่าเสียดายที่เสด็จ
“ดื่มเยอะๆ”“...เสด็จแม่ยังไม่ฟื้นหรือ?”“หมอบอกว่าอาจจะต้องพรุ่งนี้ เสด็จพี่สาม ฉู่เชียนหลีโกหก ไม่ว่าเวลาไหน ท่านก็ห้ามเชื่อคำพูดของนางเด็ดขาด และไม่ว่ายวนเอ๋อร์ทำอะไร ก็ล้วนทำเพราะหวังดีต่อท่านพี่ ยวนเอ๋อร์ให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง”จวินลั่วยวนเงยหน้า กล่าวอย่างจริงจังมากจวินชิงอวี่เชื่อคำพูดของนางอย่างไม่มีเงื่อนไขเขามีแค่น้องสาวคนเดียว เขาไม่ตามใจแล้วใครจะตามใจ? เขาไม่รักแล้วใครจะรัก?“เป็นเด็กดีนะ”วันรุ่งขึ้นตามที่นัดหมายกับฉู่เชียนหลี เดิมทีจวินชิงอวี่ไม่อยากไป ยี่สิบกว่าปีมานี้ มีหมอนับไม่ถ้วนเคยรักษาเขา ไม่มีใครสามารถรักษาโรคร้อนของเขาได้เลยกล่าวอีกนัยคือ เขาไม่เชื่อฉู่เชียนหลี แต่การเดิมพันนั่น…เขาไม่เคยสงสัยยวนเอ๋อร์การเดิมพันนี้ ก็ย่อมไม่จำเป็นต้องมีองครักษ์ลับกล่าว “องค์ชาย ท่านไปดีกว่า ในแคว้นตงหลิง ไม่มีใครไม่รู้ว่าทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ ถ้าหากนางสามารถรักษาได้จริงๆ ต่อไปท่านก็ไม่ต้องเจ็บปวดเพราะโรคกำเริบแล้ว”หลังจากจวินชิงอวี่ครุ่นคิด สุดท้ายก็ตัดสินใจไปชานเมืองบ้านหลังหนึ่งที่เงียบสงบเอี๊ยด…“ท่านมา
“เช่นนั้นพวกเราเหมือนเดิมพันกัน”“เดิมพันก็เดิมพัน!”นอกหอน้ำชาจวินลั่วยวนมาถึง หลังจากสอบถามข้อมูลคร่าวๆ จากเด็กในร้าน ก็ย่องขึ้นไปบนชั้นสอง เข้าใกล้ห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง เพิ่งแนบหูเข้าไป ก็ได้ยินเสียงสนทนาข้างในเสียงของฉู่เชียนหลี“โรคร้อนอันตรายมาก แค่ไม่ระวังเล็กน้อยก็จะกำเริบ ตอนที่ข้ารักษาเจ้า ต้องเปิดจุดชีพจร กรีดเปิดแผลบนมือและเท้าสี่จุด ใช้เลือดของข้าแลกกับเจ้าครึ่งหนึ่ง ในระหว่างนี้ห้ามถูกรบกวนเด็ดขาด”ลดเสียงกล่าวอย่างจริงจัง“ไม่เช่นนั้น กำลังภายในจะย้อนกลับ ห้ามเลือดไม่ได้ ถึงเวลา ข้าจะตาย เจ้าก็เจ้าตาย”จวินลั่วยวนประหลาดใจฉู่เชียนหลีสามารถรักษาโรคร้อน?ยิ่งกว่านั้น!ประเด็นสำคัญคือ!ห้ามถูกขัดจังหวะกลางคันเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นฉู่เชียนหลีกับองค์ชายสามล้วนจะตาย!ฉู่เชียนหลีตายแล้ว ตำแหน่งพระชายาอ๋องเฉินก็ว่าง อยากได้อ๋องเฉิน ก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือแล้วไม่ใช่หรือ?ทันใดนั้น แววตาเร่าร้อนทันทีตื่นเต้นคาดหวังแทบรอไม่ไหวนางกำลังจะเป็นพระชายาอ๋องเฉินแล้ว!การสนทนาภายในห้องกินเวลานานหนึ่งเค่อ ก่อนจะจบลง จวินลั่วยวนรีบวิ่งไปซ่อนตัวที่หัวมุม ประตูห้องเปิดออ
จวินลั่วยวนยกมือทั้งสองข้างขึ้น วางลงไปที่คอของฮองเฮาทันใดนั้น ร่างกายของฮองเฮาหนานยวนขยับเล็กน้อย นางรีบดึงมือกลับ ลุกขึ้นยืน และกลับมาดูเป็นเด็กดีอีกครั้ง“ซวงซวง ทางเสด็จพี่สามของข้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”ซวงซวงวิ่งเข้ามา“เมื่อครู่ทางองครักษ์มารายงาน หลังจากเสด็จพี่สามออกไป เจอสามีภรรยาอ๋องเฉิน ตอนนี้พวกเขาเข้าไปในหอน้ำชาแล้ว ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันลับๆ เจ้าค่ะ”“?”พวกเขายังมีเรื่องให้คุยกันอีกหรือ?เสด็จพี่สามไม่ได้ไปสืบเรื่องของคนร้าย?เหตุใดยังสามารถคุยกับสามีภรรยาอ๋องเฉินดีๆ อีก?คุยอะไรกัน?หรือเป็นความลับที่นางไม่รู้?จวินลั่วยวนไม่อนุญาตให้มีเรื่องที่อยู่เหนือกันควบคุมของนาง กล่าวทันที “ซวงซวง เจ้าเฝ้าเสด็จแม่ไว้ ข้าลองไปดูหน่อย!”“เจ้าค่ะ องค์หญิง!”หอน้ำชาห้องส่วนตัวจวินชิงอวี่นั่งอยู่ที่ข้างโต๊ะ สีหน้าดูไม่ดีนัก และยังบึ้งตึงเหมือนจะกินคน กัดฟันจนดังก๊อกๆ“ท่านกล้าบอกว่ายวนเอ๋อร์เป็นคนวางยา!”จ้องฉู่เชียนหลีด้วยความโกรธโมโหมากถ้าหากไม่ใช่เพราะอ๋องเฉินนั่งอยู่ที่ข้างๆ เกรงว่าเขาลงมือโดยตรงแล้วฉู่เชียนหลีกล่าว“ตอนที่พวกเราออกจากศาลาพักม้า องครักษ์ลับ
ฉู่เชียนหลี “องค์หญิงมั่นใจในตัวเองจริงๆ เหมือนจะลืมไปแล้วว่าผู้หญิงที่ถูกอ๋องเฉินโยนออกไปเป็นใคร?”“...”รออ๋องเฉินถีบฉู่เชียนหลีทิ้ง นางจะจับฉู่เชียนหลีมาขังไว้ ทรมานทุกวัน ทำให้นางทรมานยิ่งกว่าตายจวินลั่วยวนเถียงไม่ไหว พลันเบ้าตาแดงก็กระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของจวินชิงอวี่ หาที่ปลอบใจตัวเองจวินชิงอวี่ย่อมเข้าข้างน้องสาว“ฉู่เชียนหลี ดูจากพฤติกรรมที่ชอบบีบคั้นคนของเจ้า มันก็ไม่แปลกอะไรที่เจ้าจะสามารถวางยาพิษ”อาศัยเพียงแค่การคาดเดา ก็ตัดสินโทษของนางแล้ว?น่าขำ!พี่น้องคู่นี้ คนหนึ่งหน้าไหว้หลังหลอก อีกคนความรักบังตา ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ“มันน่าอัศจรรย์จริงๆ ที่แคว้นหนานยวนของพวกท่านสามารถพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน”จวินชิงอวี่หน้าบึ้งทันที “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ปัญหาส่วนตัว ตอนนี้จะลามปามไปถึงบ้านเมืองแล้ว?“ตามที่พูด”“เจ้า!”เขาโมโหจนจะเดินเข้าไปหานางพลันเฟิงเย่เสวียนยกฝ่ามือใหญ่ ดึงนางมาที่ข้างกาย “ข้าตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกอะไร”ทุกคนรีบหันไปมอง รอคอยคำพูดต่อจากนี้เฟิงเย่เสวียนกล่าวอย่างใจเย็น“แคว้นหนานยวนต่ำช้าเช่นนี้ ต่อให้ข้าแพ้ศึกครั้งนี้ ก็ไม่ร่วม
วันนี้ อย่างไรนางก็จะบีบคั้นฉู่เชียนหลีจนตาย!เหล่าคนรับใช้พากันก้มหน้า หายใจแรง ไม่มีใครกล้าพูดอะไร พระชายาอ๋องเฉินช่วยฮองเฮา เหมือนว่าเรื่องนี้ไม่ได้ร้ายแรงจนถึงขั้นต้องฆ่าตัวตายกระมั้ง?“องค์ชายสามก็คิดเช่นนี้หรือ?” เฟิงเย่เสวียนถามจวินชิงอวี่เงียบไปครู่หนึ่งคนตัดฟืนถูกฆ่าตายแล้ว ในศาลาพักม้ายังมีหนอนบ่อนไส้คนอื่น บางทีอาจจะไม่ใช่ฝีมือของฉู่เชียนหลีจริงๆ รอตรวจสอบเรื่องนี้จนชัดเจน ค่อยว่ากันก็ยังไม่สาย“ยวนเอ๋อร์”เขาเอ่ยปาก “รอเสด็จแม่ฟื้นแล้ว ดูว่าอาการของเสด็จแม่เป็นอย่างไรบ้าง เรื่องของคนร้าย ข้าให้คนไปสืบแล้ว”เขาอยากพักเรื่องนี้ชั่วคราวแต่จวินลั่วยวนไม่ยอม“เสด็จพี่สาม ท่านเลอะเลือนหรือ? คนร้ายก็อยู่ตรงหน้าแล้ว ท่านยังจะสืบอะไรอีก? ท่านทำเช่นนี้ ไม่เท่ากับเปิดโอกาสให้คนร้ายหนีหรอกหรือ?”ฉู่เชียนหลีหัวเราะคำก็คนร้าย สองคำก็คนร้าย ทุกคำพูดล้วนอยากให้นางตาย ไม่ชอบหน้านางเช่นนี้เลย?“องค์หญิง เจ้าอยากได้ผู้ชายของข้า และยังทำทุกวิถีทางเพื่ออยากบีบให้ข้าตาย เสด็จพี่สามของเจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าเป็นคนชอบแย่งของคนอื่นเช่นนี้?”“!”สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนฉับพลันอยู่ต
สีหน้าของจวินชิงอวี่ดูน่าเกลียดทันที การทำร้ายผู้หญิง ไม่ใช่เรื่องที่น่าภาคภูมิใจอะไรจริงๆ แต่เขาสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อปกป้องน้องสาว“ถ้าหากฉู่เชียนหลีไม่รังแกยวนเอ๋อร์ แล้วข้าจะทำร้ายนางได้อย่างไร”“ฉู่เชียนหลีรังแกคนก่อน การโดนมีดแทงก็คือผลที่นางสมควรได้รับ?”เมื่อเฟิงเย่เสวียนได้ยิน แหงนหน้าหัวเราะ“เหอะ ฮ่าๆๆ!”ฉู่เชียนหลีผิด?“คิดไม่ถึงว่าองค์ชายสามหนานยวน จะรักน้องสาวจนถึงขั้นใจบอด แค่ท่านลองสืบดูดีๆ ก็จะรู้เรื่องที่จวินลั่วยวนเคยยั่วยวนข้า และสืบเจอเรื่องที่ฉู่เชียนหลีจะช่วยท่านตอนที่อาการกำเริบกลางถนน”“น้องสาวคนดีของเจ้า ก็ทำได้แค่หลอกท่านคนเดียวเท่านั้นแหละ”“หุบปาก!”จวินชิงอวี่เสียงดังกะทันหัน กลิ่นอายรอบตัวขรึมลง ดูน่ากลัวเป็นพิเศษเขาไม่อนุญาตให้ใครก็ตามนินทายวนเอ๋อร์!ดูหมิ่นยวนเอ๋อร์ เท่ากับดูหมิ่นเขา ดูหมิ่นแคว้นหนานยวนยวนเอ๋อร์คือองค์หญิงเพียงคนเดียวของราชวงศ์หนานยวนในตลอดสามร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ใครบ้างไม่เห็นนางเป็นแก้วตาดวงใจ?“อ๋องเฉิน ข้าเห็นแก่ความร่วมมือระหว่างสองแคว้น ไม่ถือสาท่าน แต่ถ้าหากท่าน ยังกล้าว่าร้ายยวนเอ๋อร์ ข้าไม่ปรานีแน่!”“ท่าน!”“
พลันจวินชิงอวี่ยื่นกระบี่ไปขวางทางของนางไว้ กล่าวเสียงเย็น“เจ้าอยากไปดูว่านางตายหรือไม่ เจ้าทำสำเร็จหรือไม่?”ความอาฆาตแค้นของพี่น้องคู่นี้แรงจริงๆ“เจ้าว่าข้าวางยาพิษหรือ?” ฉู่เชียนหลีถาม“ข้าจับคนรับใช้ได้หนึ่งคน เขาสารภาพหมดแล้วว่าเจ้าเป็นคนทำ เจ้ายังคิดจะปฏิเสธอีกหรือ?”สีหน้าฉู่เชียนหลีสงบ“อืม เช่นนั้นตอนนี้ข้าก็ไปติดสินบนคนคนหนึ่ง ให้เขามาบอกกับเจ้าว่าข้าไม่เกี่ยว ที่จริงเขาจึงจะเป็นคนร้าย”“เอาล่ะ ตอนนี้ข้าไม่มีความผิดแล้ว เจ้าไม่ต้องหาเรื่องข้าอีกแล้ว”จวินชิงอวี่พูดอะไรไม่ออกทันที“เจ้า!”ปากเก่งจริงๆ!เถียงข้างๆ คูๆ!ฉู่เชียนหลีมองเขาแวบหนึ่ง เดินเข้าไปโดยไม่พูดอะไรมากอีกตอนที่จวินชิงอวี่จะขวางอีกครั้ง หมอคนที่อยู่ในห้องกล่าวเสียงอ่อน“องค์ชายสาม ทางที่ดีท่านให้พระชายาอ๋องเฉินดูเถอะ…ท่านไม่รู้หรอกว่าในแคว้นตงหลิงของเรา ไม่มีใครไม่รู้เรื่องที่ทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ เมื่อก่อนนางยังเคยรักษาโรคระบาด ช่วยชีวิตคนหลายแสนคน…”“ข้าน้อยไร้ความสามารถ รักษาไม่ได้จริงๆ พระชายาอ๋องเฉินอาจจะสามารถลองดู…”หมอเป็นคนเจียงหนานเมื่อจวินชิงอวี่ได้ยินคำพูดนี้ ข
จวินลั่วยวนหลั่งน้ำตาเหมือนสายฝน ร้องไห้จนใจแทบสลาย กรีดร้องจนเสียงแหบแล้ว“อ๊ะ!”สีหน้าที่เศร้าโศกเกินจะบรรยายด้วยคำพูดภายในห้อง หมอ องครักษ์ และคนรับใช้เห็นแล้ว ต่างก็ตื้นตันจนตาแดงแล้วองค์หญิงช่างน่าสงสารจริงๆองค์หญิงรักฮองเฮาจริงๆ!ฮองเฮาเป็นคนดี อ่อนโยน มีเมตตา ใจกว้าง เหตุใดต้องมาเจอเรื่องร้ายๆ เช่นนี้?เฮ้อ!“รักษานาง ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีอะไร ก็ต้องรักษานางให้หายดี! ไม่เช่นนั้น ข้าก็เอาชีวิตสุนัขของพวกเจ้า!” จวินชิงอวี่ตวาดเสียงเบา ในดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ แทบจะคลั่งแล้วหมอตกใจจนหน้าซีด“องค์ชายสามโปรดไว้ชีวิต โปรดไว้ชีวิต!”“ทักษะการแพทย์ของข้าน้อยยังไม่ดีพอ โปรดไว้ชีวิต…”“ข้าให้เจ้ารักษา!”จวินชิงอวี่คว้าคอเสื้อของเขา จ้องด้วยความโกรธ แล้วเหวี่ยงไปที่หน้าเตียง “รักษา!”หมอสั่นไปทั้งร่าง ริมฝีปากก็กำลังสั่น พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว ยกมือขึ้นรักษาด้วยอาการสั่นเทา…วันนี้ ต่อให้ฮัวถวอกลับชาติมาเกิด ก็รักษากล่องเสียงของฮองเฮาไม่ได้เกรงว่าเขา…ไม่รอดแล้ว“เสด็จแม่…เสด็จแม่! ต้องรักษาหายแน่นอน ท่านต้องอดทนเอาไว้นะ!”จวินลั่วยวนจับมือฮองเฮาแน่น น้ำตาไหลออกมาเป็นเ