เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!ตลอดหลายปีมานี้ ยังไม่เคยมีหญิงคนใดที่เข้าตาเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฉู่เชียนหลีที่หน้าตาอัปลักษณ์ไร้ความงาม!พลันแววตาเฟิงเย่เสวียนเย็นชา สะบัดแขนเสื้อจากไปโดยไม่สนใจฉู่เชียนหลีอีกฉู่เชียนหลี “?”เดี๋ยวก็บอกจะเปลี่ยนยา เดี๋ยวก็ทำหน้าบึ้ง เดี๋ยวก็เดินจากไปอย่างโมโห เหตุใดผู้ชายคนนี้เปลี่ยนหน้าเหมือนพลิกหนังสือเลย แปลกประหลาดเป็นอย่างที่คิด จิตใจผู้ชายเหมือนเข็มใต้มหาสมุทร ไม่อาจคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะ หมุนกายกลับเข้าห้องเฟิงเย่เสวียนเดินออกจากประตูเรือน เมื่อกำลังจะจากไป หางตาก็เหลือบกลับไปมองแวบหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ ก็เห็นฉู่เชียนหลีประคองกำแพง เดินโอนเอนโซเซอย่างระมัดระวังไม่ให้โดนบาดแผล ท่าทางเจ็บปวดลำบากมากคิ้วดาบของเขาขมวด ไม่รู้ทำไม เขาก้าวเท้ายาวราวกับปีศาจสิงสู่กลับไปโอบเอวของนางไว้“ว้าย!”ถีบประตู เข้าห้องฉู่เชียนหลีสะดุ้งตกใจ “ท่านอ๋องกลับมาอีกทำไม?”เมื่อเห็นเฟิงเย่เสวียนอุ้มนางตรงไปที่ตั่งนอน ร่างกายหดเกร็ง “ข้าเปลี่ยนยาเองได้!”“อย่าขยับ” แขนของเขากอดนางไว้อย่างมั่นคง และหลีกเลี่ยงบาดแผลได้อย่างมีไหวพริบ น้ำเสียงที่ทุ่มต่ำมีความเผด็จการแ
จนกระทั่งพลบค่ำ จุดชีพจรคลายออกเองฉู่เชียนหลีที่คงท่าเดิมไว้สามชั่วยามเต็มเหนื่อยจนอ่อนล้า พริบตาที่สามารถขยับตัว ร่างกายเหมือนถูกสูบแรงทั้งหมดออกไป นางนอนคว่ำลงบนเตียงอย่างอ่อนปวกเปียก น้ำตาหลั่งไหลออกมาทันทีหลั่งน้ำตาดั่งสายน้ำพลันก็เริ่มร้องเพลงด้วยความเสียใจ“หักหลังความรักของฉัน เธอเป็นหนี้ทางจิตสำนึก ท้ายที่สุดฉันที่ถูกรังแกอย่างน่าสังเวช น้ำตาก็ไหลรินลงมา…”เยว่เอ๋อร์กุมปากอย่างปวดใจ เบ้าตาแดงก่ำพระชายาที่น่าสงสาร…ท่านอ๋องปฏิบัติต่อพระชายาเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?ฉู่เชียนหลีที่เรี่ยวแรงกลับมาบ้างแล้วตะเกียกตะกายลุกขึ้น กินข้าวหมดไปห้าชามในอึดใจเดียว จึงจะรู้สึกว่าพลังชีวิตกลับมาเล็กน้อย นางนั่งหน้ากระจกสัมฤทธิ์ พลางลูบปานบนใบหน้า ครุ่นคิดว่ายังเหลือกระสายยาชนิดสุดท้าย :หญ้าเหมันต์ขอแค่หาหญ้าชนิดนี้เจอ ก็สามารถแก้พิษแต่หญ้าชนิดนี้เติบโตในสถานที่หนาวมาก ท่ามกลางหิมะน้ำแข็ง สามารถค้นพบแต่เก็บไม่ได้ เพราะมันไม่สามารถออกห่างจากหิมะ เมื่อไรที่ถูกถอนออกมา ไม่เกินสองชั่วยามก็จะเหี่ยวเฉา เมื่อเหี่ยวเฉาก็จะสูญเสียสรรพคุณ เป็นของที่หายากมากนี่เป็นปัญหาที่ยากมากเยว่เอ๋อร
จวนอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่จัดงานเลี้ยงวันเกิด เชิญขุนนางในราชสำนัก มิตรสหาย และรวมถึงบุคคลที่ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ จะว่าแขกเยอะก็ไม่เยอะ จะว่าน้อยก็ไม่น้อย และนับว่าจัดได้ค่อนข้างมีระดับแขกเดินขวักไขว่ บ่าวไพร่งานยุ่ง จับกลุ่มคุยกันจุดละสองสามคน ก็นับว่าคึกคัก“พระชายาอ๋องเฉินถึงแล้ว…”ในอากาศ หลังจากเสียงรายงานของเด็กรับใช้ดังขึ้น แทบทุกคนหันไปมองข้างนอกโดยไม่ได้นัดหมายภายใต้การจ้องมองของดวงตาหลายสิบคู่ ตรงประตู รองเท้าปักลายดอกไม้คู่หนึ่งก้าวเข้ามา จากนั้นก็ตามมาด้วยร่างที่เพรียวบางของหญิงสาว สายตามองขึ้นข้างบน ใบหน้าถูกปิดด้วยผ้าคลุมหน้า เผยให้เห็นเพียงดวงตาสีดำที่มีชีวิตชีวาคู่หนึ่งชุดสีขาวหนุนเสริมกลิ่นอายของความสะอาดและบริสุทธิ์ ภายใต้การสะท้อนของแสงเทียน โครงหน้าผอมบางปรากฏให้เห็นอย่างเลือนลาน ปานถูกปกปิดไร้รอยรั่ว เส้นผมสามพันเส้นถูกรวบขึ้นอย่างสบายๆ หญิงสาวก้าวเข้าไปอย่างสุขุมสง่างาม ท่าทางสบายๆ นั้นเหมือนแมวเปอร์เซียที่ผ่อนคลาย ทำให้ตรงหน้าทุกคนเปล่งประกายนี่…ผู้หญิงที่มีราศีเปล่งปลั่งคนนี้เป็นหญิงอัปลักษณ์ของตระกูลฉู่? เป็นพระชายาอ๋องเฉินที่ไม่ได้รับความโปรดปราน?
ในงานเลี้ยง มีแขกไม่น้อย ฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างผ่อนคลาย จีบชา กินแตงโม นับว่าค่อนข้างสบายจุดที่ไม่ไกลออกไป มีสายตาหลายคู่มองมาทางนี้ และกระซิบพูดอะไรบางอย่าง“นางแต่งไปสามเดือนกว่าแล้ว ไม่เคยได้รับความโปรดปราน ยังมีหน้ากลับจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่อีก”“หากข้าให้กำเนิดลูกสาวเช่นนี้ แม้แต่ข้าก็รู้สึกอับอาย อยากตัดความสัมพันธ์เสียเดี๋ยวนี้…”“แต่ว่า…”ประโยคที่กระซิบกระซาบบางคำเข้าหูฉู่เชียนหลี สีหน้าของนางเฉยเมย ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ บนใบหน้ามากนัก ควรจะทำอย่างไรก็ทำเช่นนั้นแต่เยว่เอ๋อร์ร้อนใจเล็กน้อยแล้ว “พระชายา…”ฉู่เชียนหลี “ดื่มชา”หากต้องถือสาคำพูดของทุกคน จะไม่เหนื่อยตายหรอกหรือ?ยิ่งกว่านั้น สิ่งที่คนเหล่านี้พูดล้วนเป็นความจริงนอกเรือน ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าหลายสายดังขึ้น สายตาของทุกคนทยอยหันไปมอง คนที่ลุกขึ้นก็ลุกขึ้น คนที่ก้าวออกไปก้าวออกไป ทำให้เกิดความฮือฮาไม่น้อยฉู่เชียนหลีก็หันไปมองเช่นกันเป็นหญิงสาวชุดแดงคนหนึ่ง พริบตาที่นางปรากฏตัว ราวกับดวงดาวและดวงจันทร์สาดส่องแสง ใบหน้าที่งดงามเชิดขึ้นอย่างมั่นใจ ร่างสูงเอวบาง ระหว่างคิ้วมีกลิ่นอายของความสูงศักดิ์
ฉู่เชียนหลีเปิดฝาถ้วยออก เป่าความร้อนตามขอบถ้วย แล้วจิบอย่างสบายๆ หนึ่งที จึงจะค่อยๆ ยกเปลือกตาขึ้น เหมือนผู้สูงวัยน้อยที่ขี้เกียจ พลันกล่าวอย่างเกียจคร้าน“ฮืม ที่แท้เป็นพี่รองกับคุณชายหานนี่เอง”สายตาของหานมู่ซีมองนางอย่างลึกซึ้งไม่ได้เจอกันนาน…เมื่อก่อน นางเรียกเขาว่าพี่มู่ซี…“พี่มู่ซี” ฉู่ซวงควงแขนชายหนุ่ม กล่าวด้วยรอยยิ้มหวาน “รีบนำบัตรเชิญออกมาให้น้องหญิงสี่สิ”หานมู่ซีหลุบตาหลบโดยไม่รู้ตัวแต่ฉู่ซวงได้ล้วงบัตรเชิญออกจากแขนเสื้อของชายหนุ่มอย่างมือว่องตาไวแล้ว นางยื่นให้ฉู่เชียนหลี ยิ้มดั่งดอกไม้“น้องสี่ รอพี่มู่ซีสอบเสร็จ ก็เป็นวันมงคลของพวกเรา ถึงเวลาเจ้าต้องมานะ มากับท่านอ๋องเฉิน”รอยยิ้มนั้นหวาน คำพูดที่พูดออกมากลับเหมือนมีดที่แหลมคมสองเล่มมีดเล่มแรก นางแย่งคู่รักที่รู้จักกันตั้งแต่เด็กของฉู่เชียนหลี และยังมาอวดต่อหน้าฉู่เชียนหลีมีดเล่มที่สอง เน้นย้ำเรื่องที่หลังจากฉู่เชียนหลีแต่งงานกับอ๋องเฉิน ไม่เคยได้รับความโปรดปรานหากเป็น ‘ฉู่เชียนหลี’ คนก่อน เห็นภาพนี้กับตาตนเอง ต้องโมโหจนตายทั้งเป็นแน่แต่ ‘ฉู่เชียนหลี’ ในตอนนี้ไม่ใช่ ‘ฉู่เชียนหลี’ ในวันวาน นางในวันนี
หานมู่ซีจับสองมือของฉู่เชียนหลีไว้ พยายามอธิบายเรื่องนี้อย่างสุดความสามารถ ราวกับกลัวฉู่เชียนหลีเข้าใจผิดฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วนางไม่ให้ค่าผู้ชายเช่นนี้มากที่สุด กินข้าวในชาม มองข้างในหม้อ โลภมากต้องการทุกอย่าง จับปลาสองมือนางสะบัดมือของเขาออกอย่างขยะแขยง “คุณชายหาน ข้าเป็นชายาอ๋องเฉินแล้ว ต้องให้ข้าพูดรอบที่สามหรือไม่?” เสียงที่เฉยเมย ดึงระยะห่างของทั้งสองออกจากกันหานมู่ซีมองนางอย่างตะลึงงันรู้สึกไม่รู้จักนางกะทันหัน…“เสียวฉู่ เจ้าลืมสัญญาของเราแล้วหรือ…”หลายปีมานี้ ระหว่างทั้งสองมีความรักต่อกันจริงหานมู่ซีในฐานะทายาทสายตรงของตระกูลหาน แต่กลับไปหลงรักฉู่เชียนหลีที่อัปลักษณ์ไร้ความงาม ไม่ว่าผู้อื่นจะพูดหรือดูถูกเขาอย่างไร เขาก็เดินหน้าต่ออย่างไม่ลังเลปกป้องนาง ดูแลนาง เข้าข้างนาง…ฉู่เชียนหลีก็จมอยู่ในความอ่อนโยนของเขาเช่นกันแต่พ่ายแพ้ให้กับความเป็นจริงเขาทอดทิ้งนาง แต่งงานกับฉู่ซวง เขาเป็นคนทำลายสัญญาก่อน“เรื่องในอดีตผ่านไปแล้ว ไม่ต้องสาวความอีก ข้าไม่อยากพูดถึงอีก ต่อไปต่างคนต่างอยู่ หวังว่าคุณชายหานจะให้เกียรติตัวเองด้วย” ฉู่เชียนหลีพูดจบอย่างเย็นชา ก็หมุนกาย
“?”พ่อตา?เขายอมรับว่าตนเองเป็นลูกเขยของจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ และยอมรับสถานะชายาอ๋องเฉินของนางแล้ว?สวรรค์!ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เป็นไข้ใช่ไหม?ฉู่เชียนหลีเบิกตากว้างอย่างตะลึงงัน มองเฟิงเย่เสวียนด้วยความประหลาดใจ ปากกลายเป็นรูปตัว ‘O’ แทบสามารถกลืนไข่เข้าไปได้ทั้งฟอง“เก็บสายตาที่เลื่อมใสของเจ้าเสีย”“...”นี่เป็นสายตาของคนเจอผีย่ะ ขอบใจ“แค่มางานเลี้ยงกับเจ้าก็ดีใจจนกลายเป็นเช่นนี้แล้ว?” เขาล้อเลียนเสียงเบา “คล้องแขนข้าไว้”“?”ดีใจ?ฉู่เชียนหลี อึ้งเฟิงเย่เสวียนจับมือของนางสอดเข้าไปในหว่างแขนของตนเอง แล้วพานางไปยังห้องโถงหน้าเมื่อบรรดาแขกเหรื่อที่กำลังสนทนาอย่างยิ้มแย้มเห็นอ๋องเฉินกับพระชายาอ๋องเฉินควงแขนกันเข้ามา ทันใดนั้น คำพูดที่อยู่ปลายลิ้นหยุดชะงัก แต่ละคนเบิกตากว้างอ้าปากค้าง ฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ รู้สึกเหลือเชื่อมากนี่…นี่เป็นเรื่องจริง?ไหนว่าหลังจากอ๋องเฉินแต่งงานกับฉู่เชียนหลี สามเดือนกว่าไม่เคยสนใจนาง กระทั่งเข้าห้องหอก็ยังไม่สมบูรณ์ไม่ใช่หรือ?ไหนว่าข้างกายอ๋องเฉินมีพระชายารองเซียวที่รู้จักกันตั้งแต่เด็กและติดตามเขามาสิบกว่าปี และโปรดปรานพระชายารองเซียวเพีย
“จ๋า” นางอันยิ้มตาหยีขานรับ ก้าวออกมาจับมือฉู่เชียนหลีอย่างสนิทสนม“เจ้าเด็กคนนี้ ดีกับอ๋องเฉินเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร? เหตุใดจึงไม่บอกแม่? พูดกับแม่ยังอายหรือ?”นางพูดหยอกล้อด้วยรอยยิ้มที่เมตตาแต่ไม่รู้เพราะเหตุใด จิตใต้สำนึกของฉู่เชียนหลีไม่อยากใกล้ชิดกับนางมากเกินไปคิ้วบางของฉู่เชียนหลีขมวดนิดๆ ชักมือออกอย่างเงียบๆ ถอยหลังหนึ่งก้าว “นี่ก็ดึกแล้ว อ๋องเฉินยังรอข้าที่ห้องโถงหน้า ข้าควรไปแล้ว”“เวลาแค่นี้ไม่ต้องรีบร้อน” นางอันยิ้มแย้ม“เสียวฉู่ เจ้าได้รับความโปรดปรานของอ๋องเฉิน ต้องพูดถึงพี่หญิงของเจ้าให้มากนะ ข้าได้ยินมาว่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านโหวน้อยกับอ๋องเฉินดีทีเดียว หรือองค์รัชทายาทก็ได้”นางกล่าวกำชับ “เจียวเจียวเป็นพี่สาวแท้ๆ ของเจ้า เจ้าต้องพาเจียวเจียวเข้าราชวงศ์ให้ได้ พวกเจ้าสองพี่น้องจะได้ดูแลซึ่งกันและกัน”คิ้วฉู่เชียนหลีขมวดแน่นสามส่วนทุกครั้งที่นางอันมาหานาง ไม่ใช่เพราะอ๋องเฉินก็เพราะฉู่เจียวเจียว ล้วนเพื่อผลประโยชน์ทั้งสิ้นในตัวนางอัน นางไม่สามารถรู้สึกได้ถึงความรักของมารดาแม้แต่เสี้ยวเดียวทันใดนั้น นางกล่าว“ท่านแม่ ท่านไม่รู้ ลูกต้องใช้ความพยายามอย่างห
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท