จวนอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่จัดงานเลี้ยงวันเกิด เชิญขุนนางในราชสำนัก มิตรสหาย และรวมถึงบุคคลที่ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ จะว่าแขกเยอะก็ไม่เยอะ จะว่าน้อยก็ไม่น้อย และนับว่าจัดได้ค่อนข้างมีระดับแขกเดินขวักไขว่ บ่าวไพร่งานยุ่ง จับกลุ่มคุยกันจุดละสองสามคน ก็นับว่าคึกคัก“พระชายาอ๋องเฉินถึงแล้ว…”ในอากาศ หลังจากเสียงรายงานของเด็กรับใช้ดังขึ้น แทบทุกคนหันไปมองข้างนอกโดยไม่ได้นัดหมายภายใต้การจ้องมองของดวงตาหลายสิบคู่ ตรงประตู รองเท้าปักลายดอกไม้คู่หนึ่งก้าวเข้ามา จากนั้นก็ตามมาด้วยร่างที่เพรียวบางของหญิงสาว สายตามองขึ้นข้างบน ใบหน้าถูกปิดด้วยผ้าคลุมหน้า เผยให้เห็นเพียงดวงตาสีดำที่มีชีวิตชีวาคู่หนึ่งชุดสีขาวหนุนเสริมกลิ่นอายของความสะอาดและบริสุทธิ์ ภายใต้การสะท้อนของแสงเทียน โครงหน้าผอมบางปรากฏให้เห็นอย่างเลือนลาน ปานถูกปกปิดไร้รอยรั่ว เส้นผมสามพันเส้นถูกรวบขึ้นอย่างสบายๆ หญิงสาวก้าวเข้าไปอย่างสุขุมสง่างาม ท่าทางสบายๆ นั้นเหมือนแมวเปอร์เซียที่ผ่อนคลาย ทำให้ตรงหน้าทุกคนเปล่งประกายนี่…ผู้หญิงที่มีราศีเปล่งปลั่งคนนี้เป็นหญิงอัปลักษณ์ของตระกูลฉู่? เป็นพระชายาอ๋องเฉินที่ไม่ได้รับความโปรดปราน?
ในงานเลี้ยง มีแขกไม่น้อย ฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างผ่อนคลาย จีบชา กินแตงโม นับว่าค่อนข้างสบายจุดที่ไม่ไกลออกไป มีสายตาหลายคู่มองมาทางนี้ และกระซิบพูดอะไรบางอย่าง“นางแต่งไปสามเดือนกว่าแล้ว ไม่เคยได้รับความโปรดปราน ยังมีหน้ากลับจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่อีก”“หากข้าให้กำเนิดลูกสาวเช่นนี้ แม้แต่ข้าก็รู้สึกอับอาย อยากตัดความสัมพันธ์เสียเดี๋ยวนี้…”“แต่ว่า…”ประโยคที่กระซิบกระซาบบางคำเข้าหูฉู่เชียนหลี สีหน้าของนางเฉยเมย ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ บนใบหน้ามากนัก ควรจะทำอย่างไรก็ทำเช่นนั้นแต่เยว่เอ๋อร์ร้อนใจเล็กน้อยแล้ว “พระชายา…”ฉู่เชียนหลี “ดื่มชา”หากต้องถือสาคำพูดของทุกคน จะไม่เหนื่อยตายหรอกหรือ?ยิ่งกว่านั้น สิ่งที่คนเหล่านี้พูดล้วนเป็นความจริงนอกเรือน ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าหลายสายดังขึ้น สายตาของทุกคนทยอยหันไปมอง คนที่ลุกขึ้นก็ลุกขึ้น คนที่ก้าวออกไปก้าวออกไป ทำให้เกิดความฮือฮาไม่น้อยฉู่เชียนหลีก็หันไปมองเช่นกันเป็นหญิงสาวชุดแดงคนหนึ่ง พริบตาที่นางปรากฏตัว ราวกับดวงดาวและดวงจันทร์สาดส่องแสง ใบหน้าที่งดงามเชิดขึ้นอย่างมั่นใจ ร่างสูงเอวบาง ระหว่างคิ้วมีกลิ่นอายของความสูงศักดิ์
ฉู่เชียนหลีเปิดฝาถ้วยออก เป่าความร้อนตามขอบถ้วย แล้วจิบอย่างสบายๆ หนึ่งที จึงจะค่อยๆ ยกเปลือกตาขึ้น เหมือนผู้สูงวัยน้อยที่ขี้เกียจ พลันกล่าวอย่างเกียจคร้าน“ฮืม ที่แท้เป็นพี่รองกับคุณชายหานนี่เอง”สายตาของหานมู่ซีมองนางอย่างลึกซึ้งไม่ได้เจอกันนาน…เมื่อก่อน นางเรียกเขาว่าพี่มู่ซี…“พี่มู่ซี” ฉู่ซวงควงแขนชายหนุ่ม กล่าวด้วยรอยยิ้มหวาน “รีบนำบัตรเชิญออกมาให้น้องหญิงสี่สิ”หานมู่ซีหลุบตาหลบโดยไม่รู้ตัวแต่ฉู่ซวงได้ล้วงบัตรเชิญออกจากแขนเสื้อของชายหนุ่มอย่างมือว่องตาไวแล้ว นางยื่นให้ฉู่เชียนหลี ยิ้มดั่งดอกไม้“น้องสี่ รอพี่มู่ซีสอบเสร็จ ก็เป็นวันมงคลของพวกเรา ถึงเวลาเจ้าต้องมานะ มากับท่านอ๋องเฉิน”รอยยิ้มนั้นหวาน คำพูดที่พูดออกมากลับเหมือนมีดที่แหลมคมสองเล่มมีดเล่มแรก นางแย่งคู่รักที่รู้จักกันตั้งแต่เด็กของฉู่เชียนหลี และยังมาอวดต่อหน้าฉู่เชียนหลีมีดเล่มที่สอง เน้นย้ำเรื่องที่หลังจากฉู่เชียนหลีแต่งงานกับอ๋องเฉิน ไม่เคยได้รับความโปรดปรานหากเป็น ‘ฉู่เชียนหลี’ คนก่อน เห็นภาพนี้กับตาตนเอง ต้องโมโหจนตายทั้งเป็นแน่แต่ ‘ฉู่เชียนหลี’ ในตอนนี้ไม่ใช่ ‘ฉู่เชียนหลี’ ในวันวาน นางในวันนี
หานมู่ซีจับสองมือของฉู่เชียนหลีไว้ พยายามอธิบายเรื่องนี้อย่างสุดความสามารถ ราวกับกลัวฉู่เชียนหลีเข้าใจผิดฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วนางไม่ให้ค่าผู้ชายเช่นนี้มากที่สุด กินข้าวในชาม มองข้างในหม้อ โลภมากต้องการทุกอย่าง จับปลาสองมือนางสะบัดมือของเขาออกอย่างขยะแขยง “คุณชายหาน ข้าเป็นชายาอ๋องเฉินแล้ว ต้องให้ข้าพูดรอบที่สามหรือไม่?” เสียงที่เฉยเมย ดึงระยะห่างของทั้งสองออกจากกันหานมู่ซีมองนางอย่างตะลึงงันรู้สึกไม่รู้จักนางกะทันหัน…“เสียวฉู่ เจ้าลืมสัญญาของเราแล้วหรือ…”หลายปีมานี้ ระหว่างทั้งสองมีความรักต่อกันจริงหานมู่ซีในฐานะทายาทสายตรงของตระกูลหาน แต่กลับไปหลงรักฉู่เชียนหลีที่อัปลักษณ์ไร้ความงาม ไม่ว่าผู้อื่นจะพูดหรือดูถูกเขาอย่างไร เขาก็เดินหน้าต่ออย่างไม่ลังเลปกป้องนาง ดูแลนาง เข้าข้างนาง…ฉู่เชียนหลีก็จมอยู่ในความอ่อนโยนของเขาเช่นกันแต่พ่ายแพ้ให้กับความเป็นจริงเขาทอดทิ้งนาง แต่งงานกับฉู่ซวง เขาเป็นคนทำลายสัญญาก่อน“เรื่องในอดีตผ่านไปแล้ว ไม่ต้องสาวความอีก ข้าไม่อยากพูดถึงอีก ต่อไปต่างคนต่างอยู่ หวังว่าคุณชายหานจะให้เกียรติตัวเองด้วย” ฉู่เชียนหลีพูดจบอย่างเย็นชา ก็หมุนกาย
“?”พ่อตา?เขายอมรับว่าตนเองเป็นลูกเขยของจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ และยอมรับสถานะชายาอ๋องเฉินของนางแล้ว?สวรรค์!ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เป็นไข้ใช่ไหม?ฉู่เชียนหลีเบิกตากว้างอย่างตะลึงงัน มองเฟิงเย่เสวียนด้วยความประหลาดใจ ปากกลายเป็นรูปตัว ‘O’ แทบสามารถกลืนไข่เข้าไปได้ทั้งฟอง“เก็บสายตาที่เลื่อมใสของเจ้าเสีย”“...”นี่เป็นสายตาของคนเจอผีย่ะ ขอบใจ“แค่มางานเลี้ยงกับเจ้าก็ดีใจจนกลายเป็นเช่นนี้แล้ว?” เขาล้อเลียนเสียงเบา “คล้องแขนข้าไว้”“?”ดีใจ?ฉู่เชียนหลี อึ้งเฟิงเย่เสวียนจับมือของนางสอดเข้าไปในหว่างแขนของตนเอง แล้วพานางไปยังห้องโถงหน้าเมื่อบรรดาแขกเหรื่อที่กำลังสนทนาอย่างยิ้มแย้มเห็นอ๋องเฉินกับพระชายาอ๋องเฉินควงแขนกันเข้ามา ทันใดนั้น คำพูดที่อยู่ปลายลิ้นหยุดชะงัก แต่ละคนเบิกตากว้างอ้าปากค้าง ฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ รู้สึกเหลือเชื่อมากนี่…นี่เป็นเรื่องจริง?ไหนว่าหลังจากอ๋องเฉินแต่งงานกับฉู่เชียนหลี สามเดือนกว่าไม่เคยสนใจนาง กระทั่งเข้าห้องหอก็ยังไม่สมบูรณ์ไม่ใช่หรือ?ไหนว่าข้างกายอ๋องเฉินมีพระชายารองเซียวที่รู้จักกันตั้งแต่เด็กและติดตามเขามาสิบกว่าปี และโปรดปรานพระชายารองเซียวเพีย
“จ๋า” นางอันยิ้มตาหยีขานรับ ก้าวออกมาจับมือฉู่เชียนหลีอย่างสนิทสนม“เจ้าเด็กคนนี้ ดีกับอ๋องเฉินเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร? เหตุใดจึงไม่บอกแม่? พูดกับแม่ยังอายหรือ?”นางพูดหยอกล้อด้วยรอยยิ้มที่เมตตาแต่ไม่รู้เพราะเหตุใด จิตใต้สำนึกของฉู่เชียนหลีไม่อยากใกล้ชิดกับนางมากเกินไปคิ้วบางของฉู่เชียนหลีขมวดนิดๆ ชักมือออกอย่างเงียบๆ ถอยหลังหนึ่งก้าว “นี่ก็ดึกแล้ว อ๋องเฉินยังรอข้าที่ห้องโถงหน้า ข้าควรไปแล้ว”“เวลาแค่นี้ไม่ต้องรีบร้อน” นางอันยิ้มแย้ม“เสียวฉู่ เจ้าได้รับความโปรดปรานของอ๋องเฉิน ต้องพูดถึงพี่หญิงของเจ้าให้มากนะ ข้าได้ยินมาว่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านโหวน้อยกับอ๋องเฉินดีทีเดียว หรือองค์รัชทายาทก็ได้”นางกล่าวกำชับ “เจียวเจียวเป็นพี่สาวแท้ๆ ของเจ้า เจ้าต้องพาเจียวเจียวเข้าราชวงศ์ให้ได้ พวกเจ้าสองพี่น้องจะได้ดูแลซึ่งกันและกัน”คิ้วฉู่เชียนหลีขมวดแน่นสามส่วนทุกครั้งที่นางอันมาหานาง ไม่ใช่เพราะอ๋องเฉินก็เพราะฉู่เจียวเจียว ล้วนเพื่อผลประโยชน์ทั้งสิ้นในตัวนางอัน นางไม่สามารถรู้สึกได้ถึงความรักของมารดาแม้แต่เสี้ยวเดียวทันใดนั้น นางกล่าว“ท่านแม่ ท่านไม่รู้ ลูกต้องใช้ความพยายามอย่างห
วันรุ่งขึ้นในตอนเช้า หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ ฉู่เชียนหลีสวมผ้าคลุมหน้าก็ออกไปแล้วบนถนนใหญ่ เจริญรุ่งเรือง เสียงครึกโครม ผู้คนพลุกพล่าน ทุกที่เต็มไปด้วยฉากที่คึกคักนางเจอร้านยาแห่งหนึ่ง ก้าวเท้าเดินเข้าไปเด็กขายยาที่กำลังจัดเรียงสมุนไพรเห็นมีแขกก็เดินเข้าไปกล่าวถามทันที“คุณหนูท่านนี้ ไม่ทราบว่าจะหาหมอหรือซื้อยาขอรับ?”ฉู่เชียนหลีกวาดมองโรงหมอแวบหนึ่ง มีสมุนไพรจำนวนมากถูกจัดวางไว้บนชั้นวาง มีทั้งแห้ง สด ทั่วไป หายาก ล้ำค่า…มีครบทุกอย่างนางกล่าวถามด้วยความคิดที่จะลองเสี่ยงโชค“ที่นี่มีหญ้าเหมันต์หรือไม่?”เด็กขายยาตะลึงงันครู่หนึ่ง จากนั้นยิ้มแห้งๆ “คุณหนู ในเมื่อท่านต้องการซื้อหญ้าเหมันต์ ก็ควรจะรู้เงื่อนไขที่สูงมากของหญ้าเหมันต์กระมัง?”หญ้าชนิดนี้ไม่สามารถออกห่างจากพื้นหิมะ เมื่อไรที่แยกจากกัน หลังหนึ่งชั่วยามก็จะเหี่ยวเฉา เมื่อเหี่ยวเฉาก็สูญเสียสรรพคุณยาสภาพอากาศของแคว้นตงหลิงอบอุ่นตลอดปี สี่ฤดูเหมือนฤดูใบไม้ผลิ โดยพื้นฐานไม่มีหญ้าเหมันต์“คุณหนู หากท่านต้องการหญ้าเหมันต์มากจริงๆ ไม่สู้ไปแคว้นเป่ยหนิงที่อยู่ทางตอนเหนือสุด แคว้นเป่ยหนิงถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งและหิมะ อุ
บรรดาเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นผู้หญิงสวมชุดสีขาวร่างเพรียวบาง และปิดด้วยผ้าคลุมหน้าคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าหยางเหวินเฉิงขมวดคิ้ว จ้องนางเขม็ง“เจ้าเป็นใคร? ที่นี่ไม่มีธุระของเจ้า ยังไม่รีบไสหัวไป!”ฉู่เชียนหลีหัวเราะอย่างเย็นชา แฉความคิดของคนคนนี้โดยตรง“ที่เจ้าด่าทอท่านโหวน้อย เพราะอิจฉาที่สถานะของท่านโหวน้อยสูงศักดิ์กว่าเจ้าไม่ใช่หรือ? หากเจ้าไม่พอใจ เหตุใดจึงไม่ไปเกิดใหม่เสียล่ะ?”สีหน้าหยางเหวินเฉิงดูน่าเกลียดทันที“ข้าจะอิจฉาเขาได้อย่างไร!”“ข้าแค่ไม่ชอบที่เขาทำตัวอวดดีเช่นนั้นก็เท่านั้น!”หลิงเชียนอี้บีบคอเขา พลางถ่มน้ำลายอย่างเย็นชา “วันนี้เจ้าเป็นฝ่ายที่ยืนอยู่หน้าปลายหอกของข้า อวดดีนักใช่หรือไม่? ได้ ข้าจะกระทืบเจ้าจนร้องพ่อเรียกแม่แน่นอน!”“เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้าหรือ?”หยางเหวินเฉิงถีบเท้าออกไปอย่างแรงด้วยเหตุนี้ เด็กหนุ่มสองคนที่เลือดขึ้นหน้า ก็ชกต่อยกันอย่างดุเดือด เหมือนเด็กวัยรุ่นที่ดื้อรั้น โมโหจนไม่ยอมฟังอะไรทั้งสิ้นฉู่เชียนหลีเห็นแล้ว นั่งลงบนม้านั่งหินด้านข้าง ล้วงเมล็ดแตงโมที่เพิ่งซื้อออกมาจากแขนเสื้อ แล้วเริ่มแทะสีดังแกรกๆทั้งสองสู้กันจนไ